กระบี่รันทด ภาค 3
เรื่องย่อภาค 1
กระบี่รันทดพบรักครั้งแรกกับธิดาหมู่ตึกไร้รัก แต่มิอาจรั้งอยู่ เพราะรับภารกิจจากเฒ่ารันทดผู้เป็นอาจารย์ สุดท้ายมาถึงเมืองไม่มากไม่น้อย พบเรื่องราวพิสดารเหนือธรรมชาติมากมาย สุดท้ายร่วมมือกับมิตรสหายส่งมนุษย์ต่างดาวกลับดาว
เรื่องย่อภาค 2
กระบี่รันทดรับภารกิจพิเศษแบบไม่ตั้งใจจากสำนึกคุ้มกันภัย นำของล้ำค่าไปส่งวังแมวเหมียวจนสำเร็จ และเดินทางออกจากเมือง เพื่อไปตามหาธิดาหมู่ตึกไร้รัก
===============
กระบี่รันทด ภาค 3
บทนำ
===============
วิกาล
ขุนเขา แมกไม้ สายธาร บ้านช่องมีสายลมราตรีเย็นยะเยือกพัดผ่าน ฟากฟ้าไกลมีดารารายรอบล้อมคันเคียวเสี้ยวจันทร์แบ่งปันเก็บเกี่ยวเสี้ยวใจ บางครั้งหมู่เมฆพัดพาลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยบดบัง
เมืองไม่มากไม่น้อย
ในร้านมีผู้คนสุราอาหาร
โรงเตี๊ยมในเมืองไม่มากไม่น้อย...เจ้าของคือโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม นางยังไม่ยอมนอน..อาจเพราะนางไม่อาจข่มตานอน.. ดังนั้น..ร้านยังไม่ยอมปิด....สุราอาหารพร้อมเพียงลดราคาเป็นพิเศษแขกเหรื่อย่อมไม่อาจให้ปิดร้าน ขาประจำยิ่งไม่อาจให้ปิดร้านโดยง่าย
วันนี้..คืนนี้ พวกมันเลี้ยงส่งย้อนหลังให้บุรุษหนุ่มนามกระบี่รันทด.....มันออกจากเมือง..เดินทางไปหาธิดาหมู่ตึกไร้รัก นางในหัวใจ..ในความรู้สึก..ในชีวิต
กระบี่รันทด เพียงมันอยู่ มันสร้างมิตรสหายและความจริงใจ มันไม่อยู่ สายใยแห่งมิตรภาพยังคงแน่นแฟ้น ไม่ห่างหาย ในโลกนี้ยังมีสายใยใดละเอียดอ่อนมากกว่าสายใยแห่งมิตรภาพและความรักซึ่งถักทอสอดร้อยสร้อยประสานเป็นตาข่ายใจ
ในร้านยามนี้มี...โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมเป็นคนดูแล ฉายานางมิใช่โชคช่วย นางมิเพียงสะคราญตาสะคราญใจ ยังสั่นสะท้านสะคราญไปทั้งชีวิตจิตใจบุรุษทั้งหลาย เพียงคืนนี้แววตานางมีประกายพิสดารชนิดหนึ่ง
นางมิเพียงเข้าใจ ยังเข้าใจแจ่มแจ้ง การจากไปของใครบางคน ไม่เพียงจากลากไปแค่กาย ยังลากกระชากหัวใจติดมือไปด้วยแบบไร้เหตุผล
หากนางเข้าใจ เพราะความไร้เหตุผลของหัวใจและความคิดของคนเรานี่ล่ะ...คือสิ่งที่บ่งบอกให้ทราบว่า หัวใจเรายังมีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ ต่อให้ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตจิตใจเพื่อการใดก็ตาม ดังนั้นจะมากจะน้อยนางย่อมรู้สึกถึงความเงียบเหงาอ้างว้าง
เฒ่าหรรษา และกระบี่หรรษา อาจารย์และศิษย์ก็ยังไม่ยอมเดินทางออกจากโรงเตี๊ยม แม้ว่าจะรู้ว่า พ่ายแพ้ต่อกระบี่รันทดไปแล้ว
เพียงพวกมันรู้สำนึกก็พอ แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ เรื่องพวกนี้ไม่อาจยึดติดเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังมีกระบี่แสนหล่อ ทวนค้ำฟ้าสหายของมัน รวมทั้งกระบี่สำอาง และขาประจำอื่นๆ ก็ยังคงไม่ห่างหาย พวกมันทั้งหมดนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมซึ่งจัดเป็นพิเศษ รอบเดียวครั้งเดียวต่อปีมีการจัดแบบนี้
