กระบี่รันทด ภาค 3.....บทที่ 1(กระบี่หลายใจ)

กระทู้สนทนา
กระบี่รันทด....ภาค 3(บทนำ)
http://ppantip.com/topic/13129832


===========================
กระบี่รันทด ภาค 3......บทที่ 1(กระบี่หลายใจ)
===========================


ราตรีกาล เงาจันทร์คล้ายเงาใจ  หลังจากโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมมีเรื่องราวลี้ลับพิสดาร ผู้คนในโรงเตี๊ยมคล้ายหัวใจถูกเงาจันทร์บดบังใจ ต่างรู้สึกถึงลางสังหรณ์เร้นลับน่าสะพรึงกลัวชนิดหนึ่ง

ก้างปลาไร้เงา มิเพียงปรากฏขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ ตอนนี้ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมตบโต๊ะฉาดใหญ่ กวาดสายตาคมวาวมองหน้าสมาชิกในโรงเตี๊ยมทีละคน...สายตาคู่นั้นมิเพียงคมวาว ยังแหลมคมราวก้างปลาไร้เงา ก่อนจะมีใครเอ่ยปาก นางพลันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“จะต้องเป็นใครคนหนึ่งอยู่ที่นี้”

หลายคนมีสีหน้าราวก้างติดคอขึ้นมาทันที  ความจริงหลังเกิดเรื่องไม่มีผู้ใดกล้ารับประทานปลา แม้แต่ปลาตะเพียนไร้ก้างยังไม่กล้ารับประทาน  กระทั่งเป็ดไก่บางคนยังไม่กล้ารับประทาน เนื่องเพราะมันประหวั่นพรั่นใจเกินไป กลัวก้างไก่ติดคอ นั่นเพราะอาถรรพ์ก้างปลาไร้เงา ในความรู้สึกพวกมันน่ากลัวยิ่งกว่ามีดบินของลี้คิมฮวง เซียวลี้ปวยตอมีดบินไม่พลาดเป้า มากมายหลายเท่า

ลี้คิมฮวงจะซัดมีดบิน ผู้คนยังคงมองเห็นมีดในมือ อย่างน้อยผู้คนยังมีเวลาเตรียมรับมือ

หากก้างปลาไร้เงาคนละเรื่องคนละอารมณ์

ในขณะท่านเพลิดเพลินแสนสุขกับการลิ้มรสปลาอร่อยปางตาย โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ไม่มีการเตรียมรับมือ จู่ๆ โลกอันงดงามสดใสของท่านพลันแยกแตกสลายมืดมนอนทการ เมื่อรู้สึกว่าก้างไร้เงาติดคอ ท่านมิอาจตายในก้างเดียว เช่นนั้นใยมิใช่ปลอดโปร่งสะดวกสบายเกินไป...หากท่านจะรู้สึกเหมือนถูกทัณฑ์จากอเวจีรู้สึกยาวนานนับกัปกัลป์ ความเจ็บปวดทรมานสาหัสสากรรจ์ไม่ว่าท่านจะนั่ง นอน ยืนหรือนอน ทุกครั้งเมื่อท่านคิดจะกลืนน้ำลาย หรือเอ่ยวาจา ไม่ว่าจะแสนหวานหรือหยาบคายล้วนผลเท่ากัน ท่านจะรู้ล่วงหน้าว่าความทรมานอันแหลมคมเจ็บปวดในลำคอรอคอยอยู่ แต่ท่านมิอาจไม่กลืนน้ำลาย...เป็นเรื่องจนปัญญาหนักหนาส่าหัส..เพราะต่อให้ท่านไม่กลืนน้ำลาย เพียงเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น..ความเจ็บปวดจะปะทุแทงลึกตอกย้ำซ้ำเต็มทันที ยิ่งกว่าฝันร้าย จนต้องอาจนึกสาปแช่งตัวเอง เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่า ก้างปลานรกยังคงสนิทแนบแน่นสนิทสนมคุ้นเคยในลำคอ

หรือว่าตอนนี้ก้างปลาไร้เงาได้บรรลุเป้าหมายไปอยู่ในลำคอผู้ใดผู้หนึ่งแล้ว

กระบี่แสนหล่อตบโต๊ะแผ่วเบาราวกระซิบกระซาบ มันกลัวก้างปลาไร้เงาไปทุกท่วงท่าเสียแล้ว ขนาดตบโต๊ะยังไม่กล้าลงมือเต็มที่ ร้องโพล่งออกมาว่า

