รักร้อน ๆ

วันนี้อยากจะเล่าเรื่องราวก่อนนู้น..
นานละ..ตอนที่ยังเรียนมหาลัยนู่น
ตอนที่อาการร้อน ๆ อย่างนี้นี่แหละ
เรื่องนี้ไม่ยาวครับ จะเล่าให้สั้น ๆ
เอาไว้อ่านเล่นก่อนนอน..
++++

อากาศโคตรร้อน..
ยังดีที่ยังมีลมโชยพัด ผ่านใบไม้และท้องน้ำของสระที่ตรงหน้ามาให้ได้แช่มชื่นบ้างเป็นบางครั้ง
หนังสือที่อ่านมีเนื้อหาที่หนักมากจนความอดทนหมดไปเป็นระยะ ๆ จึงต้องละสายตาไปมองอย่างอื่นสลับกันไปเพื่อเรียกสมาธิให้กลับคืนมาใหม่
ระหว่างนั้นเธอก็เดินเข้ามานั่งตรงโคนต้นไม้อีกต้นหนึ่งที่อยู่ถัดไป
นั่นยิ่งทำให้สมาธิหลุดมากยิ่งขึ้น
ผิวขาวของแก้มผ่องกับลำคอที่ระหงสวย
ผมดำเป็นมันผูกลวก ๆ ไว้ที่ท้ายทอย
ศีรษะทุยได้รูป รับกับโครงจมูกและริมฝีปากราวภาพวาด
ขนตางอนยาว..
ริมฝีปากแดง
สวยจนต้องขยี้ตาตัวเอง

ยังอีกหลายวันกว่าจะได้เวลาสอบวิชาที่กำลังอ่าน
ฉะนั้นคงไม่เป็นไรมากนักถ้าจะใช้สายตาชื่นชมสิ่งสวยงามรอบข้าง
แต่เธอไม่เป็นเช่นนั้น..คร่ำเคร่งกับตำราตรงหน้า..โดยลืมสิ้นไปว่ามีใครนั่งอยู่อีกคนที่โคนต้นไม้อีกต้นหนึ่ง
ลืมไปว่าสวย ๆ อย่างเธอต้องมีคนชอบและคนมอง
คนมองก็ลืมตัวมองจนเธอรู้ตัว
แว่บเดียวของสายตาที่โฉบมาราวถูกมือไร้สภาพผลักให้ถลำลงสู่หุบเหว
หุบเหวของความรู้สึกที่แปลกที่สุดในชีวิต
สร้างความอักอ่วนเลือดฉีดจนร้อนหูร้อนหน้า
แทบจะลืมหายใจไปเสียด้วยซ้ำ

พระอาทิตย์ยามเย็นเร่งรัดแสงตะวันให้รอนแสงลับโลก
หนังสือถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีด้วยการหมกมุ่นอยู่กับคำถามว่าจะทำอย่างไรดี
จะทำอย่างไรดีที่จะรู้จักเธอให้ได้
จะเข้าไปทักและพูดคุย?
จะแกล้งกระแอมและส่งยิ้ม?
จะแกล้งชักดิ้นชักงอเพื่อให้เธอหันมาสนใจ?
ทุกอย่างไม่กล้าทำสักอย่าง
แล้วจะทำอย่างไร??
ในหางตาที่แอบชำเลืองอยู่นั้นก็เห็นเธอปิดหนังสือในที่สุด
ดูเหมือนเธอจะหันมามอง
ดูเหมือนเธอจะเก็บของใส่เป้สีฟ้าเล็ก ๆ แล้วลุกขึ้นจากม้านั่ง
ดูเหมือนเธอจะปัดกระโปรง
ดูเหมือนเธอจะเดินไป
เอ๊ะ..หรือเดินมา?

