พันธนาการ (Original 30-12-2007)
ร้านอาหารริมถนนแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ภายในร้านมีเพียงโต๊ะอาหารขนาดย่อมสิบกว่าตัวตั้งอยู่โดยทิ้งระยะห่างระหว่างกันเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด
เคาน์เตอร์เล็กๆ ถูกตั้งไว้ที่หลังร้านสำหรับคอยบริการเครื่องดื่มนานาชนิดตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ และที่มุมหนึ่งของร้านถูกกันที่ไว้สำหรับใช้ประดับประดาด้วยตุ๊กตาและเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างหลวมๆ ซึ่งถูกทำให้เด่นขึ้นด้วยแสงไฟสีส้ม เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นและเพิ่มความเป็นกันเองของบรรยากาศภายในร้าน
“ทานนี่สิจ๊ะ...ของโปรดของคุณ” บทสนทนาของชายหนุ่มดังขึ้นที่มุมหนึ่งของร้าน พร้อมๆ กับอาหารที่ชายหนุ่มตักถูกส่งไปไว้ในจานของคู่สนทนาฝั่งตรงข้ามโต๊ะอาหาร
...ยิ้มละไมของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความรักของเขาได้เป็นอย่างดี...
...หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มยิ้มรับที่มุมปากนิดหนึ่ง ใบหน้าขาวซีดเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ เป็นพิเศษ...
“ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ร้านนี้ก็แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ” ชายหนุ่มเริ่มการสนทนาอีกครั้ง
ร้านแห่งนี้เป็นร้านที่มีผู้เข้ามาใช้บริการไม่มากมายแต่อย่างใด และโดยมากแขกที่เข้าร้านก็มักจะเป็นแขกประจำซึ่งติดอกติดใจในรสชาติอาหาร บรรยากาศของร้าน หรืออัธยาศัยและความรู้ใจของเจ้าของร้าน
...ในช่วงเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่แขกจะบางตาเป็นอย่างยิ่ง...และโดยเฉพาะวันนี้ ชายหนุ่มและคู่สนทนาเป็นแขกเพียงโต๊ะเดียวของร้าน...
...เจ้าของร้านก็ยังคงจัดโน่นเก็บนี่อยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างเงียบๆ เพื่อที่จะคอยบริการแขกที่มีอยู่ได้อย่างทันท่วงทีและไม่ขาดตกบกพร่อง...แต่ถึงกระนั้น หากแขกไม่เรียก เจ้าของร้านก็จะไม่เข้าไปจุ้นจ้านที่โต๊ะเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของแขก...
“คุณยังจำวันแรกที่เราพบกันได้มั้ย” แววตาแห่งความรักเพ่งพิศดวงหน้าหญิงสาว
“วันนั้นฝนตกหนัก...คุณและเพื่อนๆ วิ่งเข้ามาหลบฝนในร้านแห่งนี้ และบังเอิญวันนั้นผมและเพื่อนๆ ก็เลือกที่จะเข้ามาสังสรรค์กันที่ร้านนี้เช่นกัน”
...หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างผู้ฟังที่ดี...
“...ผมน่าจะบอกคุณสักล้านครั้งได้แล้วมั้ง...แต่ผมก็ยังอยากจะบอกคุณอยู่ดี...รอยยิ้ม...ความร่าเริงของคุณทำให้ผมชื่นชมคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมพบคุณ...การที่เราเจอกันที่ร้านแห่งนี้ อาจจะเป็นโชคของผมก็เป็นได้...”
ชายหนุ่มหยุดพูดหน่อยหนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านอย่างชื่นชม
“...หลังจากวันนั้น คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่คุณกับผมพบเจอกันบ่อยๆ ที่ร้านแห่งนี้...แต่เปล่าเลย...มันเป็นความตั้งใจของผม...”