ยกเว้นเฒ่าหรรษาและศิษย์เอกของมันถูกแยกไปนั่งโต๊ะอื่น เนื่องจากผู้คนมิอาจทนทานพฤติกรรมหรรษาได้
เฒ่าหรรษาและศิษย์ ยังคงเป็นคู่กวนบาทาไร้เงามากที่สุด สมกับเป็นพวกหรรษา มีเรื่องเล่าลือว่า ต่อให้มารดาบิดาของพวกมันเสียชีวิต พวกมันก็ยังคงสามารถหรรษา หัวร่อยิ้มแย้มมากเท่าใด กำลังฝีมือยิ่งเข้มแข็งรุดหน้ามากเท่านั้น
อย่างเช่นตอนนี้พวกมันเหม่อมองปลาทูย่างซึ่งวางเรียงรายบนจาน ปลาทู..ย่อมไม่มีอะไรพิเศษพิสดาร แต่ในสายตาของพวกหรรษาคล้ายพิสดารหรรษาอย่างยิ่ง
กระบี่หรรษานั่งเหม่อมองปลาทูย่างในจาน ครู่เดียว แววตาพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นทีละน้อย สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวร่อกึกก้อง มันพูดพลางใช้มือชี้ชวนให้เฒ่าหรรษาดูพลางบอกปนเสียงหัวร่อว่า
“ท่านอาจารย์ ดู...แค่ดูก็ขำแล้ว โอย...ขำเห็นๆ”
เฒ่าหรรษาเบิ่งตามองลูกศิษย์ของมัน ไม่เข้าใจว่าลูกศิษย์ของมันกำลังวิกลจริตจิตบรรลุเรื่องอะไร แต่หลักวิชาหรรษาคือรอยยิ้มและเสียงหัวร่อ ดังนั้นเฒ่าหรรษาจึงแผดเสียงหัวร่อกังวานขึ้นทันทีกล่าวว่า
“ฮา.....ขำจริงๆ..ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรก็จะขำ...ขำแบบไม่มีเหตุผล..ไม่มีเหตุผลก็ขำ ฮา...”
กระบี่หรรษาหัวร่อจนตัวงอ มันรู้สึกขบขันจริงๆว่า ขนาดอาจารย์ไม่รู้เรื่อง ยังมีแก่ใจเสนอหน้ามาขำ สุดท้ายหลังจากเอามือกุมท้องหัวร่อจนสาแก่ใจ พูดพลางหัวร่อพลางว่า
“โอย..ข้าก็ขำ..ว่าแต่ท่านอาจารย์ขำเรื่องอะไร ฮา..โอย ขำจนปวดท้อง..ปวดท้องก็ขำ ฮา”
เฒ่าหรรษาข่มจิตใจสุดชีวิต มันมิอาจไม่ขำ เพราะเรื่องราวช่างไร้เหตุผลจนน่าขำเสียนี่กระไร หลังจากพยายามรวบสติ มันจึงกัดฟันยิ้มพูดด้วยความลำบากเพราะกำลังสะกดกลั้นความขำปางตายว่า
“ข้าขำ... เพราะเจ้าไม่รู้ว่าข้าขำอะไร แบบนี้ขำเห็นๆ ฮา”
กระบี่หรรษาฟังแล้วเลือดลมเดือดพล่านทันที รู้ทันทีว่าอาจารย์กำลังบอกเคล็ดลับขั้นสุดยอดของหลักวิชา.....ขำสุดยอดคืนสู่สามัญ..สำคัญว่าจะเข้าถึงเคล็ดวิชานี้ได้อย่างไร
ปกติคนเราจะขำ ก็ต่อเมื่อ มีเรื่องราวบอกเล่ามาบันดาลใจ จู่ๆ มาขำไร้ที่มาไร้ที่ไปแบบนี้ก็นับว่าลึกล้ำสุดยอดสุดคาดคำนวณ ไม่มีเรื่องราวเหคุการณ์มาบันดาลใจก็สามารถขำได้ ขำแบบไม่มีเหตุผล ไม่ต้องเกรงใจหมาหรือเทวดาองค์ใดก็นับว่าเป็นสุดยอดเกจิของหลักวิชาหรรษาได้เหมือนกัน
ดังนั้นกระบี่หรรษาจึงหัวร่อจนตัวงอ....น้ำหูน้ำตาไหลนองหน้า
“โอย..อาจารย์ ข้าขำแล้ว..ขำแบบไม่มีเหตุผล แบบว่าขำต่อหน้าต่อตา...ข้าขำจนจะบ้าตายยู่แล้วท่านอาจารย์ โอย.. ฮา”
หยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวร่อขำจนขาดใจตาย กระบี่หรรษาพยายามระงับอารมณ์ มองปราดไปยังจานปลาทู แต่แล้วก็แผดเสียงหัวร่อขึ้นมาอีก
“โอย..ฮา..ท่านอาจารย์ ปลาทูมันนอนเฉย..ชำเลืองมองหน้าข้านิดหน่อย เห็นแล้วขำใจขาด โอย..ฮา...โดนย่างแล้วยังมีหน้ามานอนยิ้มใส่ข้า ฮา โอย ขำแบบเห็นๆ แต่ไม่มีเหตุผล ฮา โอย”
ว่าพลางทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์พากันนั่งหัวร่องอหาย กระบี่แสนหล่อเห็นแล้วทำหน้าปั้นยาก เอียงหน้าไปกระซิบกับทวนค้ำฟ้าผู้เป็นสหายรักว่า
“เกรงใจจริงๆ..แต่ศิษย์อาจารย์คู่นี้ทำให้ข้ากำลังจะบ้าจนตายทั้งเป็น”
บ้าจนตายทั้งเป็น.. นับว่าเลวร้ายรุนแรง..หากทวนค้ำฟ้ารับฟังแบบหน้านิ่วหมกมุ่น คล้ายขบคิดอะไรบางอย่างในใจก่อนโพล่งขึ้นว่า
“มันเป็นหลักวิชา....หลักวิชา”
“หลักวิชามารดาเจ้าอะไร..เกรงใจจริงๆ” กระบี่แสนหล่อกระชากลากเสียงถาม ต่อให้บ้าไปอีกสิบรอบร้อยชาติ มันก็มิอาจรู้ว่าเป็นหลักวิชาบ้าบออันใด
ทวนค้ำฟ้าพยายามสะกดความอยากขำลงอย่างลำบากยากเย็น อธิบายเนิบนาบว่า
“ข้ารู้ นั้นเป็นหลักวิชาขำไร้เงา...ไม่ต้องมีเหตุผลไม่ต้องมีคำอธิบาย ก็สามารถบรรลุแก่นแท้ของความหรรษาได้”
“เกรงใจจริงๆ...ข้ากลับคิดว่าก่อนจะบรรลุแก่นแท้ เกรงใจว่าจะหรรษาบ้าทั้งเป็นไปเสียก่อน...”
กระบี่แสนหล่อแย้งอย่างไม่เห็นด้วย กับมันผู้ใช้หลักวิชาความหล่อเป็นแนวทางฝึกปรือวรยุทธย่อมเห็นว่าการขำจนเกินเหตุ ไม่มีอะไรน่าดูชม ทำลายภาพลักษณ์ความหล่อเหลาจนสิ้นเชิง มันรู้สึกว่ายังไม่บรรลุแก่นแท้ของหลักวิชาแสนหล่อ ดังนั้นจนบัดนี้ยังมิอาจหาคนรักได้แม้แต่คนเดียว
เนื่องเพราะมันหล่อเหลาหน้าตาดีเกินไป อะไรที่สมบูรณ์แบบมากเกินไปอาจกลับกลายเป็นความน่ากลัวไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน สตรีซึ่งมันถูกตาต้องใจ พอพบหน้ามักเตลิดหนีเพราะไม่อาจทนทานความหล่อไร้เทียมทานได้ กับคนซึ่งสามารถรักผู้คน หากผู้คนกลับไม่รักมัน นั่นย่อมเป็นโศกนาฏกรรมชีวิตชนิดหนึ่ง แต่มันก็ย่อมเข้าใจว่าความรักแท้จริงไม่อาจบังคับเรียกร้องขู่เข็ญให้ได้มาอย่างเด็ดขาด กระบี่แสนหล่อจึงเพียงเฝ้ารอ มันเพียงหวังว่าคนรักและความรักของมันจะเลือกโอกาสและเวลาอันเหมาะสมของมันเอง
โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมหลังจากสำรวจดูแลความเรียบร้อย กำชับให้คนรับใช้ดูแลโต๊ะบริการลูกค้าไม่ขาดตกบกพร่อง ค่อยถอนตัวออกมาลานดินหน้าร้าน แม้ว่าจะปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ ยังมิวายได้ยินเสียงเฒ่าหรรษาหัวร่อตามหลังมาว่า
“นางลุกแล้ว...เจ้าดู...ลุกแบบขำๆ...ท่าทางจะออกไปชมดาวนอกร้าน...โอย ฮา..”
“ท่านอาจารย์อย่าบังอาจขำไปแซวนาง อย่าลืมว่านางเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม สามารถไล่เราสองออกร้านเมื่อไรก็ได้...จะโดนไล่ก็ขำ ฮา โอย...”
