บทนำ - ตอนล่าสุด
http://my.dek-d.com/thezircon/writer/view.php?id=893020
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
28
เกตน์สิรีมองเค้กฝีมือตนเองบนตักพร้อมรอยยิ้มจุดที่มุมปากตลอดเวลานั่งมาบนรถซึ่งมุ่งไปร้านอาหารจีนในโรงแรม สถานที่ซึ่งสามีทำเซอร์ไพรส์ภรรยา ลูกทำเซอร์ไพรส์แม่ ประสาครอบครัวอบอุ่นที่สมาชิกรักใคร่กลมเกลียว
แม้ลอร่าจะชิมเค้กอีกก้อนที่เธอทำให้เพื่อตอบแทนน้ำใจที่อีกฝ่ายให้ยืมสถานที่และชมว่าอร่อยใช้ได้ เรียกความมั่นใจจากเธอ แต่คนทำก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่จินตนาการถึงภาพใครตักเค้กเนื้อนุ่มเข้าปาก รอคอยสีหน้าที่จะแสดงความรู้สึกหลังได้ชิมออกมา
"พี่ปอว่าเกดฝีมือตกไหมคะ" เธอถามอย่างหวาดหวั่น
พี่ชายปรายตามองนิดหนึ่งก่อนยิ้มขัน "เราเคยมีฝีมือด้วยหรือ"
น้องสาวทำปากยู่ ตวัดค้อนเข้าให้วงหนึ่ง หากคนเกรวนกลับหัวเราะเสียนี่
"ลอร่าบอกว่าใช้ได้ พี่ว่าอร่อย ทีนี้ก็เหลือแต่เกดแล้วล่ะ คิดว่าไง"
เกตน์สิรีก้มมองเค้กครีมหนาซึ่งมีสตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดผลโตวางเป็นหน้า ถ้ากัดเข้าไปข้างในก็จะพบเจ้าผลไม้เมืองหนาวนี้ซุกซ่อนในเนื้อเค้กเช่นกัน แม้อาจไม่ได้เรียงชั้นสวยอย่างในรูปภาพ แต่เธอก็ภูมิใจ
"เกดก็ว่าอร่อยค่ะ แต่เนื้อเค้กหยาบไปหน่อย อยากให้มันนุ่มกว่านี้"
ปีแสงหันมองใบหน้าเปี่ยมสุขของคนข้างๆ กี่เดือนกี่ปีน้องน้อยของเขาก็ยังเหมือนเดิม เขาจำใบหน้าภูมิใจกึ่งโอ้อวดทุกครั้งที่เจ้าหล่อนนำขนมอบฝีมือตนเองมาให้ รอคอยคำชมจากแม่ของเขาราวกับมันมีราคาค่างวดมหาศาล ก่อนกลับไปพร้อมรอยยิ้มที่เขาเคยมองอย่างแสลงใจด้วยความอิจฉา
แต่เป็นเขาต่างหากที่เปลี่ยนไป ความรักฉันพี่น้องซึ่งเจือไปด้วยความอิจฉาอย่างเด็กๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรัก ความปรารถนาดีอันมีพื้นฐานมาจากความเห็นใจ
"น้องเกด..." ความรู้สึกดื่มด่ำลึกซึ้งส่งผลให้เสียงห้าวทอดอ่อนหวานอย่างเผลอตัว
เกตน์สิรีผินมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อหู เธอชอบยามเขาทอดเสียงเรียกเธอว่าน้องเหลือเกิน เพราะน้ำเสียงนี้ของพี่เคยเอ่ยปลอบประโลมเธอแต่เล็ก ทุกครั้งที่น้องคนนี้มีน้ำตา
ปีแสงหันมาประสบแววหวานซึ้งในดวงตาคู่งามพอดี ลมหายใจเขาสะดุด หัวใจชายหนุ่มโลดแรงขึ้นจนต้องเบือนกลับไปสนใจถนนหนทางเบื้องหน้า มือหนากำพวงมาลัยแน่นพลางลอบกลืนน้ำลายผ่านลำคอแห้งผาก
"พี่...ถามอะไรหน่อยสิ" เขาตัดสินใจเอ่ยต่อพร้อมกับควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้กลับเข้าที่เข้าทางดังเดิม "เมื่อก่อนเกดโกรธพี่เรื่องอะไรเหรอ"
