กระบี่รันทด 8.........กระบี่หรรษา

กระทู้สนทนา
บทที่แล้ว

.......แต่หากมันทราบว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเหตุการณ์พิสดารเริ่มแรกเท่านั้น รู้ความจริงมันอาจวิ่งเตลิดหนีหายลับไปร่ำสุราชมจันทร์อยู่ไกลแสนไกลก็เป็นได้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



              
             อรุณรุ่ง
              
             กระบี่รันทดเนื่องเพราะเมื่อคืนไปเจอเหตุการณ์พิกลพิสดารสุดแสน จึงกลับมาห้องเก็บฟืน ยามสามข่มตาหลับได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องลุกขึ้นมาทบทวนเหตุการณ์ประหลาดพิสดาร มิใช่หลับฝันเด็ดขาด ขบคิดเท่าใดก็ไม่กระจ่างชัด
              
             แสงตะวันยังไม่เยี่ยมฟ้าเต็มที่ เสียงประตูเคาะสนั่นหวั่นไหว
              
             มันยังไม่ทันตั้งตัว เสียงเคาะประตูหายไป เปลี่ยนเป็นเปิดกว้าง
             
             โฉมสะคราญเจ้าของโรงเตี๊ยมยืนพิงกรอบประตู ในท่วงท่าเน้นสัดส่วน ...สัดส่วนควรโค้งย่อมโค้งงดงาม ส่วนควรเว้าย่อมเว้างดงาม เส้นโค้งเส้นเว้าทิ้งจังหวะเหมาะเจาะเหมาะสมกลมกลืน ราวฝีมือร่ายรำตวัดพู่กันของเมธีผู้ทรงไปด้วยฝีมือและความมั่นใจ
    
             เช้านี้นางยังไม่ตกแต่งใบหน้า ทว่าความจริงใบหน้าของนางงดงามอยู่แล้ว  เครื่องประทินโฉมตกแต่งใบหน้าของสตรีที่สำคัญและดีที่สุดคือ ‘รอยยิ้ม’ นี่เอง หาใช่แป้งสีสันพรรณรายใด ๆ ไม่  ในโลกนี้ยังจะมีเครื่องสำอางใดสวยงามมีคุณค่าเท่ารอยยิ้ม
              
             เจ้าของห้องใจหายวาบ
              
             เคราะห์ดีว่าอยู่ในชุดนอน และนอนในท่วงท่าเหมาะสมงดงาม ไม่อุจาคตา  มิเช่นนั้นเกรงว่าต้องอับอายขายหน้า มิอาจสู้หน้าบรรพบุรุษในปรภพได้แน่แล้ว รีบลนลานลุกขึ้นล่าถอยไปอยู่มุมห้องอย่างไม่ไว้วางใจ
              
             ผู้มาเยือนยืนมองอย่างยิ้มแย้มครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า
          
              “ท่านตื่นล่าช้ามาก เราจึงมาปลุกท่าน”
            
             “ท่านบุกรุกห้องนอนผู้อื่นยามรุ่งสาง มิทราบมีเจตนาใด”
            
             “เรามีเจตนาใด?.. เพียงตามท่านไปทำงาน”
            
             “เมื่อวานข้าล้างจานชามหมดสิ้น”
            
             โฉมสะคราญถอนใจ มองหน้าอีกฝ่ายพลางกล่าวอย่างอ้อยอิ่ง
            
             “ท่านโง่งมยิ่ง จานชามมีผู้ใดล้างแล้วจบสิ้น ดวงตะวันจันทราหมุนเวียนเปลี่ยนผัน จานชามย่อมมีใช้มีล้างหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ยังมีผู้ใดสามารถบอกว่าล้างจานชามจบสิ้น”
              
             กระบี่รันทดอึ้งไปทันที นางยังคล้ายมิยินยอม ปากยังคงกล่าวต่อไป
          
              “จานชามคล้ายตะวันจันทรา ตะวันจันทรามีขึ้นมีลง จานชามมีใช้มีล้าง นอกจากตะวันจันทราแตกสลาย จานชามแตกสลายจึงสามารถหลุดพ้นวัฏจักรเวียนว่าย คนล้างจานชามเช่นกัน ไหนเลยสามารถหลุดพ้นวัฏจักรเวียนว่ายล้างจานเช่นนี้ไปได้…ดังนั้น...”
          
