พอฟังเพลง ๆ หนึ่งจบ เรื่องราวเก่า ๆ ที่ประทับอยู่ในความทรงจำมันไหลพรั่งพรูออกมาจนหยุดไม่ได้
คุณเคยไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วคุณต้องตกใจกับน้ำใส ๆ ที่หยาดหยดออกมาจากดวงตาโดยที่คุณกลั้นไว้ไม่ทัน
และคุณเคยไหม?
ที่จะปล่อยน้ำตาให้มันไหลจนมันหยุดไปเอง
++++
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นมาจากเพื่อนของผมคนหนึ่ง
เราอาศัยอยู่ด้วยกันในคอนโดแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ห้องนั้นเป็นห้องของผม มันมาขออาศัยอยู่ด้วยจากความจำเป็นบางอย่าง
ส่วนผมที่แยกบ้านออกมา ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสะดวกสบายในการเดินทางไปโรงเรียนเท่านั้น
และชอบที่จะอยู่คนเดียวหรือกับเพื่อนมากกว่าอยู่กับพ่อแม่ที่ขี้บ่นและจ้องจะจับผิดร่ำไป
+++
มันมีชื่อว่าธร อายุมันเท่า ๆ กับผม สิบเจ็ดสิบแปดปี
มันมีดวงตาที่โตกว้าง คิ้วเข้ม ปากบาง
ผิวขาวและสูงโปร่ง ขณะเดินรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมก๊วนมันจะโดดเด่นที่สุดในเรื่องความสูงและความหล่อ
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยยินดีเท่าไรกับข้อดีของตัวเอง มาเรียนแต่เช้าและกลับบ้านตรงเวลาแทบทุกวัน
ต่อให้เพื่อน ๆ คะยั้นคะยออย่างไรก็มักจะไม่สำเร็จ
"ข้าต้องไปช่วยยาย.."
เป็นคำตอบที่พวกเราต้องปล่อยมันไป
++++
ก่อนที่มันจะย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯ เดียวกับผม..มันอาศัยอยู่กับยาย และน้องชายอีกสองคน แถวถนนพัฒนาการ ดงหมู่บ้านจัดสรรของคนรวย
ยายของมันมีอาชีพขายดอกไม้ มีรถเข็นเล็ก ๆ เป็นหน้าร้าน เข็นออกไปริมถนนหน้าทางเข้าหมู่บ้านขายพวงมาลัยและดอกไม้พื้น ๆ เป็นประจำทุกวัน
ยายมีมันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ตั้งแต่ตื่นตอนตีสี่เพื่อไปที่ปากคลองตลาดซื้อดอกไม้ จัดร้าน และขายดอกไม้ในยามเช้าตรู่ ก่อนจะไปมหาวิทยาลัยในตอนสาย ๆ เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน
วันหนึ่ง อยู่ดี ๆ มันก็บอกผมหน้าตาเฉยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
"ข้าชอบเธอว่ะ"
ผมพยักหน้ารับทราบ ทำทีท่าว่าไม่ค่อยสนใจ ทั้งที่ในใจอยากรู้ใจจะขาดว่ามันไปชอบใคร
และลึก ๆ ก็รู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของเพื่อน เพราะมันเลือกที่จะบอกเรื่องนี้กับผมก่อนใคร ๆ
แต่ให้ตาย มันพูดแค่นั้นก็หยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ
กระทั่งผมต้องถามมันขึ้นมาเอง
"ใครวะ?"
"เอ็งอย่ารู้เลย"
+++
ผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันมาก มากจนรู้จักนิสัยใจคอกันและกันเป็นอย่างดี
เราเรียนห้องเดียวกันมาหลายปี แตกเนื้อหนุ่มดูขนหน้าแข้งงอกมาพร้อม ๆ กัน
ผมรู้ดีว่าถ้ามันไม่อยากพูด ต่อให้กระทืบมันให้ตายมันก็คงไม่พูด
แต่ถ้ามันอยากจะพูดขึ้นมา ถ้าไม่มีใครฟังมันมันจะกระทืบคน ๆ นั้นแทน
ผมเลยเลือกที่จะไม่ถาม
เก็บความสงสัยไว้ในใจต่อทีท่าของคนที่กำลังมีความรักอย่างมันว่าแปลก ๆ อยู่บ้าง
มันมีท่าทีหงอย ๆ เหงา ๆ อย่างไงชอบกล
กระทั่งเมื่อมันมาขออาศัยอยู่ด้วยพักหนึ่งน่ะแหล่ะ มันถึงได้ยอมเล่าออกมา
เล่าขณะที่เราสองคนกำลังนั่งมองพระจันทร์ส่องแสงสะท้อนลงบนแผ่นน้ำเจ้าพระยาข้างคอนโดฯ
เป็นมันเองที่ชวนผมซื้อเบียร์และเลือกที่จะมานั่งตรงนี้
ผมถือเบียร์กระป๋องนึง ส่วนมันดูเหมือนจะหมดไปแล้ว ทิ้งแต่กระป๋องเปล่าวางเรียงกันไว้ไม่ต่ำกว่าหกกระป๋อง
"ทำไมเอ็งถึงอยากเมาวะ ปกติไม่เห็นเอ็งจะชอบกิน"
ผมถามมันไปตามเรื่อง ก็เพราะปกติถ้าผมกินผมมักจะซื้อเผื่อมันมันก็จะกินกับผมแต่ไม่มากเท่าวันนี้เท่านั้น
"เอ็งไม่สงสัยหรือว่าข้าทำไมต้องมาขอเอ็งอยู่ด้วย"
มันไม่ค่อยจะตอบอะไรให้ตรงคำถามอย่างชาวบ้านเขาอยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจกับคำตอบที่กลายเป็นคำถามของมันนัก
"ทำไมต้องถาม ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องรู้"
มันมองหน้าผม สายตาของมันที่มองมาดูผิดแปลกไป
มันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างเหลือเกิน
"เอ็งเป็นไรรึเปล่าวะ?"
