เรื่อง : มีแต่คิดถึง
โดย : ละเว้
ปากกาลูกลื่นลากเส้นแผ่วเบาบนกระดาษขาวจากบนลงล่าง ซ้ำๆ ย้ำ ๆ เส้นเทาดำบาง ๆ ไล่ระดับทับซ้อน
ยิ้มให้กับประกายตาสดใสที่เริ่มแจ่มชัดขณะนอนคว่ำกับพื้นบ้านพลางสะกิดปากกาบนกระดาษตรงหน้า หยิบผ้าเช็ดหมึกซึ่งคอยจับก้อนจากขุยกระดาษปลายปากกาแล้วขีดต่อ บทเพลงสตริงจากวิทยุเอเอ็มที่วางไว้ไม่ห่างกายยังคงส่งเสียงแทรกผสมบรรยากาศบ้านทุ่ง
.
"มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู" วันนั้นจู่ ๆ ยายถือศีลก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ กับแววตาฉาบยิ้มของแก
‘ยายถือศีล’ ผมเรียกแบบนั้นด้วยความที่รู้เพียงว่าแกเป็นเพื่อนถือศีลในวันพระกับยายของผม ซึ่งหลังออกศีลในตอนเช้าแกจะรอลูกหลานมารับที่บ้านของผมในบางครั้ง
‘อยู่ๆ ก็จะมาทำให้ได้อายกันเสียแบบนั้นแหละนะยาย’ ผมคิดและยิ้มในใจขณะแกหันไปคุยกับยายของผมโดยทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น
.
กับเสียงเต้นแรงจากอกซ้าย ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นผมพูดว่าอะไร คงเป็นคำถามทำนองว่าจะไปไหนอย่างไรแบบนั้นละกระมัง ที่จำได้ดีก็คือ ผมต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน กับการเอ่ยคำทักทายขณะเดินสวนกับเธอในวันที่มีเราเพียงสองฅนได้
เราน่าจะอายุห่างกันสามสี่ปี เธอย้ายตามครอบครัวมาจากต่างจังหวัด จะว่าไปบ้านใหม่ของเธอนั้นอยู่ห่างออกไปจากที่นี่มากเลยทีเดียว ที่นั่นจะค่อนข้างกันดารไม่มีทั้งวัดและโรงเรียน
เธอยิ้มให้ผมด้วยก่อนตอบ ผมยิ้มกลับและได้แต่เลี่ยงออกมา ความกล้าของผมมันมักจะมีมาเพียงสั้น ๆ แบบนั้นเสมอ ฟังไม่ได้ศัพท์ด้วยซ้ำว่าเธอตอบว่าอะไร หากแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ก็เพียงพอทำให้โลกทั้งใบของผมสดใสได้แล้วในวันนั้น ที่สำคัญ ในที่สุดผมก็ได้ทักทายเธอ
เพียงแต่ว่านั่นกลับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย หรือครั้งเดียวจริง ๆ ที่เราได้ยิ้มทักทายกันแบบนั้น ถึงแม้ว่าระหว่างผมกับเธอ เราจะได้เจอกันอีกหลายหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นบนศาลาวัดในวันพระ หรือค่ำคืนที่มีรถเร่หนังมากั้นผ้าใบเปิดวิกในหมู่บ้าน ซึ่งผมคงได้แต่นิ่งสนิทใบ้เบื้อทุกครั้งที่ได้เจอเธอ ความกล้าหาญเท่าที่รวบรวมได้คือการแอบไปนั่งอยู่ไม่ห่างเธอมากนักยามดูหนัง แค่นั้นก็ได้แอบยิ้มชื่นใจไปทั้งคืนแล้ว
.
วันหนึ่งผมรู้ข่าวว่าเธอแต่งงาน เราได้เจอกันอีกสองสามครั้ง จากนั้นคือเวลาเนิ่นนานกับการห่างกัน
.
ท่ามกลางไออุ่นของความรู้สึก เธอยังคงเหมือนเดิมในวันซึ่งเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ต่างจากความรักที่ผ่านวันเวลายาวนานของผมเช่นกัน
หลังรับใช้ชาติสองปีผมก็ได้เวลาบวชทดแทนคุณพ่อแม่ การบิณฑบาตทางไกลเป็นการออกโปรดญาติโยมที่อยู่ห่างวัด สี่ห้ากิโลเห็นจะได้ที่เราไปกันวันนั้น อิ่มเอมใจกับภาพชาวบ้าน ที่ต่างดีใจเพราะนานครั้งจะมีพระมาสักที เราผ่านบ้านไม่กี่หลังข้าวก็ล้นบาตรกันเสียแล้ว
ถึงตอนนี้... ผมอดยิ้มไปกับทุกตัวอักษรที่สัมผัสบนหน้าจอเพื่อระบายความคิดซึ่งถูกปลดปล่อยสู่คืนวันเก่า ๆ เสียไม่ได้ วันนั้นเธอทำให้ผมเกิดความรู้สึกยากจะบรรยายออกมาได้เลยทีเดียว...
