- คดีนี้น่าจะเป็นคดีฆาตกรรมในปิดตายแรกที่ผมเขียน ลองอ่านกันนะครับ
ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้File 1 : คอมพิวเตอร์มรณะ [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/38315565
File 1 : คอมพิวเตอร์มรณะ [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/38326974
File 2 : นักฟุตบอลเปื้อนเลือด [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/38337226
File 2 : นักฟุตบอลเปื้อนเลือด [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/38354063
แนะนำตัวละคร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปลาย นักสืบจำเป็น
File 3 : ฆ่าตัวตายหรือ?
- 1 -
“อะไรนะ!!”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากภายในห้องพักหนึ่งของมหาวิทยาลัย เขายืนกระฟัดกระเฟียด ท่าทางหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว ภายในห้องนี้ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่
เป็นนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง เธอกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์โดยไม่สนใจที่ชายหนุ่มพูดนัก ซึ่งห้องนี้ก็มิใช่ห้องของชายหนุ่มด้วย แต่เป็นห้องของหญิงสาวต่างหาก
ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปใกล้ ๆ เธอ พูดขึ้นต่อว่า
“เธอมีอะไรกับอาจารย์จริง ๆ ใช่มั้ย!!”
“อือ” หญิงสาวตอบเสียงเบา เธอไม่ได้หันหน้ามาหาเขา ยังคงนั่งพิมพ์งานต่อไป
“แต่เราสองคนเป็นแฟนกันนะ”
“แล้วไง? ...ถ้าเพื่อเรียนจบ แค่นี้ฉันยอมได้” เธอยังคงไม่ได้หันหน้ามาเช่นเดิม
ชายหนุ่มนิ่งคล้ายพยายามเก็บอาการรุ่มร้อนอยู่ในใจ แต่ก็พูดต่ออย่างมีอารมณ์ว่า
“ฉันไม่ยอม! ฉันจะไปเอาเรื่องกับมัน!!”
“อย่านะ!” หญิงสาวหันขวับหาเขาทันที “อย่าทำอะไร! ไม่งั้นสิ่งที่ฉันเสียไป...มันก็ไม่มีประโยชน์”
“ไม่!!” สีหน้าชายหนุ่มฉุนเฉียวขึ้นอีก “ฉันต้องเอาเรื่องมันให้ได้!”
“งั้นถ้าเธอทำ... เราเลิกกัน” ว่าแล้วหญิงสาวก็หันกลับมาพิมพ์งานต่อ “กลับไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งวูบหนึ่ง ค่อยบอกว่า
“ทำไม!! ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้!!”
“ถ้าเพื่อการเรียนฉันยอมได้” เธอตอบอย่างเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านใด ๆ
ดูท่าชายหนุ่มจะโกรธเป็นอย่างมาก ใบหน้าร้อนรุ่มเลือดคลั่งจนแดงกล่ำ โมโหจนนัยน์ตาแดงน้ำตาไหลออกมาคลอเบ้า เขาไม่เคยคิดว่าคนที่ตัวเองรักจะทำได้ถึงขนาดนี้
นักศึกษาหนุ่มไม่พูดต่อแล้ว เขาก้าวเดินไปคว้าเชือกที่ใช้เป็นราวตากผ้า แล้วค่อยเดินตรงไปหาหญิงสาวที่พิมพ์งานอย่างไม่สนใจเขานัก
“งั้นเธอก็ไม่ควรอยู่กับฉัน!!”
สิ้นประโยค ชายหนุ่มใช้เชือกรัดคอหญิงสาวทางด้านหลังทันที
“อึก..อ่ะ!” นักศึกษาสาวพยายามขัดขืนยกมือขึ้นมาบังคอ แต่ก็ไม่ได้ผลเชือกยังรัดแน่นขึ้นอีก เธอดิ้นไปมาใช้มือข้างหนึ่งกระแทกแป้นพิมพ์เสียงดังคล้ายต้องการทำอะไรบางอย่าง แล้วไม่นานก็แน่นิ่งลง
ร่างของหญิงสาวฟุบลงคาคอมพิวเตอร์ ชายหนุ่มจ้องมองร่างที่เพิ่งไร้วิญญาณนั้นคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ…
เช้าตรู่วันใหม่
หมู่นกกระจอกบินหยอกล้อไล่กันไปมาอยู่หน้าหอพักท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง
แต่แล้วสักพักทั้งหมดก็ต้องบินหนีไปคนละทิศคนละทาง
นั่นเพราะมีรถมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาที่หอพักแห่งนี้ รถคันนั้นหยุดอยู่ตรงที่จอดรถด้านหน้าหอพัก ชายผู้ขับขี่ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ก้าวเดินหมายเข้าประตูของหอพักนั้น
แต่ทันทีที่นักศึกษาหนุ่มก้าวผ่านประตู ก็มีเสียงหนึ่งดังทักทายจนเขาต้องหยุดคุยกับเจ้าของเสียงนั้นก่อน
ผู้ส่งเสียงเป็นยามหญิงประจำหอพักนี้
“ไงน้องปลาย มาแต่เช้าเลยนะ” ยามหญิงพูดขึ้น
“สวัสดีครับพี่ยามหญิง” ปลายยกมือไหว้ เขามีสัมมาคารวะอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็นยาม แต่ก็อาวุโสกว่าตัวเอง จึงให้ความเคารพอย่างไม่เสแสร้ง
“มาหอหญิงแต่เช้านี่... มีอะไรหรือเปล่า?” ยามหญิงมองปลายแบบกวน ๆ
“เอ่อ.. ก็ไม่มีอะไร มาเอางานที่เพื่อนน่ะครับ”
“อ้อ...” ยามหญิงยิ้ม ๆ มองหน้าเขา “เพื่อนที่ว่านี่... ใช่มีนหรือเปล่าเอ่ย?”