นั่นเป็นวาจาผีสางชัดๆ ฟังแล้วขัดหูไม่คล้ายคำพูดปกติของผู้คน ถ้าจะคิดเหตุผลอย่างน้อยมีสี่ห้ายี่สิบข้อ ในการอ้างเอ่ยจะชิงชังรังเกียจศิษย์อาจารย์คู่นี้ หากกลับไม่มีผู้ใดพาลเกลียดชัง วาจาผีสาง พฤติกรรมหลุดพ้นพื้นพิภพ แต่ไม่เคยทำร้ายผู้ใดอย่างต่ำช้าเลวทราม คนเช่นนี้บางครั้งสามารถนับเป็นตัวดีได้เช่นกัน
เจ้าของโรงเตี๊ยมได้แต่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ถือสาหาความ ก้าวเท้ายาวๆออกไปยืนชมจันทรากลางสายลมเย็นแห่งรัตติกาล
บรรยากาศยามนี้เงียบสงบ ผู้คนในเมืองไม่มากไม่น้อยต่างพากันเข้านอนแต่หัวค่ำ ยกเว้นร้านอาหารหรือโรงเตี๊ยมยังพอมีแสงสว่างเสียงผู้คนพูดคุยดื่มกิน คนในเมืองคล้ายพากันเข้าสู่โลกแห่งความฝันของตนเอง หลังผ่านการงานช่วงกลางวันมาเหน็ดเหนื่อยมากมาย ความฝันไม่ว่าจะเพริดแพร้วพิสดารขนาดไหนกับหลายคนนั่นเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่ง
ขอเพียงลงทุนเพียงล้มตัวลงนอน ก็อาจเข้าสู่โลกแห่งเหนือจินตนาการไร้ขอบเขตสุดคาดคิด ความฝันซึ่งไม่มีผู้ใดแย่งชิง ต่อให้ตื่นฟื้นขึ้นมา ความฝันมลายจางหายยังเหลือประสบการณ์แห่งฝันบางเบาแม้มลายสลายไปยังไขว่คว้าเก็บเกี่ยวความฝันใหม่ๆได้แทบทุกราตรีกาล
ในความรู้สึก คล้ายเห็นด้านหลังของบุรุษหนุ่มนามกระบี่รันทด กำลังก้าวเท้าห่างหายไกลออกไป กลืนหายไปกลับความมืดมนอนธการ
จนเหลือเพียงกลุ่มหมอกควัน
นางไม่ได้อาลัย ไม่ได้เศร้าใจ เพราะนางรู้ว่ามันต้องกลับมา อาจกลับมาพร้อมกับคนรักของมัน แต่นั่นไม่สำคัญ เพียงกลับมาก็พอแล้ว มิตรภาพบางครั้งสามารถสะอาดสดใสและบริสุทธิ์เกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจ
เพียงบางครั้งเงาจันทร์คล้ายเงาใจ เงาจันทร์หม่นมัวเงาใจเลือนราง เงาจันทร์ชักนำให้เกิดเงาใจเป็นความอ้างว้างพิสดารประการหนึ่ง โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมพลันรู้สึกถึงความมืดมนก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยกลางเงาจันทร์
เมฆผ่านจันทรา อาคารบ้านเรือนไกลออกไปเป็นเงาตะคุ่ม ทันใดนั้นสายตาเฉียบคมของโฉมสะคราญพลันเห็นเงาชนิดหนึ่ง
ย่อมไม่ใช่เงาจันทร์ เงาร่างเคลื่อนไหวไปมาอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณริมรั้ว ความสงสัยบังเกิดร่างเคลื่อนไหวคล้ายลมหอบวูบหนึ่ง พุ่งตรงไปยังเงาไม้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่ควรปรากฏกายลับๆล่อๆแบบนี้
ยังไม่ทันเข้าเงาไม้ เงาร่างลึกลับกระโดดปราดขึ้นพุ่งร่างออกไปด้วยความรวดเร็วแสดงถึงความเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมยังไม่ทันพลิกกายเปลี่ยนทิศทางพลันรู้สึกถึงอาวุธชนิดหนึ่งซัดขว้างเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือขาวเนียนสะบัดวูบหนึ่ง ใช้นิ้วคีบอาวุธชนิดนั้นเอาไว้ได้
เจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นี้มิใช่สตรีงดงามธรรมดา วรยุทธ์ของนางจัดเป็นแนวหน้าของวงการอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นจะดูแลโรงเตี๊ยมได้อย่างไร คนลึกลับก็คล้ายฝีมือไม่เลว ในช่วงจังหวะเล็กน้อยของการคว้าจับอาวุธลับ ร่างนั้นก็พุ่งทะยานห่างออกไปไกลแล้ว
ใจหนึ่งอยากติดตาม คว้าจับซักถามว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ใจหนึ่งเป็นห่วงโรงเตี๊ยม จึงได้แต่จับจ้องมองตามไปด้วยความหงุดหงิดใจ
อาวุธที่ถูกซัดมาเป็นก้างปลาขนาดใหญ่ นางแม้จะคุ้นเคยกับปลาในครัว แต่กลับดูไม่ออกเลยว่าเป็นก้างปลาชนิดใด
เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว อารมณ์ชมจันทร์พลันลดถดถอย ได้แต่กลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง
สายตาหลายคู่จับจ้องมองมาอย่างสนใจ กระบี่หรรษาเบิ่งตามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนหลุดปากหัวร่อถาม
“ท่านไฉนกลับมารวดเร็วเหลือเกิน..กลับมาเร็วจนขำ..โอย..”
