(ไม่)อยากลืม
แววตาเรียบเฉยของพิมพ์ผกาที่มองผ่านผนังพลาสติกใสของห้องเยี่ยมผู้ต้องหา สร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกซึมลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของผู้ขอพบ มันแพร่ขยายไปยังอวัยวะอื่นๆ จนเขารู้สึกเสียววาบไปทุกข้อต่อของกระดูกที่มีในสันหลัง
ชายหนุ่มรู้ดีว่าทุกอย่าง มันเกิดจากความโกรธแค้นที่มีมากมายเหลือเกิน ของผู้ต้องหาสาวซึ่งอยู่อีกฝั่งของผนัง กับสิ่งที่เธอคิดว่าตัวเขาเองเป็นต้นเหตุ...
หูโทรศัพท์บนโต๊ะถูกยกขึ้นเกือบจะพร้อมกันทั้งสองฝ่าย
“พิมพ์...พิมพ์กำลังเข้าใจหนึ่งผิดนะ” แววตาสั่นไหวของผู้พูดประสานกับแววตาที่เหมือน ไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกแล้วของเจ้าของชื่อ
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...พิมพ์น่าจะรักคนอื่นนะ หนึ่งว่าไหม” เธอเอ่ยขึ้นคล้ายพึมพำ
“ทำไมพิมพ์พูดอย่างนั้น”
…
สมิธแอนด์เวสสัน คือยี่ห้อปืนพกแบบลูกโม่ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในกลุ่มของคนอยู่วงการลูกตะกั่ว M60 คือรุ่นยอดนิยมสำหรับการพกไว้ป้องกันตัว เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่อานุภาพร้ายแรงไม่แพ้รหัสไหนในตระกูลเดียวกัน
ปืนกระบอกนี้พ่อผู้เป็นนักกีฬายิงปืนมอบให้พิมพ์ผกาไว้เป็นอาวุธป้องกันตัว ก่อนท่านจะจากไปเมื่อสามปีก่อน
กระสุนขนาดจุดสามแปด ถูกหญิงสาวบรรจุเข้าไปในรังเพลิงทีละนัดจนเต็มโม่ ภาพงานแต่งงานบนลานกว้างในเวลาสองทุ่ม เบื้องหน้ารถเก๋งที่เธอขับมาจอด คือจุดหมายปลายทางของความตั้งใจซึ่งมีมาจากบ้าน พิมพ์ผกาลงจากประตูด้านคนขับสวมชุดกระโปรงสีดำทั้งชุด ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเธอจะต้องมีปัญหากับใครคนใดคนหนึ่ง ระหว่างเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว
M60 ถูกชี้ไปยังซุ้มประตูหน้างานพร้อมการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง น้ำตาบนสองแก้มบ่งบอกได้ชัดเจนถึงความผิดหวัง ที่มีอยู่เต็มหัวใจของพิมพ์ผกา
“ปืน!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นทำเอาแขกในงานแตกตื่นหาที่หลบกันอลหม่าน
“แกอย่าอยู่เลย! ไอ้หนึ่ง...ไอ้คนหลอกลวง!” พิมพ์ผกาหันปลายกระบอกปืนไปยังเจ้าบ่าว ซึ่งโอบกอดเจ้าสาวที่กำลังตื่นตระหนกกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน
ปัง!