ปลายผงกศีรษะรับ ท่าทางเขินเล็กน้อย “ใช่ครับ ...เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”
ที่หอพักหญิงแห่งนี้ ผู้ชายสามารถเข้า-ออกได้ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง นอกเหนือจากนั้นห้ามมิให้ผู้ชายคนใดเข้าไปในหอพัก ซึ่งผู้ชายที่เข้าไปในหอพักทุกคนจะต้องเซ็นชื่อก่อนเข้าไปข้างใน โดยสมุดเซ็นชื่อจะอยู่ที่ยามหญิงที่ประจำอยู่ด้านหน้า
ปลายพูดเสร็จก้มหน้าเขียนชื่อลงในสมุดเซ็นชื่อ วันนี้เขามาหอพักเป็นคนแรก จึงเซ็นชื่อต่อจากลายเซ็นคนสุดท้ายของผู้ที่เข้ามาในหอพักเมื่อวาน
ซึ่งในหอพักของมหาวิทยาลัยนี้จะแบ่งออกเป็นสี่หอ โดยใช้ชื่อตามหมายเลข คือ หอหนึ่ง หอสอง หอสาม และหอสี่ ปลายมุ่งไปที่หอสาม กดโทรศัพท์มือถือโทรออกหามีน เพื่อนัดแนะว่ามาถึงแล้ว จากนั้นหนุ่มผมตั้งก็เข้าไปในหอสาม ขึ้นบันไดจนถึงชั้นสาม แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง 334
ก๊อก! ก๊อก!
ปลายยกมือเคาะประตู นิ่งรอสาวห้าวเปิดรับ
สักพักมีนก็แง้มประตูโผล่หน้ามาให้เห็น พร้อมพูดขึ้นว่า
“รอแป๊บนะ”
แล้วเธอก็ปิดประตูปัง ไม่สนใจว่าปลายจะอ้าปากพูดอะไรตอบ
“มีน…” ปลายพูดได้แค่นี้ เพราะสาวห้าวเข้าไปในห้องแล้ว
ถ้ายังจำกันได้ มีนคือ นักศึกษาสาวผมซอยสั้น หน้าขาวปากแดง ท่าทางห้าว ๆ เพื่อนคณะเดียวกับปลาย
‘ทำอะไรอยู่นะ’ ปลายคิดในใจ มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แถมยังมีใบหน้าที่ดูแปลก ๆ จะว่าหื่นก็ไม่ใช่ จะว่าลามกก็ไม่เชิง
นั่นเพราะเมื่อกี้ในจังหวะที่สาวห้าวโผล่หน้ามา ปลายสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าเธอนั้นนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ แล้วค่อยแง้มประตูโผล่หน้าออกมาให้เห็น
แต่ไม่รู้ว่ามีนรู้หรือเปล่าว่าปลาย (แอบ) มองทัน
ซึ่งขณะที่หนุ่มผมตั้งกำลังสนุกกับความคิดของตัวเองนั้น ก็มีหนุ่มนักศึกษาผู้หนึ่งขึ้นมาที่ชั้นสามนี้เหมือนกัน ชายหนุ่มผู้นั้นมุ่งตรงไปหยุดอยู่หน้าห้อง 333 ทันที
“ท่าทางจะมารอแฟน” ปลายเหม่อมองเขาเล็กน้อย แล้วกลับไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองต่อ
ปลายคล้ายเคลิบเคลิ้มกับการนึกคิดของตัวเองอย่างมาก จนไม่ทันสังเกตว่ามีนที่แต่งตัวเสร็จแล้วเปิดประตูออกมายืนดูเขาอยู่
“ปลาย!!” มีนตะโกนเสียงดังจนปลายหลุดจากห้วงภวังค์ “เรียกตั้งหลายที ทำเหม่อนะ ...คิดอะไรอยู่?” เธอจ้องมองเขา
“อ่า.. เอ่อ..มีน ใต้ผ้า.. เอ้ย! ไม่ใช่! ไม่มีอะไรหรอก” ปลายรีบปฏิเสธทันที
เขากำลังคิดอะไรอยู่... มันเกี่ยวอะไรกับใต้ผ้าเนี่ย
แล้วหนุ่มผมตั้งก็รีบหาประโยคมากลบเกลื่อนอย่างต่อเนื่อง “ไหนงานที่มีนให้เราทำล่ะ?”
