(ไม่)อยากลืม : เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายที่ได้ร่วมงานกับอาจารย์ซอง

กระทู้สนทนา
(ไม่)อยากลืม


แววตาเรียบเฉยของพิมพ์ผกาที่มองผ่านผนังพลาสติกใสของห้องเยี่ยมผู้ต้องหา  สร้างความรู้สึกเย็นยะเยือกซึมลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของผู้ขอพบ  มันแพร่ขยายไปยังอวัยวะอื่นๆ จนเขารู้สึกเสียววาบไปทุกข้อต่อของกระดูกที่มีในสันหลัง

ชายหนุ่มรู้ดีว่าทุกอย่าง  มันเกิดจากความโกรธแค้นที่มีมากมายเหลือเกิน  ของผู้ต้องหาสาวซึ่งอยู่อีกฝั่งของผนัง  กับสิ่งที่เธอคิดว่าตัวเขาเองเป็นต้นเหตุ...

หูโทรศัพท์บนโต๊ะถูกยกขึ้นเกือบจะพร้อมกันทั้งสองฝ่าย

“พิมพ์...พิมพ์กำลังเข้าใจหนึ่งผิดนะ”  แววตาสั่นไหวของผู้พูดประสานกับแววตาที่เหมือน  ไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกแล้วของเจ้าของชื่อ

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...พิมพ์น่าจะรักคนอื่นนะ  หนึ่งว่าไหม”  เธอเอ่ยขึ้นคล้ายพึมพำ

“ทำไมพิมพ์พูดอย่างนั้น”  



สมิธแอนด์เวสสัน  คือยี่ห้อปืนพกแบบลูกโม่  ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในกลุ่มของคนอยู่วงการลูกตะกั่ว  M60 คือรุ่นยอดนิยมสำหรับการพกไว้ป้องกันตัว  เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด  แต่อานุภาพร้ายแรงไม่แพ้รหัสไหนในตระกูลเดียวกัน

ปืนกระบอกนี้พ่อผู้เป็นนักกีฬายิงปืนมอบให้พิมพ์ผกาไว้เป็นอาวุธป้องกันตัว  ก่อนท่านจะจากไปเมื่อสามปีก่อน

กระสุนขนาดจุดสามแปด  ถูกหญิงสาวบรรจุเข้าไปในรังเพลิงทีละนัดจนเต็มโม่  ภาพงานแต่งงานบนลานกว้างในเวลาสองทุ่ม  เบื้องหน้ารถเก๋งที่เธอขับมาจอด  คือจุดหมายปลายทางของความตั้งใจซึ่งมีมาจากบ้าน  พิมพ์ผกาลงจากประตูด้านคนขับสวมชุดกระโปรงสีดำทั้งชุด  ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเธอจะต้องมีปัญหากับใครคนใดคนหนึ่ง  ระหว่างเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว

M60 ถูกชี้ไปยังซุ้มประตูหน้างานพร้อมการก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง  น้ำตาบนสองแก้มบ่งบอกได้ชัดเจนถึงความผิดหวัง  ที่มีอยู่เต็มหัวใจของพิมพ์ผกา

“ปืน!”  เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นทำเอาแขกในงานแตกตื่นหาที่หลบกันอลหม่าน

“แกอย่าอยู่เลย!  ไอ้หนึ่ง...ไอ้คนหลอกลวง!”  พิมพ์ผกาหันปลายกระบอกปืนไปยังเจ้าบ่าว  ซึ่งโอบกอดเจ้าสาวที่กำลังตื่นตระหนกกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน

ปัง!

