ต้นไม้สีเลือด(ตอนที่ 8)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เพื่อนนักอ่านนักเขียนทุกท่าน
หลังจากดองนิยายมานานมากกกกกกกก
ก็ได้เวลานำมาอัพตอนใหม่แล้วนะคะ
ใครที่ยังไม่ลืม และติดตามกันอยู่ แวะเข้ามาก็ทักทายกันได้นะคะ


ตอบcomment จากต้นไม้สีเลือด ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/13102620


มีแววว่างานนี้พิทตะวันไม่ได้กินแห้ว
แต่ได้กินหญ้าอ่อนชัวร์^^
0 0  chenjiayi
25 ธันวาคม 2555 เวลา 22:50 น.8…

สวัสดีค่ะ คุณchenjiayi
แหม... พระเอกของเราก็ไม่ได้อายุมากขนาดนั้นนะคะ
แก่กว่านางเอกแค่ 10 กว่าปีเอง อิอิ



มาต่อตอนที่ 8 กันเลยจ้า


    
รอบนอกฝนเริ่มซา นกฝูงใหญ่ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่เป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานฝนจะหยุดตก ลูกค้าในร้านเหลือเพียงสามโต๊ะ นายเซียงใช้ไม้ปาดน้ำฝนที่เจิ่งนองพื้นหน้าร้านออกไปด้านนอก ได้ยินเสียงล้างจานดังออกมาจากในครัว

    เสียงดับเครื่องยนต์อยู่หน้าร้าน นายเซียงวางไม้ปาดน้ำพิงไว้ตรงมุมประตู มือที่เปียกน้ำถูกเช็ดกับกางเกงอย่างลวกๆ ทันทีที่เงยหน้ามองลูกค้า นายเซียงก็ยิ้มปากกว้างพร้อมกับยกมือไหว้

    “สวัสดีครับคุณหมอ วันนี้มาถึงนี่ได้ เชิญด้านในเลยครับ”

    “เป็นไงบ้างเซียง สบายดีนะ” สัตวแพทย์หนุ่มรับไหว้ และถามกลับ

    “ก็เหมือนเดิมครับ แล้วคุณหมอล่ะหายไปไหนมาตั้งนาน”

    “ผมเพิ่งกลับจากสัมมนาที่กรุงเทพฯ พอกลับมาก็ถูกเรียกตัวไปที่สถานสงเคราะห์สัตว์ทันทีเลย นี่ก็เพิ่งจะหาเวลาว่างได้ แล้วนี่มีใครอยู่ไหม ผมก็ไม่ได้โทรบอกก่อนเสียด้วย”

    “คุณทิพย์กับคุณมีนอยู่ครับ แต่คุณย่าไปวัดครับ เดี๋ยวเชิญคุณหมอนั่งก่อน ผมจะไปตามคุณทิพย์มาให้” นายเซียงเชื้อเชิญให้แขกไปนั่งที่โต๊ะติดริมหน้าต่าง

    สักพักหนึ่ง หญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านเดินส่งยิ้มมาตั้งแต่เดินออกมาถึงหน้าครัว สัตวแพทย์หนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่

    “สวัสดีจ้ะ ช่วงนี้งานยุ่งเหรอ ไม่มาทานข้าวที่ร้านเลย” ทิพย์ระวีถามพร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับนัทธี

    “ผมเพิ่งกลับจากสัมมนาน่ะครับ พอหาเวลาว่างได้ก็รีบมาเลย คุณน้าสบายดีไหมครับ”

    “น้าสบายดี แล้วทานอะไรมาหรือยัง อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” หญิงสูงวัยกว่าเชื้อเชิญ

    “ขอบคุณครับ” พูดจบ หมอหนุ่มก็หันไปหยิบกระเช้าผลิตภัณฑ์โอทอป มีทั้งขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มสมุนไพร ยาบางชนิด ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลาสติกใสส่งให้กับทิพย์ระวี

    “นี่ของฝากครับ”

    “ขอบใจจ้ะ คราวหน้าไม่ต้องลำบากก็ได้ แค่มาเยี่ยมกันบ้างน้าก็ดีใจแล้ว” หญิงวัยกลางคนรับกระเช้ามาแล้ววางไว้ที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่
    “ไม่ลำบากอะไรหรอกครับ ว่าแต่จูดี้เป็นไงบ้างครับ” นัทธีถามถึงสุนัขตัวโปรดของอมีนา ซึ่งหญิงสาวขอจากสถานสงเคราะห์เอามาเลี้ยงที่บ้านตั้งแต่มันยังตัวเล็กๆ โดยที่มีหมอนัทธีเป็นหมออาสาอยู่ที่นั่น แรกๆ ที่แม่ของจูดี้คลอดมันออกมา จูดี้ไม่แข็งแรง เพราะเป็นโรคความดันโลหิตสูง และหมอบอกว่าถ้าผ่านคืนแรกไปได้ก็จะไม่มีอะไรต้องห่วง อมีนาจึงบอกกับตัวเองไว้ว่าถ้าจูดี้รอดปลอดภัย เธอจะรับไปเลี้ยงที่บ้าน สุดท้ายแล้วจูดี้ก็ปลอดภัย แม้จะกินข้าวได้น้อยในช่วงแรกๆ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง แต่หญิงสาวและทุกๆ คนในบ้านต่างก็รักและเอ็นดูมัน หมอนัทธีก็คอยมาตรวจร่างกายให้มันเป็นระยะ ฟื้นฟูจนร่างกายของมันแข็งแรงมาจนถึงทุกวันนี้