“นี่..” มีนแบกเอกสารปึกมหึมาส่งให้ปลาย ย้ำว่าแบก ไม่ได้ถือ “เอ้า ..นายเอาไปพิมพ์”
ปลายตาโตเมื่อเห็นกองเอกสารนั้น แต่ก็ยังฝืน ๆ ยิ้มรับไป แล้วสักพักเขาก็พูดขึ้นต่อว่า “มีน..ไปตึกพร้อมเรามั้ย? เราเอารถมอ’ไซค์มา”
มีนยังไม่ทันได้ตอบอะไรปลาย ชายหนุ่มคนที่ขึ้นมาทีหลังก็วิ่งเข้ามาหาขัดการสนทนาของทั้งสอง
“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยอาการเลิ่กลั่ก “ช่วยผมพังประตูห้องได้มั้ย?”
ปลายจ้องมองเขา ถามกลับ “ทำไมล่ะ?”
“ท่าทางแฟนผมจะเป็นอะไรไป... เคาะเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ โทรหาก็ไม่มีใครรับ แต่ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังในห้อง มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับแฟนผมก็ได้”
“นี่แน่ใจรึ?” มีนถามขึ้นบ้าง “เค้าอาจไม่อยู่ในห้องก็ได้”
“ไม่หรอก.. แจงต้องอยู่ในห้อง เมื่อวานเค้ากลุ้มใจมาก ผมกลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไป”
“อืม..” ปลายเพียงพยักหน้ามองดูอาการร้อนรนของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวฉันไปเอากุญแจสำรองให้ละกัน” มีนพูดขึ้นมา แล้วเธอก็รีบวิ่งลงข้างล่าง โดยไม่ทันดูว่าทั้งสองจะมีความเห็นอย่างไรก่อน
มีนนี่ทำตามที่ตัวเองคิดจริง ๆ ไม่สนใจจะฟังใครเลย
ชายหนุ่มยังมีสีหน้าไม่ดีขึ้น เดินวนไปวนมาด้วยความกังวล เขาบิดลูกบิดประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถเปิดประตูนั้นได้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดดูกลุ้มใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ปลายผู้มีความคิดว่า คนเราต้องมีเมตตาต่อสัตว์โลกย่อมต้องช่วยเหลือผู้อื่นหากทำได้ เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่ม เอื้อมมือโอบหลังแล้วตบไหล่เบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบ
“เธอไม่เป็นไรหรอก ใจเย็นไว้ก่อนนะ” หนุ่มผมตั้งพูดปลอบ
“เอ่อ” ชายหนุ่มทำหน้าซึม ๆ แต่ก็ยอมอยู่นิ่งรอกุญแจสำรองจากมีน
เวลาผ่านไปอีกหลายนาที สาวห้าวยังไม่กลับมาซักที ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงนี้ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
“ผมทนไม่ไหวแล้ว ช่วยกันพังประตูเถอะ” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง
ปลายมองเขา คงดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้ทนรอไม่ไหวจริง จึงตอบกลับว่า
“อืม.. ก็ได้”
ทั้งสองเลยถอยห่างออกจากประตูห้อง ตั้งท่าเตรียมพร้อมพุ่งชนประตู
เสียงปังดังขึ้นครั้งแรก ประตูยังแน่นิ่งไม่ไหวติง พวกเขาจึงพร้อมใจกันพุ่งพังประตูอีกครั้ง
ครั้งที่สองนี้ประตูยังนิ่งเช่นเดิม มันไม่ง่ายเหมือนในหนัง... หนังย่อมโกหกเกินจริง พุ่งทีเดียวประตูพัง
“มาอีกครั้ง” ชายหนุ่มหันบอกปลาย แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าใส่ประตูอีกครั้ง
ครั้งที่สามนี้ทั้งคู่ทำสำเร็จ ประตูเปิดออก ลูกบิดประตูแทบพัง กลอนที่ขัดล็อกประตูด้านบนบิดเบี้ยวออกจากตัวล็อก
แต่เมื่อทั้งสองมองเข้าไปในห้องกลับยังไม่เห็นผู้คน
“แจง! แจง!” ชายหนุ่มร้องหาคนรักอย่างดัง