              “ตกลง... ตกลง ข้าไปทำงานเดี๋ยวนี้” กระบี่รันทดรีบตัดบท บางทีมันอาจไม่กลัวสตรี แต่กลัววาจายืดยาวของสตรีที่สุด ดังนั้นรีบรุดออกจากห้องไปโดยเร็ว
    
             “ช้าก่อน”    เสียงหวานใสเรียกไว้  “ท่านคงลืมไปว่าท่านอยู่ในชุดนอน  ไปทำงานควรอยู่ในชุดยืน ไม่เช่นนั้นเกรงว่าเป็นที่กล่าวขวัญร่ำลือไปนานแสนนาน”
    
             คนในชุดนอนหน้าแดงฉานทันที ความตื่นเต้นเพราะมีสาวงามมาเยือนถึงห้องนอน ทำให้สมาธิกระเจิดกระเจิง ไฉนอิสตรีมีอิทธิพลมากมายเร้นลับสุดคิดคำนวน   รีบเอ่ยปากขอบคุณก่อนฉวยผ้าเช็ดตัวคลุมกาย เผ่นไปห้องน้ำด้านหลังด้วยความเร็วสุดชีวิต
              
             โรงเตี๊ยมมีคนตื่นแต่เช้าไม่น้อย จานชามในโรงครัวก็ไม่น้อย กระบี่รันทดพอเดินข้าไปก็เห็นเด็กล้างจานคนเดิมยืนล้างจานชามอยู่ก่อนแล้ว เพียงมีเด็กใหม่มาช่วยงานหนึ่งคน พอเห็นหน้ารีบประสานมือคารวะจรดพื้น
            
             “ท่านอาจารย์เมื่อคืนหลับสบายดี”

              กระบี่รันทดถูกเรียกว่าอาจารย์ เป็นรสชาติที่สุดบรรยายจึงรีบโบกมือบอกว่า   “เจ้าอย่าเรียกข้าเป็นอาจารย์ ข้าเป็นเพียงคนล้างจาน ไม่ใช่อาจารย์”
          
              เด็กล้างจานมองหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า
            
             “มิว่าจานล้างจานชามหรือไม่ ท่านย่อมเป็นอาจารย์ ผู้ที่สามารถทำให้ศิษย์เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งหลักวิชาล้างจาน ทำให้ศิษย์กระจ่างในหลักเคล็ดวิชาและปรัชญาของชีวิต ไม่ว่าท่านจะเรียกขานว่ากระไรย่อมไม่อาจบดบังแก่นแท้ ของบุคลิกภาพแห่งความเป็นปรมาจารย์แห่งการล้างจานชามไปได้”
              
             ว่าที่อาจารย์รู้สึกศีรษะสมองพองโต
              
             ไม่นึกว่าวาจาที่กล่าวเปะปะ กลับสามารถสร้างบุคลิกภาพใหม่ กระทั่งเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตของคนผู้หนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด  เด็กคนนี้นับว่าเปลี่ยนบุคลิกภาพไปแล้ว แผ่นหลังที่เคยโค้งงอท้อแท้ยามล้างจานชามกลับเหยียดตรงมั่นคง ประกายตาหดหู่กลับเปล่งแววแห่งความเชื่อมั่นมุ่งมั่นอาจหาญทะยานฟ้า
          
             หรือมันบรรลุสัจธรรมแห่งการล้างจานชามจริง ๆ  มิเพียงบุคลิกภาพเปลี่ยนไป ฝีมือการล้างจานชามเด็กคนนี้กลับก้าวหน้าไปอีกหลายส่วน ท่วงท่าเจนจัดปราดเปรียวคล่องแคล่ว ผนึกท่วงท่าร่างกายจิตใจและจานชามเป็นหนึ่งเดียว
    
             “เอ้อ...รู้จักกันวานนี้ แต่ข้ายังไม่รู้ว่าเจ้าชื่ออะไร”  ว่าที่อาจารย์เปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนจะบรรลุไปตามลูกศิษย์
    
             “ข้าชื่อประยุทธ์”
    
             “อะไรนะ...”   บุรุษหนุ่มลืมตาโพลง  ชื่อภาษาอะไร ช่างแปลกหูแปลกความรู้สึก อย่างไม่เคยพบพาน ได้ยินได้ฟังมาก่อน      เด็กน้อยยืดตัวตรง มือล้างจาน ปากกล่าววาจาไปในเวลาเดียวกัน
    