เจ้าบ่าวกระเด็นล้มไปพร้อมกับเจ้าสาวในอ้อมกอด ท่ามกลางเสียงหวีดร้องดังระงม จังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงาน พุ่งเข้ารวบตัวเจ้าของคมกระสุนเอาไว้ได้
“ปล่อยฉัน! ฉันจะฆ่ามัน มันเป็นคนเลว มันหลอกลวง” พิมพ์ผกาถูกชายฉกรรจ์สามคนแย่งปืนมาได้ ก่อนคนเหล่านั้นจะกดร่างเธอคว่ำลงกับพื้น
“โทรแจ้งตำรวจ โทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!” หนึ่งในชายผู้ควบคุมตัวมือปืนสาวตะโกนขึ้น
…
“พิมพ์รู้ไหมว่า...พิมพ์กำลังเข้าใจผิดอย่างมาก และวันนั้นพิมพ์ทำสิ่งร้ายแรงที่ไม่น่าทำลงไปเลยนะ” สีหน้าตื่นตระหนก ถูกเสริมด้วยน้ำเสียงลนลานผ่านสายโทรศัพท์ไปยังผู้ต้องหาสาว
“หึๆ เข้าใจผิดเหรอ เข้าใจผิดว่าผู้ชายที่สัญญากับพิมพ์ว่าจะแต่งงานด้วย...กำลังยิ้มมีความสุขกับเจ้าสาวอีกคนที่ไม่ใช่พิมพ์อย่างนั้นใช่ไหม เข้าใจผิดว่าเจ้าสาวคนนั้นควรเป็นพิมพ์...นั่นเหรอที่หนึ่งบอกเข้าใจผิด” แม้หญิงสาวจะมีรอยยิ้ม แต่มันช่างเยียบเย็นจนน่าขนลุก เมื่ออยู่บนใบหน้าที่มีแววตาเหมือนไม่แยแสอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้
“คนที่ถูกพิมพ์ยิงไม่ใช่หนึ่ง ไม่...ไม่ใช่สิ หนึ่งเขาไม่ใช่คนรักของพิมพ์ สองต่างหากที่เป็นคนรักของพิมพ์” ชายหนุ่มเอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาดด้วยสายตาอ้อนวอน คล้ายอยากให้หญิงสาวอีกฟากผนังรับฟัง
“พะ...พูดอะไร พิมพ์ไม่เข้าใจ” สีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ของหญิงสาวดูตกใจเล็กน้อย
“หนึ่งกับสองเป็นฝาแฝดกัน”
…
“คิดยังไงมาหาฉันถึงนี่เหรอนายสอง” พี่ชายฝาแฝดหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วหมุนเก้าอี้จากโต๊ะคอมพิวเตอร์ หันมาถามน้องชายที่เพิ่งเปิดประตูห้องเช่าเข้าไป
“ก็อยากรู้ว่าเด็กกรุงเทพเขาอยู่กันยังไงแค่นั้นล่ะ...ไม่ได้เหรอ” สองวางกระเป๋าเป้ลงที่พื้นก่อนจะทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงของพี่ชาย “เทอมนี้ลงซัมเมอร์เหรอ”
“ก็งั้นแหละ...เขาเปิดให้ลงก็ลงๆ ไป จะได้รีบจบรีบทำงาน” ผู้เป็นพี่หมุนเก้าอี้กลับไปสนใจคอมพิวเตอร์ ที่กำลังติดพันอยู่กับการถามตอบกับเพื่อนๆ บนโปรแกรมสนทนายอดนิยม
“คุยกับใครอยู่เหรอ” สองลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอน
“สาวๆ ในเฟซบุ๊ก” อีกฝ่ายตอบโดยสายตายังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ
“นักศึกษา ม. ดัง ในกรุงเทพนี่จีบสาวคนไหนก็ไม่มีใครปฏิเสธสินะ” สองเอ่ยคล้ายประชด
พี่ชายขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองที่ผู้พูด “ไม่จริงหรอก...ฉันคุยกับเฉพาะคนที่รู้จักกันในหมู่เพื่อนๆ น่ะ”
“ไหนมาดูหน่อยสิ” สองลุกไปยังโต๊ะของพี่ชาย
“จะดูอะไร” หนึ่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ดูสาวๆ ในเฟซบุ๊กของนายไง” สองแย่งเมาส์มาจากมือเจ้าของเครื่อง ก่อนจะเลื่อนไปเลื่อนมาเพื่อดูในสิ่งที่อยากรู้ “คนนี้น่ารักว่ะ...แฟนนายเหรอ”
“ไหนคนไหน อ๋อ...คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ก็แค่คุยเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”
...
“เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มล้วงกระดาษสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อมากางออก แล้วทาบที่ผนังพลาสติกใสให้อีกฝ่ายดู
เมื่อเห็นข้อมูลที่อยู่บนนั้นพิมพ์ผกาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้พูดเรื่องจริง...เพราะสิ่งที่เห็นคือสำเนาบัตรประชนของชายสองคน ที่มีใบหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ คนหนึ่งชื่อ ‘ปิยนันท์’ ส่วนอีกคนชื่อ ‘ปิยนนท์’
“ทะ...ทำไม ถึงไม่บอกพิมพ์ หนึ่ง...สอง คุณโกหกฉันทำไม!” หญิงสาวขึ้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค ก่อนน้ำตาจะร่วงลงอาบสองแก้ม พร้อมจ้องตาชายโกหกด้วยความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
“หนึ่ง...ไม่ใช่สิ สองขอโทษ...สองไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนั้นสองสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ กลัวว่าพิมพ์จะรังเกียจ เลยต้องสวมรอยเป็นหนึ่งมาตลอด ตะ...แต่สองรักพิมพ์จริงๆ นะ” ความจำเป็นมากมายพรั่งพรูออกจากปากชายหนุ่มเพื่อขอโทษ แต่อีกฝ่ายกลับไม่อยากจะยอมรับความจริงที่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่หญิงสาวทำลงไปมันเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เธอกำลังจะต้องโทษพยายามฆ่า...และกำลังจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกในอีกไม่ช้า คำขอโทษมันแก้ไขอะไรได้อย่างนั้นหรือ...
“ฉันไม่ยกโทษให้ ฉันจะไม่ยกโทษให้คนที่ทำลายชีวิตฉันขนาดนี้หรอกนะ” พิมพ์ผการีดเสียงสูงอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มถึงกับน้ำตาซึม “ได้...พิมพ์ไม่ต้องยกโทษให้สองก็ได้ แต่ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการยื้อคดีอีกเลย เพื่อตัวพิมพ์เองยอมรับผิดแล้วโทษจะเบาลง สองคงพูดได้เท่านี้”
“แกทำฉันขนาดนี้...ยังมีหน้ามาบอกว่ารัก ว่าห่วง ว่าเห็นใจอย่างนั้นเหรอ ได้...ต่อไปนี้ฉันจะทำเพื่อตัวเอง และฉันขอสาปแช่งแก ให้ชีวิตของแกพบเจอแต่ความผิดหวังเจอแต่คนหลอกลวง ให้สักวันหนึ่งแกต้องตกนรกตายทั้งเป็นแบบที่ฉันเป็น ขอให้ชีวิตแกตกต่ำ ให้ชีวิตแกทรมานจนถึงวินาทีสุดท้ายที่แกขาดใจตาย” หญิงสาววางหูโทรศัพท์และเดินกลับเข้าไปข้างในโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
...
“พี่หนึ่งเป็นไงบ้าง” เจ้าสาวในวันแต่งเอ่ยถามชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเยี่ยมผู้ต้องหา
“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ผู้ถูกถามยิ้มให้หญิงสาวหลังคำตอบ
“โล่งอกไปทีที่จบแค่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นฝ่ายผู้ใหญ่เฟิร์นคงไม่ให้แต่งกับพี่หนึ่งแน่เลย” ผู้พูดถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้นหรอก” ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแต่เอาพี่สองมาอ้าง พี่สองไม่ว่าเอาเหรอ” หญิงสาวยังไม่คลายใจกับเรื่องทั้งหมด
“ก็อย่าให้มันรู้สิ ถ้ามันรู้ก็ความแตกกันพอดี”
“อือ...” ผู้ฟังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เอาน่า...ขนาดโดนยิงในงานแต่ง พี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไร ก็ไม่เห็นเป็นไร กระสุนแค่ถากไหล่ไป วันนี้พี่เตรียมตัวมาดี สบายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มโอบคนรักเข้ามาชิดตัวในขณะที่เดินพ้นตัวอาคารออกมา
...