“พรหมลิขิตนำพาให้ผมมาพบกับคุณแล้ว...แต่เราก็คงจะเป็นเพียงแค่คนที่เดินสวนทางกันไปถ้าผมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น...แน่นอนว่าในใจบอกกับผมว่าจะให้เรื่องราวระหว่างเราหยุดอยู่เพียงแค่นั้นไม่ได้”
ชายหนุ่มหันไปมองและยิ้มให้เจ้าของร้านซึ่งยังคงยืนง่วนกับการจัดโน่นนิดนี่หน่อยหลังเคาน์เตอร์ ก่อนที่เจ้าของร้านจะเงยหน้าขึ้นมาและพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เพื่อแสดงอาการตอบกลับชายหนุ่ม
“และเจ้าของร้านที่แสนดีก็ให้ความช่วยเหลือผมเป็นอย่างดีทุกครั้งที่ผมขอความช่วยเหลือ”
“...ทุกๆ คืน ผมหลับไปพร้อมรอยยิ้ม...ในความฝัน...เราได้รักและครองคู่กันตลอดไป...”
หญิงสาวยิ้มรับคำพูดของชายหนุ่ม...แววตาหม่นเสมือนเก็บงำความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
“และในที่สุด...ฝันของผมก็เป็นจริง...วันที่คุณตอบรับรักผม...คุณจะเชื่อไหมนะ...มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก...มากจริงๆ” รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างที่ชายหนุ่มรู้สึก
“ผมฝันไปไกลถึงวันที่เราแต่งงาน...และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า...”
“คงจะมีความสุขมากเลยนะ...คุณกับผมที่ตอนนั้นคงจะเป็นตากับยายแล้ว...นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก...ลูกๆ นั่งคุยกับเราอยู่ข้างๆ...หลานชายตัวน้อยๆ วิ่งไล่จับกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย...ส่วนหลานสาวก็คอยแต่จะออเซาะอยู่รอบๆ ตัวพวกเรา”
“หากไม่เพียงแต่...คุณรู้มั้ย...คุณน่ะ...ใจร้ายมาก”
“ร้านแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่งสำหรับผม...มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนับจากวันที่เราได้พบกัน...บรรยากาศทุกอย่าง...ความรู้สึกทุกอย่าง...ทุกคำพูด...ทุกรอยยิ้ม...ทุกความประทับใจ...ยังคงอยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มก้มหน้า รอยยิ้มหายไปจนหมดสิ้น
“ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว...ทำไมคุณถึงด่วนจากผมไป...คุณ...คุณไม่เหลือเวลาแม้แต่จะให้ผมได้กอดหรือบอกรักคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
...น้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาจากแววตาหม่นของชายหนุ่ม...
...สีหน้าสลดแสดงออกจากใบหน้าซีดขาวของหญิงสาวอย่างชัดแจ้ง...
“ภาพของคุณจะกระจ่างชัดที่ร้านแห่งนี้...ทุกอย่าง...ยังคงอบอวลอยู่ที่นี่...มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังคงอยู่...ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย”
...แววตาเศร้าสร้อยอาทรฉายจากดวงตาหม่นของหญิงสาว...
“ผมอยากจะตำหนิคุณที่ทิ้งผมไปไม่มีวันกลับอย่างกะทันหัน...ผมตำหนิตัวเองที่ไม่อาจปกป้องคุณได้...ผมอยากจะตำหนิทุกๆ อย่างที่ทำให้คุณกับผมต้องพลัดพรากกัน”
ชายหนุ่มยกมือปาดน้ำตาก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันปวดร้าวของหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง
“...แต่ในวันนี้...ผมเข้าใจแล้วว่า คุณต้องการจะบอกอะไรกับผม...”