ยังไม่ทันได้ตอบ กระบี่แสนหล่อพลันตบโต๊ะฉาดใหญ่ ร้องขึ้นว่า
“เกรงใจจริงๆ..แค่กลับเข้ามารวดเร็วมีที่ใดน่าหัวร่อ”
“ย่อมมี...ไม่เพียงกลับมารวดเร็ว ยังถือก้างปลามาด้วย...โอย...ถือก้างปลาก็ขำ สตรีเดินถือก้างปลา หาชมได้ง่ายที่ไหน ..ฮา”
แม้ว่าจะบ้าๆบอๆ แต่สายตาของกระบี่หรรษาคมกริบดุจนัยน์ตาเหยี่ยว หลายคนจึงเริ่มสังเกต
ก้างปลาอยู่ในมือของเจ้าของโรงเตี๊ยมคนงามสวยจริงๆ
ก้างปลาเมื่อต้องแสงไฟภายในร้านจึงสังเกตเห็นว่ามีความยาวประมาณสามนิ้วเป็นประกายแวววาวราวอาวุธชั้นดี ไม่ว่าใครพบเห็นย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า มิใช่ก้างปลาธรรมดาแน่นอน
มีคำกล่าวว่า “อาวุธยาวหนึ่งส่วนเข็มแข็งหนึ่งส่วน สั้นหนึ่งส่วนอันตรายหนึ่งส่วน พิสดารหนึ่งส่วนน่าสะพรึงกลัวหนึ่งส่วน” ก้างปลานี้ไม่เพียงพิสดารเท่านั้น ยังแฝงความลี้ลับชวนขนลุกแฝงมาดั่งเงาร้ายภูตผีปีศาจ
กระบี่สำอางนั่งมองอยู่อย่างเงียบๆสักครู่พลันส่งเ
กระบี่รันทด..ภาค 3 (บทนำ)
เรื่องย่อภาค 1
กระบี่รันทดพบรักครั้งแรกกับธิดาหมู่ตึกไร้รัก แต่มิอาจรั้งอยู่ เพราะรับภารกิจจากเฒ่ารันทดผู้เป็นอาจารย์ สุดท้ายมาถึงเมืองไม่มากไม่น้อย พบเรื่องราวพิสดารเหนือธรรมชาติมากมาย สุดท้ายร่วมมือกับมิตรสหายส่งมนุษย์ต่างดาวกลับดาว
เรื่องย่อภาค 2
กระบี่รันทดรับภารกิจพิเศษแบบไม่ตั้งใจจากสำนึกคุ้มกันภัย นำของล้ำค่าไปส่งวังแมวเหมียวจนสำเร็จ และเดินทางออกจากเมือง เพื่อไปตามหาธิดาหมู่ตึกไร้รัก
===============
กระบี่รันทด ภาค 3
บทนำ
===============
วิกาล
ขุนเขา แมกไม้ สายธาร บ้านช่องมีสายลมราตรีเย็นยะเยือกพัดผ่าน ฟากฟ้าไกลมีดารารายรอบล้อมคันเคียวเสี้ยวจันทร์แบ่งปันเก็บเกี่ยวเสี้ยวใจ บางครั้งหมู่เมฆพัดพาลอยเลื่อนเคลื่อนคล้อยบดบัง
เมืองไม่มากไม่น้อย
ในร้านมีผู้คนสุราอาหาร
โรงเตี๊ยมในเมืองไม่มากไม่น้อย...เจ้าของคือโฉมสะคราญโรงเตี๊ยม นางยังไม่ยอมนอน..อาจเพราะนางไม่อาจข่มตานอน.. ดังนั้น..ร้านยังไม่ยอมปิด....สุราอาหารพร้อมเพียงลดราคาเป็นพิเศษแขกเหรื่อย่อมไม่อาจให้ปิดร้าน ขาประจำยิ่งไม่อาจให้ปิดร้านโดยง่าย
วันนี้..คืนนี้ พวกมันเลี้ยงส่งย้อนหลังให้บุรุษหนุ่มนามกระบี่รันทด.....มันออกจากเมือง..เดินทางไปหาธิดาหมู่ตึกไร้รัก นางในหัวใจ..ในความรู้สึก..ในชีวิต
กระบี่รันทด เพียงมันอยู่ มันสร้างมิตรสหายและความจริงใจ มันไม่อยู่ สายใยแห่งมิตรภาพยังคงแน่นแฟ้น ไม่ห่างหาย ในโลกนี้ยังมีสายใยใดละเอียดอ่อนมากกว่าสายใยแห่งมิตรภาพและความรักซึ่งถักทอสอดร้อยสร้อยประสานเป็นตาข่ายใจ
