หนามหัวใจ ตอนที่ ๑๕

กระทู้สนทนา
ตอนที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/32349591

              สตรีสามคนถอยออกมายืนด้านหลัง หนึ่งในนั้นซึ่งอาวุโสสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

“อยากให้ถึงวันงานเร็วๆ จังค่ะ”

“ใช่ค่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้จัดเต็มยังสวยขนาดนี้ รับรองว่าถึงวันจริงคุณพรีมต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในรอบปี”

“วันงานคุณภูต้องตะลึงแน่ๆ ค่ะ”หญิงสาวอ่อนวัยที่สุดกล่าว

“พวกเราออกไปก่อนนะคะ”

               พรีมยิ้มให้ทั้งสามผ่านกระจกเงา ชุดเจ้าสาวออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวนิวยอร์ก สามเดือนก่อนหญิงสาวต้องบินไปที่นั่นเพื่อเลือกแบบ นี่ก็เป็นความต้องการของภูวดลที่อยากให้เจ้าสาวสวยที่สุดในวันงาน พรีมสงสัยว่าเขาอยากทำเพื่อเธอ หรือเพื่อตัวเอง หญิงสาวฉีกยิ้มให้เงาตัวเองในกระจก ชุดแต่งงานเกาะอกสีงาช้าง ท่อนล่างจงใจให้ผ้ายับย่นเป็นคลื่นประดับด้วยคริสตัลจากชวาลอฟสกี้ แขนกลมกลึงสวมถุงมือสีเดียวกับชุดยาวถึงข้อศอก พรีมมองเครื่องประดับผมที่ทางร้านเลือกมาให้สามแบบ กิ๊บติดผมรูปหมวกพร้อมผ้าคลุมลูกไม้ยาวครึ่งหน้า ที่คาดผมประดับคริสตัลรูปดอกกุหลาบ และหวีสับรูปผีเสื้อตัวใหญ่ หญิงสาวหยิบเครื่องประดับผมแต่ละชิ้นมาลอง ภูวดลให้เครื่องเพชรชุดใหญ่สำหรับใส่วันงานแล้ว ชายหนุ่มรู้ว่าชุดจะมาถึงวันนี้ แต่เขาถือเคล็ดว่าจะไม่มาดูเธอลองชุด พรีมเก็บเครื่องประดับผมใส่กล่อง เธอยังไม่รู้สึกถูกใจชิ้นไหนเป็นพิเศษ อาจเพราะผมเธอสั้นเกินกว่าจะทำผมสวยๆ และใช้ของพวกนี้ประดับผม

               เสียงเคาะประตูห้องดัง หญิงสาวคิดว่าเป็นพนักงานจากเวดดิ้ง สตูดิโอที่มาช่วยเธอลองชุด จึงตะโกนไปว่า

“เข้ามาได้ค่ะ”

               เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังใกล้เข้ามา พรีมขมวดคิ้ว ภูวดลน่าจะรู้ว่าเธอใช้ห้องแต่งตัวของเขาลองชุด ชายหนุ่มบอกเองว่าจะรอจนถึงวันแต่ง หรือว่าเขาเปลี่ยนใจ หญิงสาวเขินที่จะให้เขาเห็นเธอในชุดเจ้าสาว พรีมก้มลงมองมือตัวเอง ถ้าเธอมองกระจกก็จะเห็นว่าผิวแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ผ้าม่านถูกเลื่อนออกแล้วจึงเลื่อนปิดอีกครั้ง หญิงสาวสูดลมหายใจก่อนจะหันไปมองคนที่เพิ่งเข้ามา
รพีพัฒน์ยืนนิ่งมองร่างบางระหงในชุดเจ้าสาวฝีมือดีไซน์เนอร์ดัง เธอเองก็ตกใจพอๆ กับเขาแต่คนละสาเหตุ ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไม่วางตา ชายหนุ่มเป็นฝ่ายทำลายความเงียบลงก่อน

“คุณนี่ต่อให้ตายก็จะแต่งกับพี่ผมให้ได้ใช่มั้ย”รพีพัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“ใช่ ขอโทษนะคะที่ความพยายามอันโหดร้ายของคุณสูญเปล่า”พรีมพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน

“ในเมื่อคุณไม่ยอมแพ้ ดึงดันจะแต่งงานให้ได้ก็ตามใจ”ชายหนุ่มสาวเท้าหาหญิงสาวจนพรีมต้องถอยหลังชิดกระจก

“พรีมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”หญิงสาวบอกเขา แววตากับน้ำเสียงแข็งกร้าว