ที่โรงเรียนซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ในหมู่บ้านของเธอ หลังจากฉันมื้อเช้าแล้วเรายังไม่กลับวัด ด้วยบรรดาญาติโยมต่างนิมนต์ให้เราอยู่ฉันเพลกันก่อน มีชาวบ้านมาจัดการเรื่องกับข้าวมื้อเพล บ้างมานั่งคุยสนทนากับพวกเรา
เธอเป็นผู้หญิงฅนเดียวในกลุ่มชาวบ้านที่มาคอยดูแลพระ ซึ่งนั่นแหละ มันทำให้ผมวางตัวแทบไม่ถูกเลย แม้จะครองเพศบรรพชิตอยู่ก็เถอะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องมาอยู่ตรงนี้นี่นา ผมได้แต่คิดไปขณะเธอยังคงพูดคุย ยิ้ม หัวเราะอารมณ์ดีในแบบที่เป็นเธอ และแม้ผมจะอยากรู้เรื่องราวครอบครัวชีวิตคู่ของเธอบ้าง ก็คงได้แต่นิ่งเท่านั้น
.
ยายถือศีลกับคำพูดที่ผมต้องย้อนคิดขึ้นมาในทันทีเมื่อได้เห็นหน้า แกอยู่แถวนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเพิ่งทราบ สองฅนทักทายกัน เธอกับยาย
ขณะความคิดของผมเริ่มเตลิดเกินควบคุมอีกภาพก็ฉายชัดเข้ามา ผมนึกถึงแววตาของยายถือศีลยามแกมองภาพบนฝาบ้าน ภาพวาดจากปลายปากกาลูกลื่นของผม เด็กหญิงเจ้าของแววตาสดใสในชุดนักเรียนวันจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่หก รูปที่ผมวาดจากภาพเดียวที่ได้มาจากเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธออีกที
หมายความว่าเธอรู้ รู้ในสิ่งซึ่งผมเหมือนคอยปกปิดไว้ด้วยไม่กล้าแสดงออกมาตลอด หากเธอรู้เรื่องภาพวาด เธอก็อ่านผมได้ไม่ยากสินะ
'มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู’
อดนึกถึงคำพูดของยายถือศีลอีกไม่ได้ และคงเฝ้าวนเวียนถามหาคำตอบกับตัวเอง คงมีแต่ผมเท่านั้นสินะที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่การที่เธอกับยายรู้จักกัน เป็นเพื่อนบ้าน เป็นญาติ และด้วยไม่รู้จึงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดนั้นมากพอ ไม่อยากจะคิดว่าผมพลาดมาตลอดเลยจริง ๆ
.
และถึงตอนนี้ ขณะปล่อยให้ตัวอักษรเลื่อนไหลผ่านหน้าจอเป็นต้นฉบับอยู่นี้ผมยังคงยิ้ม แม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากวันนั้น ถึงความรักของผมอาจดูเหมือนไม่สมหวังอะไรแบบนั้นก็เถอะ ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องเศร้าเลยนี่นา
ผมยังคงจิ้มอักษรบนจอพลางยิ้มไป สังคมออนไลน์ทำให้ผมได้เจอเพื่อนเก่าที่จากกันนานนม นั่นทำให้ผมยังคงมีหวัง ใช่ ผมยังคงหวังว่าจะได้เจอเธออีกสักครั้ง ไม่ว่าจะในโลกเสมือนหรือโลกแห่งความเป็นจริงก็ตาม
ผมรู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองสิ่งรัก เหมือนอย่างเช่นการรักงานเขียน ผมสามารถรักมันได้แม้ไม่ใช่นักเขียน หรือเป็นแค่เพียงนักอยากเขียนก็ตาม
เพียงแต่ผมยังอยากระบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดบ้างเท่านั้น ทั้งอยากฟังเรื่องราวความเปิ่นเชยของตัวเองจากปากเธอบ้าง อยากรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับภาพเด็กผู้ชายเซ่อซ่านุ่งผ้าขาวม้าเก่า ๆ ต้อนควายลงทุ่ง เธอรำคาญมากไหมที่ถูกลอบชำเลืองมอง
และแม้ว่าตลอดมาเราต่างเหมือนฅนแอบรู้จัก ที่ต้องเรียกว่าแทบไม่เคยได้พูดจาทักทายกันเลยก็เถอะนะ หากผมเชื่อว่าเราทั้งสองมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน อย่างน้อยเธอก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทุกครั้งที่คิดถึง แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็ตามที
ป.ล. ผมยังแอบหวังว่าเธอจะได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้.