ในร้านยามนี้มี...โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมเป็นคนดูแล ฉายานางมิใช่โชคช่วย นางมิเพียงสะคราญตาสะคราญใจ ยังสั่นสะท้านสะคราญไปทั้งชีวิตจิตใจบุรุษทั้งหลาย เพียงคืนนี้แววตานางมีประกายพิสดารชนิดหนึ่ง
นางมิเพียงเข้าใจ ยังเข้าใจแจ่มแจ้ง การจากไปของใครบางคน ไม่เพียงจากลากไปแค่กาย ยังลากกระชากหัวใจติดมือไปด้วยแบบไร้เหตุผล
หากนางเข้าใจ เพราะความไร้เหตุผลของหัวใจและความคิดของคนเรานี่ล่ะ...คือสิ่งที่บ่งบอกให้ทราบว่า หัวใจเรายังมีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจ ต่อให้ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตจิตใจเพื่อการใดก็ตาม ดังนั้นจะมากจะน้อยนางย่อมรู้สึกถึงความเงียบเหงาอ้างว้าง
เฒ่าหรรษา และกระบี่หรรษา อาจารย์และศิษย์ก็ยังไม่ยอมเดินทางออกจากโรงเตี๊ยม แม้ว่าจะรู้ว่า พ่ายแพ้ต่อกระบี่รันทดไปแล้ว
เพียงพวกมันรู้สำนึกก็พอ แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ เรื่องพวกนี้ไม่อาจยึดติดเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังมีกระบี่แสนหล่อ ทวนค้ำฟ้าสหายของมัน รวมทั้งกระบี่สำอาง และขาประจำอื่นๆ ก็ยังคงไม่ห่างหาย พวกมันทั้งหมดนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมซึ่งจัดเป็นพิเศษ รอบเดียวครั้งเดียวต่อปีมีการจัดแบบนี้
ยกเว้นเฒ่าหรรษาและศิษย์เอกของมันถูกแยกไปนั่งโต๊ะอื่น เนื่องจากผู้คนมิอาจทนทานพฤติกรรมหรรษาได้
เฒ่าหรรษาและศิษย์ ยังคงเป็นคู่กวนบาทาไร้เงามากที่สุด สมกับเป็นพวกหรรษา มีเรื่องเล่าลือว่า ต่อให้มารดาบิดาของพวกมันเสียชีวิต พวกมันก็ยังคงสามารถหรรษา หัวร่อยิ้มแย้มมากเท่าใด กำลังฝีมือยิ่งเข้มแข็งรุดหน้ามากเท่านั้น
อย่างเช่นตอนนี้พวกมันเหม่อมองปลาทูย่างซึ่งวางเรียงรายบนจาน ปลาทู..ย่อมไม่มีอะไรพิเศษพิสดาร แต่ในสายตาของพวกหรรษาคล้ายพิสดารหรรษาอย่างยิ่ง
กระบี่หรรษานั่งเหม่อมองปลาทูย่างในจาน ครู่เดียว แววตาพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นทีละน้อย สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวร่อกึกก้อง มันพูดพลางใช้มือชี้ชวนให้เฒ่าหรรษาดูพลางบอกปนเสียงหัวร่อว่า
“ท่านอาจารย์ ดู...แค่ดูก็ขำแล้ว โอย...ขำเห็นๆ”
เฒ่าหรรษาเบิ่งตามองลูกศิษย์ของมัน ไม่เข้าใจว่าลูกศิษย์ของมันกำลังวิกลจริตจิตบรรลุเรื่องอะไร แต่หลักวิชาหรรษาคือรอยยิ้มและเสียงหัวร่อ ดังนั้นเฒ่าหรรษาจึงแผดเสียงหัวร่อกังวานขึ้นทันทีกล่าวว่า
“ฮา.....ขำจริงๆ..ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไรก็จะขำ...ขำแบบไม่มีเหตุผล..ไม่มีเหตุผลก็ขำ ฮา...”