เกตน์สิรีนิ่วหน้านิดหนึ่ง ไม่ยากหรอกที่จะนึกถึงในเมื่อความรู้สึกตอนนั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ เธอเพียงแต่แปลกใจที่พี่ปอยังจำเหตุการณ์นั้นได้เช่นกัน
"ตอนก่อนที่เกดจะไปเมืองนอกน่ะ เกดโกรธพี่เรื่องอะไร" เขาอธิบายเพิ่มเติมด้วยกลัวว่าเจ้าหล่อนจะลืม ใจก็ระทึกกับคำตอบที่จะได้รับ เรื่องที่ติดค้างในใจจะได้คลี่คลายเสียที
ทว่าหญิงสาวกลับยิ้มแห้งพลางสั่นศีรษะ
"เกดจำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เรื่องมันนานมาแล้ว" เธอปด
น่าอายน้อยไปเมื่อไร หากต้องบอกให้เขารู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นแอบชอบพี่ชายตนเอง และโกรธ น้อยใจ ผิดหวังที่ได้รู้ว่าเขามีคนรัก แค่คิดเลือดร้อนๆ ก็แล่นซู่ไปทั้งใบหน้า
ปีแสงอดผิดหวังไม่ได้ เขารู้ว่าเธอยังไม่ลืมจากสีหน้าล่อกแล่กนั้น แต่เลือกที่จะปกปิดเขาด้วยเหตุผลบางประการซึ่งสักวันเขาจะต้องรู้ให้ได้ เมื่อนั้น เขามั่นใจว่าตนจะต้อนน้องน้อยแสนกลคนนี้จนมุมได้ในที่สุด
ลอร่ากระตุ้นให้เขาได้คิด ทำไมเขาต้องปล่อยให้คนอื่นทำร้ายจิตใจเจ้าหล่อน ในเมื่อความรักของเขาจะไม่มีวันทำร้ายเธอต้องเจ็บปวด ชายหนุ่มมั่นใจ... เขาจะยอมเอาหัวใจตนไปเสี่ยงสักครา
...........................................................
เกตน์สิรีประคองกล่องเค้กขณะก้าวลงจากรถอย่างทะนุถนอม เธอยิ้มขอบคุณพี่ชายที่อ้อมมาเปิดประตูรถให้ ก่อนเบี่ยงตัวหลบเมื่อพี่ปอยื่นมือมาหมายช่วยถือ สร้างความหมั่นไส้ให้ชายหนุ่มจนต้องยื่นมือไปหนีบจมูกรั้นของคนขี้หวง
ทว่าฝีเท้าของหญิงสาวก็ชะลอลงเรื่อยๆ หลังผ่านล็อบบี้โอ่โถงเข้ามา โคมไฟช่อห้อยระย้าลงมาจากเพดานข้างบนสูงขึ้นไปสามชั้น ร่างสูงของพี่ชายเดินนำผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชียกลุ่มใหญ่ที่กำลังรอการเช็คอิน เธอแทบกอดกล่องของขวัญฝีมือตนแน่นเข้า กระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวหนุ่มคนหนึ่งถอยมาชน
เกตน์สิรีใจหายวาบ เธอรีบ
วตัวยกกล่องเค้กหนี หากกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่ของเขาก็ปัดมาชนร่างบางจนเสียหลัก ถ้าไม่มีแขนแข็งแรงโอบประคองไว้
หัวใจหญิงสาวเต้นกระหน่ำ จะเพราะความตกใจหรือเสียงเอ่ยภาษาญี่ปุ่นซึ่งเธอฟังไม่เข้าใจดังอยู่ข้างหูก็สุดรู้ ลมหายใจอุ่นรินรดขมับจนแก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมา เธอโค้มศีรษะตอบคนที่ถอยมาชนโดยไม่ตั้งใจ ก่อนแขนยาวของพี่ชายจะโอบบังคับพาเธอเดินออกมา