“ความจริงแล้ว...ผมมันเห็นแก่ตัว...ผมเพิ่งรู้ตัวว่า การที่ผมทำตัวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...ความยึดมั่นต่อคุณของผม ทำให้คุณยังคงต้องวนเวียนอยู่ที่นี่ไม่อาจจะไปไหนได้”
“วันนี้จะเป็นวันที่ทุกอย่างจะยุติเสียที...ทั้งคุณ...และผม” ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาอีกครั้งภายใต้ม่านน้ำตาซึ่งยังคงเรื้ออยู่ที่ขอบตา
“ถึงแม้ผมจะเคยบอกคุณมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...แต่ครั้งนี้...อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้บอกคุณ...ถึงแม้ต่อไปเราอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว...ขอให้คุณรู้ไว้...ผมรักคุณ...ไม่ว่าจะอย่างไร...ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง...ตลอดไป”
รอยยิ้มและดวงตาสดใสของหญิงสาวเผยให้เห็นก่อนที่ภาพตรงหน้าชายหนุ่มจะค่อยๆ โปร่งใสและเลือนหายไป
“ขอบคุณค่ะ...ฉันก็รักคุณค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะ”
คำพูดแผ่วเบาแต่ก้องกังวานไปถึงจิตใจของชายหนุ่ม เหมือนดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ลมเย็นพัดผ่านไปพร้อมๆ กับพันธนาการในจิตใจที่ถูกปลดเปลื้อง
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ซึ่งขณะนี้เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า
“โชคดีนะครับ...ครั้งหน้าที่คุณมา ผมเสิร์ฟเมนูใหม่ให้คุณ”
เจ้าของร้านกล่าวก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากร้าน ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มให้เจ้าของร้าน
...ถึงแม้จะไม่สดใสเท่าเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยในรอยยิ้มนั้น ก็แสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น...
...และต่อไป...สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านเข้ามา พร้อมๆ กับเวลาที่จะเริ่มหมุนเดินอีกครั้ง...
พันธนาการ (Original 30-12-2007)
ร้านอาหารริมถนนแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ภายในร้านมีเพียงโต๊ะอาหารขนาดย่อมสิบกว่าตัวตั้งอยู่โดยทิ้งระยะห่างระหว่างกันเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด
เคาน์เตอร์เล็กๆ ถูกตั้งไว้ที่หลังร้านสำหรับคอยบริการเครื่องดื่มนานาชนิดตามแต่ที่ลูกค้าต้องการ และที่มุมหนึ่งของร้านถูกกันที่ไว้สำหรับใช้ประดับประดาด้วยตุ๊กตาและเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างหลวมๆ ซึ่งถูกทำให้เด่นขึ้นด้วยแสงไฟสีส้ม เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นและเพิ่มความเป็นกันเองของบรรยากาศภายในร้าน
“ทานนี่สิจ๊ะ...ของโปรดของคุณ” บทสนทนาของชายหนุ่มดังขึ้นที่มุมหนึ่งของร้าน พร้อมๆ กับอาหารที่ชายหนุ่มตักถูกส่งไปไว้ในจานของคู่สนทนาฝั่งตรงข้ามโต๊ะอาหาร
...ยิ้มละไมของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความรักของเขาได้เป็นอย่างดี...
...หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มยิ้มรับที่มุมปากนิดหนึ่ง ใบหน้าขาวซีดเรียบเฉยไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ เป็นพิเศษ...
“ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ ร้านนี้ก็แทบจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ” ชายหนุ่มเริ่มการสนทนาอีกครั้ง
ร้านแห่งนี้เป็นร้านที่มีผู้เข้ามาใช้บริการไม่มากมายแต่อย่างใด และโดยมากแขกที่เข้าร้านก็มักจะเป็นแขกประจำซึ่งติดอกติดใจในรสชาติอาหาร บรรยากาศของร้าน หรืออัธยาศัยและความรู้ใจของเจ้าของร้าน
...ในช่วงเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่แขกจะบางตาเป็นอย่างยิ่ง...และโดยเฉพาะวันนี้ ชายหนุ่มและคู่สนทนาเป็นแขกเพียงโต๊ะเดียวของร้าน...