    “ป่านนี้คงไปเที่ยวเล่นที่ไหน อยู่ไม่ค่อยติดบ้านหรอก กลับมาตัวมอมแมมทุกที”

    สัตวแพทย์หนุ่มหัวเราะ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มีนอยู่ในบ้านเหรอครับ”

    “จ้ะ ซักผ้าอยู่หลังบ้าน ถ้ารู้ว่าหมอมาคงดีใจ ไปนั่งในบ้านก่อนดีไหม เดี๋ยวน้าไปตามมีนให้”

    “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเดินเข้าไปหามีนเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณน้า” นัทธีพูด

    “ก็ตามสบายแล้วกันนะคะ แล้วคุณหมอจะทานอะไรดี เดี๋ยวน้าให้คนยกไปให้”

    “ผมขออาหารจานเดียวง่ายๆ ก็พอ ขอบคุณครับ”

    “จ้ะ ตามสบายนะ”

    หญิงวัยกลางคนเดินออกไปแล้ว นัทธีจึงเดินเลี้ยวขวาซึ่งเป็นครัว ในครัวจะมีประตูออกไปทางหลังบ้าน เสียงขัดผ้าด้วยแปรงดังแกร่กๆ แว่วมาตั้งแต่ยังเดินไปไม่ถึง แผ่นหลังของหญิงสาวร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยกำลังง่วนอยู่กับการซักผ้ากองโต เบื้องหน้ามีกะละมังใบใหญ่สองใบบรรจุน้ำเต็มใบหนึ่ง อีกใบหนึ่งมีสายยางรองน้ำอยู่

    “ขยันแต่หัววันเลยนะ”

    หญิงสาวที่กำลังตั้งใจกับการซักผ้า หันหลังขวับ เมื่อได้เห็นเจ้าของเสียง รอยยิ้มเปิดเผยอย่างยินดี

    “อ้าว พี่หมอ มาได้ไงคะ” อมีนาพูดพลางล้างมือที่เปื้อนผงซักฟอกในน้ำสะอาด แล้วจึงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้

    “ซักผ้าตอนนี้ไม่กลัวฝนตกเหรอ”

    “แหม... ลองถ้านกร้องระงมขนาดนี้ล่ะก็ ฝนไม่ตกแล้วค่ะ มีนก็เลยรีบซัก จะได้ทันตากแดดวันนี้ เผื่อพรุ่งนี้ฝนตกอีก ผ้าจะเหม็นอับ”

    “มีนนี่เก่งนะ มีความรู้รอบตัวด้วย”

    “มีนก็รู้มาจากย่าทั้งนั้นแหละค่ะ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ตรงนี้พื้นแฉะ เดี๋ยวจะเลอะเทอะ”

    หมอหนุ่มโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไร คุยไป ทำไปก็ได้”

    “โธ่ พี่หมอคะ ไม่รบกวนอะไรเลย พี่หมออุตส่าห์มาเยี่ยมทั้งที เอ่อ... แล้วได้เจอจูดี้หรือยังคะ”  

    “ยังเลยจ้ะ คุณน้าบอกว่าคงไปเที่ยวเล่นข้างนอก นี่พี่ก็ว่าจะมาตรวจร่างกายให้มันด้วย เพราะเดือนที่แล้วก็ไม่ได้ตรวจ”

    แม้ว่าทุกวันนี้ร่างกายของจูดี้จะแข็งแรงดีแล้ว แต่สัตวแพทย์หนุ่มก็ยังเอาเรื่องการตรวจร่างกายของจูดี้เป็นประจำทุกเดือนมาอ้างในการมาที่บ้านหลังนี้ เพราะจะได้ดูไม่น่าเกลียดเกินไป หากเอาเหตุผลนี้เพื่อมาพบหน้าหญิงสาวที่เป็นเจ้าของ

    “งั้นเราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่าค่ะ มีนจะบอกพี่เซียงไปตามจูดี้มาให้”

    อมีนาไม่ได้คิดอะไรอื่นเลย นอกจากเหตุผลที่นัทธีมาที่นี่เพื่อตรวจร่างกายให้กับสุนัขตัวโปรดของเธอ ขณะที่ลึกๆ ในใจของนัทธีเองก็รู้มาตลอดว่าอมีนารู้สึกกับเขาเพียงพี่ชาย หรือบางทีแม้แต่คำว่าพี่ชายก็อาจดูมากเกินไป เธออาจรู้สึกกับเขาเพียงแค่หมอคนหนึ่งที่มารักษาสุนัขแสนรักของเธอเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่