“ไหนคนไหน...อ๋อ คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ก็แค่คุยเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”
“โอ้โห...หน้าเราเหมือนกันยังกะแกะ ยังจะมาขอแบ่งหญิงอีก” ผู้เป็นพี่ตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน
“หน้าเหมือนกันแต่มันสมองไม่เหมือนกันสักหน่อย ถ้าฉันหัวดีอย่างนายคงไม่ขอหรอก” สองพูดเชิงน้อยใจ
“จะเอาน้องพิมพ์...ไม่ต้องจีบหรอก รอฉันเบื่อก่อนนายค่อยสวมรอยเอาแล้วกัน”
“บ้าสิ...ใครจะไปทำแบบนั้น สงสารผู้หญิงแย่” แม้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอแบบไม่คิดอะไร แต่คนฟังกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
“คิดมากน่าน้องชาย ก็แค่ผู้หญิงจะไปคิดอะไรมากมาย สมัยนี้เขาคบๆ เลิกๆ กันเป็นเรื่องปกติ ยังมีอีกเหรอคบคนเดียวแล้วอยู่กินกันไปจนตาย ยากอย่างกับงมเข็มในมหาสมุทร” ผู้พูดส่ายหัวเพราะรู้สึกว่าแฝดของตัวเองช่างอ่อนหัดเรื่องผู้หญิงนักในสายตาของเขา
“เออ...เวลาเกิดเรื่องก็สับรางให้มันทันแล้วกัน พ่อนักรัก แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือนแล้วกัน”
******************
วิชชากาญจน์ วิรุฬห์อักษรากร
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมได้ร่วมงานกับอาจารย์ซอง เสียดายที่ช่วงนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่เพราะงานยุ่งมาก เรื่องนี้จึงออกมาไม่เรียบลื่นเท่าใดนัก ขอโพสไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้อาจารย์ซองครับ
(ไม่)อยากลืม : เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายที่ได้ร่วมงานกับอาจารย์ซอง
แววตาเรียบเฉยของพิมพ์ผกาที่มองผ่านผนังพลาสติกใสของห้องเยี่ยมผู้ต้องหา สร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกซึมลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของผู้ขอพบ มันแพร่ขยายไปยังอวัยวะอื่นๆ จนเขารู้สึกเสียววาบไปทุกข้อต่อของกระดูกที่มีในสันหลัง
ชายหนุ่มรู้ดีว่าทุกอย่าง มันเกิดจากความโกรธแค้นที่มีมากมายเหลือเกิน ของผู้ต้องหาสาวซึ่งอยู่อีกฝั่งของผนัง กับสิ่งที่เธอคิดว่าตัวเขาเองเป็นต้นเหตุ...