...เจ้าของร้านก็ยังคงจัดโน่นเก็บนี่อยู่หลังเคาน์เตอร์อย่างเงียบๆ เพื่อที่จะคอยบริการแขกที่มีอยู่ได้อย่างทันท่วงทีและไม่ขาดตกบกพร่อง...แต่ถึงกระนั้น หากแขกไม่เรียก เจ้าของร้านก็จะไม่เข้าไปจุ้นจ้านที่โต๊ะเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของแขก...
“คุณยังจำวันแรกที่เราพบกันได้มั้ย” แววตาแห่งความรักเพ่งพิศดวงหน้าหญิงสาว
“วันนั้นฝนตกหนัก...คุณและเพื่อนๆ วิ่งเข้ามาหลบฝนในร้านแห่งนี้ และบังเอิญวันนั้นผมและเพื่อนๆ ก็เลือกที่จะเข้ามาสังสรรค์กันที่ร้านนี้เช่นกัน”
...หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างผู้ฟังที่ดี...
“...ผมน่าจะบอกคุณสักล้านครั้งได้แล้วมั้ง...แต่ผมก็ยังอยากจะบอกคุณอยู่ดี...รอยยิ้ม...ความร่าเริงของคุณทำให้ผมชื่นชมคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมพบคุณ...การที่เราเจอกันที่ร้านแห่งนี้ อาจจะเป็นโชคของผมก็เป็นได้...”
ชายหนุ่มหยุดพูดหน่อยหนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านอย่างชื่นชม
“...หลังจากวันนั้น คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่คุณกับผมพบเจอกันบ่อยๆ ที่ร้านแห่งนี้...แต่เปล่าเลย...มันเป็นความตั้งใจของผม...”
“พรหมลิขิตนำพาให้ผมมาพบกับคุณแล้ว...แต่เราก็คงจะเป็นเพียงแค่คนที่เดินสวนทางกันไปถ้าผมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น...แน่นอนว่าในใจบอกกับผมว่าจะให้เรื่องราวระหว่างเราหยุดอยู่เพียงแค่นั้นไม่ได้”
ชายหนุ่มหันไปมองและยิ้มให้เจ้าของร้านซึ่งยังคงยืนง่วนกับการจัดโน่นนิดนี่หน่อยหลังเคาน์เตอร์ ก่อนที่เจ้าของร้านจะเงยหน้าขึ้นมาและพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ เพื่อแสดงอาการตอบกลับชายหนุ่ม
“และเจ้าของร้านที่แสนดีก็ให้ความช่วยเหลือผมเป็นอย่างดีทุกครั้งที่ผมขอความช่วยเหลือ”
“...ทุกๆ คืน ผมหลับไปพร้อมรอยยิ้ม...ในความฝัน...เราได้รักและครองคู่กันตลอดไป...”
หญิงสาวยิ้มรับคำพูดของชายหนุ่ม...แววตาหม่นเสมือนเก็บงำความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
“และในที่สุด...ฝันของผมก็เป็นจริง...วันที่คุณตอบรับรักผม...คุณจะเชื่อไหมนะ...มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก...มากจริงๆ” รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างที่ชายหนุ่มรู้สึก
“ผมฝันไปไกลถึงวันที่เราแต่งงาน...และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า...”