           “ข้าเป็นครึ่งลูก  บิดาเป็นคนในด่าน มารดาเป็นคนนอกด่าน มาจากกรุงเสียม ดังนั้นบิดาจึงตั้งชื่อข้าด้วยภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของมารดา เพื่อเป็นการระลึกถึงมารดา  ส่วนเด็กใหม่คนนี้....”   พูดพลางพยักหน้าไปยังเด็กน้อยผู้ช่ายล้างจานอยู่ด้านข้าง บอกว่า
    
             “เขาชื่อประวิทย์”
    
             กระบี่รันทดขนลุกเกรียว  เกิดมาไม่เคยได้ยินศัพท์ภาษาแปลกประหลาดสุดแสนพิสดารเช่นนี้มาก่อน   มิทราบว่าเพราะเหตุผลกลใด จึงทำให้รู้สึกตื่นเต้นใจสั่น จู่ ๆ พลันรู้สึกคล้ายกำลังจะถูกเชิญไปปรับทัศนคติ ในที่สุดสั่นหน้า พึมพำกับตัวเอยอย่างเลื่อนลอยเสียวสันหลังว่า
    
             “ประยุทธ์...ประวิทย์...โอ...เทวะ...ถ้ามีเด็กอีกคนมาช่วยงาน น่ากลัวอาจต้องชื่อ ประจิน เป็นแน่แท้...”  จู่ ๆ พลันคิดคำแปลกประหลาดได้เองราวมีมนตร์ดลใจ กระทั่งตัวเองยังไม่อาจเข้าใจ ทั้งที่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
            
             “ยอดเยี่ยมมาก มิคาดว่าท่านฝึกปรือศิษย์เอก จนสามารถล้างจานชามแทนท่านได้ นับถือจริงๆ”         
            
              เสียงดังมาจากข้างหลัง เสียงสดใสเช่นนี้ย่อมเป็นเสียงของโฉมสะคราญ
              
             นางคล้ายภูตผีคอยเกาะติดสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา คิดอยากปรากฏตัวเมื่อไรล้วนสามารถปรากฏ คิดสาบสูญร่องรอยเมื่อไรล้วนสามารถหายลับ กระบี่รันทดใจหายวาบ ไม่อยากมองหน้านาง แต่มิอาจตัดใจไม่มอง ใบหน้าของนางเพียงมองครั้งที่หนึ่ง ย่อมโน้มน้าวให้ต้องมองครั้งที่สอง... ครั้งที่สาม... และครั้งต่อไป...มิมีสิ้นสุด มองมากขึ้นและนานขึ้น บางทีใบหน้านางอาจเป็นใบหน้าเสพติดชนิดหนึ่ง มองมากไปอาจเสพติดราวกับสารเสพติด ใบหน้าเสพติด จ้องมองแล้วย่อมติด พอติดแล้วย่อมเลอะเลือนฟั่นเฟือน
              
             ดังนั้นไม่อยากจ้องมอง แต่ไม่อาจไม่มอง    ใบหน้าเช่นนี้ย่อมชวนมองอย่างยิ่ง มองแล้วฟุ้งซ่านยังต้องมอง  นางเลิกคิ้วถามอย่างยิ้มแย้มว่า
          
              “ท่านมองเราด้วยสายตาแบบนี้ มิทราบว่าคิดเช่นไร”
              
             บุรุษหนุ่มจ้องมองอยู่อีกครึ่งค่อนวัน จึงถอนใจกล่าวว่า   “เราเพียงคิดว่าไฉนคนบางคนเกิดมา มีใบหน้าที่สวยงามปานนี้”
              
             นางหัวร่อคิก ๆ ทันทีกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า
            
             “เช่นนี้ท่านหลงรักเราเข้าแล้ว”

             วาจาของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมคล้ายประกายกระบี่คมกริบไร้สภาพ ทิ่มแทงจิตใจของกระบี่รันทดจนมีสีหน้าแปรเปลี่ยน คล้ายถูกกระบี่จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวไม่รู้เหนือใต้ มันรีบโบกมือปฏิเสธทันควัน
            
             “มิได้....ท่านสวยงามจริง แต่ความสวยงามอย่างเดียวมิใช่เหตุแห่งรัก”
            
             “โอ...ที่แท้ท่านมีนางในดวงใจ”
            
             “มิผิด” ย้ำเสียงหนักแน่น
            
             “นางสวยงามกว่าเรา”
            
             “มิใช่”
            
             “แล้วเหตุใดท่านรักนาง”
            
             “เพราะนางเป็นนาง”
              