"เด็กดื้อ บอกจะถือให้ก็ไม่เชื่อ" เขาเอ็ดไม่จริงจัง นอกจากจะสมน้ำหน้าเสียมากกว่า
เกตน์สิรีมองค้อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาถือหูหิ้วถุงกระดาษก้นกว้างแทน แต่ก็พยายามก้าวช้าไม่ให้ขนมเค้กในนั้นกระทบกระเทือน
"คนไม่เยอะแล้ว ปล่อยเกดเลย" เอ่ยพลางพยายามพลิ้วไหล่หนี
ปีแสงยอมคลายอ้อมแขนจากไหล่บางโดยดี แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเขาก็เลื่อนมากุมมือนุ่มนิ่มของเจ้าหล่อนแทน
"จะได้ไม่หลง..." เขายักคิ้ว เว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วจึงเอ่ยต่อ "ไปชนคนอื่น"
คนเป็นน้องอ้าปากจะเถียง แต่แล้วก็หุบฉับ เปลี่ยนมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างน่ามองในสายตาพี่ชาย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ
เสียงประตูลิฟท์เปิดออกเสมือนระฆังพักยก เขาจูงมือเธอเข้าไปตามด้วยครอบครัวชาวต่างชาติครอบครัวหนึ่ง สองฝ่ายยิ้มส่งไมตรีแก่กัน ก่อนสตรีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวหน้าตกกระจะเอ่ยด้วยภาษากลางที่คนทั่วโลกใช้สื่อสารกันเข้าใจ ทำให้ช่วงเวลาไม่กี่นาทีในลิฟท์นั้นอึดอัดขึ้นทันที
"เกิร์ลเฟรนด์ของคุณน่ารักมาก ไนซ์คูเพิล"
คนถูกชมเบิกตาโต ไม่ทันได้ปฏิเสธคำชมนั้นเจ้าของฝ่ามืออบอุ่นซึ่งกุมมือเธอไว้ก็ชิงบอกขอบคุณแทน
ระฆังพักยกที่สองดังขึ้น! ประตูลิฟท์เลื่อนเปิดยังชั้นสามซึ่งมีภัตตาคารอาหารจีนตั้งอยู่ เกตน์สิรีนึกขวางพี่ชายก็จริง กระนั้นเธอก็ไม่ได้พยายามดึงมือตนออกจากมือหนา เมื่อเขาแจ้งแก่พนักงานร้านในชุดกี่เพ้าสีแดงสดถึงโต๊ะซึ่งจองไว้
"ยิ้มหน่อยน่า แม่พี่คงยังไม่อยากทำศพพี่ในวันเกิดท่านหรอกนะ" ปีแสงแหย่แรงขณะพากันเดินตามพนักงานไป
เขารู้สึกถึงแรงกระตุกในอุ้งมือตน ชายหนุ่มหันมองก็เห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งามจ้องมองเขาอยู่ นอกจากเธอจะไม่ยิ้มขันไปกับมุกตลกร้ายของเขาแล้ว ใบหน้าจิ้มลิ้มยังเผือดสีลง
"พี่ปออย่าพูดอย่างนี้นะ ฟังดูไม่ดีเลย" เธอท้วงแล้วกลับเป็นฝ่ายบีบมือหนาของเขาแทน
เกตน์สิรีไม่รู้ว่าทำไมตนจะต้องตกใจ ใจหายไปกับคำพูดร้ายๆ ของเขาถึงเพียงนี้ ทั้งที่พี่ปอคนก่อนก็เคยพูดถึงความเป็นความตายเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ หากครั้งนี้ในอกในใจเธอกลับหวิวโหวงประหลาด
"ไม่ดียังไง ก็สายตาเกดเมื่อกี้น่ะจะเผาพี่ได้อยู่แล้ว" เขายังเอ่ยกลั้วหัวเราะสืบไป
"พี่ปอ" น้องสาวเรียกเสียงเข้ม
"จ้ะๆ พี่จะไม่ยอมเป็นอะไร จะอยู่กับเกดไปตลอดชีวิต พอใจไหม"