++++
ยามค่ำคืน ณ บริเวณที่เรานั่งคุยกันนั้น..บรรยากาศน่าสบายมาก
ลมพัดเย็น ต้นไม้ริมน้ำสูงใหญ่ ส่งเสียงซู่ซ่าตามจังหวะที่ถูกตีด้วยสายลม แสงสีส้มซึ่งมาจากหลอดแสงจันทร์ดวงใหญ่สาดส่องไปทั่ว เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า มีเมฆบาง ๆ แตะขอบดวงจันทร์เหลืองใส สะท้อนแสงลงลำน้ำที่ระริ้วไหวเป็นเงางาม
แม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนขณะถูกอาบด้วยแสงจันทร์ มันเป็นภาพที่สวยเหลือเกิน
ผมยกเบียร์ขึ้นจิบ ขณะฟังมันเล่าช้า ๆ
.......
ลูกค้าของยายหรืออีกนัยหนึ่งของมัน ส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงวัยที่ตื่นมาใส่บาตรพร้อมกับออกกำลังกายไปด้วย
บ้างก็วิ่งมา บ้างก็เดินมา บ้างก็ขับรถเก๋งหรู ๆ มาซื้อ
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี..ดีมาจนกระทั่งวันหนึ่ง
เป็นวันที่มันได้พบกับ "เธอ" เป็นครั้งแรก
เป็นวันที่กามเทพแผลงศรปักอกเขาเป็นรูเบ้อเริ่ม พิษรักแทรกซึมอย่างหมดทางต่อสู้
เธอขับรถเบ๊นซ์สีทองมาซื้อพวงมาลัย..เพื่อใส่บาตรในวันเกิดของเธอ
"เธอสวยมาก..เอวเล็ก ผิวขาว ผมดำ หน้าตาเหมาะจะเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย.."
เธอมาในชุดนักศึกษา..เป็นชุดที่สวยที่สุดที่มันเคยพบมา
ขณะนั้นมันยืนอยู่ที่รถเข็น ยายกำลังง่วนอยู่กับการร้อยมาลัยทางด้านหลัง
เธอยืนมาหยุดตรงหน้ามัน ชี้ไปที่พวงมาลัยดอกมะลิแล้วพูดว่า
"ยาย..ซื้อพวงมาลัยเก้าพวงได้ไหมคะ..วันนี้นีจะใส่บาตรพระเก้าองค์เอ๊ย..เก้ารูป.."
เขาตะลึงจ้องเธอ.. ได้ยินยายตอบว่า
"ได้สิคะ..แต่ตอนนี้ยายเพิ่งร้อยได้สี่ห้าพวงเอง..รอสักครู่ได้ไหมคุณหนู.."
"ได้ค่ะ..นีจะได้รอพระไปด้วย..นี่.." เธอหันมาทางมัน.."ช่วยหยิบใส่ถุงให้หน่อยสิ..เอาเท่าที่มีก่อนน่ะแหละ.."
มันยังยืนเฉยเหมือนไม่ได้ยิน..
จนเธอหันมามองมันเต็มตา..ทั้งสองประสานสายตากันอย่างจัง
ต่างคนต่างหน้าแดง..หลบสายตากันไปมา
ประทับตรึงตราความรู้สึกดี ๆ ของรสรักแรกพบไว้พร้อมกัน
++++
เสียงทุ้มนุ่มของมันยังดังอย่างต่อเนื่อง..ผมได้แต่นิ่งฟัง
ในใจก็กลัวมันจะไม่เล่าต่อ ค่อย ๆ ยื่นเบียร์ในส่วนของผมให้มันอีกกระป๋องหนึ่ง
ได้ผล เรื่องราวของมันไหลพรูออกมาราวกับเทเบียร์
"ข้าก็ไม่รู้นะว่าในตอนนั้นข้ารู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็มาซื้อพวงมาลัยและดอกไม้บ่อยขึ้น แต่ข้าไม่กล้าสบตาเธออีกเลย.."
"ทุกวันข้าคิดถึงเธอ ข้าอยากจะพูดคุยกับเธอใจจะขาด แต่ข้าก็ไม่กล้า"
"ข้ารู้ตัวดี..ว่าคนอย่างข้าไม่สมควรจะคิดอะไรให้เลยเถิดไป..แต่เพราะข้าต้องช่วยยายขายของ..ข้าจึงหลบเธอไม่ได้.."