"ลำบากนักก็หันมามองกันตรง ๆ ไม่ดีกว่าหรือ?"
เธอเดินมาต่างหาก เดินมาพูดด้วยเสียงดุ ๆ ดังข้างหู
ความละอายประดังขึ้นจนอยากจะแทรกร่างมุดดิน
หน้าร้อนผ่าว..มุดไปมุดมากับไหล่ตัวเอง
"ว่าไง?.."
"เอ่อ.."
"ฉันชื่อริน.."
"อ่า.."
"ฉันมีแฟนแล้ว.."
"อะ.."
"นั่นไง เขามารับฉันแล้ว.."
ยังอ้าปากค้าง..มองเธอเดินฉับ ๆ ไปอย่างตะลึงงัน

พระอาทิตย์ลับแสง..ยังคงไม่มีผลต่อการตะลึงที่ยังไม่สร่างจากหัวใจนั้น
เธอพูดขึ้นก่อน..เธอจงใจพูดขึ้นก่อน
เธอมาต่อว่า..ต่อว่าด้วยถ้อยคำที่เป็นคำถาม
"ว่าไง?"
และเธอก็บอก
"ฉันมีแฟนแล้ว.."
อีกว่า
"เขามารับฉันแล้ว.."
โอ..
เธอสวยเหลือเกิน!!
++++

กลับบ้านคืนนั้นเป็นไข้ปวดหัว
นั่นเป็นคำอ้างที่บอกกับแม่และน้องเพื่อไม่ให้พวกเขามายุ่ง
จะได้มีเวลาอ่านหนังสือที่ต้องสอบในอีกสามวันข้างหน้า
นั่นเป็นคำอ้างกับตัวเอง
อยากมีเวลาให้กับภาพประทับที่พิมพ์อยู่กลางใจ
นี่ต่างหากที่อยากทำ
นอนดิ้นกลิ้งไปมาบนเตียงไม่รู้ว่าจะกี่ตระหลบ
ลืมตาเห็นหลับตาเห็นอยู่นั่นแล้ว..
เธอเป็นใครมาจากไหนทำไมไม่เคยเห็นหน้าแต่รู้แค่ว่าเธอชื่อริน
ยังรู้อีกด้วยว่าเธอมีแฟนแล้วและเธอก็เสียใจ
ถ้อยคำสองสามคำนี้เวียนวนปนอยู่ในหัว
รำคาญตัวเองเต็มที่จึงตัดสินใจเธอหาเพื่อน

"ไอ้มิน..บอกข้าหน่อยสิว่าใครวะชื่อริน?"
"ลูกหมาตัวที่สิบเอ็ดของนังเขียวใต้ถุนคณะ ถามไม?"
"จบข่าว.."
โทรฯ หาอีกคน

"ไอ้จ้วง..บอกหน่อยสิว่าใครวะชื่อริน?"
"รินเป็นชื่อต้นไม้ตระกูลหนึ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่แถว ๆ บ่อน้ำข้างบ้าน มีลูกเป็นหวี ๆ มีพ่อเป็นแว่น ๆ .."
"พอ..จบข่าว.."

เหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะ
ทิ้งตัวกระแทกเตียงนอนอีกครั้งเสียงดังโครมจนแม่ตะโกนด่ามาจากชั้นล่าง
พยายามหยิบหนังสือเล่มหนานั้นขึ้นมากางโดยไม่สนใจว่ามันจะกลับหัว..
"รินชื่อฉัน"
"แล้วมารับฉัน"
"มีแฟนฉันแล้ว"
"ลำบากตรงมองนักดีกว่าไม่หรือ"
ฯลฯ
เสียงโทรศัพท์ช่วยฉุดกระชากให้หลุดออกมาจนบ่องงงวยงุนงัน
"ไอ้รัน.."
จำได้ดีว่าเป็นไอ้สุดเดชเพื่อนอีกคน
"เอ็งไปทำอะไรไว้?"
"ฉี่รดต้นมะเขือไปสามต้น.."
"มีคนเขาถามหา.."
"ใครวะ?.."
"น้องเขาบอกว่าเอ็งทำของตกไว้จะเอาไปคืน.."
"ของไรวะ?.."
"น้องรินเป็นน้องสาวของกุ้งแฟนข้า.."
ร่างทั้งร่างดีดผึงขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินประโยคนั้น
"งากร้ดงหากดากือ่ากนหบ"
ประโยคต่อมาเลยจับใจความไม่ได้เลย!!
++++++