โต๊ะที่พนักงานเดินนำไปอยู่ติดกระจกใสล้อมกรอบด้วยไม้ฉลุ ระหว่างโต๊ะและเก้าอี้ยาวสองฝั่งซึ่งยึดติดฉากกั้นฉลุไม้ลายเดียวกันด้านหลังมีที่ว่างพอให้สอดตัวไปนั่งได้สะดวกสบาย ปีแสงซ่อนยิ้มขณะรับรายการอาหารมาจากบริกร มีความสุขที่ได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขาเหมือนกัน
"เดี๋ยวรออีกสองคนแล้วค่อยสั่งนะครับ เอาแค่เก๊กฮวยร้อนก่อนแล้วกัน"
คนขี้กลัวมีสีหน้าดีขึ้น โล่งใจขึ้นมากกับคำสัญญาของพี่ชาย เธอเชื่อเขา...เช่นที่เคยเชื่อมั่นเสมอมา
หากผู้เป็นพี่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ ครั้นพนักงานผละไปแล้วจึงซักไซ้เอาอีก
"ตกลงว่าเกดยอมให้พี่อยู่ด้วยไปตลอดชีวิตใช่ไหม"
เกตน์สิรีนิ่วหน้ากับถ้อยความแปร่งหู เธอผงกศีรษะแม้รู้สึกว่าเหมือนพวกเธอกำลังคุยคนละเรื่องเดียวกัน
เขาไม่เหมือนพี่ปอคนเดิมแล้วซี พี่ปอคนนี้พูดจาเลี้ยวลดน่าเวียนหัว ซ้ำยังเกเรแกล้งเธอสารพัด นึกแล้วก็เผลอย่นจมูกพลางค้อนใส่เขาจนได้ หากคนตรงข้ามกลับหัวเราะชอบใจ
คราวนี้ไม่มีเสียงระฆังพักยก แต่เป็นกรรมการห้ามมวยที่เธอโดนต่อยอยู่ฝ่ายเดียวมาคั่นกลางได้ทัน หนุ่มสาวลุกขึ้นจะให้พวกท่านเข้าไปนั่ง หากผู้อาวุโสก็กดไหล่เด็กๆ ให้นั่งลงตามเดิม เกตน์สิรีโผเข้าอ้อมกอดของป้าป่านทันทีที่ท่านลงนั่งข้างๆ โดยมีอ้อมแขนของเจ้าของวันเกิดกอดตอบด้วยความรักเท่าๆ กัน สองหนุ่มต่างวัยฝั่งตรงข้ามได้แต่พยักเพยิดให้กัน
เส้นขนานสองหัวใจ บทที่ ๒๘
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
28
เกตน์สิรีมองเค้กฝีมือตนเองบนตักพร้อมรอยยิ้มจุดที่มุมปากตลอดเวลานั่งมาบนรถซึ่งมุ่งไปร้านอาหารจีนในโรงแรม สถานที่ซึ่งสามีทำเซอร์ไพรส์ภรรยา ลูกทำเซอร์ไพรส์แม่ ประสาครอบครัวอบอุ่นที่สมาชิกรักใคร่กลมเกลียว
แม้ลอร่าจะชิมเค้กอีกก้อนที่เธอทำให้เพื่อตอบแทนน้ำใจที่อีกฝ่ายให้ยืมสถานที่และชมว่าอร่อยใช้ได้ เรียกความมั่นใจจากเธอ แต่คนทำก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่จินตนาการถึงภาพใครตักเค้กเนื้อนุ่มเข้าปาก รอคอยสีหน้าที่จะแสดงความรู้สึกหลังได้ชิมออกมา
"พี่ปอว่าเกดฝีมือตกไหมคะ" เธอถามอย่างหวาดหวั่น
พี่ชายปรายตามองนิดหนึ่งก่อนยิ้มขัน "เราเคยมีฝีมือด้วยหรือ"
น้องสาวทำปากยู่ ตวัดค้อนเข้าให้วงหนึ่ง หากคนเกรวนกลับหัวเราะเสียนี่
"ลอร่าบอกว่าใช้ได้ พี่ว่าอร่อย ทีนี้ก็เหลือแต่เกดแล้วล่ะ คิดว่าไง"
เกตน์สิรีก้มมองเค้กครีมหนาซึ่งมีสตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดผลโตวางเป็นหน้า ถ้ากัดเข้าไปข้างในก็จะพบเจ้าผลไม้เมืองหนาวนี้ซุกซ่อนในเนื้อเค้กเช่นกัน แม้อาจไม่ได้เรียงชั้นสวยอย่างในรูปภาพ แต่เธอก็ภูมิใจ