ภายในห้องนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องอื่น ๆ มีเตียงตั้งอยู่ด้านใน ตู้เสื้อผ้าอยู่ชิดผนังใกล้ ๆ กับประตูห้อง ด้านข้างผนังอีกฝั่งตรงข้ามกับเตียงมีโต๊ะทำงานและโต๊ะคอมพิวเตอร์อยู่ แล้วสุดไปด้านในจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในตัวห้อง โดยภายในห้องนี้มีการแต่งห้องเช่นเดียวห้องผู้หญิงคนอื่น มีตุ๊กตาวางอยู่หลายตัว
“แจง!” ชายหนุ่มยังคงร้องเรียกอยู่ ส่วนปลายก็เดินดูภายในห้องสังเกตสิ่งต่าง ๆ พบว่าที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ไม่มีเก้าอี้ตั้งอยู่ จากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปใกล้ห้องน้ำ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน
หนุ่มผมตั้งเห็นแสงไฟส่องลอดมาจากช่องระบายอากาศที่อยู่ด้านบน จึงหันไปบอกชายผู้นั้นว่า
“อาจอยู่ในห้องน้ำ”
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปที่หน้าห้องน้ำนั้น เขย่าประตู ปรากฏด้านในถูกล็อกกลอนอยู่ จึงหันหน้าไปหาปลาย
เมื่อทั้งสองสบตาเหมือนกับว่าจะรู้กัน พร้อมใจวิ่งพุ่งเข้าใส่ประตูห้องน้ำทันที คราวนี้เพียงสองครั้งประตูห้องน้ำจึงยอมเปิดออก ด้วยแรงกระแทกกลอนที่นอนอยู่ด้านข้างแทบจะหลุดออกมาเลย เบ้าขัดล็อกพังเอียงออกไป
แต่ทั้งสองก็ต้องอึ้ง เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้องน้ำนั้น…
สิ่งที่ปรากฏให้ทั้งคู่เห็นคือ ร่างหญิงสาวผูกคอตายด้วยเชือกชนิดเดียวกับที่ใช้เป็นราวตากผ้าภายในห้อง เธอถูกผูกห้อยอยู่ที่มุมด้านบนตรงหน้าต่างของห้องน้ำ ภายในห้องพบเก้าอี้ล้มอยู่ไม่ห่างจากร่างที่ห้อยอยู่นัก
ชายหนุ่มนิ่งแทบหมดแรง เขาทรุดตัวก้มหน้าลง ร้องโฮออกมาทันที
ครั้งนี้ปลายไม่ได้ปลอบเขา คงตั้งใจปล่อยให้ระบายอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าในครานี้ท่าจะปลอบยาก จากนั้นหนุ่มผมตั้งก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนดูร่างหญิงสาวที่ห้อยอยู่ แล้วค่อยหันมองส่วนอื่นรอบ ๆ ห้องน้ำ
เมื่อมองไปที่อ่างล้างหน้าด้านข้างประตูห้องน้ำ เขาพบว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งวางทิ้งไว้อยู่ จึงเก็บขึ้นมาดู
กระดาษแผ่นนั้นมีข้อความประโยคหนึ่งที่ถูกพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความว่า
‘ฉันผิดไปแล้ว ลาก่อน’
พออ่านแล้วปลายก็วางกระดาษแผ่นนั้นลง ค่อยไปพยุงกายของชายหนุ่มที่ฟุบลงไปขึ้นมา พยายามพูดปลอบให้ทำใจดี ๆ ไว้ แล้วพาออกไปข้างนอกห้อง
ซึ่งในจังหวะนั้นมีนที่ลงไปเอากุญแจสำรองได้วิ่งกลับขึ้นมาแล้ว เธอรีบปรี่ไปหาปลายที่กำลังยืนประคองร่างชายหนุ่มอยู่ทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” มีนโพล่งถาม
ปลายหันไปยิ้มให้เธอ “ไม่มีอะไรหรอก แต่มีนอย่าเข้าไปในห้องนะ”
“มีอะไร? นายรีบบอกมาดีกว่า” มีนพูดต่อ ทำท่าเหมือนจะเข้าไปข้างในห้องนั้น
“อือ.. บอกก็ได้ ...มีคนตายในห้อง มีนจะเข้าไปมั้ยล่ะ?”
สาวห้าวพอได้ฟังต้องยืนนิ่งอ้ำอึ้งไป เธอพูดอะไรต่อไม่ได้สักคำ คงไม่คิดว่าจะมีคนตายขึ้นที่นี่ แต่แล้วเธอก็ยังฮึดพยายามพูดออกมาจนได้
“งะ...งั้น ฉะ..ฉันต้องทำอย่างไร?”