คืนนั้นจึงเป็นคืนที่นอนไม่หลับ
เหตุที่นอนไม่หลับเพราะตั้งใจจะอ่านหนังสือถึงเช้า
เปิดหน้าที่ร้อยแปดสิบหกเสียงไอ้สุดเดชซึ่งชื่อจริง ๆ ของมันก็คือ "นายสำเดช" ก็ดังขึ้นที่พารากราฟที่สาม วรรคที่สิบสอง
"กุ้งเป็นพี่สาวของริน.."
"รินตามกุ้งมาที่มหาฯลัยของเรา"
"ข้ากับกุ้งไปหาข้อมูลทำรายงานที่ห้องสมุด..รินไม่ชอบห้องสมุดเลยขอไปนั่งรออยู่ที่ริมสระน้ำ.."
มาถึงบรรทัดนี้ก็พยายามปัดเสียงนั้นออกจากหัว..แต่อ่านไปถึงพารากราฟต่อไปไอ้สุดเดชก็พูดต่อ
"พอค่ำรินก็กลับเข้ามาเรียกเราสองคนกลับบ้าน.."
"เธอเล่าว่ามีไอ้เบื๊อกที่ไหนไม่รู้ทำกระเป๋าตังค์ตกไว้.."
"ข้าจำกระเป๋าเอ็งได้..ไม่เคยมีเงินอยู่เกินยี่สิบ"
"พอเห็นบัตรประจำตัวของเอ็งข้าก็บอกให้น้องเขาโยนทิ้ง.."
"พอข้าไปส่งกุ้งกับน้องเขากลับบ้านข้าก็กลับบ้านข้า"
"พอกลับบ้านข้าข้าก็ได้รับโทรศัพท์.."
"น้องรินโทรฯมาบอกว่าให้บอกเอ็งให้ด้วยว่าจะให้ส่งคืนที่มหาฯลัยหรือที่ไหน?"
"ข้าถามว่าคืนอะไรเธอก็บอกว่าคืนกระเป๋า"
"ข้าก็เลยต่อว่าน้องเขาไปสองสามคำในฐานะไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า..ไปเก็บมาทำไมกระเป๋าห่วย ๆ พรรค์นั้น.."
"น้องเขาบอกว่าไงรู้ไหม?.."
สายตาและสมาธิก็ถูกดึงกลับมาสู่หนังสือตรงหน้า..
อ่านไปได้สองสามตัวก็ต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่เพราะไม่รู้เรื่อง
กว่าจะย้อนไปถึงไอ้สุดเดชก็พูดต่อ
"สงสารคนห่วย ๆ จะต้องไปทำบัตรห่วย ๆ ใหม่"
"ข้างี้หัวเราะซ้า..55555"
"ข้าบอกเอ็งให้อย่างนะไอ้รัน.."
"น้องเขามีแฟนแล้ว..และแฟนก็โคตรดุ"
"ฉะนั้นเอ็งจะทำอะไรก็นึกถึงหัวแฟ่บๆ ของเอ็งไว้มั่ง..มันจะตุงเพราะถูกกระสุนฝังใน"
"พรุ่งนี้รินจะตามกุ้งไปที่มหาฯลัยอีกครั้ง.."
"เปล่า..ไม่ใช่เพื่อเอ็ง..เขาจะเอาหนังสือไปคืนแล้วยืมเล่มใหม่..ถ้าเอ็งอยากได้กระเป๋าคืนก็ไปเอาที่เขา.."
"ข้าไม่รับฝากหรอกโว้ย..ไม่อยากยุ่ง"
"เดี๋ยวเอ็งจะหาว่าข้ายิ้ม..อุตส่าห์อ่อยกระเป๋าไว้"
"อย่าเลย..ข้าไม่เชื่อเอ็งหรอก..5555"