"เธอมักจะชวนข้าคุยเสมอ..บางครั้งถึงกับซื้ออาหารใส่บาตรมาเผื่อ แล้วชวนข้าใส่บาตรด้วย"
"แม้ข้าจะปฏิเสธ..แต่น้ำใจที่เธอให้ข้า..ทำให้ข้าปฏิเสธเธอไม่ได้ทุกคราวไป.."
"แต่เอ็งรู้ไหม ความสุขที่ข้ารู้ว่าเธอมีใจให้กับข้า มันมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่โคตรเจ็บเลยจริง ๆ"
"คนอยากข้าไม่เหมาะกับเธอ เธอสวยเกินไป เธอรวยเกินไป..เกินกว่าคนอย่างข้าจะเอามาเป็นของตัวเองได้.."
ผมยกเบียร์ในมือขึ้นกระดก จากที่ไม่ค่อยจะกินได้หมดกระป๋องสักเท่าไรวันนี้มันเป็นกระป๋องที่สองหรือสามเข้าไปแล้ว
แล้วผมก็เงื้อมือตบหัวมันเปรี้ยง
"คิดไรเชี่ย ๆ "
มันนั่งคอตก สองมือประคองกระป๋องเบียร์ไว้ระหว่างเข่า
"เอ็งรักเธอ เธอก็รักเอ็ง เท่านี้ก็จบแล้ว เอ็งจะเป็นพระเอกลิเกหรือไง ไอ้XXX"
ผมด่ามันด้วยคำเคยชินที่หยาบคาย ที่ผมใช้คำว่าเอ็งข้านี่ก็เพราะเวปนี้เขาไม่ให้ใช้คำพ่อขุนแค่นั้นแหละ
มันไม่เถียงผม..ดูเหมือนจะยกไหล่ข้างหนึ่งขึ้นเช็ดหน้า
"อย่าบอกนะว่าเอ็งร้องไห้?"
ผมถาม
++++
บ้านที่ธรอาศัยอยู่เป็นตึกแถวค่อนข้างทรุดโทรม
ชั้นล่างเต็มไปด้วยกระป๋องใส่น้ำ เพื่อแช่ดอกไม้ต่าง ๆ เอาไว้ขาย
ชั้นบนแบ่งเป็นห้องน้องชายของมัน อีกห้องหนึ่งเป็นห้องของยาย
ส่วนมันนอนชั้นบนสุด จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ห้อง มันเป็นที่โล่ง ๆ ไม่มีประตู มีแต่ที่นอนบาง ๆ ของมันวางชิดอยู่ตรงมุมหนึ่ง..
"เอ็งเชื่อไหม?..หลังจากนั้นไม่นาน..เธอบุกเข้าไปถึงห้องนอนของข้าเลย
วันนั้นข้าไม่อยู่ ยายเล่าให้ฟัง
ยายบอกว่า..เธอไม่ได้ตั้งใจมาหาข้า แต่ตั้งใจมาหายาย..
เธอซื้ออะไรมามากมาย..จนยายของข้าไม่กล้ารับ
มีทั้งสิ่งของเครื่องใช้ และอาหารการกิน..
เธอบอกว่าเธออยากให้..ยายอย่าคิดว่าเธอดูถูกดูหมิ่นอะไรเลย
ถ้ายายคิดอย่างนั้นเธอก็เสียใจ..เธอถึงกับจะร้องไห้ออกมา
ยายข้าจึงต้องรับเอาไว้..
เธอเป็นคนยกพัดลมที่เธอซื้อมาฝาก..ไปไว้ที่ห้องของข้า..
เธอฝากบอกกับผมว่า..อย่าคิดมาก..เธอซื้อมาให้ยาย..แต่ยายยกให้ข้า
เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้า..เธอไม่เคยคิดจะดูถูกข้า
ยายเล่าไปมองหน้าข้าไป
"ธรเอ้ย..เอ็งไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะนี่..ลูกเศรษฐีเขาจึงติดเอ็งแจอย่างงี้??"
ข้าจะตอบยายได้ยังไงวะ..ก็ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย
++++
"กลางวันของวันหนึ่ง ข้ากลับจากเรียนเร็วกว่าปกติ..ก็เลยไปช่วยยายเก็บร้าน..อยู่ ๆ เธอก็ขับรถมาจอดข้าง ๆ
เธอยกมือไหว้ยายของข้า..กุลีกุจอเข้าช่วย"
"สาวน้อยหน้าหวาน..อยู่คฤหาสน์หลังใหญ่..ใช้รถเก๋งงามหรู..มีเงินมีทองใช้ไม่มีวันหมด..มีตระกูลอันสูงส่ง..ถึงกับแย่งเข็นรถเข็นคันเก่า ๆ คันหนึ่ง..เดินไปส่งข้าและยายจนถึงบ้านโดยไม่สนใจสายตาของใครเลย.."
"เอ็งคิดดู..เธอดีกับข้าขนาดนี้..เอ็งจะให้ข้าทำอย่างไร?"
......