“คงจะมีความสุขมากเลยนะ...คุณกับผมที่ตอนนั้นคงจะเป็นตากับยายแล้ว...นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก...ลูกๆ นั่งคุยกับเราอยู่ข้างๆ...หลานชายตัวน้อยๆ วิ่งไล่จับกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย...ส่วนหลานสาวก็คอยแต่จะออเซาะอยู่รอบๆ ตัวพวกเรา”
“หากไม่เพียงแต่...คุณรู้มั้ย...คุณน่ะ...ใจร้ายมาก”
“ร้านแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งกาลเวลาหยุดนิ่งสำหรับผม...มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนับจากวันที่เราได้พบกัน...บรรยากาศทุกอย่าง...ความรู้สึกทุกอย่าง...ทุกคำพูด...ทุกรอยยิ้ม...ทุกความประทับใจ...ยังคงอยู่ที่นี่”
ชายหนุ่มก้มหน้า รอยยิ้มหายไปจนหมดสิ้น
“ทำไมคุณถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว...ทำไมคุณถึงด่วนจากผมไป...คุณ...คุณไม่เหลือเวลาแม้แต่จะให้ผมได้กอดหรือบอกรักคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
...น้ำตาค่อยๆ รินไหลออกมาจากแววตาหม่นของชายหนุ่ม...
...สีหน้าสลดแสดงออกจากใบหน้าซีดขาวของหญิงสาวอย่างชัดแจ้ง...
“ภาพของคุณจะกระจ่างชัดที่ร้านแห่งนี้...ทุกอย่าง...ยังคงอบอวลอยู่ที่นี่...มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณยังคงอยู่...ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเลย”
...แววตาเศร้าสร้อยอาทรฉายจากดวงตาหม่นของหญิงสาว...
“ผมอยากจะตำหนิคุณที่ทิ้งผมไปไม่มีวันกลับอย่างกะทันหัน...ผมตำหนิตัวเองที่ไม่อาจปกป้องคุณได้...ผมอยากจะตำหนิทุกๆ อย่างที่ทำให้คุณกับผมต้องพลัดพรากกัน”
ชายหนุ่มยกมือปาดน้ำตาก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันปวดร้าวของหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง
“...แต่ในวันนี้...ผมเข้าใจแล้วว่า คุณต้องการจะบอกอะไรกับผม...”
“ความจริงแล้ว...ผมมันเห็นแก่ตัว...ผมเพิ่งรู้ตัวว่า การที่ผมทำตัวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...ความยึดมั่นต่อคุณของผม ทำให้คุณยังคงต้องวนเวียนอยู่ที่นี่ไม่อาจจะไปไหนได้”
“วันนี้จะเป็นวันที่ทุกอย่างจะยุติเสียที...ทั้งคุณ...และผม” ชายหนุ่มเผยยิ้มออกมาอีกครั้งภายใต้ม่านน้ำตาซึ่งยังคงเรื้ออยู่ที่ขอบตา
“ถึงแม้ผมจะเคยบอกคุณมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...แต่ครั้งนี้...อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะได้บอกคุณ...ถึงแม้ต่อไปเราอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว...ขอให้คุณรู้ไว้...ผมรักคุณ...ไม่ว่าจะอย่างไร...ความรู้สึกนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง...ตลอดไป”
รอยยิ้มและดวงตาสดใสของหญิงสาวเผยให้เห็นก่อนที่ภาพตรงหน้าชายหนุ่มจะค่อยๆ โปร่งใสและเลือนหายไป
“ขอบคุณค่ะ...ฉันก็รักคุณค่ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะ”
คำพูดแผ่วเบาแต่ก้องกังวานไปถึงจิตใจของชายหนุ่ม เหมือนดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ลมเย็นพัดผ่านไปพร้อมๆ กับพันธนาการในจิตใจที่ถูกปลดเปลื้อง
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ซึ่งขณะนี้เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า
“โชคดีนะครับ...ครั้งหน้าที่คุณมา ผมเสิร์ฟเมนูใหม่ให้คุณ”
เจ้าของร้านกล่าวก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากร้าน ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มให้เจ้าของร้าน
...ถึงแม้จะไม่สดใสเท่าเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยในรอยยิ้มนั้น ก็แสดงถึงการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น...
...และต่อไป...สิ่งต่างๆ ก็จะผ่านเข้ามา พร้อมๆ กับเวลาที่จะเริ่มหมุนเดินอีกครั้ง...