เรื่องสั้น : มีแต่คิดถึง
โดย : ละเว้
ปากกาลูกลื่นลากเส้นแผ่วเบาบนกระดาษขาวจากบนลงล่าง ซ้ำๆ ย้ำ ๆ เส้นเทาดำบาง ๆ ไล่ระดับทับซ้อน
ยิ้มให้กับประกายตาสดใสที่เริ่มแจ่มชัดขณะนอนคว่ำกับพื้นบ้านพลางสะกิดปากกาบนกระดาษตรงหน้า หยิบผ้าเช็ดหมึกซึ่งคอยจับก้อนจากขุยกระดาษปลายปากกาแล้วขีดต่อ บทเพลงสตริงจากวิทยุเอเอ็มที่วางไว้ไม่ห่างกายยังคงส่งเสียงแทรกผสมบรรยากาศบ้านทุ่ง
.
"มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู" วันนั้นจู่ ๆ ยายถือศีลก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ กับแววตาฉาบยิ้มของแก
‘ยายถือศีล’ ผมเรียกแบบนั้นด้วยความที่รู้เพียงว่าแกเป็นเพื่อนถือศีลในวันพระกับยายของผม ซึ่งหลังออกศีลในตอนเช้าแกจะรอลูกหลานมารับที่บ้านของผมในบางครั้ง
‘อยู่ๆ ก็จะมาทำให้ได้อายกันเสียแบบนั้นแหละนะยาย’ ผมคิดและยิ้มในใจขณะแกหันไปคุยกับยายของผมโดยทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น
.
กับเสียงเต้นแรงจากอกซ้าย ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นผมพูดว่าอะไร คงเป็นคำถามทำนองว่าจะไปไหนอย่างไรแบบนั้นละกระมัง ที่จำได้ดีก็คือ ผมต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน กับการเอ่ยคำทักทายขณะเดินสวนกับเธอในวันที่มีเราเพียงสองฅนได้
เราน่าจะอายุห่างกันสามสี่ปี เธอย้ายตามครอบครัวมาจากต่างจังหวัด จะว่าไปบ้านใหม่ของเธอนั้นอยู่ห่างออกไปจากที่นี่มากเลยทีเดียว ที่นั่นจะค่อนข้างกันดารไม่มีทั้งวัดและโรงเรียน
เธอยิ้มให้ผมด้วยก่อนตอบ ผมยิ้มกลับและได้แต่เลี่ยงออกมา ความกล้าของผมมันมักจะมีมาเพียงสั้น ๆ แบบนั้นเสมอ ฟังไม่ได้ศัพท์ด้วยซ้ำว่าเธอตอบว่าอะไร หากแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ก็เพียงพอทำให้โลกทั้งใบของผมสดใสได้แล้วในวันนั้น ที่สำคัญ ในที่สุดผมก็ได้ทักทายเธอ
เพียงแต่ว่านั่นกลับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย หรือครั้งเดียวจริง ๆ ที่เราได้ยิ้มทักทายกันแบบนั้น ถึงแม้ว่าระหว่างผมกับเธอ เราจะได้เจอกันอีกหลายหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นบนศาลาวัดในวันพระ หรือค่ำคืนที่มีรถเร่หนังมากั้นผ้าใบเปิดวิกในหมู่บ้าน ซึ่งผมคงได้แต่นิ่งสนิทใบ้เบื้อทุกครั้งที่ได้เจอเธอ ความกล้าหาญเท่าที่รวบรวมได้คือการแอบไปนั่งอยู่ไม่ห่างเธอมากนักยามดูหนัง แค่นั้นก็ได้แอบยิ้มชื่นใจไปทั้งคืนแล้ว
.
วันหนึ่งผมรู้ข่าวว่าเธอแต่งงาน เราได้เจอกันอีกสองสามครั้ง จากนั้นคือเวลาเนิ่นนานกับการห่างกัน
.
ท่ามกลางไออุ่นของความรู้สึก เธอยังคงเหมือนเดิมในวันซึ่งเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่ต่างจากความรักที่ผ่านวันเวลายาวนานของผมเช่นกัน
หลังรับใช้ชาติสองปีผมก็ได้เวลาบวชทดแทนคุณพ่อแม่ การบิณฑบาตทางไกลเป็นการออกโปรดญาติโยมที่อยู่ห่างวัด สี่ห้ากิโลเห็นจะได้ที่เราไปกันวันนั้น อิ่มเอมใจกับภาพชาวบ้าน ที่ต่างดีใจเพราะนานครั้งจะมีพระมาสักที เราผ่านบ้านไม่กี่หลังข้าวก็ล้นบาตรกันเสียแล้ว
ถึงตอนนี้... ผมอดยิ้มไปกับทุกตัวอักษรที่สัมผัสบนหน้าจอเพื่อระบายความคิดซึ่งถูกปลดปล่อยสู่คืนวันเก่า ๆ เสียไม่ได้ วันนั้นเธอทำให้ผมเกิดความรู้สึกยากจะบรรยายออกมาได้เลยทีเดียว...