“เกรงใจจริงๆ...ข้ามิได้หยิบมันไป อาจท่านต่างหาก”  ว่าพลางชี้นิ้วไปยังเจ้าของโรงเตี๊ยมอย่างเชื่องช้า ก่อนพูดต่อไปว่า

“ท่านเป็นคนจับมันเป็นคนสุดท้ายก่อนวางบนโต๊ะ ท่านอาจฉวยโอกาสหยิบมันไปก็ได้ เกรงใจจริงๆ”

คำพูดเกรงใจของมันทำให้ทุกคนหันไปมองสาวงามผู้ต้องสงสัยเป็นสองตา เพราะไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียเลย

“ท่านพูดก็มีส่วนถูก...” โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมตบโต๊ะอีกฉาด นางเป็นคนเดียวที่กล้าเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ ไม่ได้หวั่นเกรงอาถรรพ์เภทภัยของก้างปลาปริศนา ไม่ตบแล้วไป ตบเป็นตบ

“แต่ถ้าข้าจะทำแบบนั้น จะได้ประโยชน์อะไร สถานที่นี้เป็นโรงเตี๊ยมของข้า เกิดเรื่องใยมิใช่เสียหาย ดังนั้นย่อมมิใช่ข้าแน่นอน อีกประการหนึ่ง....”
นางหยุดวาจาเอาไว้ ทำให้ทุกคนจ้องมองอย่างเงียบงัน

“เกรงใจจริงๆ ประการใด” กระบี่แสนหล่อเอ่ยปากถามอย่างอดรนทนมิได้ เจ้าของสถานที่ยืดอกตอบเสียงหนักแน่นว่า

“เพราะว่าเราคือโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม”

“อา........”

หลายคนอุทานออกมาโดยพร้อมเพรียง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที

คือโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมแล้วเป็นอย่างไร

ทำไมคำพูดเท่านี้จึงน่าเชื่อถือ บรรดาผู้คนคิดว่าอย่างไรกันแน่

ทำไม

หรือมีเลศนัยอะไรซุกซ่อนอยู่ในคำพูดนั้น

ท่าทางเรื่องราวในโรงเตี๊ยมไม่รวดรัดจัดเจนหมดจดเสียแล้ว จุดประสงค์ของการปรากฏก้างปลาปริศนามีเนื่องหลังที่มาที่ไปอย่างไร เป็นเรื่องทำให้ราตรีนี้ยาวนานราวไม่มีที่สิ้นสุด

+++++


ก่อนจะเกิดปรากฏการณ์ก้างปลาปริศนา

บ่ายของวันนั้น กระบี่รันทดกำลังเดินอยู่บนถนนสายหนึ่ง มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองเล็กๆ หนึ่ง

ตัวเมืองเงียบสงบ บรรยากาศเงียบเหงา ถนนอ้างว้างไร้ผู้คน

บุรุษหนุ่มไม่สนใจตัวเมืองที่เงียบสงบ บรรยากาศอันเงียบเหงา และถนนอ้างว้างไร้ผู้คน

ที่มันสนใจคือกลับไปยังหมู่ตึกไร้รัก เพื่อหาธิดาไร้รัก

หากมันรู้สึกแปลกใจ ก้าวเท้าห่างออกมาจากเมืองไม่มากไม่น้อยเท่าไร หัวใจของมันรู้สึกอ้างว้างมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกยินดีกับการเดินมุ่งหน้าเข้าไปหานางอันเป็นที่รัก ความรู้สึกสองประการนี้ผิดแผกแตกต่างหากผสมกลมกลืนกันอย่างพิสดารเป็นรสชาติสุดบรรยาย แค่ละก้าวคล้ายเหยียบลงไปบนหัวใจของตนเอง

นี่จึงเป็นความมหัศจรรย์ชองชีวิต มากเรื่องหลายราวไม่เป็นไปตามเหตุผล ไม่ว่าจะฝืนกายฝืนใจอย่างไรก็ตาม บางครั้งไม่อาจสลัดความรู้สึกบางชนิดออกจากความรู้สึกได้