เจ้าบ่าวกระเด็นล้มไปพร้อมกับเจ้าสาวในอ้อมกอด  ท่ามกลางเสียงหวีดร้องดังระงม  จังหวะเดียวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงาน  พุ่งเข้ารวบตัวเจ้าของคมกระสุนเอาไว้ได้

“ปล่อยฉัน!  ฉันจะฆ่ามัน  มันเป็นคนเลว  มันหลอกลวง”  พิมพ์ผกาถูกชายฉกรรจ์สามคนแย่งปืนมาได้  ก่อนคนเหล่านั้นจะกดร่างเธอคว่ำลงกับพื้น

“โทรแจ้งตำรวจ  โทรแจ้งตำรวจเร็วเข้า!”  หนึ่งในชายผู้ควบคุมตัวมือปืนสาวตะโกนขึ้น



“พิมพ์รู้ไหมว่า...พิมพ์กำลังเข้าใจผิดอย่างมาก  และวันนั้นพิมพ์ทำสิ่งร้ายแรงที่ไม่น่าทำลงไปเลยนะ”  สีหน้าตื่นตระหนก  ถูกเสริมด้วยน้ำเสียงลนลานผ่านสายโทรศัพท์ไปยังผู้ต้องหาสาว

“หึๆ  เข้าใจผิดเหรอ  เข้าใจผิดว่าผู้ชายที่สัญญากับพิมพ์ว่าจะแต่งงานด้วย...กำลังยิ้มมีความสุขกับเจ้าสาวอีกคนที่ไม่ใช่พิมพ์อย่างนั้นใช่ไหม  เข้าใจผิดว่าเจ้าสาวคนนั้นควรเป็นพิมพ์...นั่นเหรอที่หนึ่งบอกเข้าใจผิด”  แม้หญิงสาวจะมีรอยยิ้ม  แต่มันช่างเยียบเย็นจนน่าขนลุก  เมื่ออยู่บนใบหน้าที่มีแววตาเหมือนไม่แยแสอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้

“คนที่ถูกพิมพ์ยิงไม่ใช่หนึ่ง  ไม่...ไม่ใช่สิ  หนึ่งเขาไม่ใช่คนรักของพิมพ์  สองต่างหากที่เป็นคนรักของพิมพ์”  ชายหนุ่มเอ่ยถ้อยคำแปลกประหลาดด้วยสายตาอ้อนวอน  คล้ายอยากให้หญิงสาวอีกฟากผนังรับฟัง

“พะ...พูดอะไร  พิมพ์ไม่เข้าใจ”  สีหน้าเรียบเฉยเมื่อครู่ของหญิงสาวดูตกใจเล็กน้อย

“หนึ่งกับสองเป็นฝาแฝดกัน”  



“คิดยังไงมาหาฉันถึงนี่เหรอนายสอง”  พี่ชายฝาแฝดหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วหมุนเก้าอี้จากโต๊ะคอมพิวเตอร์  หันมาถามน้องชายที่เพิ่งเปิดประตูห้องเช่าเข้าไป

“ก็อยากรู้ว่าเด็กกรุงเทพเขาอยู่กันยังไงแค่นั้นล่ะ...ไม่ได้เหรอ”  สองวางกระเป๋าเป้ลงที่พื้นก่อนจะทิ้งตัวแผ่หลาบนเตียงของพี่ชาย  “เทอมนี้ลงซัมเมอร์เหรอ”

“ก็งั้นแหละ...เขาเปิดให้ลงก็ลงๆ ไป  จะได้รีบจบรีบทำงาน”  ผู้เป็นพี่หมุนเก้าอี้กลับไปสนใจคอมพิวเตอร์  ที่กำลังติดพันอยู่กับการถามตอบกับเพื่อนๆ  บนโปรแกรมสนทนายอดนิยม

“คุยกับใครอยู่เหรอ”  สองลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนที่นอน

“สาวๆ ในเฟซบุ๊ก”  อีกฝ่ายตอบโดยสายตายังคงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ

“นักศึกษา ม. ดัง ในกรุงเทพนี่จีบสาวคนไหนก็ไม่มีใครปฏิเสธสินะ”  สองเอ่ยคล้ายประชด

พี่ชายขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองที่ผู้พูด  “ไม่จริงหรอก...ฉันคุยกับเฉพาะคนที่รู้จักกันในหมู่เพื่อนๆ น่ะ”
    