"เกดก็ว่าอร่อยค่ะ แต่เนื้อเค้กหยาบไปหน่อย อยากให้มันนุ่มกว่านี้"
ปีแสงหันมองใบหน้าเปี่ยมสุขของคนข้างๆ กี่เดือนกี่ปีน้องน้อยของเขาก็ยังเหมือนเดิม เขาจำใบหน้าภูมิใจกึ่งโอ้อวดทุกครั้งที่เจ้าหล่อนนำขนมอบฝีมือตนเองมาให้ รอคอยคำชมจากแม่ของเขาราวกับมันมีราคาค่างวดมหาศาล ก่อนกลับไปพร้อมรอยยิ้มที่เขาเคยมองอย่างแสลงใจด้วยความอิจฉา
แต่เป็นเขาต่างหากที่เปลี่ยนไป ความรักฉันพี่น้องซึ่งเจือไปด้วยความอิจฉาอย่างเด็กๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรัก ความปรารถนาดีอันมีพื้นฐานมาจากความเห็นใจ
"น้องเกด..." ความรู้สึกดื่มด่ำลึกซึ้งส่งผลให้เสียงห้าวทอดอ่อนหวานอย่างเผลอตัว
เกตน์สิรีผินมองพี่ชายอย่างไม่เชื่อหู เธอชอบยามเขาทอดเสียงเรียกเธอว่าน้องเหลือเกิน เพราะน้ำเสียงนี้ของพี่เคยเอ่ยปลอบประโลมเธอแต่เล็ก ทุกครั้งที่น้องคนนี้มีน้ำตา
ปีแสงหันมาประสบแววหวานซึ้งในดวงตาคู่งามพอดี ลมหายใจเขาสะดุด หัวใจชายหนุ่มโลดแรงขึ้นจนต้องเบือนกลับไปสนใจถนนหนทางเบื้องหน้า มือหนากำพวงมาลัยแน่นพลางลอบกลืนน้ำลายผ่านลำคอแห้งผาก
"พี่...ถามอะไรหน่อยสิ" เขาตัดสินใจเอ่ยต่อพร้อมกับควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้กลับเข้าที่เข้าทางดังเดิม "เมื่อก่อนเกดโกรธพี่เรื่องอะไรเหรอ"
เกตน์สิรีนิ่วหน้านิดหนึ่ง ไม่ยากหรอกที่จะนึกถึงในเมื่อความรู้สึกตอนนั้นยังแจ่มชัดในความทรงจำ เธอเพียงแต่แปลกใจที่พี่ปอยังจำเหตุการณ์นั้นได้เช่นกัน
"ตอนก่อนที่เกดจะไปเมืองนอกน่ะ เกดโกรธพี่เรื่องอะไร" เขาอธิบายเพิ่มเติมด้วยกลัวว่าเจ้าหล่อนจะลืม ใจก็ระทึกกับคำตอบที่จะได้รับ เรื่องที่ติดค้างในใจจะได้คลี่คลายเสียที
ทว่าหญิงสาวกลับยิ้มแห้งพลางสั่นศีรษะ
"เกดจำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เรื่องมันนานมาแล้ว" เธอปด
น่าอายน้อยไปเมื่อไร หากต้องบอกให้เขารู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นแอบชอบพี่ชายตนเอง และโกรธ น้อยใจ ผิดหวังที่ได้รู้ว่าเขามีคนรัก แค่คิดเลือดร้อนๆ ก็แล่นซู่ไปทั้งใบหน้า
ปีแสงอดผิดหวังไม่ได้ เขารู้ว่าเธอยังไม่ลืมจากสีหน้าล่อกแล่กนั้น แต่เลือกที่จะปกปิดเขาด้วยเหตุผลบางประการซึ่งสักวันเขาจะต้องรู้ให้ได้ เมื่อนั้น เขามั่นใจว่าตนจะต้อนน้องน้อยแสนกลคนนี้จนมุมได้ในที่สุด
ลอร่ากระตุ้นให้เขาได้คิด ทำไมเขาต้องปล่อยให้คนอื่นทำร้ายจิตใจเจ้าหล่อน ในเมื่อความรักของเขาจะไม่มีวันทำร้ายเธอต้องเจ็บปวด ชายหนุ่มมั่นใจ... เขาจะยอมเอาหัวใจตนไปเสี่ยงสักครา
...........................................................
