เส้นขนานสองหัวใจ บทที่ ๓๐ ***ขอลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ***

กระทู้สนทนา
บทนำ - ตอนล่าสุด http://my.dek-d.com/thezircon/writer/view.php?id=893020

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

30

น้ำซุปเดือดปุดส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั้งครัว เสียงฝาหม้อพเยิบพยาบอย่างน่ากลัวน้ำร้อนล้นออกมา นงเยาว์ยกหูหม้ออลูมิเนียมลงจากเตา เป็นเวลาเดียวกับที่ปีแสงสงบสติอารมณ์

"ขอโทษที่แอบฟังนะคะ ยายเห็นท่าไม่ดีเลยแยกคุณปอออกมาก่อน" แกว่าหลังปิดเตาแล้วเรียบร้อย

"คุณหนูของยายไม่มีเหตุผลเลย" ชายหนุ่มอดฟ้องไม่ได้

"คุณเกดแกคงเครียดน่ะค่ะ เมื่อวานแกกลับมาจากบ้านเพื่อนคุณ สีหน้าไม่ดีเลย ยายมองออกว่าร้องไห้มา แต่แกไม่ร้องให้เราเห็นหรอกค่ะ บอกแต่ว่าพูดกับทางนั้นแล้ว" หญิงชราแตะแขนล่ำสัน ก่อนเอ่ยขอร้องแทนคุณหนูตน "อย่าถือสาน้องเลยนะพ่อคุณ"

แววโกรธขึ้งในดวงตาดำขลับอ่อนแสงลง เขาไม่น่ามัวพะวงเห็นแก่ความรู้สึกตัวเองเลย ทั้งที่เกตน์สิรีกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ ปีแสงเท้าแขนพิงขอบโต๊ะทำครัวพลางผ่อนลมหายใจยืดยาว

"ปอควรทำไงดีฮะยาย" เขาถามเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายซุกซนที่มักแกล้งแหย่น้องจนผิดใจกันเสมอ

ผู้สูงวัยยิ้มเอ็นดู "คุณปอก็พูดจาให้น้องยิ้มออกสิคะ ยายเห็นใช้มุกนี้ประจำ"

"โธ่ ยายก็พูดซะเป็น 'ปอ เชิญยิ้ม' ไปได้" เขาเกาท้ายทอยเก้อเขิน เรียกเสียงหัวเราะขันจากหญิงชรา

ปีแสงปฏิเสธอยู่ทานมื้อเย็นตามคำชวน ไม่เป็นไร ถ้าเธอต้องการเวลาส่วนตัว เขาก็ยินดีเป็นฝ่ายถอยออกมา

เกตน์สิรียังนั่งอยู่บนม้าหินตัวเดิม ครั้นเห็นแขกของบ้านกลับออกมาลำพังตนจึงลุกเดินไปหา

"พี่กลับล่ะนะ" พี่ชายเปรยบอก

เธอไม่ได้ขัดความประสงค์นั้น แต่เดินไปส่งยังรถซึ่งจอดเลียบริมกำแพงบ้าน เธอคงมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่มาจอดยังหน้าบ้านตน

ชายหนุ่มเสียบกุญแจค้างไว้ที่ปประตูก่อนหันมองร่างบางซึ่งเดินตามมา เจ้าหล่อนหยุดยืนห่างออกไปเล็กน้อย เงยหน้ามองเขาเช่นกัน

"น้องเกด พี่ยังเป็นพี่ของน้องเกดนะ"

กำแพงน้ำแข็งที่สร้างเป็นปราการหัวใจแทบละลายไปกับกระแสธารอบอุ่น แววตาเกตน์สิรีวูบไหวยามสบดวงตาคมกล้าซึ่งฟ้องความรู้สึกลึกซึ้งจากข้างใน ความจริงบางอย่างค่อยชัดเจนในหัวใจแทนที่ความสับสน หากเธอไม่พร้อมจะยอมรับมัน

หญิงสาวเสก้มหน้าขณะเอ่ยตอบเสียงแผ่ว "ค่ะ พี่ปอจะเป็นพี่ของเกดตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