ลมยาวบ่ายหอบเศษไม้ใบหญ้าลอยไหวกระจายตามสายลมหวน ฝุ่นควันคละคลุ้ง

มาถึงบริเวณสี่แยกใจกลางเมือง  ยังคงไร้วี่แววผู้คน อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ปิดประตูหน้าต่าง ราวกับเป็นเมืองร้าง  ตัวอาคารบ้านเรือนเก่าคร่ำคร่าเต็มไปด้วยฝุ่นหนา กอไม้ใบหญ้าซีดเซียวเหี่ยวเฉา ต้นสนชราริมถนนเคล้าสายลมครวญครางผ่านตรอกซอกซอย ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆครึ้มทะมึน

บุรุษหนุ่มหยุดชะงัก สี่แยกทำให้มันรู้สึกสับสนงุนงง

มันรู้เพียงว่าเดินทางมาจากด้านหลัง หากสามแยกซึ่งรอคอยอยู่ มันกลับไม่ทราบว่าจะไปทิศทางใด....ซ้าย ขวา หน้า
ปูมเดินทาง..แผนที่ลืมไว้ในเมืองไม่มากไม่น้อย ในโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม

ปราศจากแผนที่ มันก็คล้ายเรือเดินทะเลขาดเข็มทิศ คืบก็ถนน ศอกก็ถนน วาก็ถนน ว้างกว้างไกลสุดคาดคะเน

มันเพิ่งปรากฏตัวในสังคม ยังอ่อนต่อโลกและประสบการณ์ ดังนั้นได้เพียงยืนเคว้งคว้างอยู่กลางสี่แยกนั่นเอง

มันรู้สึกว่าบางครั้งชีวิตตัวเองก็คล้ายกำลังผ่านทางแยก จู่ๆพลันรู้สึกพิสดาร ไม่ทราบว่าจะก้าวเท้าไปแยกไหนดี รักซ้ายเสียดายขวา ห่วงหน้าพะวงหลัง อาวรณ์ใกล้คิดถึงไกล ไม่อาจทราบว่าโค้งของแยกเบื้องหน้ามีอะไรรอคอยอยู่ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะหรือหยาดน้ำตา ความสมหวังหรือสิ้นหวัง

“ท่านไม่”

“ต้องลำ”

“บากใจ”

เสียงแหบต่ำกล่าวครั้งละสองพยางค์ผิดปกติวิสัยมนุษย์ ดังมาจากแยกถนนด้านหน้า พอเขม้นตาฝ่ากลุ่มละอองธุลีดินออกไป พบในม่านฝุ่นลมหวน บุรุษชุดเสื้อผ้ายาวสีเทาเข้มผู้หนึ่งก้าวเท้าตรงมาอย่างช้าๆ

หากกระบี่รันทดมีสีหน้าเศร้าหมอง หากกระบี่หรรษามีสีหน้าเบิกบาน หากกระบี่แสนหล่อมีสีหน้าหล่อเหลาเจียนขาดใจ  หากจอมมารคอหอยมีสีหน้าชั่วร้ายกลอกกลิ้ง ควรเข้าใจว่าทุกคนล้วนมีสีหน้าเฉพาะตัว ผู้อื่นไม่สามารถลอกเลียนแบบ

แต่บุรุษผู้ปรากฏตัวกลับมีสีหน้าพิสดารที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

มันคล้ายคนไม่มีเอกลักษณ์ของสีหน้าเป็นของตัวเอง

สีหน้าของมันคล้ายแปรเปลี่ยนตลอดเวลา ในขณะท่านพบว่ามันเบิกบานแจ่มใสก็จะรู้สึกว่ามันกำลังหม่นเศร้า ขณะมันมองท่าน ท่านพาลกลับรู้สึกว่ามันมองคนอื่น มันพูดกับท่านพาลชวนให้นึกว่ามันกำลังพูดกับคนอื่น

คนพิสดารแบบนี้มีไม่มากนัก ดังนั้นหลังจากขบคิดอย่างรวดเร็วกระบี่รันทดพลันรู้ว่าคนปรากฏตัวเบื้องหน้าเป็นใครในทันที เพราะก่อนลงจากเขา มันอ่านตำราอย่างช่ำชอง

“กระบี่หลายใจ.. เป็นท่าน”