เกตน์สิรีประคองกล่องเค้กขณะก้าวลงจากรถอย่างทะนุถนอม เธอยิ้มขอบคุณพี่ชายที่อ้อมมาเปิดประตูรถให้ ก่อนเบี่ยงตัวหลบเมื่อพี่ปอยื่นมือมาหมายช่วยถือ สร้างความหมั่นไส้ให้ชายหนุ่มจนต้องยื่นมือไปหนีบจมูกรั้นของคนขี้หวง
ทว่าฝีเท้าของหญิงสาวก็ชะลอลงเรื่อยๆ หลังผ่านล็อบบี้โอ่โถงเข้ามา โคมไฟช่อห้อยระย้าลงมาจากเพดานข้างบนสูงขึ้นไปสามชั้น ร่างสูงของพี่ชายเดินนำผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชียกลุ่มใหญ่ที่กำลังรอการเช็คอิน เธอแทบกอดกล่องของขวัญฝีมือตนแน่นเข้า กระนั้นก็มีนักท่องเที่ยวหนุ่มคนหนึ่งถอยมาชน
เกตน์สิรีใจหายวาบ เธอรีบวตัวยกกล่องเค้กหนี หากกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่ของเขาก็ปัดมาชนร่างบางจนเสียหลัก ถ้าไม่มีแขนแข็งแรงโอบประคองไว้
หัวใจหญิงสาวเต้นกระหน่ำ จะเพราะความตกใจหรือเสียงเอ่ยภาษาญี่ปุ่นซึ่งเธอฟังไม่เข้าใจดังอยู่ข้างหูก็สุดรู้ ลมหายใจอุ่นรินรดขมับจนแก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมา เธอโค้มศีรษะตอบคนที่ถอยมาชนโดยไม่ตั้งใจ ก่อนแขนยาวของพี่ชายจะโอบบังคับพาเธอเดินออกมา
"เด็กดื้อ บอกจะถือให้ก็ไม่เชื่อ" เขาเอ็ดไม่จริงจัง นอกจากจะสมน้ำหน้าเสียมากกว่า
เกตน์สิรีมองค้อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาถือหูหิ้วถุงกระดาษก้นกว้างแทน แต่ก็พยายามก้าวช้าไม่ให้ขนมเค้กในนั้นกระทบกระเทือน
"คนไม่เยอะแล้ว ปล่อยเกดเลย" เอ่ยพลางพยายามพลิ้วไหล่หนี
ปีแสงยอมคลายอ้อมแขนจากไหล่บางโดยดี แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นเขาก็เลื่อนมากุมมือนุ่มนิ่มของเจ้าหล่อนแทน
"จะได้ไม่หลง..." เขายักคิ้ว เว้นวรรคนิดหนึ่งแล้วจึงเอ่ยต่อ "ไปชนคนอื่น"
คนเป็นน้องอ้าปากจะเถียง แต่แล้วก็หุบฉับ เปลี่ยนมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างน่ามองในสายตาพี่ชาย ชายหนุ่มหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ
เสียงประตูลิฟท์เปิดออกเสมือนระฆังพักยก เขาจูงมือเธอเข้าไปตามด้วยครอบครัวชาวต่างชาติครอบครัวหนึ่ง สองฝ่ายยิ้มส่งไมตรีแก่กัน ก่อนสตรีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวหน้าตกกระจะเอ่ยด้วยภาษากลางที่คนทั่วโลกใช้สื่อสารกันเข้าใจ ทำให้ช่วงเวลาไม่กี่นาทีในลิฟท์นั้นอึดอัดขึ้นทันที
"เกิร์ลเฟรนด์ของคุณน่ารักมาก ไนซ์คูเพิล"
คนถูกชมเบิกตาโต ไม่ทันได้ปฏิเสธคำชมนั้นเจ้าของฝ่ามืออบอุ่นซึ่งกุมมือเธอไว้ก็ชิงบอกขอบคุณแทน