พี่ชายที่แสนดีสะอึก กระนั้นก็ยังฝืนยิ้ม พยายามคิดในทางขบขัน

"แหม ฟังดูนานนะ หน้าที่นี้"

น้ำเสียงยากคาดเดานั้นทำให้น้องสาวต้องเงยหน้ามอง แล้วก็ได้เห็นใบหน้ากวนอารมณ์คุ้นตาของคนที่ดันลิ้นไว้กับกระพุ้งแก้ม ท่าทางเหมือน 'จิ๊กโก๋' อย่างที่พี่ปอคนก่อนมักแกล้งทำ

เกตน์สิรีอดยิ้มขันไม่ได้ และอีกฝ่ายก็พอใจแค่นั้นจึงยอมขึ้นรถในที่สุด กลับไปพร้อมกับความอิ่มใจ ภูมิใจเช่นที่เขาเคยเรียกรอยยิ้มจากเธอได้เสมอมา

.........................................

เกตน์สิรีเปิดดูจดหมายฉบับที่ห้าในรอบเดือนซึ่งจ่าหน้าถึงเธอจากผู้ส่งคนเดียวกัน ทว่าในซองสีเหลืองนวลขนาดเท่าโปสการ์ดนั้นกลับมีกระดาษข้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือตัวอ้วนกลม ลงน้ำหนักจนเป็นรอยตัวอักษรนูนด้านหลัง ลายมือที่เธอจำได้ขึ้นใจ

หญิงสาวอ่านประโยคในกระดาษแผ่นจิ๋ว ก่อนจะโคลงศีรษะพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาเช่นทุกครั้ง เธอเก็บมันใส่ซอง วางลงในกล่องเหล็กซึ่งใช้เก็บจดหมายต่างๆ นานา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหยิบฉบับเก่าขึ้นมาเปิดดู

'ถ้าเธอปิดไปรษณีย์ได้อย่างที่ปิดมือถือ พี่คงต้องจับนกพิราบแถวบ้านมาฝึกส่งจดหมายแล้วล่ะ'

นั่นเป็นจดหมายฉบับแรก ดูฝีปากพี่ท่านเถอะ

'อยากขับรถป่ะ เดี๋ยวสอน (แต่ห้ามขี้ฟ้องอีกล่ะ)'

อ่านแล้วใบหน้าข่มขู่ของปีแสงก็ลอยมาทันที น้องสาวนึกสยองจนต้องเก็บใส่ซองตามเดิม

'โป๊ยเซียนบ้านยายกำลังงาม แต่คุณหนูๆ อย่างเธอคงชอบต้น 'โอ๊ย! เสี้ยน' มากกว่าใช่มะ (กุหลาบไง จับไปเจอแต่เสี้ยนหนาม คิดไปถึงไหน เด็กบ๊อง!)'

จดหมายฉบับนั้นมีรูปดอกไม้ที่เขาว่ามาทั้งสองชนิด แต่เกตน์สิรีรีบยัดซองเก็บลงก้นกล่อง ทั้งขำทั้งเคืองที่ถูกเขาว่าเอาดื้อๆ ก่อนหยิบฉบับต่อไปซึ่งมีเพียงรูปถ่ายวัยเด็กสีซีดเก่าระหว่างเธอกับเขา ด้านหลังภาพเขียนกำกับไว้ว่า 'ให้ไว้เป็นที่ระทึก'

ในรูป... เด็กหญิงเกตน์สิรีวัยเก้าขวบกำลังยกมือปิดหน้าขณะเจ้าเรือไวกิ้ง เครื่องเล่นในสวนสนุกยกท้ายข้างหนึ่งสูง แต่พี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับหัวเราะอ้าปากกว้าง หากหญิงสาวจำได้ดีว่าสิ่งที่กล้องจับไม่ได้นั้น พี่ปอคอยกุมมือเธอไว้ตลอดเวลา มันคือเครื่องยึดเหนี่ยว สร้างความมั่นใจให้เธอทนนั่งได้จบรอบโดยไม่ร้องไห้ออกมาเสียก่อน