หูโทรศัพท์บนโต๊ะถูกยกขึ้นเกือบจะพร้อมกันทั้งสองฝ่าย
“พิมพ์...พิมพ์กำลังเข้าใจหนึ่งผิดนะ” แววตาสั่นไหวของผู้พูดประสานกับแววตาที่เหมือน ไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกแล้วของเจ้าของชื่อ
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...พิมพ์น่าจะรักคนอื่นนะ หนึ่งว่าไหม” เธอเอ่ยขึ้นคล้ายพึมพำ
“ทำไมพิมพ์พูดอย่างนั้น”
…
สมิธแอนด์เวสสัน คือยี่ห้อปืนพกแบบลูกโม่ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในกลุ่มของคนอยู่วงการลูกตะกั่ว M60 คือรุ่นยอดนิยมสำหรับการพกไว้ป้องกันตัว เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่อานุภาพร้ายแรงไม่แพ้รหัสไหนในตระกูลเดียวกัน
ปืนกระบอกนี้พ่อผู้เป็นนักกีฬายิงปืนมอบให้พิมพ์ผกาไว้เป็นอาวุธป้องกันตัว ก่อนท่านจะจากไปเมื่อสามปีก่อน
กระสุนขนาดจุดสามแปด ถูกหญิงสาวบรรจุเข้าไปในรังเพลิงทีละนัดจนเต็มโม่ ภาพงานแต่งงานบนลานกว้างในเวลาสองทุ่ม เบื้องหน้ารถเก๋งที่เธอขับมาจอด คือจุดหมายปลายทางของความตั้งใจซึ่งมีมาจากบ้าน พิมพ์ผกาลงจากประตูด้านคนขับสวมชุดกระโปรงสีดำทั้งชุด ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเธอจะต้องมีปัญหากับใครคนใดคนหนึ่ง ระหว่างเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว
M60 ถูกชี้ไปยังซุ้มประตูหน้างานพร้อมการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง น้ำตาบนสองแก้มบ่งบอกได้ชัดเจนถึงความผิดหวัง ที่มีอยู่เต็มหัวใจของพิมพ์ผกา
“ปืน!” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นทำเอาแขกในงานแตกตื่นหาที่หลบกันอลหม่าน
“แกอย่าอยู่เลย! ไอ้หนึ่ง...ไอ้คนหลอกลวง!” พิมพ์ผกาหันปลายกระบอกปืนไปยังเจ้าบ่าว ซึ่งโอบกอดเจ้าสาวที่กำลังตื่นตระหนกกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน
ปัง!
เจ้าบ่าวกระเด็นล้มไปพร้อมกับเจ้าสาวในอ้อมกอด ท่ามกลางเสียงหวีดร้องดังระงม จังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงาน พุ่งเข้ารวบตัวเจ้าของคมกระสุนเอาไว้ได้
“ปล่อยฉัน! ฉันจะฆ่ามัน มันเป็นคนเลว มันหลอกลวง” พิมพ์ผกาถูกชายฉกรรจ์สามคนแย่งปืนมาได้ ก่อนคนเหล่านั้นจะกดร่างเธอคว่ำลงกับพื้น
“โทรแจ้งตำรวจ โทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!” หนึ่งในชายผู้ควบคุมตัวมือปืนสาวตะโกนขึ้น
…
“พิมพ์รู้ไหมว่า...พิมพ์กำลังเข้าใจผิดอย่างมาก และวันนั้นพิมพ์ทำสิ่งร้ายแรงที่ไม่น่าทำลงไปเลยนะ” สีหน้าตื่นตระหนก ถูกเสริมด้วยน้ำเสียงลนลานผ่านสายโทรศัพท์ไปยังผู้ต้องหาสาว
“หึๆ เข้าใจผิดเหรอ เข้าใจผิดว่าผู้ชายที่สัญญากับพิมพ์ว่าจะแต่งงานด้วย...กำลังยิ้มมีความสุขกับเจ้าสาวอีกคนที่ไม่ใช่พิมพ์อย่างนั้นใช่ไหม เข้าใจผิดว่าเจ้าสาวคนนั้นควรเป็นพิมพ์...นั่นเหรอที่หนึ่งบอกเข้าใจผิด” แม้หญิงสาวจะมีรอยยิ้ม แต่มันช่างเยียบเย็นจนน่าขนลุก เมื่ออยู่บนใบหน้าที่มีแววตาเหมือนไม่แยแสอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้
“คนที่ถูกพิมพ์ยิงไม่ใช่หนึ่ง ไม่...ไม่ใช่สิ หนึ่งเขาไม่ใช่คนรักของพิมพ์ สองต่างหากที่เป็นคนรักของพิมพ์” ชายหนุ่มเอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาดด้วยสายตาอ้อนวอน คล้ายอยากให้หญิงสาวอีกฟากผนังรับฟัง