ปลายแย้มยิ้ม พูดตอบว่า “งั้นมีนช่วยโทรแจ้งตำรวจละกันนะ”
“ดะ..ได้”
(มีต่อครับ)
ปลาย นักสืบจำเป็น - File 3 : ฆ่าตัวตายหรือ? [บทปัญหา]
ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปลาย นักสืบจำเป็น
File 3 : ฆ่าตัวตายหรือ?
- 1 -
“อะไรนะ!!”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากภายในห้องพักหนึ่งของมหาวิทยาลัย เขายืนกระฟัดกระเฟียด ท่าทางหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว ภายในห้องนี้ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่
เป็นนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง เธอกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์โดยไม่สนใจที่ชายหนุ่มพูดนัก ซึ่งห้องนี้ก็มิใช่ห้องของชายหนุ่มด้วย แต่เป็นห้องของหญิงสาวต่างหาก
ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปใกล้ ๆ เธอ พูดขึ้นต่อว่า
“เธอมีอะไรกับอาจารย์จริง ๆ ใช่มั้ย!!”
“อือ” หญิงสาวตอบเสียงเบา เธอไม่ได้หันหน้ามาหาเขา ยังคงนั่งพิมพ์งานต่อไป
“แต่เราสองคนเป็นแฟนกันนะ”
“แล้วไง? ...ถ้าเพื่อเรียนจบ แค่นี้ฉันยอมได้” เธอยังคงไม่ได้หันหน้ามาเช่นเดิม
ชายหนุ่มนิ่งคล้ายพยายามเก็บอาการรุ่มร้อนอยู่ในใจ แต่ก็พูดต่ออย่างมีอารมณ์ว่า
“ฉันไม่ยอม! ฉันจะไปเอาเรื่องกับมัน!!”
“อย่านะ!” หญิงสาวหันขวับหาเขาทันที “อย่าทำอะไร! ไม่งั้นสิ่งที่ฉันเสียไป...มันก็ไม่มีประโยชน์”
“ไม่!!” สีหน้าชายหนุ่มฉุนเฉียวขึ้นอีก “ฉันต้องเอาเรื่องมันให้ได้!”
“งั้นถ้าเธอทำ... เราเลิกกัน” ว่าแล้วหญิงสาวก็หันกลับมาพิมพ์งานต่อ “กลับไปได้แล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งวูบหนึ่ง ค่อยบอกว่า
“ทำไม!! ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้!!”
“ถ้าเพื่อการเรียนฉันยอมได้” เธอตอบอย่างเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านใด ๆ
ดูท่าชายหนุ่มจะโกรธเป็นอย่างมาก ใบหน้าร้อนรุ่มเลือดคลั่งจนแดงกล่ำ โมโหจนนัยน์ตาแดงน้ำตาไหลออกมาคลอเบ้า เขาไม่เคยคิดว่าคนที่ตัวเองรักจะทำได้ถึงขนาดนี้
นักศึกษาหนุ่มไม่พูดต่อแล้ว เขาก้าวเดินไปคว้าเชือกที่ใช้เป็นราวตากผ้า แล้วค่อยเดินตรงไปหาหญิงสาวที่พิมพ์งานอย่างไม่สนใจเขานัก
“งั้นเธอก็ไม่ควรอยู่กับฉัน!!”
สิ้นประโยค ชายหนุ่มใช้เชือกรัดคอหญิงสาวทางด้านหลังทันที
“อึก..อ่ะ!” นักศึกษาสาวพยายามขัดขืนยกมือขึ้นมาบังคอ แต่ก็ไม่ได้ผลเชือกยังรัดแน่นขึ้นอีก เธอดิ้นไปมาใช้มือข้างหนึ่งกระแทกแป้นพิมพ์เสียงดังคล้ายต้องการทำอะไรบางอย่าง แล้วไม่นานก็แน่นิ่งลง
ร่างของหญิงสาวฟุบลงคาคอมพิวเตอร์ ชายหนุ่มจ้องมองร่างที่เพิ่งไร้วิญญาณนั้นคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ…
เช้าตรู่วันใหม่
หมู่นกกระจอกบินหยอกล้อไล่กันไปมาอยู่หน้าหอพักท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง
แต่แล้วสักพักทั้งหมดก็ต้องบินหนีไปคนละทิศคนละทาง
นั่นเพราะมีรถมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาที่หอพักแห่งนี้ รถคันนั้นหยุดอยู่ตรงที่จอดรถด้านหน้าหอพัก ชายผู้ขับขี่ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ก้าวเดินหมายเข้าประตูของหอพักนั้น
แต่ทันทีที่นักศึกษาหนุ่มก้าวผ่านประตู ก็มีเสียงหนึ่งดังทักทายจนเขาต้องหยุดคุยกับเจ้าของเสียงนั้นก่อน
ผู้ส่งเสียงเป็นยามหญิงประจำหอพักนี้
“ไงน้องปลาย มาแต่เช้าเลยนะ” ยามหญิงพูดขึ้น
“สวัสดีครับพี่ยามหญิง” ปลายยกมือไหว้ เขามีสัมมาคารวะอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็นยาม แต่ก็อาวุโสกว่าตัวเอง จึงให้ความเคารพอย่างไม่เสแสร้ง
“มาหอหญิงแต่เช้านี่... มีอะไรหรือเปล่า?” ยามหญิงมองปลายแบบกวน ๆ
“เอ่อ.. ก็ไม่มีอะไร มาเอางานที่เพื่อนน่ะครับ”
“อ้อ...” ยามหญิงยิ้ม ๆ มองหน้าเขา “เพื่อนที่ว่านี่... ใช่มีนหรือเปล่าเอ่ย?”