ผมไม่ตอบมัน
มีแต่ความรู้สึกหมั่นไส้จนอยากจะยันซักเปรี้ยง
ถ้าเป็นผม ถ้าสาวเล่นด้วยอย่างนี้ล่ะก้อ ถึงไหนถึงกันไปไหนต่อไหนไปแล้ว
แต่ไอ้เพื่อนคนนี้คงคิดว่ามันเป็นพ่อพระ หรือไม่ก็พระเอกในนิยายน้ำเน่าที่เขาเลิกฮิตกันไปแล้ว มันถึงได้คิดอย่างนี้
ผมขว้างกระป๋องเบียร์ในมือทิ้ง..อยากจะลุกขึ้นกลับขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น
"ข้าก็เลยห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป.."
+++
เราพบกัน เราไปเที่ยวด้วยกัน
ในวันหยุดเธอจะขับรถมารับข้า พาข้าไปเที่ยวในที่ ๆ ข้าไม่เคยไป
ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิต เธอเองก็คงมีความสุขเหมือนกัน
เราสองคนรักกันมาก แม้ข้าจะไม่มีความหวังอะไรให้กับเธอเลยเธอก็ยังคงรักข้า
เอ็งรู้ไหมเธอพูดว่าไง
"ธร..ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไง ขอให้ธรรักนีอย่างนี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือนีจะจัดการเอง.."
++++
"แล้วไง..?" ผมถามมัน
"ก็ดีแล้วนี่ เอ็งก็กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร สบายไปทั้งชาติ ต่อให้พ่อแม่ผู้หญิงเขาไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นแปลก เธอรักเอ็งออกขนาดนั้น พอเรียนจบก็หาการหางานทำ แยกกันมาอยู่ตั้งเนื้อตั้งตัวกันเองก็เห็นทำกันอยู่เป็นพรืด แล้วนี่เอ็งมานั่งเศร้าทำไมไม่ทราบ แล้วอีกอย่าง มันเกี่ยวอะไรกับการที่เอ็งต้องมาขอข้าอยู่ที่นี่ด้วย?"
มันสบตาผม
คราวนี้ใช้สายตาที่แดงก่ำมองมา
สายตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำ...
+++
เราสองคนก็คิดอย่างนั้น
เธอบอกว่าเธอจะแนะนำให้ข้ารู้จักกับคุณแม่ของเธอ
ข้าไม่กล้า แต่เธอก็ขอร้องข้า
ข้าถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
ด้วยสายตาที่ใครไม่โดนคงไม่รู้
ลูกกำพร้าอย่างข้า พ่ออยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ ส่วนแม่หลังจากผลิตน้องมาให้ยายเลี้ยงแล้วก็หายไป
ตัวเองก็ยังเรียนไม่จบ เงินจะกินเข้าไปแทบจะไม่มี
อาชีพขายดอกไม้คิดว่าวัน ๆ หนึ่งจะมีเงินเข้าบ้านสักเท่าไร?
กระเบียดกระเสียนกันเต็มที่..บางวันก็ยังแทบไม่มีอะไรจะกิน
สายตาของคุณแม่ของเธอคู่นั้น ทำให้ข้าสำนึกขึ้นมา
ไอ้ที่หวังว่าความรักอย่างเดียวจะสู้ได้ทุกอย่างนั้นไม่ใช่แล้ว
สายตาคู่นั้นบอกข้าอย่างนั้น..
คุณแม่ของเธอสั่งให้เธอเลิกคบกับข้าทันที
แต่เธอไม่ยอม เธอแอบมาพบกับข้าทุกครั้งที่มีโอกาส
ทุกครั้งก็ต้องระแวดระวังกลัวคนเห็น นัดกันแต่ละครั้งก็ต้องไปที่ไกล ๆ ที่เธอแน่ใจว่าจะไม่มีคนรู้จักมาพบเจอเธอกับข้าเข้า
เป็นอยู่อย่างนี้นานจนกระทั่งวันหนึ่ง
อยู่ ๆ ยายของข้าก็บอกให้ข้าออกมาหาที่อยู่ข้างนอก
ยายกลัว..
ยายกลัวข้าจะเป็นอะไรไป
มีผู้ชายหน้าตาน่ากลัวสามสี่คนไปถามหาข้า
พวกมันบอกยายว่าให้สั่งสอนข้าอย่าคิดสะเออะ
เจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้บ้าง
ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ยายร้องไห้ว่ะเพื่อน..ยายร้องไห้เพราะข้า
.....
...
..
.
ผมเห็นน้ำตาของมันหลั่งรินออกมา..
ขบกรามจนนูนเป็นสัน..เก็บอารมณ์และความรู้สึกอย่างสุดความสามารถ
"ข้าทำให้ยายลำบากมาทั้งชีวิต..ยายแก่แล้ว..ข้ายังทำให้ยายต้องร้องไห้เพราะข้าอีก..ข้า.."
.....
...
..
.
ผมได้แต่นั่งอึ้ง
มองน้ำตาของเพื่อนอย่างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินกับหูไม่ได้เห็นเองกับตาผมจะไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด
มันร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ผมวางมือบนลงบ่าของมันโดยไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น
"ข้าโกรธมาก ข้าโทรหาเธอทันที
ข้าบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับข้ากับยายอีกแล้ว
เรื่องของเราจบสิ้นกันแล้ว อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป.."
++++
คุณเคยเป็นไหม?
คุณเคยไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วคุณต้องตกใจกับน้ำใส ๆ ที่หยาดหยดออกมาจากดวงตาโดยที่คุณกลั้นไว้ไม่ทัน
และคุณเคยไหม?
ที่จะปล่อยน้ำตาให้มันไหลจนมันหยุดไปเอง
++++
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นมาจากเพื่อนของผมคนหนึ่ง
เราอาศัยอยู่ด้วยกันในคอนโดแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ห้องนั้นเป็นห้องของผม มันมาขออาศัยอยู่ด้วยจากความจำเป็นบางอย่าง
ส่วนผมที่แยกบ้านออกมา ไม่มีอะไรมากไปกว่าความสะดวกสบายในการเดินทางไปโรงเรียนเท่านั้น
และชอบที่จะอยู่คนเดียวหรือกับเพื่อนมากกว่าอยู่กับพ่อแม่ที่ขี้บ่นและจ้องจะจับผิดร่ำไป
+++
มันมีชื่อว่าธร อายุมันเท่า ๆ กับผม สิบเจ็ดสิบแปดปี
มันมีดวงตาที่โตกว้าง คิ้วเข้ม ปากบาง
ผิวขาวและสูงโปร่ง ขณะเดินรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมก๊วนมันจะโดดเด่นที่สุดในเรื่องความสูงและความหล่อ
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยยินดีเท่าไรกับข้อดีของตัวเอง มาเรียนแต่เช้าและกลับบ้านตรงเวลาแทบทุกวัน
ต่อให้เพื่อน ๆ คะยั้นคะยออย่างไรก็มักจะไม่สำเร็จ
"ข้าต้องไปช่วยยาย.."
เป็นคำตอบที่พวกเราต้องปล่อยมันไป
++++
ก่อนที่มันจะย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯ เดียวกับผม..มันอาศัยอยู่กับยาย และน้องชายอีกสองคน แถวถนนพัฒนาการ ดงหมู่บ้านจัดสรรของคนรวย
ยายของมันมีอาชีพขายดอกไม้ มีรถเข็นเล็ก ๆ เป็นหน้าร้าน เข็นออกไปริมถนนหน้าทางเข้าหมู่บ้านขายพวงมาลัยและดอกไม้พื้น ๆ เป็นประจำทุกวัน
ยายมีมันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ตั้งแต่ตื่นตอนตีสี่เพื่อไปที่ปากคลองตลาดซื้อดอกไม้ จัดร้าน และขายดอกไม้ในยามเช้าตรู่ ก่อนจะไปมหาวิทยาลัยในตอนสาย ๆ เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน
วันหนึ่ง อยู่ดี ๆ มันก็บอกผมหน้าตาเฉยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า
"ข้าชอบเธอว่ะ"
ผมพยักหน้ารับทราบ ทำทีท่าว่าไม่ค่อยสนใจ ทั้งที่ในใจอยากรู้ใจจะขาดว่ามันไปชอบใคร
และลึก ๆ ก็รู้สึกภูมิใจเล็ก ๆ ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญของเพื่อน เพราะมันเลือกที่จะบอกเรื่องนี้กับผมก่อนใคร ๆ
แต่ให้ตาย มันพูดแค่นั้นก็หยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ
กระทั่งผมต้องถามมันขึ้นมาเอง
"ใครวะ?"
"เอ็งอย่ารู้เลย"
+++
ผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันมาก มากจนรู้จักนิสัยใจคอกันและกันเป็นอย่างดี
เราเรียนห้องเดียวกันมาหลายปี แตกเนื้อหนุ่มดูขนหน้าแข้งงอกมาพร้อม ๆ กัน
ผมรู้ดีว่าถ้ามันไม่อยากพูด ต่อให้กระทืบมันให้ตายมันก็คงไม่พูด
แต่ถ้ามันอยากจะพูดขึ้นมา ถ้าไม่มีใครฟังมันมันจะกระทืบคน ๆ นั้นแทน
ผมเลยเลือกที่จะไม่ถาม
เก็บความสงสัยไว้ในใจต่อทีท่าของคนที่กำลังมีความรักอย่างมันว่าแปลก ๆ อยู่บ้าง
มันมีท่าทีหงอย ๆ เหงา ๆ อย่างไงชอบกล
กระทั่งเมื่อมันมาขออาศัยอยู่ด้วยพักหนึ่งน่ะแหล่ะ มันถึงได้ยอมเล่าออกมา
เล่าขณะที่เราสองคนกำลังนั่งมองพระจันทร์ส่องแสงสะท้อนลงบนแผ่นน้ำเจ้าพระยาข้างคอนโดฯ
เป็นมันเองที่ชวนผมซื้อเบียร์และเลือกที่จะมานั่งตรงนี้
ผมถือเบียร์กระป๋องนึง ส่วนมันดูเหมือนจะหมดไปแล้ว ทิ้งแต่กระป๋องเปล่าวางเรียงกันไว้ไม่ต่ำกว่าหกกระป๋อง
"ทำไมเอ็งถึงอยากเมาวะ ปกติไม่เห็นเอ็งจะชอบกิน"
ผมถามมันไปตามเรื่อง ก็เพราะปกติถ้าผมกินผมมักจะซื้อเผื่อมันมันก็จะกินกับผมแต่ไม่มากเท่าวันนี้เท่านั้น
"เอ็งไม่สงสัยหรือว่าข้าทำไมต้องมาขอเอ็งอยู่ด้วย"
มันไม่ค่อยจะตอบอะไรให้ตรงคำถามอย่างชาวบ้านเขาอยู่แล้ว ผมเลยไม่ค่อยแปลกใจกับคำตอบที่กลายเป็นคำถามของมันนัก
"ทำไมต้องถาม ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องรู้"
มันมองหน้าผม สายตาของมันที่มองมาดูผิดแปลกไป
มันเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างเหลือเกิน
"เอ็งเป็นไรรึเปล่าวะ?"