             นี่สามารถนับว่าเป็นเหตุผลประการหนึ่งหรือไม่  บางครั้งคล้ายใช่... บางครั้งคล้ายไม่ใช่... คล้ายครั้งหลายคราทั้งใช่ทั้งมิใช่ บุรุษหนุ่มพลันถอนใจ จ้องมองอีกฝ่ายพลางกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังว่า
            
             “นางบางทีอาจสวยงามน้อยกว่าท่าน แต่เพราะท่านมิใช่นาง นางมิใช่ท่าน ท่านอาจสวยงามประเสริฐเพียบพร้อมกว่านาง แต่มิใช่นาง”
              
             นี่ก็สามารถนับว่าเป็นเหตุผลอีกประการหนึ่งหรือไม่
              
             โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง เพียบพร้อมสวยงามเย้ายวนผู้หนึ่ง แต่กลับไม่อาจลบเลือนเงาของสตรีนางหนึ่งในจิตใจของบุรุษหนุ่มได้ เนื่องเพราะคนบางคนไม่สามารถมีผู้อื่นทดแทนได้ บางครั้งท่านไปหลงรักคนมีเจ้าของ ท่านมีปัญญาหักห้ามใจได้หรือไม่ บางครั้งไม่!เพราะไม่มีใครทดแทน  บางครั้งใช่! แม้ว่าจะต้องเจ็บช้ำปางตาย
              
             ในที่สุดนางจึงยิ้มแย้มบอก  “เราย่อมไม่ใช่นาง นางย่อมไม่ใช่เรา ความจริงเรามาวานท่านไปส่งอาหารขึ้นโต๊ะ เด็กรับใช้ประจำร้านของเราป่านนี้ยังไม่โผล่ศีรษะมาเลย วานท่านรับภาระนี้”
              
             ฟังแล้วไหนเลยสามารถปฏิเสธ นางคล้ายเป็นเจ้านาย ไม่ว่าสั่งบงการอะไรมันก็ต้องทำตามสถานเดียว ลูกผู้ชายแท้จริงต้องกล้าในสิ่งควรกล้า ไม่ทำผิดต่อศิลธรรมและมโนธรรมไม่ต้องเขินอายดินฟ้า ดังนั้นบุรุษหนุ่มสูดลมหายใจลึก ยืดอกไปทำงานตามคำสั่งอย่างอาจหาญราววีรบุรุษเข้าสู่สมรภูมิ
              

             โรงเตี๊ยมคึกคักตั้งแต่เช้า มิทราบว่าเกิดเหตุพิเศษอันใด คนในห้องโถงมากกว่าเมื่อวาน
              
             โต๊ะเก้าอี้มุมห้องชุดหนึ่งมีสองคนนั่งอยู่
              
             สองคนที่กระบี่รันทดไม่ค่อยอยากพบพานเท่าไร หน้าขวามือเป็นบุรุษหน้าหล่อและทำหน้าหล่อตลอดเวลา มีเสียงลือว่ากระทั่งเข้าห้องน้ำยังทำหน้าหล่อ ทางซ้ายมือเป็นบุรุษหนุ่มใบหน้าเรียวยาวคล้ายม้ารูปร่างผอมสูงพกทวนไว้ข้างหลังดูแล้วขัดตาพิกล
              
             ทั้งสองย่อมเป็นกระบี่แสนหล่อและทวนค้ำฟ้า
              
             มิทราบว่าลมใดบันดาลให้พวกมันมานั่งเสนอหน้าตั้งแต่เช้าตรู่ สุรากรอกแห้งไปแล้วหลายจอก ไก่ตุ๋นเพิ่งส่งขึ้นโต๊ะโดยกระบี่รันทดในชุดคนส่งอาหารยกมาบริการ วางไก่ตุ๋นลงบนโต๊ะกระบี่แสนหล่อกวาดตามองไปมา พลันหัวร่อกล่าวขึ้นว่า
            
             “ที่แท้ท่านกลับรับบทหน้าที่คนล้างจานชามจริง ๆ น่าเลื่อมใส พวกเรารีบมาชมดูแต่เช้า พนันกันว่าท่านรั้งอยู่หรือไม่ มีการพนันกันเล็กน้อย กลับปรากฏว่าข้าเองกลับเป็นฝ่ายเสีย…เกรงใจจริงๆ...ถึงจะเสียเดิมพันก็เสียแบบหล่อ ๆ อะเห้ย...”





.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่