ปลายผงกศีรษะรับ ท่าทางเขินเล็กน้อย “ใช่ครับ ...เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”
ที่หอพักหญิงแห่งนี้ ผู้ชายสามารถเข้า-ออกได้ตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง นอกเหนือจากนั้นห้ามมิให้ผู้ชายคนใดเข้าไปในหอพัก ซึ่งผู้ชายที่เข้าไปในหอพักทุกคนจะต้องเซ็นชื่อก่อนเข้าไปข้างใน โดยสมุดเซ็นชื่อจะอยู่ที่ยามหญิงที่ประจำอยู่ด้านหน้า
ปลายพูดเสร็จก้มหน้าเขียนชื่อลงในสมุดเซ็นชื่อ วันนี้เขามาหอพักเป็นคนแรก จึงเซ็นชื่อต่อจากลายเซ็นคนสุดท้ายของผู้ที่เข้ามาในหอพักเมื่อวาน
ซึ่งในหอพักของมหาวิทยาลัยนี้จะแบ่งออกเป็นสี่หอ โดยใช้ชื่อตามหมายเลข คือ หอหนึ่ง หอสอง หอสาม และหอสี่ ปลายมุ่งไปที่หอสาม กดโทรศัพท์มือถือโทรออกหามีน เพื่อนัดแนะว่ามาถึงแล้ว จากนั้นหนุ่มผมตั้งก็เข้าไปในหอสาม ขึ้นบันไดจนถึงชั้นสาม แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง 334
ก๊อก! ก๊อก!
ปลายยกมือเคาะประตู นิ่งรอสาวห้าวเปิดรับ
สักพักมีนก็แง้มประตูโผล่หน้ามาให้เห็น พร้อมพูดขึ้นว่า
“รอแป๊บนะ”
แล้วเธอก็ปิดประตูปัง ไม่สนใจว่าปลายจะอ้าปากพูดอะไรตอบ
“มีน…” ปลายพูดได้แค่นี้ เพราะสาวห้าวเข้าไปในห้องแล้ว
ถ้ายังจำกันได้ มีนคือ นักศึกษาสาวผมซอยสั้น หน้าขาวปากแดง ท่าทางห้าว ๆ เพื่อนคณะเดียวกับปลาย
‘ทำอะไรอยู่นะ’ ปลายคิดในใจ มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แถมยังมีใบหน้าที่ดูแปลก ๆ จะว่าหื่นก็ไม่ใช่ จะว่าลามกก็ไม่เชิง
นั่นเพราะเมื่อกี้ในจังหวะที่สาวห้าวโผล่หน้ามา ปลายสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าเธอนั้นนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ แล้วค่อยแง้มประตูโผล่หน้าออกมาให้เห็น
แต่ไม่รู้ว่ามีนรู้หรือเปล่าว่าปลาย (แอบ) มองทัน
ซึ่งขณะที่หนุ่มผมตั้งกำลังสนุกกับความคิดของตัวเองนั้น ก็มีหนุ่มนักศึกษาผู้หนึ่งขึ้นมาที่ชั้นสามนี้เหมือนกัน ชายหนุ่มผู้นั้นมุ่งตรงไปหยุดอยู่หน้าห้อง 333 ทันที
“ท่าทางจะมารอแฟน” ปลายเหม่อมองเขาเล็กน้อย แล้วกลับไปอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองต่อ
ปลายคล้ายเคลิบเคลิ้มกับการนึกคิดของตัวเองอย่างมาก จนไม่ทันสังเกตว่ามีนที่แต่งตัวเสร็จแล้วเปิดประตูออกมายืนดูเขาอยู่
“ปลาย!!” มีนตะโกนเสียงดังจนปลายหลุดจากห้วงภวังค์ “เรียกตั้งหลายที ทำเหม่อนะ ...คิดอะไรอยู่?” เธอจ้องมองเขา
“อ่า.. เอ่อ..มีน ใต้ผ้า.. เอ้ย! ไม่ใช่! ไม่มีอะไรหรอก” ปลายรีบปฏิเสธทันที
เขากำลังคิดอะไรอยู่... มันเกี่ยวอะไรกับใต้ผ้าเนี่ย
แล้วหนุ่มผมตั้งก็รีบหาประโยคมากลบเกลื่อนอย่างต่อเนื่อง “ไหนงานที่มีนให้เราทำล่ะ?”