“ชุดนี่คงถอดลำบาก”แววตาของชายหนุ่มที่มองเธอทำให้พรีมเข่าอ่อน

“ออกไป”พูดไม่พูดเปล่า พรีมยังผลักอกเขาอย่างแรง

“ผมช่วยดีมั้ย”รพีพัฒน์อาสา

“ไม่ต้อง”พรีมเชิดหน้าบอก

“ผมเคยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณมาแล้ว ไม่ต้องอายหรอก”นิ้วเรียวของชายหนุ่มลูบข้างแก้มหญิงสาว พรีมรีบเอามือปัดออก

“พูดเรื่องอะไร”พรีมถามด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง

“ก็วันที่คุณเป็นตะคริวไง”ชายหนุ่มเตือนความจำ

“คุณภูบอกว่าคุณให้แม่บ้านเปลี่ยนให้”พรีมพูดเสียงเบา หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ออก

“คุณคิดว่าผมกล้าทำร้ายความรู้สึกของพี่เหรอ จะบอกให้นะผมเห็นของคุณเท่ากับที่พี่ภูเห็น”รพีพัฒน์เห็นสีหน้าของหญิงสาวตอนนี้ก็อยากหัวเราะ

“เพียะ”มือเรียวเล็กฟาดผลัวะใบหน้าหล่อเหลาของเขา นัยน์ตาของหญิงสาวมีน้ำตาคลอ

“โกรธเหรอ”ชายหนุ่มถามยิ้มๆ มือลูบแก้มข้างที่โดนตบ

               รพีพัฒน์รั้งเอวของว่าที่พี่สะใภ้ในชุดเจ้าสาวเข้ามากอด พรีมใช้มือดันอกชายหนุ่ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ หญิงสาวมัวแต่จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อจนไม่รู้ตัวว่าอกอิ่มของเธอเบียดชิดแผ่นอกกว้างของชายหนุ่ม

“คุณนี่ซ่อนรูปเหมือนกันนะ”สายตาชายหนุ่มมองต่ำกว่าคางหญิงสาว ส่วนมือก็เกาะแกะกับซิปหลัง

           พรีมรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เธอไม่มีแรงปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการของเขา หญิงสาวจึงเอามือปิดตาเขาแทน

“คนทุเรศ”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

               รพีพัฒน์ปัดมือของหญิงสาวออก มืออีกข้างจับศีรษะหญิงสาวให้เงยขึ้นเพื่อรับจุมพิตร้อนแรงของเขา พรีมสะดุ้งเมื่อริมฝีปากหนาประทับรอยริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ หญิงสาวขัดขืนด้วยการไม่สนองตอบ ชายหนุ่มรู้วิธีที่จะทำให้เธอร่วมมือกับเขา     ชายหนุ่มสอดลิ้นสากของเขาเกี่ยวกับลิ้นนุ่มของอีกฝ่าย เล็บของหญิงสาวจิกแขนชายหนุ่มแน่น เต้าเต่งทั้งสองเบียดชิดร่างหนาจนมันเผยอพ้นขอบเสื้อ มือเรียวงามของชายหนุ่มย้ายจากแผ่นหลังมาโลมไล้เอวคอด สัมผัสเร่งเร้าทำให้ร่างหญิงสาวกระตุกเกร็งเล็กน้อย ก่อนจะอ่อนยวบอยู่ในวงแขนชายหนุ่ม

               รพีพัฒน์ถอนริมฝีปากเพื่อให้มันได้สัมผัสส่วนอื่น ชายหนุ่มจูบลำคอขาวระหงไล่มาจนถึงเนินอก ลมหายใจร้อนผะผ่าวรดผิวหญิงสาวจนเธอต้องครางออกมา เขาอยากหยุดเพียงแค่นี้ หากเมื่อเงยหน้ามองใบหน้าของพรีมที่กำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หาทำให้เขาไม่อยากทำให้เธอสะดุด     ครั้งนี้หญิงสาวจูบตอบเขา มือเรียวเล็กลูบเรือนผมดกดำของชายหนุ่มพร้อมกับโน้มศีรษะชายหนุ่มให้ใกล้เธอมากขึ้น มืออีกข้างบีบไหล่กว้างของเขาแน่น พรีมลืมตัวไปชั่วขณะตามประสาหญิงสาวที่ไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้ แม้ในใจเธอจะรู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ทว่า ร่างกายของเธอที่เพิ่งถูกปลุกไฟพิศวาสมันไม่ยอมทำตาม

    “คุณนี่ไวไฟใช่เล่นนะ”เสียงรพีพัฒน์มีแววเหยียดหยาม

               พรีมอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ยิ่งเห็นสีหน้าของคนที่ล่วงเกินเธอกับคำพูดของเขาทำให้พรีมอยากตายเสียตรงนี้

    “ขอร้องล่ะ ได้โปรดออกไป”น้ำเสียงหญิงสาวสั่นเครือ น้ำตาคลอนัยน์ตาคู่สวย

    “คิดว่าผมจะสงสารเหรอ อย่ามาทำมารยาสาไถยหน่อยเลย”