ระฆังพักยกที่สองดังขึ้น! ประตูลิฟท์เลื่อนเปิดยังชั้นสามซึ่งมีภัตตาคารอาหารจีนตั้งอยู่ เกตน์สิรีนึกขวางพี่ชายก็จริง กระนั้นเธอก็ไม่ได้พยายามดึงมือตนออกจากมือหนา เมื่อเขาแจ้งแก่พนักงานร้านในชุดกี่เพ้าสีแดงสดถึงโต๊ะซึ่งจองไว้
"ยิ้มหน่อยน่า แม่พี่คงยังไม่อยากทำศพพี่ในวันเกิดท่านหรอกนะ" ปีแสงแหย่แรงขณะพากันเดินตามพนักงานไป
เขารู้สึกถึงแรงกระตุกในอุ้งมือตน ชายหนุ่มหันมองก็เห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่งามจ้องมองเขาอยู่ นอกจากเธอจะไม่ยิ้มขันไปกับมุกตลกร้ายของเขาแล้ว ใบหน้าจิ้มลิ้มยังเผือดสีลง
"พี่ปออย่าพูดอย่างนี้นะ ฟังดูไม่ดีเลย" เธอท้วงแล้วกลับเป็นฝ่ายบีบมือหนาของเขาแทน
เกตน์สิรีไม่รู้ว่าทำไมตนจะต้องตกใจ ใจหายไปกับคำพูดร้ายๆ ของเขาถึงเพียงนี้ ทั้งที่พี่ปอคนก่อนก็เคยพูดถึงความเป็นความตายเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ หากครั้งนี้ในอกในใจเธอกลับหวิวโหวงประหลาด
"ไม่ดียังไง ก็สายตาเกดเมื่อกี้น่ะจะเผาพี่ได้อยู่แล้ว" เขายังเอ่ยกลั้วหัวเราะสืบไป
"พี่ปอ" น้องสาวเรียกเสียงเข้ม
"จ้ะๆ พี่จะไม่ยอมเป็นอะไร จะอยู่กับเกดไปตลอดชีวิต พอใจไหม"
โต๊ะที่พนักงานเดินนำไปอยู่ติดกระจกใสล้อมกรอบด้วยไม้ฉลุ ระหว่างโต๊ะและเก้าอี้ยาวสองฝั่งซึ่งยึดติดฉากกั้นฉลุไม้ลายเดียวกันด้านหลังมีที่ว่างพอให้สอดตัวไปนั่งได้สะดวกสบาย ปีแสงซ่อนยิ้มขณะรับรายการอาหารมาจากบริกร มีความสุขที่ได้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขาเหมือนกัน
"เดี๋ยวรออีกสองคนแล้วค่อยสั่งนะครับ เอาแค่เก๊กฮวยร้อนก่อนแล้วกัน"
คนขี้กลัวมีสีหน้าดีขึ้น โล่งใจขึ้นมากกับคำสัญญาของพี่ชาย เธอเชื่อเขา...เช่นที่เคยเชื่อมั่นเสมอมา
หากผู้เป็นพี่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ ครั้นพนักงานผละไปแล้วจึงซักไซ้เอาอีก
"ตกลงว่าเกดยอมให้พี่อยู่ด้วยไปตลอดชีวิตใช่ไหม"
เกตน์สิรีนิ่วหน้ากับถ้อยความแปร่งหู เธอผงกศีรษะแม้รู้สึกว่าเหมือนพวกเธอกำลังคุยคนละเรื่องเดียวกัน
เขาไม่เหมือนพี่ปอคนเดิมแล้วซี พี่ปอคนนี้พูดจาเลี้ยวลดน่าเวียนหัว ซ้ำยังเกเรแกล้งเธอสารพัด นึกแล้วก็เผลอย่นจมูกพลางค้อนใส่เขาจนได้ หากคนตรงข้ามกลับหัวเราะชอบใจ
คราวนี้ไม่มีเสียงระฆังพักยก แต่เป็นกรรมการห้ามมวยที่เธอโดนต่อยอยู่ฝ่ายเดียวมาคั่นกลางได้ทัน หนุ่มสาวลุกขึ้นจะให้พวกท่านเข้าไปนั่ง หากผู้อาวุโสก็กดไหล่เด็กๆ ให้นั่งลงตามเดิม เกตน์สิรีโผเข้าอ้อมกอดของป้าป่านทันทีที่ท่านลงนั่งข้างๆ โดยมีอ้อมแขนของเจ้าของวันเกิดกอดตอบด้วยความรักเท่าๆ กัน สองหนุ่มต่างวัยฝั่งตรงข้ามได้แต่พยักเพยิดให้กัน