ที่โรงเรียนซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ในหมู่บ้านของเธอ หลังจากฉันมื้อเช้าแล้วเรายังไม่กลับวัด ด้วยบรรดาญาติโยมต่างนิมนต์ให้เราอยู่ฉันเพลกันก่อน มีชาวบ้านมาจัดการเรื่องกับข้าวมื้อเพล บ้างมานั่งคุยสนทนากับพวกเรา
เธอเป็นผู้หญิงฅนเดียวในกลุ่มชาวบ้านที่มาคอยดูแลพระ ซึ่งนั่นแหละ มันทำให้ผมวางตัวแทบไม่ถูกเลย แม้จะครองเพศบรรพชิตอยู่ก็เถอะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องมาอยู่ตรงนี้นี่นา ผมได้แต่คิดไปขณะเธอยังคงพูดคุย ยิ้ม หัวเราะอารมณ์ดีในแบบที่เป็นเธอ และแม้ผมจะอยากรู้เรื่องราวครอบครัวชีวิตคู่ของเธอบ้าง ก็คงได้แต่นิ่งเท่านั้น
.
ยายถือศีลกับคำพูดที่ผมต้องย้อนคิดขึ้นมาในทันทีเมื่อได้เห็นหน้า แกอยู่แถวนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมเพิ่งทราบ สองฅนทักทายกัน เธอกับยาย
ขณะความคิดของผมเริ่มเตลิดเกินควบคุมอีกภาพก็ฉายชัดเข้ามา ผมนึกถึงแววตาของยายถือศีลยามแกมองภาพบนฝาบ้าน ภาพวาดจากปลายปากกาลูกลื่นของผม เด็กหญิงเจ้าของแววตาสดใสในชุดนักเรียนวันจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่หก รูปที่ผมวาดจากภาพเดียวที่ได้มาจากเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธออีกที
หมายความว่าเธอรู้ รู้ในสิ่งซึ่งผมเหมือนคอยปกปิดไว้ด้วยไม่กล้าแสดงออกมาตลอด หากเธอรู้เรื่องภาพวาด เธอก็อ่านผมได้ไม่ยากสินะ
'มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู’
อดนึกถึงคำพูดของยายถือศีลอีกไม่ได้ และคงเฝ้าวนเวียนถามหาคำตอบกับตัวเอง คงมีแต่ผมเท่านั้นสินะที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่การที่เธอกับยายรู้จักกัน เป็นเพื่อนบ้าน เป็นญาติ และด้วยไม่รู้จึงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดนั้นมากพอ ไม่อยากจะคิดว่าผมพลาดมาตลอดเลยจริง ๆ
.
และถึงตอนนี้ ขณะปล่อยให้ตัวอักษรเลื่อนไหลผ่านหน้าจอเป็นต้นฉบับอยู่นี้ผมยังคงยิ้ม แม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากวันนั้น ถึงความรักของผมอาจดูเหมือนไม่สมหวังอะไรแบบนั้นก็เถอะ ผมไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องเศร้าเลยนี่นา
ผมยังคงจิ้มอักษรบนจอพลางยิ้มไป สังคมออนไลน์ทำให้ผมได้เจอเพื่อนเก่าที่จากกันนานนม นั่นทำให้ผมยังคงมีหวัง ใช่ ผมยังคงหวังว่าจะได้เจอเธออีกสักครั้ง ไม่ว่าจะในโลกเสมือนหรือโลกแห่งความเป็นจริงก็ตาม
ผมรู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองสิ่งรัก เหมือนอย่างเช่นการรักงานเขียน ผมสามารถรักมันได้แม้ไม่ใช่นักเขียน หรือเป็นแค่เพียงนักอยากเขียนก็ตาม
เพียงแต่ผมยังอยากระบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดบ้างเท่านั้น ทั้งอยากฟังเรื่องราวความเปิ่นเชยของตัวเองจากปากเธอบ้าง อยากรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับภาพเด็กผู้ชายเซ่อซ่านุ่งผ้าขาวม้าเก่า ๆ ต้อนควายลงทุ่ง เธอรำคาญมากไหมที่ถูกลอบชำเลืองมอง
และแม้ว่าตลอดมาเราต่างเหมือนฅนแอบรู้จัก ที่ต้องเรียกว่าแทบไม่เคยได้พูดจาทักทายกันเลยก็เถอะนะ หากผมเชื่อว่าเราทั้งสองมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน อย่างน้อยเธอก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทุกครั้งที่คิดถึง แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็ตามที
ป.ล. ผมยังแอบหวังว่าเธอจะได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้.