กระบี่หรรษาหัวร่อจนตัวงอ มันรู้สึกขบขันจริงๆว่า ขนาดอาจารย์ไม่รู้เรื่อง ยังมีแก่ใจเสนอหน้ามาขำ สุดท้ายหลังจากเอามือกุมท้องหัวร่อจนสาแก่ใจ พูดพลางหัวร่อพลางว่า
“โอย..ข้าก็ขำ..ว่าแต่ท่านอาจารย์ขำเรื่องอะไร ฮา..โอย ขำจนปวดท้อง..ปวดท้องก็ขำ ฮา”
เฒ่าหรรษาข่มจิตใจสุดชีวิต มันมิอาจไม่ขำ เพราะเรื่องราวช่างไร้เหตุผลจนน่าขำเสียนี่กระไร หลังจากพยายามรวบสติ มันจึงกัดฟันยิ้มพูดด้วยความลำบากเพราะกำลังสะกดกลั้นความขำปางตายว่า
“ข้าขำ... เพราะเจ้าไม่รู้ว่าข้าขำอะไร แบบนี้ขำเห็นๆ ฮา”
กระบี่หรรษาฟังแล้วเลือดลมเดือดพล่านทันที รู้ทันทีว่าอาจารย์กำลังบอกเคล็ดลับขั้นสุดยอดของหลักวิชา.....ขำสุดยอดคืนสู่สามัญ..สำคัญว่าจะเข้าถึงเคล็ดวิชานี้ได้อย่างไร
ปกติคนเราจะขำ ก็ต่อเมื่อ มีเรื่องราวบอกเล่ามาบันดาลใจ จู่ๆ มาขำไร้ที่มาไร้ที่ไปแบบนี้ก็นับว่าลึกล้ำสุดยอดสุดคาดคำนวณ ไม่มีเรื่องราวเหคุการณ์มาบันดาลใจก็สามารถขำได้ ขำแบบไม่มีเหตุผล ไม่ต้องเกรงใจหมาหรือเทวดาองค์ใดก็นับว่าเป็นสุดยอดเกจิของหลักวิชาหรรษาได้เหมือนกัน
ดังนั้นกระบี่หรรษาจึงหัวร่อจนตัวงอ....น้ำหูน้ำตาไหลนองหน้า
“โอย..อาจารย์ ข้าขำแล้ว..ขำแบบไม่มีเหตุผล แบบว่าขำต่อหน้าต่อตา...ข้าขำจนจะบ้าตายยู่แล้วท่านอาจารย์ โอย.. ฮา”
หยุดนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวร่อขำจนขาดใจตาย กระบี่หรรษาพยายามระงับอารมณ์ มองปราดไปยังจานปลาทู แต่แล้วก็แผดเสียงหัวร่อขึ้นมาอีก
“โอย..ฮา..ท่านอาจารย์ ปลาทูมันนอนเฉย..ชำเลืองมองหน้าข้านิดหน่อย เห็นแล้วขำใจขาด โอย..ฮา...โดนย่างแล้วยังมีหน้ามานอนยิ้มใส่ข้า ฮา โอย ขำแบบเห็นๆ แต่ไม่มีเหตุผล ฮา โอย”
ว่าพลางทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์พากันนั่งหัวร่องอหาย กระบี่แสนหล่อเห็นแล้วทำหน้าปั้นยาก เอียงหน้าไปกระซิบกับทวนค้ำฟ้าผู้เป็นสหายรักว่า
“เกรงใจจริงๆ..แต่ศิษย์อาจารย์คู่นี้ทำให้ข้ากำลังจะบ้าจนตายทั้งเป็น”
บ้าจนตายทั้งเป็น.. นับว่าเลวร้ายรุนแรง..หากทวนค้ำฟ้ารับฟังแบบหน้านิ่วหมกมุ่น คล้ายขบคิดอะไรบางอย่างในใจก่อนโพล่งขึ้นว่า
“มันเป็นหลักวิชา....หลักวิชา”
“หลักวิชามารดาเจ้าอะไร..เกรงใจจริงๆ” กระบี่แสนหล่อกระชากลากเสียงถาม ต่อให้บ้าไปอีกสิบรอบร้อยชาติ มันก็มิอาจรู้ว่าเป็นหลักวิชาบ้าบออันใด
ทวนค้ำฟ้าพยายามสะกดความอยากขำลงอย่างลำบากยากเย็น อธิบายเนิบนาบว่า
“ข้ารู้ นั้นเป็นหลักวิชาขำไร้เงา...ไม่ต้องมีเหตุผลไม่ต้องมีคำอธิบาย ก็สามารถบรรลุแก่นแท้ของความหรรษาได้”
“เกรงใจจริงๆ...ข้ากลับคิดว่าก่อนจะบรรลุแก่นแท้ เกรงใจว่าจะหรรษาบ้าทั้งเป็นไปเสียก่อน...”