               ถึงเขาจะพูดแบบนั้น แต่รพีพัฒน์เป็นผู้ชายประเภทเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้ ชายหนุ่มผลักหญิงสาวจนเธอเซล้มลงบนเก้าอี้ พรีมมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด

    “ผมเตือนแล้ว”พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังให้เธอ ทิ้งให้หญิงสาวนั่งจมกับความรู้สึกผิด

               วันแต่งงานงวดเข้ามา การ์ดเชิญถึงมือแขกที่จะมาร่วมงานนับพันคน อาถรรพ์เจ้าสาวสองคนก่อนยังคงได้รับการปกป้อง ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนขุดมันขึ้นมาให้เสียดแทงใจคู่บ่าวสาว พรีมพยายามหลบหน้าน้องชายคู่หมั้น วันๆ เธอแทบจะเก็บตัวอยู่ที่คอนโดอ้างกับคู่หมั้นว่าต้องการเตรียมพร้อมสำหรับวันแต่งงาน ภูวดลเองก็ไม่ติดใจสงสัยอะไร รพีพัฒน์เองก็เช่นกัน นับแต่เกิดเรื่องในห้องแต่งตัวเขาก็ใช้เวลาอยู่กับงาน ออกจากบ้านแต่เช้า กลับถึงบ้านก็ค่ำมืดดึกดื่น เพื่อเลี่ยงการพบหน้ากับว่าที่พี่สะใภ้     ถึงรพีพัฒน์จะเลิกก่อกวนว่าที่พี่สะใภ้ แต่ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ ชายหนุ่มมีไม้ตายสุดท้ายที่จะทำให้เธอไม่ได้ร่วมหอลงโรงกับพี่ชาย พร้อมกับรักษาหน้าพี่ชายตัวเองไว้ได้

               พรีมไม่คิดว่าเธอจะมีวันนี้เหมือนผู้หญิงคนอื่น น่าเสียดายที่พ่อกับแม่ไม่มีโอกาสเห็นเธอสวมชุดเจ้าสาว ตอนนี้เธอคือนางพรีม ศิลาพักตร์ หลังจากเพิ่งจดทะเบียนสมรสกับภูวดลเมื่อสามชั่วโมงก่อน และอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอจะปรากฏกายเคียงข้างผู้เป็นสามีในงานแต่งที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในรอบปี หญิงสาวสูดลมหายใจเต็มปอด ชีวิตหลังแต่งงานจะเป็นเช่นไร พรีมนึกภาพไม่ออก แต่เธอเชื่อใจสามีว่าภูวดลจะรักษาสัญญาก่อนที่เธอจะรับหมั้น

               รพีพัฒน์ยืนประจันหน้ากับพี่ชาย เขาไม่ได้เป็นสักขีพยานตอนภูวดลและพรีมจดทะเบียนสมรส เนื่องจากภูวดลไม่อยากให้น้องชายซึ่งมีอคติกับว่าที่พี่สะใภ้จะตั้งแง่กับพรีมว่าแต่งงานเพราะเงิน หากรพีพัฒน์รู้เรื่องนี้ก่อน โศกนาฎกรรมในครอบครัวคงไม่เกิดขึ้น

    “วันนี้พี่ภูดูมีความสุขจังนะครับ”

    “นายนี่ก็พูดแปลกๆ นะ วันแต่งงานฉันทั้งที่จะให้ฉันเศร้าหรือยังไง”ภูวดลถามน้องชายพร้อมกับหัวเราะ

    “ผมไม่คิดว่าพี่ภูจะมีความสุขกับเจ้าสาวที่คุณพ่อเลือกให้”รพีพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

    “พี่มีความสุขที่จะได้คุณพรีมมาเป็นภรรยา”ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขามองหน้าน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยน

    “พี่อยากให้นายดีใจที่คุณพรีมมาเป็นพี่สะใภ้”ชายหนุ่มตบไหล่น้องชาย

    “ผมว่าคงต้องใช้เวลาสักหน่อยนะครับ”

    “เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง”ภูวดลพูดก่อนจะเปิดประตูห้องเพื่อไปพบเจ้าสาว

               ชลธียิ้มร่า การเปิดตัวโรงแรมด้วยงานแต่งงานใหญ่ระดับนี้ช่วยให้โรงแรมเขาเป็นที่กล่าวขานจากบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน รวมถึงสื่อที่พร้อมใจกันมาทำข่าว ชายหนุ่มกำลังจะกลับไปที่ออฟฟิศก็เห็นเพื่อนยืนพิงราวซึ่งออกแบบเป็นกระจกใส หน้าตารพีพัฒน์เหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