เธอเก็บรูปถ่ายใส่ซองอย่างทะนุถนอม ก่อนจะหยิบจดหมายฉบับล่าสุดในกล่องขึ้นอ่านอีกที มีแผ่นโฆษณาร้านเค้กสอดมาพร้อมกัน

'บุฟเฟ่ต์เค้ก ซื้อ 1 แถม 1 นะ สนป่ะ'

คนชอบของหวานมองค้อน เขาเอาของกินมาล่อเธอ แล้วก็เกือบสำเร็จเสียด้วยซี เพราะยิ่งได้รับ ยิ่งอ่านจดหมายเหล่านี้ เธอก็คิดถึงผู้ส่งมันมามากขึ้นทุกที เกตน์สิรียิ้มเศร้า แต่เธอคงขี้ขลาด ไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นน้องสาวพี่ปอ

"นี่ค่ะคุณเกด วันนี้มาแปลก สองฉบับซ้อนเลยนะคะ อันนี้สงสัยส่งอีเอ็มเอส" นงเยาว์เอ่ยกลั้วหัวเราะขณะเดินนำจดหมายร้อนๆ มาส่งให้ถึงในห้องนอน ก่อนกลับออกไปดูละครยามบ่ายที่แกติดงอม

หญิงสาวรีบเปิดดูด้วยความประหลาดใจ แล้วก็ต้องนิ่งงันชั่วขณะหลังอ่านข้อความ

'ยายพี่เสียแล้ว โทรหาพี่นะถ้าเกดอยากมาร่วมงาน'

ไม่ต้องให้เขาบอกประโยคหลังเธอก็รู้ว่าตนควรทำอย่างไร ร่างบางรีบลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า กระเป๋าซึ่งใช้เก็บโทรศัพท์มือถืออยู่เกือบข้างในสุดของชั้นวาง เธอกดเปิดเครื่อง ไม่สนใจสายเข้ากว่าห้าสิบสายซึ่งตนไม่ได้รับ แล้วกดโทรออกถึงปีแสงทันที

"พี่ปอ..." เธอร้องเรียกหลังเสียงสัญญาณรอสายขาดหาย หากเสียงใสซึ่งตอบกลับมาทำเอาหัวใจสาวแกว่งไกว

"ปอไม่อยู่ค่ะ พอดีชาร์ตโทรศัพท์ไว้ที่ศาลา"

เกตน์สิรีส่งเสียงรับรู้ในลำคอ หากยังไม่ทันเอ่ยอะไร อีกฝ่ายก็กล่าวต่อมา

"เห็นชื่อขึ้นว่า 'เกด' นั่นใช่น้องเกด...น้องแถวบ้านปอเปล่าจ๊ะ" ผู้พูดค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกันจึงเอ่ยต่อ "นี่พี่หมิวนะ เพื่อนพี่ปอเอง จำได้ไหม"

จำได้แม่นยำเชียวล่ะ หญิงสาวตอบในใจพร้อมกับที่ความรู้สึกละอายผุดขึ้นมา จำได้อีกเช่นกันว่าเธอเคยนึกเกลียดผู้หญิงคนนี้เพียงไร เมื่อคิดว่าเขามาแย่งความรักจากพี่ปอไป

"ค่ะ เกดเอง สวัสดีค่ะพี่หมิว"

"จ้ะ เดี๋ยวนะ ปอมาพอดี" เสียงเรียกเพื่อนแว่วมาตามสาย

เกตน์สิรีถือสายรอไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจกระหืดกระหอบ ก่อนน้ำเสียงขรึม ไม่มีแววแย้มหัวเช่นทุกทีจะตอบกลับมา

"เกด"

เพียงคำเรียกชื่อสั้นๆ คำเดียวนั้น เธอก็รับเอาความรู้สึกทั้งมวลของเขามาสู่ใจ

"มางานยายนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ"

ไม่ใช่คำชวน หากเป็นคำบอกกล่าวที่คนเคยผูกพันกันมานานย่อมรับรู้ความตั้งใจของอีกฝ่ายดี

"ค่ะ" เธอรับคำสั้นๆ เพียงแค่นั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่