บุคลิกภาพแบบนี้ เป็นคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด

กระบี่หลายใจ...เป็นยอดฝีมือพิสดารอีกคนหนึ่งของยุทธภพ หลักวิชาคือความหลายใจ...ยิ่งหลายใจเท่าใด พลังฝีมือยิ่งรุดหน้า  รักง่ายหน่ายเร็วหลายคนเท่าใดพลังกระบี่ยิ่งแม่นยำ  อึดใจแรกมันบอกว่ารักท่านจนแทบจะกระโดดกัดกลืนท่านกินทั้งเป็น อึดใจต่อมามันอาจบอกว่าไม่เคยรู้จักท่านและกระโดดไปบอกความในใจกับสตรีผู้เพิ่งเดินสวนทางผ่านกันได้เมื่ออึดใจที่แล้ว

มันอาจจ้องหน้าท่าน เอ่ยบอกบอก..ข้ารักเจ้า..คำว่า “ข้ารัก” มันพูดกับท่าน แต่คำว่า “เจ้า” มันพูดกับคนอื่น มือขวาของมันกุมมือท่าน มือซ้ายของมันกุมมือสตรีอีกนางหนึ่งในขณะเท้าขวาเขี่ยบอกภาษารักกับสตรีอีกนาง

ดังนั้นมันจึงจัดเป็นจอมมารหัวใจ..ศัตรูหัวใจของหลายๆคน  ชื่อเสียงไม่น้อยกว่าจอมมารคอหอยเลยสักนิด

คนธรรมดาไม่หลุดพ้น อย่างไรหัวใจย่อมมีความรัก

เพียงบางครั้งมีรักก็มีมารหัวใจ

มารหัวใจ ไม่ต้องขัดคอท่าน ไม่ต้องพูดกับท่าน ไม่เหลือบมองท่าน แต่มันสามารถทำให้ท่านหงุดหงิดคลั่งแค้นแทบล้มประดาตาย บางครั้งทำให้ท่านรู้สึกเจ็บลึกยิ่งกว่าก้างปลาปลาไร้เงา  เพราะก้างปลาไร้เงาอย่างไรก็เป็นเจ็บเพียงกาย แต่มารหัวใจทำร้ายลึกถึงจิตใจส่วนลึกละเอียดอ่อนยาวนานที่สุด บางครั้งยาวนานกระทั่งลมหายใจสุดท้าย

“เป็นเรา”  มันตอบรับสั้นๆ หยุดยืนห่างออกไปประมาณสี่ห้าวา กระบี่รันทดกวาดตามองผู้มาขวางทางครู่หนึ่งจึงเอ่ยปากถามเรียบราบเรียบ
“ท่านมาทำไม”

“ฆ่าท่าน”

“ท่านไฉนคิดฆ่าเรา”

“คนจ้าง”

กระบี่รันทดยามนึ้นึกไม่ออกจริงๆว่าบุคคลใดกันแน่ต้องการเอาชีวิตมัน  ภารกิจก็จบสิ้นไปสองภาคแล้ว ทุกอย่างกำลังจะลงตัว กำลังเดินทางไปหาคนรัก ควรจบลงแบบนี้

มันไม่ถามว่าเป็นใคร เพราะรู้ว่าไม่มีคำตอบจากมือสังหารผู้นี้แน่นอน

หากถามอย่างอื่นว่า

“ท่านคิดว่าจะฆ่าเราได้”

“เราคิด”

กระบี่รันทดถอนใจ ชะตากรรมของมันไฉนมักพัวพันกับผู้คนพิสดารหลุดโลกมิสร่างซา จ้องมองกระบี่หลายใจครู่หนึ่ง ก่อนถามอีกว่า
“ท่านไม่จำเป็นต้องพูดทีละสองคำแบบนี้ก็ได้”

“เราชอบ”

พูดจบ มันก็ค่อยๆดึงกระบี่ออกมาจากฝักซึ่งเสียบอยู่กับสายรัดเอว

นั่นเป็นกระบี่มารหัวใจ อาวุธคู่กายของมัน

กระบี่มารหัวใจ  ย่อมเป็นศัตรูหัวใจ ไม่ทราบว่า สะบั้นรักตัดใจสลายความสัมพันธ์ผู้คนมามากมายเพียงใด ตัวกระบี่คล้ายแฝงอาถรรพ์น่าลุกขนพองชนิดหนึ่ง

สะบั้นรักตัดใจสลายเยื่อใย อย่างไรก็เป็นเรื่องชวนคลั่งหลั่งน้ำตามากกว่ารอยยิ้ม กระบี่รันทดพอสัมผัสถึงอาถรรพ์กระบี่มารหัวใจ พลันรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆเอ่อล้นขึ้นมาบริเวณนัยน์ตาทันที

ความรู้สึกคล้ายแว่วบทกวีโบราณแว่วมาในสายลม เคล็ดลับวิชานี้คือ..