    “ฉันดีใจที่พี่นายเลือกจัดงานแต่งที่โรงแรมฉัน”ชลธีหยิบแก้วแชมเปญจากบริกรที่เดินผ่านมา

    “นอกจากคู่บ่าวสาวแล้ว คนที่มีความสุขที่สุดอีกคนคงเป็นนาย”รพีพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าในมือขึ้น “คองเกรทจูเรชั่น”

    “แล้วนายไม่มีความสุขเหรอ พี่ชายแต่งงานทั้งที คุณพรีมก็เป็นเจ้าสาวที่สวยมาก”ชลธีมองพรีมในชุดเจ้าสาวด้วยแววตาชื่นชม

    “ดูนายจะปลื้มพี่สะใภ้ฉันเหลือเกินนะ”รพีพัฒน์มองหน้าเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ชายหนุ่มคว้าเหล้าอีกแก้วจากบริกรที่เดินผ่านมา

    “หรือนายไม่ปลื้ม”ชลธีหรี่ตามองเพื่อน เขาเพิ่งเห็นว่าหน้ารพีพัฒน์แดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกฮอลล์

    “ฉันว่านายดื่มมากไปแล้วนะ”ชลธีเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

    “อืม แต่ฉันยังไม่เมานะ”พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะ

    “ฉันรู้ว่านายมีความสุข กลัวแค่ว่าจะพูดอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่รู้เรื่องน่ะสิ”

    “ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันไม่ทำขายหน้าหรอก”

               พรีมนั่งมองเงาตัวเองในกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง งานแต่งงานผ่านไปด้วยดี แขกเหรื่อเกือบทั้งหมดเป็นแขกของภูวดล ส่วนของเธอมีเพื่อนชาวต่างชาติที่ภูวดลลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมกับออกค่าที่พักมาเพื่อร่วมงานประมาณสิบกว่าคน ผู้เป็นสามีเกรงว่าเธอจะเหนื่อยจึงให้หญิงสาวขึ้นมาห้องพักก่อน ส่วนตัวเขาอยู่คุยกับแขกในงานต่อ

               พรีมเทคลีนซิ่ง วอเตอร์ใส่สำลีเช็ดเครื่องสำอางที่แต่งแต้มผิวหน้าเธออย่างเบามือ โชคดีที่รพีพัฒน์ไม่ทำให้เธออับอายตอนที่เขาขึ้นมากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว แม้ว่าเขาจะดูเมานิดหน่อย มือที่กำลังเทคลีนซิ่ง ชะงักค้าง ใช่ เขาไม่ทำให้เธออับอาย แต่สายตาที่เขามองเธอชั่วแวบหนึ่งทำให้พรีมไม่สบายใจ อีกทั้งเธอยังไม่ลืมจุมพิตแสนร้อนแรงในห้องแต่งตัววันนั้น หญิงสาวหลับตาตั้งสติ จะไปนึกถึงเรื่องน่าอัปยศแบบนั้นอีกทำไมนะ พรีมลืมตายิ้มให้เงาตัวเองในกระจก ตั้งแต่คืนนี้เธอคือภรรยาของภูวดล รอยยิ้มของหญิงสาวหุบลง ถึงเธอจะยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทว่า ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าคนเป็นสามีภรรยา นอกจากทำหน้าที่ดูแลกันและกันแล้ว ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำร่วมกันอีก

               เสียงหัวใจเต้นแรงจนหญิงสาวกลัวว่ามันจะดังออกไปนอกห้อง พรีมรีบเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด ยังไม่ทันที่เธอจะเปลี่ยนชุด เสียงกดกริ่งก็ดังขึ้น พรีมเดินไปที่ประตูหน้า เปิดอินเตอร์คอม ด้านนอกพนักงานหญิงยืนอยู่ข้างรถเข็นใส่อาหาร

    “คุณภูสั่งอาหารไว้ค่ะ”

               พรีมปลดล็อกประตู เธอยืนหลบหลังบานประตูเพื่อให้พนักงานเข็นรถเข้ามา หญิงสาวไม่มีเงินติดตัวสักบาทจึงยิ้มเจื่อนๆ ให้พนักงาน

    “ทานให้อร่อยนะคะ”

    “ขอบคุณค่ะ”

               พรีมปิดประตูพลางถอนหายใจ หญิงสาวอยากเปลี่ยนชุด แต่เสียงท้องร้องทำให้เธอนั่งกินอาหารทั้งที่ยังสวมชุดเจ้าสาว ตั้งแต่เช้าเธอดื่มแต่น้ำ ไม่กล้าแตะอาหารเพราะกลัวว่าใส่ชุดเจ้าสาวแล้วจะแน่นจนหายใจไม่ออก
                            *****************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่