++++
ยามค่ำคืน ณ บริเวณที่เรานั่งคุยกันนั้น..บรรยากาศน่าสบายมาก
ลมพัดเย็น ต้นไม้ริมน้ำสูงใหญ่ ส่งเสียงซู่ซ่าตามจังหวะที่ถูกตีด้วยสายลม แสงสีส้มซึ่งมาจากหลอดแสงจันทร์ดวงใหญ่สาดส่องไปทั่ว เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า มีเมฆบาง ๆ แตะขอบดวงจันทร์เหลืองใส สะท้อนแสงลงลำน้ำที่ระริ้วไหวเป็นเงางาม
แม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนขณะถูกอาบด้วยแสงจันทร์ มันเป็นภาพที่สวยเหลือเกิน
ผมยกเบียร์ขึ้นจิบ ขณะฟังมันเล่าช้า ๆ
.......
ลูกค้าของยายหรืออีกนัยหนึ่งของมัน ส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงวัยที่ตื่นมาใส่บาตรพร้อมกับออกกำลังกายไปด้วย
บ้างก็วิ่งมา บ้างก็เดินมา บ้างก็ขับรถเก๋งหรู ๆ มาซื้อ
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี..ดีมาจนกระทั่งวันหนึ่ง
เป็นวันที่มันได้พบกับ "เธอ" เป็นครั้งแรก
เป็นวันที่กามเทพแผลงศรปักอกเขาเป็นรูเบ้อเริ่ม พิษรักแทรกซึมอย่างหมดทางต่อสู้
เธอขับรถเบ๊นซ์สีทองมาซื้อพวงมาลัย..เพื่อใส่บาตรในวันเกิดของเธอ
"เธอสวยมาก..เอวเล็ก ผิวขาว ผมดำ หน้าตาเหมาะจะเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย.."
เธอมาในชุดนักศึกษา..เป็นชุดที่สวยที่สุดที่มันเคยพบมา
ขณะนั้นมันยืนอยู่ที่รถเข็น ยายกำลังง่วนอยู่กับการร้อยมาลัยทางด้านหลัง
เธอยืนมาหยุดตรงหน้ามัน ชี้ไปที่พวงมาลัยดอกมะลิแล้วพูดว่า
"ยาย..ซื้อพวงมาลัยเก้าพวงได้ไหมคะ..วันนี้นีจะใส่บาตรพระเก้าองค์เอ๊ย..เก้ารูป.."
เขาตะลึงจ้องเธอ.. ได้ยินยายตอบว่า
"ได้สิคะ..แต่ตอนนี้ยายเพิ่งร้อยได้สี่ห้าพวงเอง..รอสักครู่ได้ไหมคุณหนู.."
"ได้ค่ะ..นีจะได้รอพระไปด้วย..นี่.." เธอหันมาทางมัน.."ช่วยหยิบใส่ถุงให้หน่อยสิ..เอาเท่าที่มีก่อนน่ะแหละ.."
มันยังยืนเฉยเหมือนไม่ได้ยิน..
จนเธอหันมามองมันเต็มตา..ทั้งสองประสานสายตากันอย่างจัง
ต่างคนต่างหน้าแดง..หลบสายตากันไปมา
ประทับตรึงตราความรู้สึกดี ๆ ของรสรักแรกพบไว้พร้อมกัน
++++
เสียงทุ้มนุ่มของมันยังดังอย่างต่อเนื่อง..ผมได้แต่นิ่งฟัง
ในใจก็กลัวมันจะไม่เล่าต่อ ค่อย ๆ ยื่นเบียร์ในส่วนของผมให้มันอีกกระป๋องหนึ่ง
ได้ผล เรื่องราวของมันไหลพรูออกมาราวกับเทเบียร์
"ข้าก็ไม่รู้นะว่าในตอนนั้นข้ารู้สึกอย่างไร รู้แต่ว่าหลังจากนั้นเธอก็มาซื้อพวงมาลัยและดอกไม้บ่อยขึ้น แต่ข้าไม่กล้าสบตาเธออีกเลย.."
"ทุกวันข้าคิดถึงเธอ ข้าอยากจะพูดคุยกับเธอใจจะขาด แต่ข้าก็ไม่กล้า"
"ข้ารู้ตัวดี..ว่าคนอย่างข้าไม่สมควรจะคิดอะไรให้เลยเถิดไป..แต่เพราะข้าต้องช่วยยายขายของ..ข้าจึงหลบเธอไม่ได้.."