“พะ...พูดอะไร พิมพ์ไม่เข้าใจ” สีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ของหญิงสาวดูตกใจเล็กน้อย
“หนึ่งกับสองเป็นฝาแฝดกัน”
…
“คิดยังไงมาหาฉันถึงนี่เหรอนายสอง” พี่ชายฝาแฝดหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วหมุนเก้าอี้จากโต๊ะคอมพิวเตอร์ หันมาถามน้องชายที่เพิ่งเปิดประตูห้องเช่าเข้าไป
“ก็อยากรู้ว่าเด็กกรุงเทพเขาอยู่กันยังไงแค่นั้นล่ะ...ไม่ได้เหรอ” สองวางกระเป๋าเป้ลงที่พื้นก่อนจะทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงของพี่ชาย “เทอมนี้ลงซัมเมอร์เหรอ”
“ก็งั้นแหละ...เขาเปิดให้ลงก็ลงๆ ไป จะได้รีบจบรีบทำงาน” ผู้เป็นพี่หมุนเก้าอี้กลับไปสนใจคอมพิวเตอร์ ที่กำลังติดพันอยู่กับการถามตอบกับเพื่อนๆ บนโปรแกรมสนทนายอดนิยม
“คุยกับใครอยู่เหรอ” สองลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอน
“สาวๆ ในเฟซบุ๊ก” อีกฝ่ายตอบโดยสายตายังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ
“นักศึกษา ม. ดัง ในกรุงเทพนี่จีบสาวคนไหนก็ไม่มีใครปฏิเสธสินะ” สองเอ่ยคล้ายประชด
พี่ชายขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองที่ผู้พูด “ไม่จริงหรอก...ฉันคุยกับเฉพาะคนที่รู้จักกันในหมู่เพื่อนๆ น่ะ”
“ไหนมาดูหน่อยสิ” สองลุกไปยังโต๊ะของพี่ชาย
“จะดูอะไร” หนึ่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ดูสาวๆ ในเฟซบุ๊กของนายไง” สองแย่งเมาส์มาจากมือเจ้าของเครื่อง ก่อนจะเลื่อนไปเลื่อนมาเพื่อดูในสิ่งที่อยากรู้ “คนนี้น่ารักว่ะ...แฟนนายเหรอ”
“ไหนคนไหน อ๋อ...คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ก็แค่คุยเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”
...
“เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้” ชายหนุ่มล้วงกระดาษสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อมากางออก แล้วทาบที่ผนังพลาสติกใสให้อีกฝ่ายดู
เมื่อเห็นข้อมูลที่อยู่บนนั้นพิมพ์ผกาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้พูดเรื่องจริง...เพราะสิ่งที่เห็นคือสำเนาบัตรประชนของชายสองคน ที่มีใบหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ คนหนึ่งชื่อ ‘ปิยนันท์’ ส่วนอีกคนชื่อ ‘ปิยนนท์’
“ทะ...ทำไม ถึงไม่บอกพิมพ์ หนึ่ง...สอง คุณโกหกฉันทำไม!” หญิงสาวขึ้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค ก่อนน้ำตาจะร่วงลงอาบสองแก้ม พร้อมจ้องตาชายโกหกด้วยความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
“หนึ่ง...ไม่ใช่สิ สองขอโทษ...สองไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนั้นสองสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ กลัวว่าพิมพ์จะรังเกียจ เลยต้องสวมรอยเป็นหนึ่งมาตลอด ตะ...แต่สองรักพิมพ์จริงๆ นะ” ความจำเป็นมากมายพรั่งพรูออกจากปากชายหนุ่มเพื่อขอโทษ แต่อีกฝ่ายกลับไม่อยากจะยอมรับความจริงที่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่หญิงสาวทำลงไปมันเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เธอกำลังจะต้องโทษพยายามฆ่า...และกำลังจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกในอีกไม่ช้า คำขอโทษมันแก้ไขอะไรได้อย่างนั้นหรือ...