“นี่..” มีนแบกเอกสารปึกมหึมาส่งให้ปลาย ย้ำว่าแบก ไม่ได้ถือ “เอ้า ..นายเอาไปพิมพ์”
ปลายตาโตเมื่อเห็นกองเอกสารนั้น แต่ก็ยังฝืน ๆ ยิ้มรับไป แล้วสักพักเขาก็พูดขึ้นต่อว่า “มีน..ไปตึกพร้อมเรามั้ย? เราเอารถมอ’ไซค์มา”
มีนยังไม่ทันได้ตอบอะไรปลาย ชายหนุ่มคนที่ขึ้นมาทีหลังก็วิ่งเข้ามาหาขัดการสนทนาของทั้งสอง
“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยอาการเลิ่กลั่ก “ช่วยผมพังประตูห้องได้มั้ย?”
ปลายจ้องมองเขา ถามกลับ “ทำไมล่ะ?”
“ท่าทางแฟนผมจะเป็นอะไรไป... เคาะเรียกแล้วไม่มีเสียงตอบ โทรหาก็ไม่มีใครรับ แต่ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังในห้อง มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับแฟนผมก็ได้”
“นี่แน่ใจรึ?” มีนถามขึ้นบ้าง “เค้าอาจไม่อยู่ในห้องก็ได้”
“ไม่หรอก.. แจงต้องอยู่ในห้อง เมื่อวานเค้ากลุ้มใจมาก ผมกลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไป”
“อืม..” ปลายเพียงพยักหน้ามองดูอาการร้อนรนของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวฉันไปเอากุญแจสำรองให้ละกัน” มีนพูดขึ้นมา แล้วเธอก็รีบวิ่งลงข้างล่าง โดยไม่ทันดูว่าทั้งสองจะมีความเห็นอย่างไรก่อน
มีนนี่ทำตามที่ตัวเองคิดจริง ๆ ไม่สนใจจะฟังใครเลย
ชายหนุ่มยังมีสีหน้าไม่ดีขึ้น เดินวนไปวนมาด้วยความกังวล เขาบิดลูกบิดประตูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถเปิดประตูนั้นได้ ใบหน้าของเขาซีดเผือดดูกลุ้มใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ปลายผู้มีความคิดว่า คนเราต้องมีเมตตาต่อสัตว์โลกย่อมต้องช่วยเหลือผู้อื่นหากทำได้ เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่ม เอื้อมมือโอบหลังแล้วตบไหล่เบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบ
“เธอไม่เป็นไรหรอก ใจเย็นไว้ก่อนนะ” หนุ่มผมตั้งพูดปลอบ
“เอ่อ” ชายหนุ่มทำหน้าซึม ๆ แต่ก็ยอมอยู่นิ่งรอกุญแจสำรองจากมีน
เวลาผ่านไปอีกหลายนาที สาวห้าวยังไม่กลับมาซักที ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงนี้ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
“ผมทนไม่ไหวแล้ว ช่วยกันพังประตูเถอะ” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง
ปลายมองเขา คงดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้ทนรอไม่ไหวจริง จึงตอบกลับว่า
“อืม.. ก็ได้”
ทั้งสองเลยถอยห่างออกจากประตูห้อง ตั้งท่าเตรียมพร้อมพุ่งชนประตู
เสียงปังดังขึ้นครั้งแรก ประตูยังแน่นิ่งไม่ไหวติง พวกเขาจึงพร้อมใจกันพุ่งพังประตูอีกครั้ง
ครั้งที่สองนี้ประตูยังนิ่งเช่นเดิม มันไม่ง่ายเหมือนในหนัง... หนังย่อมโกหกเกินจริง พุ่งทีเดียวประตูพัง
“มาอีกครั้ง” ชายหนุ่มหันบอกปลาย แล้วทั้งคู่ก็พุ่งเข้าใส่ประตูอีกครั้ง
ครั้งที่สามนี้ทั้งคู่ทำสำเร็จ ประตูเปิดออก ลูกบิดประตูแทบพัง กลอนที่ขัดล็อกประตูด้านบนบิดเบี้ยวออกจากตัวล็อก
แต่เมื่อทั้งสองมองเข้าไปในห้องกลับยังไม่เห็นผู้คน
“แจง! แจง!” ชายหนุ่มร้องหาคนรักอย่างดัง