จึงเป็นอันว่าคืนนั้นไม่ได้นอน
ลุกขึ้นจากที่นอนก็ไปมหาฯลัย
ออกจากบ้านผ่านสายตาอันเบิกกว้างของแม่ที่ทำตาโตอ้าปากกว้างเพราะไม่เชื่อสายตา
แล้วอุทานว่า "วันนี้ฝนคงจะตกแน่..ลูกชั้นไปเรียนแต่เช้า"
+++

กว่าจะได้พบเธอก็คงจะเย็น
นี่ยังไม่แปดโมงเช้าธงยังไม่ขึ้นเสาให้เคารพเสียด้วยซ้ำ
เลยเดินไปที่ริมสระน้ำนั่งลงที่เก่า
คว้าหนังสือก็เล่มเก่าขึ้นมานั่งอ่าน
อ่านได้แป๊บเดียวเพื่อนรุ่นน้องก็มาชวนไปเตะบอล
บอกมันไปว่าไม่เตะหรอกจะอ่านหนังสือ
มันบอกไม่เป็นไรแล้วก็วิ่งตื๋อไป
ก็เลยปิดหนังสือแล้ววิ่งตามไป
กะจะไปบ้องกระโหลกเพื่อนรุ่นน้องคนนั้นว่าไม่เป็นไรไม่ได้นะจำเอาไว้
คราวหน้าคราวหลังจะได้รู้จักเป็นไรซะบ้าง
บ้องเสร็จก็เตะบอล
ขณะที่โรนัลโด้โยนบอลมาให้
แมสซี่อยู่ทางปีกซ้ายตะโกนโหวกเหวกเรียกบอล
เจ้าเหยินน้อยยืนปากห้อยอยู่หน้าประตู
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเธอเข้า
เข่าเลยอ่อนกองอยู่กับพื้น

เธอมายืนดูบอล
เธอมายืนดูใครก็ไม่รู้เล่นบอล
เธอยืนกอดหนังสือแนบอก
ดวงตาเหม่อลอยเลยสนามบอลไปนู่น
ลุกขึ้นปัดฝุ่นได้ก็กลั้นใจเดินไปหาเธอ
เธอไม่มีทีท่าว่าจะเห็น
เธอยังไม่มองมา..
จนกระทั่งไปยืนอยู่ข้างๆ เธอ

"ขอโทษครับ"
เธอหันมา สายตายังคงสวยเหมือนเดิม หากไม่มีวี่แววความรู้สึกใดเลย
"ไม่คิดว่าจะมาแต่เช้า.."
เธอยังมองมา..หน้าและดวงตาก็ยังไม่เปลี่ยนความรู้สึกนั้น
"ขอบคุณที่ช่วยเก็บกระเป๋าให้.."
คำนี้แหละเธอจึงยิ้ม
"กระเป๋า?"
"ก็กระเป๋าสตางค์ของผม"
"กระเป๋าสตางค์ของคุณ?"
"เอ๊ะ?"
"ทำไมคะ?"
"ก็ไอ้เดชมันบอกว่าคุณเก็บได้"
"ไอ้เดช?"
"สำเดช"
"ใครคะ?"
"เอ๊ะ?"
"ทำไมคะ?"
"ก็.."
เธอยิ้มเท่าทัน
"นี่ล่ะหรือ..วิธีจีบสาวของคุณ"
หูเริ่มแดงอีกครั้ง..หน้าเริ่มชา
"ขอชมว่าเชยดี.."
แล้วเธอก็เดินจากไป
"ไอ้เดช.."
คำรามเสร็จก็แทบจะมุดดินไปโผล่ที่บ้านของมัน
จะเตะซะให้หายแค้น
แต่คำสารภาพของไอ้สุดเดชกลับทำให้เตะมันไม่ลง
"ไม่ได้ข้าเอ็งจะได้คุยกับเธอเหรอวะ.."
"ข้าแอบเห็นเอ็งนั่งมองน้องเขาอยู่เป็นนานสองนาน..ทั้งยังเห็นเขาพูดอะไรกับเอ็งด้วย ข้าสงสารว่ะ.."
"สีหน้าของเอ็งเหมือนเด็กถูกดุตอนฉี่รดที่นอน ข้าก็เลยเวทนา..อุตส่าห์คิดแผนนี้ให้เอ็ง"
"กระเป๋าเอ็งน่ะข้าเก็บได้ตั้งแต่อยู่ในห้องเรียนแล้ว..ว่าจะคืนก็ลืม.."
"เงินในกระเป๋าเอ็งมียี่สิบจริง ๆ นะโว้ย ข้าไม่ได้จิ๊ก.."
"ข้าหวังจะให้เอ็งมีเรื่องคุยกะเขาแค่นั้นเอง.."