......มีรักทั้งที ต้องมีศัตรูหัวใจ
มีรักทำไม..เมื่อใจไม่จริงใจกัน
รักกันทำไม ผลาญใจแทบสิ้นชีวัน
ทำไมฉัน จึงต้องมี ศัตรูหัวใจ........


หากมันไม่คาดคิดหรอกว่าภายภาคหน้าผู้คนจะรู้จักบทกวีนี้จากส่วนหนึ่งของบทเพลงขับขาน
ก่อนหยดน้ำตาจะหลั่งไหล กระบี่หลายใจลงมือก่อนทันที!

มันย่อมทราบว่า กระบี่รันทดยิ่งเศร้าหมอง พลังฝีมือยิ่งเพิ่มพูน ยิ่งหลั่งน้ำตาพลังยุทธยิ่งลึกล้ำรุดหน้า ดังนั้นก่อนจะมีหยาดน้ำตา ควรลงมือก่อนเป็นดีที่สุด


มันรู้ว่าความรักที่แท้จริงไม่เคยทำร้ายใคร หัวใจมีรักจริงๆถ้าจะทำร้ายใครต้องทำร้ายตัวเองเสียก่อน ไม่ให้เล็ดรอดไปทำร้ายผู้อื่นๆได้

กระบวนท่าที่ใช้ออกไปมีนามว่า “หนึ่งหญิงสองชาย หนึ่งใจสิบรัก” อันสุดอำมหิต ในโลกนี้ยังมีเรื่องราวเช่นนี้และมีอยู่มากมาย เป็นโศกนาฏกรรมชนิดหนึ่ง

กระบี่พอแทงออกไป พลังหลายใจก็ทะลักกระจายออกมาทันที ความจริงคนผู้หนึ่งมีหัวใจดวงเดียว หากไฉนสามารถแจกจ่ายรายรอบหัวใจออกไปรอบด้าน เป็นค่ายกลกับดักรักอันน่าสยดสยอง  เพลงกระบี่ก็เช่นกัน กระบี่เล่มเดียวไฉนกลับกลายเป็นพายุกระบี่มากมายกระจัดกระจายลวงตาก่อนพุ่งเข้าหาจุดตายราวสายฟ้า

กระบี่รันทดมองผ่านม่านน้ำตาเอ่อล้น

มันรับรู้พลังความขัดแย้งนั้นดี พลังขัดแย้งของหัวใจอันอยู่เหนือเหตุผล เหนือการควบคุม เป็นทั้งมนต์ขลังและเป็นทั้งโศกนาฏกรรมในคราเดียวกัน รับรู้ถึงความน่ากลัวของกระบวนท่านั้น

กระบี่รันทดเป็นประกายออกจากฝัก

กระบวนท่าที่ใช้ออกไปคือ

“หัวใจหล่นหาย”

เคล็ดลับของกระบวนท่านี้คือ

......หัวใจของฉันหล่นหาย
ถ้าใครเก็บได้ ช่วยเก็บเอาไว้ใต้หมอน
หัวใจของฉัน มันยับมันหย่อน
อย่าเอาไปซ้อน กับใจ ของใคร อีกเลย……


ไม่มีเสียงโลหะกระทบกันถี่ยิบ ไม่มีประกายไฟพวยพุ่ง ม่านพายุกระบี่ของกระบี่หลายใจไม่ว่าจะมีกี่ร้อยกี่พันสาย ความจริงย่อมมีกระบี่เดียว หัวใจต่อให้แยกย้ายจ่ายแจกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันดวง ความจริงก็ยังเป็นหัวใจดวงเดียว เป้าหมายกระบี่คล้ายมากมาย แต่สุดท้ายเป็นหมายสำคัญที่สุดมีเพียงตำแหน่งเดียวหนึ่งเดียว







..........................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่