ภายในห้องนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับห้องอื่น ๆ มีเตียงตั้งอยู่ด้านใน ตู้เสื้อผ้าอยู่ชิดผนังใกล้ ๆ กับประตูห้อง ด้านข้างผนังอีกฝั่งตรงข้ามกับเตียงมีโต๊ะทำงานและโต๊ะคอมพิวเตอร์อยู่ แล้วสุดไปด้านในจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ในตัวห้อง โดยภายในห้องนี้มีการแต่งห้องเช่นเดียวห้องผู้หญิงคนอื่น มีตุ๊กตาวางอยู่หลายตัว
“แจง!” ชายหนุ่มยังคงร้องเรียกอยู่ ส่วนปลายก็เดินดูภายในห้องสังเกตสิ่งต่าง ๆ พบว่าที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ไม่มีเก้าอี้ตั้งอยู่ จากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปใกล้ห้องน้ำ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน
หนุ่มผมตั้งเห็นแสงไฟส่องลอดมาจากช่องระบายอากาศที่อยู่ด้านบน จึงหันไปบอกชายผู้นั้นว่า
“อาจอยู่ในห้องน้ำ”
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปที่หน้าห้องน้ำนั้น เขย่าประตู ปรากฏด้านในถูกล็อกกลอนอยู่ จึงหันหน้าไปหาปลาย
เมื่อทั้งสองสบตาเหมือนกับว่าจะรู้กัน พร้อมใจวิ่งพุ่งเข้าใส่ประตูห้องน้ำทันที คราวนี้เพียงสองครั้งประตูห้องน้ำจึงยอมเปิดออก ด้วยแรงกระแทกกลอนที่นอนอยู่ด้านข้างแทบจะหลุดออกมาเลย เบ้าขัดล็อกพังเอียงออกไป
แต่ทั้งสองก็ต้องอึ้ง เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในห้องน้ำนั้น…
สิ่งที่ปรากฏให้ทั้งคู่เห็นคือ ร่างหญิงสาวผูกคอตายด้วยเชือกชนิดเดียวกับที่ใช้เป็นราวตากผ้าภายในห้อง เธอถูกผูกห้อยอยู่ที่มุมด้านบนตรงหน้าต่างของห้องน้ำ ภายในห้องพบเก้าอี้ล้มอยู่ไม่ห่างจากร่างที่ห้อยอยู่นัก
ชายหนุ่มนิ่งแทบหมดแรง เขาทรุดตัวก้มหน้าลง ร้องโฮออกมาทันที
ครั้งนี้ปลายไม่ได้ปลอบเขา คงตั้งใจปล่อยให้ระบายอย่างเต็มที่ เพราะรู้ว่าในครานี้ท่าจะปลอบยาก จากนั้นหนุ่มผมตั้งก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ยืนดูร่างหญิงสาวที่ห้อยอยู่ แล้วค่อยหันมองส่วนอื่นรอบ ๆ ห้องน้ำ
เมื่อมองไปที่อ่างล้างหน้าด้านข้างประตูห้องน้ำ เขาพบว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งวางทิ้งไว้อยู่ จึงเก็บขึ้นมาดู
กระดาษแผ่นนั้นมีข้อความประโยคหนึ่งที่ถูกพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความว่า
‘ฉันผิดไปแล้ว ลาก่อน’
พออ่านแล้วปลายก็วางกระดาษแผ่นนั้นลง ค่อยไปพยุงกายของชายหนุ่มที่ฟุบลงไปขึ้นมา พยายามพูดปลอบให้ทำใจดี ๆ ไว้ แล้วพาออกไปข้างนอกห้อง
ซึ่งในจังหวะนั้นมีนที่ลงไปเอากุญแจสำรองได้วิ่งกลับขึ้นมาแล้ว เธอรีบปรี่ไปหาปลายที่กำลังยืนประคองร่างชายหนุ่มอยู่ทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” มีนโพล่งถาม
ปลายหันไปยิ้มให้เธอ “ไม่มีอะไรหรอก แต่มีนอย่าเข้าไปในห้องนะ”
“มีอะไร? นายรีบบอกมาดีกว่า” มีนพูดต่อ ทำท่าเหมือนจะเข้าไปข้างในห้องนั้น
“อือ.. บอกก็ได้ ...มีคนตายในห้อง มีนจะเข้าไปมั้ยล่ะ?”
สาวห้าวพอได้ฟังต้องยืนนิ่งอ้ำอึ้งไป เธอพูดอะไรต่อไม่ได้สักคำ คงไม่คิดว่าจะมีคนตายขึ้นที่นี่ แต่แล้วเธอก็ยังฮึดพยายามพูดออกมาจนได้
“งะ...งั้น ฉะ..ฉันต้องทำอย่างไร?”
ปลายแย้มยิ้ม พูดตอบว่า “งั้นมีนช่วยโทรแจ้งตำรวจละกันนะ”
“ดะ..ได้”
(มีต่อครับ)