"เธอมักจะชวนข้าคุยเสมอ..บางครั้งถึงกับซื้ออาหารใส่บาตรมาเผื่อ แล้วชวนข้าใส่บาตรด้วย"
"แม้ข้าจะปฏิเสธ..แต่น้ำใจที่เธอให้ข้า..ทำให้ข้าปฏิเสธเธอไม่ได้ทุกคราวไป.."
"แต่เอ็งรู้ไหม ความสุขที่ข้ารู้ว่าเธอมีใจให้กับข้า มันมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่โคตรเจ็บเลยจริง ๆ"
"คนอยากข้าไม่เหมาะกับเธอ เธอสวยเกินไป เธอรวยเกินไป..เกินกว่าคนอย่างข้าจะเอามาเป็นของตัวเองได้.."
ผมยกเบียร์ในมือขึ้นกระดก จากที่ไม่ค่อยจะกินได้หมดกระป๋องสักเท่าไรวันนี้มันเป็นกระป๋องที่สองหรือสามเข้าไปแล้ว
แล้วผมก็เงื้อมือตบหัวมันเปรี้ยง
"คิดไรเชี่ย ๆ "
มันนั่งคอตก สองมือประคองกระป๋องเบียร์ไว้ระหว่างเข่า
"เอ็งรักเธอ เธอก็รักเอ็ง เท่านี้ก็จบแล้ว เอ็งจะเป็นพระเอกลิเกหรือไง ไอ้XXX"
ผมด่ามันด้วยคำเคยชินที่หยาบคาย ที่ผมใช้คำว่าเอ็งข้านี่ก็เพราะเวปนี้เขาไม่ให้ใช้คำพ่อขุนแค่นั้นแหละ
มันไม่เถียงผม..ดูเหมือนจะยกไหล่ข้างหนึ่งขึ้นเช็ดหน้า
"อย่าบอกนะว่าเอ็งร้องไห้?"
ผมถาม
++++
บ้านที่ธรอาศัยอยู่เป็นตึกแถวค่อนข้างทรุดโทรม
ชั้นล่างเต็มไปด้วยกระป๋องใส่น้ำ เพื่อแช่ดอกไม้ต่าง ๆ เอาไว้ขาย
ชั้นบนแบ่งเป็นห้องน้องชายของมัน อีกห้องหนึ่งเป็นห้องของยาย
ส่วนมันนอนชั้นบนสุด จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ห้อง มันเป็นที่โล่ง ๆ ไม่มีประตู มีแต่ที่นอนบาง ๆ ของมันวางชิดอยู่ตรงมุมหนึ่ง..
"เอ็งเชื่อไหม?..หลังจากนั้นไม่นาน..เธอบุกเข้าไปถึงห้องนอนของข้าเลย
วันนั้นข้าไม่อยู่ ยายเล่าให้ฟัง
ยายบอกว่า..เธอไม่ได้ตั้งใจมาหาข้า แต่ตั้งใจมาหายาย..
เธอซื้ออะไรมามากมาย..จนยายของข้าไม่กล้ารับ
มีทั้งสิ่งของเครื่องใช้ และอาหารการกิน..
เธอบอกว่าเธออยากให้..ยายอย่าคิดว่าเธอดูถูกดูหมิ่นอะไรเลย
ถ้ายายคิดอย่างนั้นเธอก็เสียใจ..เธอถึงกับจะร้องไห้ออกมา
ยายข้าจึงต้องรับเอาไว้..
เธอเป็นคนยกพัดลมที่เธอซื้อมาฝาก..ไปไว้ที่ห้องของข้า..
เธอฝากบอกกับผมว่า..อย่าคิดมาก..เธอซื้อมาให้ยาย..แต่ยายยกให้ข้า
เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้ข้า..เธอไม่เคยคิดจะดูถูกข้า
ยายเล่าไปมองหน้าข้าไป
"ธรเอ้ย..เอ็งไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะนี่..ลูกเศรษฐีเขาจึงติดเอ็งแจอย่างงี้??"
ข้าจะตอบยายได้ยังไงวะ..ก็ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย
++++
"กลางวันของวันหนึ่ง ข้ากลับจากเรียนเร็วกว่าปกติ..ก็เลยไปช่วยยายเก็บร้าน..อยู่ ๆ เธอก็ขับรถมาจอดข้าง ๆ
เธอยกมือไหว้ยายของข้า..กุลีกุจอเข้าช่วย"
"สาวน้อยหน้าหวาน..อยู่คฤหาสน์หลังใหญ่..ใช้รถเก๋งงามหรู..มีเงินมีทองใช้ไม่มีวันหมด..มีตระกูลอันสูงส่ง..ถึงกับแย่งเข็นรถเข็นคันเก่า ๆ คันหนึ่ง..เดินไปส่งข้าและยายจนถึงบ้านโดยไม่สนใจสายตาของใครเลย.."
"เอ็งคิดดู..เธอดีกับข้าขนาดนี้..เอ็งจะให้ข้าทำอย่างไร?"
......