ด้วยความปรารถนาดีของมันทำให้ผมต้องอ้ำอึ้ง
อึ้งอ้ำด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
วางหูจากมันแล้วก็เดินคอตกลับไปนั่งที่เดิม
มองหนังสือเล่มเดิมแล้วกลืนน้ำลาย
"เรามันน่าสงสารจริง ๆ หรือนี่?"
พอรู้อะไรเป็นอะไรแล้วเลยทำอะไรไม่ค่อยถูก
เธอไม่ใช่น้องสาวของกุ้งแฟนของไอ้สุดเดช
เธอเป็นใครก็ไม่รู้
แต่เอ๊ะ!
แล้วทำไมไอ้เดชถึงรู้ว่าเธอชื่อริน
ทำไมมันถึงรู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว
ทำไม?..
โทรศัพท์จึงถูกใช้งานอีกครั้ง
"เอ็งบอกข้ามาดี ๆ ว่าเธอเป็นใคร?"
"อ้าว.." มันอุทานได้เสแสร้งมาก
"เอ็งถึงได้รู้ว่าเธอชื่อรินและมีแฟนโคตรดุ"
"อ้าว.."
"เอ็งจะอ้าวไปถึงดาวพลูโตเลยรึไง?"
+++
วางหูโทรศัพท์ด้วยข้อมูลที่เต็มหัว
เธอเป็นรุ่นน้องต่างคณะที่มีแต่คนซื่อบื้อเท่านั้นที่จะไม่รู้จัก
เธอเป็นดาวของมหาฯลัยรุ่นพี่รุ่นน้องรุมจีบตึม
ใครก็รู้ว่าเธอชื่อริน ใครก็รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว
แฟนของเธอเป็นเด็กนอกรั้ว..ขี่เก๋งคันงามไม่ซ้ำคันมารับไปกลับอยู่บ่อยๆ
ใครก็รู้ว่าแฟนของเธอมีพ่อเป็นนักการเมืองที่ไม่ยอมให้ใครเหยียบหัวแม่เท้าของลูกรอดไปได้
ดังนั้นใครก็รู้ว่าไม่ควรไปยุ่งกับเธอ
มีแต่ใครไม่รู้คนเดียวเท่านั้นที่โง่จริง ๆ
(ก็คนเล่านี่ไง)

หลังจากนั้นก็ได้เจอเธออีกหลายครั้ง
แต่ไม่กล้าเข้าไปทักกลัวถูกตอกกลับหน้าหงายหน้าคว่ำหูแดงตะแคงข้างเดินอย่างเคย
เพียงแต่จ้องมองเธอขณะนั่งอ่านหนังสือหรือยืนเหม่อมองฟ้าเท่าที่โอกาสจะอำนวย
ด้วยอาการที่ถูกเรียกว่า "แอบ"
หลบหลังต้นไม้มั่ง หลังป้าขายลูกชิ้นปิ้งมั่ง
หลังนังเขียวลูกดกมั่ง
จนวันสอบมาถึงก่อนปิดภาคนั่นแหละถึงได้กล้าตัดสินใจ
ตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับเธอ
เธอที่กำลังนั่งซึมอยู่เพียงคนเดียวบนโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางหลังคณะ
ดูเหมือนว่าเธอกำลังนั่งร้องไห้เสียด้วยนะนั่น!!
++++

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่