“ฉันไม่ยกโทษให้ ฉันจะไม่ยกโทษให้คนที่ทำลายชีวิตฉันขนาดนี้หรอกนะ” พิมพ์ผการีดเสียงสูงอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มถึงกับน้ำตาซึม “ได้...พิมพ์ไม่ต้องยกโทษให้สองก็ได้ แต่ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการยื้อคดีอีกเลย เพื่อตัวพิมพ์เองยอมรับผิดแล้วโทษจะเบาลง สองคงพูดได้เท่านี้”
“แกทำฉันขนาดนี้...ยังมีหน้ามาบอกว่ารัก ว่าห่วง ว่าเห็นใจอย่างนั้นเหรอ ได้...ต่อไปนี้ฉันจะทำเพื่อตัวเอง และฉันขอสาปแช่งแก ให้ชีวิตของแกพบเจอแต่ความผิดหวังเจอแต่คนหลอกลวง ให้สักวันหนึ่งแกต้องตกนรกตายทั้งเป็นแบบที่ฉันเป็น ขอให้ชีวิตแกตกต่ำ ให้ชีวิตแกทรมานจนถึงวินาทีสุดท้ายที่แกขาดใจตาย” หญิงสาววางหูโทรศัพท์และเดินกลับเข้าไปข้างในโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
...
“พี่หนึ่งเป็นไงบ้าง” เจ้าสาวในวันแต่งเอ่ยถามชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเยี่ยมผู้ต้องหา
“เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ผู้ถูกถามยิ้มให้หญิงสาวหลังคำตอบ
“โล่งอกไปทีที่จบแค่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นฝ่ายผู้ใหญ่เฟิร์นคงไม่ให้แต่งกับพี่หนึ่งแน่เลย” ผู้พูดถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้นหรอก” ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ว่าแต่เอาพี่สองมาอ้าง พี่สองไม่ว่าเอาเหรอ” หญิงสาวยังไม่คลายใจกับเรื่องทั้งหมด
“ก็อย่าให้มันรู้สิ ถ้ามันรู้ก็ความแตกกันพอดี”
“อือ...” ผู้ฟังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เอาน่า...ขนาดโดนยิงในงานแต่ง พี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไร ก็ไม่เห็นเป็นไร กระสุนแค่ถากไหล่ไป วันนี้พี่เตรียมตัวมาดี สบายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มโอบคนรักเข้ามาชิดตัวในขณะที่เดินพ้นตัวอาคารออกมา
...
“ไหนคนไหน...อ๋อ คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ก็แค่คุยเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร”
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”
“โอ้โห...หน้าเราเหมือนกันยังกะแกะ ยังจะมาขอแบ่งหญิงอีก” ผู้เป็นพี่ตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน
“หน้าเหมือนกันแต่มันสมองไม่เหมือนกันสักหน่อย ถ้าฉันหัวดีอย่างนายคงไม่ขอหรอก” สองพูดเชิงน้อยใจ
“จะเอาน้องพิมพ์...ไม่ต้องจีบหรอก รอฉันเบื่อก่อนนายค่อยสวมรอยเอาแล้วกัน”
“บ้าสิ...ใครจะไปทำแบบนั้น สงสารผู้หญิงแย่” แม้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอแบบไม่คิดอะไร แต่คนฟังกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
“คิดมากน่าน้องชาย ก็แค่ผู้หญิงจะไปคิดอะไรมากมาย สมัยนี้เขาคบๆ เลิกๆ กันเป็นเรื่องปกติ ยังมีอีกเหรอคบคนเดียวแล้วอยู่กินกันไปจนตาย ยากอย่างกับงมเข็มในมหาสมุทร” ผู้พูดส่ายหัวเพราะรู้สึกว่าแฝดของตัวเองช่างอ่อนหัดเรื่องผู้หญิงนักในสายตาของเขา
“เออ...เวลาเกิดเรื่องก็สับรางให้มันทันแล้วกัน พ่อนักรัก แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือนแล้วกัน”
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมได้ร่วมงานกับอาจารย์ซอง เสียดายที่ช่วงนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่เพราะงานยุ่งมาก เรื่องนี้จึงออกมาไม่เรียบลื่นเท่าใดนัก ขอโพสไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้อาจารย์ซองครับ