“ไหนมาดูหน่อยสิ”  สองลุกไปยังโต๊ะของพี่ชาย
    
“จะดูอะไร”  หนึ่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
    
“ดูสาวๆ ในเฟซบุ๊กของนายไง”  สองแย่งเมาส์มาจากมือเจ้าของเครื่อง  ก่อนจะเลื่อนไปเลื่อนมาเพื่อดูในสิ่งที่อยากรู้  “คนนี้น่ารักว่ะ...แฟนนายเหรอ”
    
“ไหนคนไหน  อ๋อ...คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก  เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที  ก็แค่คุยเล่นๆ  ไม่ได้จริงจังอะไร”  
    
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”  

...

“เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้”  ชายหนุ่มล้วงกระดาษสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อมากางออก  แล้วทาบที่ผนังพลาสติกใสให้อีกฝ่ายดู  
    
เมื่อเห็นข้อมูลที่อยู่บนนั้นพิมพ์ผกาถึงกับตกตะลึง  ชายคนนี้พูดเรื่องจริง...เพราะสิ่งที่เห็นคือสำเนาบัตรประชนของชายสองคน  ที่มีใบหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ  คนหนึ่งชื่อ ‘ปิยนันท์’ ส่วนอีกคนชื่อ ‘ปิยนนท์’
    
“ทะ...ทำไม  ถึงไม่บอกพิมพ์  หนึ่ง...สอง  คุณโกหกฉันทำไม!”  หญิงสาวขึ้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค  ก่อนน้ำตาจะร่วงลงอาบสองแก้ม  พร้อมจ้องตาชายโกหกด้วยความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ
    
“หนึ่ง...ไม่ใช่สิ  สองขอโทษ...สองไม่ได้ตั้งใจ  ในตอนนั้นสองสอบเข้ามหาลัยไม่ได้  กลัวว่าพิมพ์จะรังเกียจ  เลยต้องสวมรอยเป็นหนึ่งมาตลอด  ตะ...แต่สองรักพิมพ์จริงๆ นะ”  ความจำเป็นมากมายพรั่งพรูออกจากปากชายหนุ่มเพื่อขอโทษ  แต่อีกฝ่ายกลับไม่อยากจะยอมรับความจริงที่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย  เพราะสิ่งที่หญิงสาวทำลงไปมันเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว  เธอกำลังจะต้องโทษพยายามฆ่า...และกำลังจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกในอีกไม่ช้า  คำขอโทษมันแก้ไขอะไรได้อย่างนั้นหรือ...
    
“ฉันไม่ยกโทษให้  ฉันจะไม่ยกโทษให้คนที่ทำลายชีวิตฉันขนาดนี้หรอกนะ”  พิมพ์ผการีดเสียงสูงอีกครั้ง
    
เมื่อได้ฟังดังนั้นชายหนุ่มถึงกับน้ำตาซึม  “ได้...พิมพ์ไม่ต้องยกโทษให้สองก็ได้  แต่ขอแค่อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการยื้อคดีอีกเลย  เพื่อตัวพิมพ์เองยอมรับผิดแล้วโทษจะเบาลง  สองคงพูดได้เท่านี้”
    
“แกทำฉันขนาดนี้...ยังมีหน้ามาบอกว่ารัก ว่าห่วง ว่าเห็นใจอย่างนั้นเหรอ  ได้...ต่อไปนี้ฉันจะทำเพื่อตัวเอง  และฉันขอสาปแช่งแก  ให้ชีวิตของแกพบเจอแต่ความผิดหวังเจอแต่คนหลอกลวง  ให้สักวันหนึ่งแกต้องตกนรกตายทั้งเป็นแบบที่ฉันเป็น  ขอให้ชีวิตแกตกต่ำ  ให้ชีวิตแกทรมานจนถึงวินาทีสุดท้ายที่แกขาดใจตาย”  หญิงสาววางหูโทรศัพท์และเดินกลับเข้าไปข้างในโดยไม่หันกลับมาอีกเลย    

...