ผมไม่ตอบมัน
มีแต่ความรู้สึกหมั่นไส้จนอยากจะยันซักเปรี้ยง
ถ้าเป็นผม ถ้าสาวเล่นด้วยอย่างนี้ล่ะก้อ ถึงไหนถึงกันไปไหนต่อไหนไปแล้ว
แต่ไอ้เพื่อนคนนี้คงคิดว่ามันเป็นพ่อพระ หรือไม่ก็พระเอกในนิยายน้ำเน่าที่เขาเลิกฮิตกันไปแล้ว มันถึงได้คิดอย่างนี้
ผมขว้างกระป๋องเบียร์ในมือทิ้ง..อยากจะลุกขึ้นกลับขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น
"ข้าก็เลยห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป.."
+++
เราพบกัน เราไปเที่ยวด้วยกัน
ในวันหยุดเธอจะขับรถมารับข้า พาข้าไปเที่ยวในที่ ๆ ข้าไม่เคยไป
ข้ามีความสุขที่สุดในชีวิต เธอเองก็คงมีความสุขเหมือนกัน
เราสองคนรักกันมาก แม้ข้าจะไม่มีความหวังอะไรให้กับเธอเลยเธอก็ยังคงรักข้า
เอ็งรู้ไหมเธอพูดว่าไง
"ธร..ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไง ขอให้ธรรักนีอย่างนี้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่เหลือนีจะจัดการเอง.."
++++
"แล้วไง..?" ผมถามมัน
"ก็ดีแล้วนี่ เอ็งก็กลายเป็นหนูตกถังข้าวสาร สบายไปทั้งชาติ ต่อให้พ่อแม่ผู้หญิงเขาไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นแปลก เธอรักเอ็งออกขนาดนั้น พอเรียนจบก็หาการหางานทำ แยกกันมาอยู่ตั้งเนื้อตั้งตัวกันเองก็เห็นทำกันอยู่เป็นพรืด แล้วนี่เอ็งมานั่งเศร้าทำไมไม่ทราบ แล้วอีกอย่าง มันเกี่ยวอะไรกับการที่เอ็งต้องมาขอข้าอยู่ที่นี่ด้วย?"
มันสบตาผม
คราวนี้ใช้สายตาที่แดงก่ำมองมา
สายตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำ...
+++
เราสองคนก็คิดอย่างนั้น
เธอบอกว่าเธอจะแนะนำให้ข้ารู้จักกับคุณแม่ของเธอ
ข้าไม่กล้า แต่เธอก็ขอร้องข้า
ข้าถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
ด้วยสายตาที่ใครไม่โดนคงไม่รู้
ลูกกำพร้าอย่างข้า พ่ออยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ ส่วนแม่หลังจากผลิตน้องมาให้ยายเลี้ยงแล้วก็หายไป
ตัวเองก็ยังเรียนไม่จบ เงินจะกินเข้าไปแทบจะไม่มี
อาชีพขายดอกไม้คิดว่าวัน ๆ หนึ่งจะมีเงินเข้าบ้านสักเท่าไร?
กระเบียดกระเสียนกันเต็มที่..บางวันก็ยังแทบไม่มีอะไรจะกิน
สายตาของคุณแม่ของเธอคู่นั้น ทำให้ข้าสำนึกขึ้นมา
ไอ้ที่หวังว่าความรักอย่างเดียวจะสู้ได้ทุกอย่างนั้นไม่ใช่แล้ว
สายตาคู่นั้นบอกข้าอย่างนั้น..
คุณแม่ของเธอสั่งให้เธอเลิกคบกับข้าทันที
แต่เธอไม่ยอม เธอแอบมาพบกับข้าทุกครั้งที่มีโอกาส
ทุกครั้งก็ต้องระแวดระวังกลัวคนเห็น นัดกันแต่ละครั้งก็ต้องไปที่ไกล ๆ ที่เธอแน่ใจว่าจะไม่มีคนรู้จักมาพบเจอเธอกับข้าเข้า
เป็นอยู่อย่างนี้นานจนกระทั่งวันหนึ่ง
อยู่ ๆ ยายของข้าก็บอกให้ข้าออกมาหาที่อยู่ข้างนอก
ยายกลัว..
ยายกลัวข้าจะเป็นอะไรไป
มีผู้ชายหน้าตาน่ากลัวสามสี่คนไปถามหาข้า
พวกมันบอกยายว่าให้สั่งสอนข้าอย่าคิดสะเออะ
เจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้บ้าง
ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ยายร้องไห้ว่ะเพื่อน..ยายร้องไห้เพราะข้า
.....
...
..
.
ผมเห็นน้ำตาของมันหลั่งรินออกมา..
ขบกรามจนนูนเป็นสัน..เก็บอารมณ์และความรู้สึกอย่างสุดความสามารถ
"ข้าทำให้ยายลำบากมาทั้งชีวิต..ยายแก่แล้ว..ข้ายังทำให้ยายต้องร้องไห้เพราะข้าอีก..ข้า.."
.....
...
..
.
ผมได้แต่นั่งอึ้ง
มองน้ำตาของเพื่อนอย่างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ยินกับหูไม่ได้เห็นเองกับตาผมจะไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด
มันร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ผมวางมือบนลงบ่าของมันโดยไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น
"ข้าโกรธมาก ข้าโทรหาเธอทันที
ข้าบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องมายุ่งกับข้ากับยายอีกแล้ว
เรื่องของเราจบสิ้นกันแล้ว อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกต่อไป.."
++++