“พี่หนึ่งเป็นไงบ้าง”  เจ้าสาวในวันแต่งเอ่ยถามชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเยี่ยมผู้ต้องหา
    
“เรียบร้อยแล้ว  ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”  ผู้ถูกถามยิ้มให้หญิงสาวหลังคำตอบ
    
“โล่งอกไปทีที่จบแค่ตรงนี้  ไม่อย่างนั้นฝ่ายผู้ใหญ่เฟิร์นคงไม่ให้แต่งกับพี่หนึ่งแน่เลย”  ผู้พูดถอนหายใจอย่างโล่งอก
    
“พี่ไม่ยอมให้เกิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้นหรอก”  ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
    
“ว่าแต่เอาพี่สองมาอ้าง  พี่สองไม่ว่าเอาเหรอ”  หญิงสาวยังไม่คลายใจกับเรื่องทั้งหมด
    
“ก็อย่าให้มันรู้สิ  ถ้ามันรู้ก็ความแตกกันพอดี”
    
“อือ...”  ผู้ฟังพยักหน้าอย่างเข้าใจ
    
“เอาน่า...ขนาดโดนยิงในงานแต่ง  พี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไร  ก็ไม่เห็นเป็นไร  กระสุนแค่ถากไหล่ไป  วันนี้พี่เตรียมตัวมาดี  สบายอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มโอบคนรักเข้ามาชิดตัวในขณะที่เดินพ้นตัวอาคารออกมา  

...

“ไหนคนไหน...อ๋อ  คนนี้ชื่อพิมพ์ไม่ใช่แฟนฉันหรอก  เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที  ก็แค่คุยเล่นๆ  ไม่ได้จริงจังอะไร”
    
“จริงดิ...งั้นฉันจีบได้ใช่ไหม”  
    
“โอ้โห...หน้าเราเหมือนกันยังกะแกะ  ยังจะมาขอแบ่งหญิงอีก”  ผู้เป็นพี่ตอบด้วยน้ำเสียงขบขัน
    
“หน้าเหมือนกันแต่มันสมองไม่เหมือนกันสักหน่อย  ถ้าฉันหัวดีอย่างนายคงไม่ขอหรอก”  สองพูดเชิงน้อยใจ
    
“จะเอาน้องพิมพ์...ไม่ต้องจีบหรอก  รอฉันเบื่อก่อนนายค่อยสวมรอยเอาแล้วกัน”
    
“บ้าสิ...ใครจะไปทำแบบนั้น  สงสารผู้หญิงแย่”  แม้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอแบบไม่คิดอะไร  แต่คนฟังกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
    
“คิดมากน่าน้องชาย  ก็แค่ผู้หญิงจะไปคิดอะไรมากมาย  สมัยนี้เขาคบๆ เลิกๆ กันเป็นเรื่องปกติ  ยังมีอีกเหรอคบคนเดียวแล้วอยู่กินกันไปจนตาย  ยากอย่างกับงมเข็มในมหาสมุทร”  ผู้พูดส่ายหัวเพราะรู้สึกว่าแฝดของตัวเองช่างอ่อนหัดเรื่องผู้หญิงนักในสายตาของเขา
    
“เออ...เวลาเกิดเรื่องก็สับรางให้มันทันแล้วกัน  พ่อนักรัก  แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือนแล้วกัน”  

******************

วิชชากาญจน์  วิรุฬห์อักษรากร




เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมได้ร่วมงานกับอาจารย์ซอง  เสียดายที่ช่วงนั้นผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่เพราะงานยุ่งมาก  เรื่องนี้จึงออกมาไม่เรียบลื่นเท่าใดนัก  ขอโพสไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายให้อาจารย์ซองครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่