กระบี่แสนหล่อแย้งอย่างไม่เห็นด้วย กับมันผู้ใช้หลักวิชาความหล่อเป็นแนวทางฝึกปรือวรยุทธย่อมเห็นว่าการขำจนเกินเหตุ ไม่มีอะไรน่าดูชม ทำลายภาพลักษณ์ความหล่อเหลาจนสิ้นเชิง มันรู้สึกว่ายังไม่บรรลุแก่นแท้ของหลักวิชาแสนหล่อ ดังนั้นจนบัดนี้ยังมิอาจหาคนรักได้แม้แต่คนเดียว
เนื่องเพราะมันหล่อเหลาหน้าตาดีเกินไป อะไรที่สมบูรณ์แบบมากเกินไปอาจกลับกลายเป็นความน่ากลัวไม่น่าไว้วางใจเช่นกัน สตรีซึ่งมันถูกตาต้องใจ พอพบหน้ามักเตลิดหนีเพราะไม่อาจทนทานความหล่อไร้เทียมทานได้ กับคนซึ่งสามารถรักผู้คน หากผู้คนกลับไม่รักมัน นั่นย่อมเป็นโศกนาฏกรรมชีวิตชนิดหนึ่ง แต่มันก็ย่อมเข้าใจว่าความรักแท้จริงไม่อาจบังคับเรียกร้องขู่เข็ญให้ได้มาอย่างเด็ดขาด กระบี่แสนหล่อจึงเพียงเฝ้ารอ มันเพียงหวังว่าคนรักและความรักของมันจะเลือกโอกาสและเวลาอันเหมาะสมของมันเอง
โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมหลังจากสำรวจดูแลความเรียบร้อย กำชับให้คนรับใช้ดูแลโต๊ะบริการลูกค้าไม่ขาดตกบกพร่อง ค่อยถอนตัวออกมาลานดินหน้าร้าน แม้ว่าจะปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ ยังมิวายได้ยินเสียงเฒ่าหรรษาหัวร่อตามหลังมาว่า
“นางลุกแล้ว...เจ้าดู...ลุกแบบขำๆ...ท่าทางจะออกไปชมดาวนอกร้าน...โอย ฮา..”
“ท่านอาจารย์อย่าบังอาจขำไปแซวนาง อย่าลืมว่านางเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยม สามารถไล่เราสองออกร้านเมื่อไรก็ได้...จะโดนไล่ก็ขำ ฮา โอย...”
นั่นเป็นวาจาผีสางชัดๆ ฟังแล้วขัดหูไม่คล้ายคำพูดปกติของผู้คน ถ้าจะคิดเหตุผลอย่างน้อยมีสี่ห้ายี่สิบข้อ ในการอ้างเอ่ยจะชิงชังรังเกียจศิษย์อาจารย์คู่นี้ หากกลับไม่มีผู้ใดพาลเกลียดชัง วาจาผีสาง พฤติกรรมหลุดพ้นพื้นพิภพ แต่ไม่เคยทำร้ายผู้ใดอย่างต่ำช้าเลวทราม คนเช่นนี้บางครั้งสามารถนับเป็นตัวดีได้เช่นกัน
เจ้าของโรงเตี๊ยมได้แต่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ถือสาหาความ ก้าวเท้ายาวๆออกไปยืนชมจันทรากลางสายลมเย็นแห่งรัตติกาล
บรรยากาศยามนี้เงียบสงบ ผู้คนในเมืองไม่มากไม่น้อยต่างพากันเข้านอนแต่หัวค่ำ ยกเว้นร้านอาหารหรือโรงเตี๊ยมยังพอมีแสงสว่างเสียงผู้คนพูดคุยดื่มกิน คนในเมืองคล้ายพากันเข้าสู่โลกแห่งความฝันของตนเอง หลังผ่านการงานช่วงกลางวันมาเหน็ดเหนื่อยมากมาย ความฝันไม่ว่าจะเพริดแพร้วพิสดารขนาดไหนกับหลายคนนั่นเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่ง
ขอเพียงลงทุนเพียงล้มตัวลงนอน ก็อาจเข้าสู่โลกแห่งเหนือจินตนาการไร้ขอบเขตสุดคาดคิด ความฝันซึ่งไม่มีผู้ใดแย่งชิง ต่อให้ตื่นฟื้นขึ้นมา ความฝันมลายจางหายยังเหลือประสบการณ์แห่งฝันบางเบาแม้มลายสลายไปยังไขว่คว้าเก็บเกี่ยวความฝันใหม่ๆได้แทบทุกราตรีกาล
ในความรู้สึก คล้ายเห็นด้านหลังของบุรุษหนุ่มนามกระบี่รันทด กำลังก้าวเท้าห่างหายไกลออกไป กลืนหายไปกลับความมืดมนอนธการ
จนเหลือเพียงกลุ่มหมอกควัน
นางไม่ได้อาลัย ไม่ได้เศร้าใจ เพราะนางรู้ว่ามันต้องกลับมา อาจกลับมาพร้อมกับคนรักของมัน แต่นั่นไม่สำคัญ เพียงกลับมาก็พอแล้ว มิตรภาพบางครั้งสามารถสะอาดสดใสและบริสุทธิ์เกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าใจ
เพียงบางครั้งเงาจันทร์คล้ายเงาใจ เงาจันทร์หม่นมัวเงาใจเลือนราง เงาจันทร์ชักนำให้เกิดเงาใจเป็นความอ้างว้างพิสดารประการหนึ่ง โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมพลันรู้สึกถึงความมืดมนก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยกลางเงาจันทร์
เมฆผ่านจันทรา อาคารบ้านเรือนไกลออกไปเป็นเงาตะคุ่ม ทันใดนั้นสายตาเฉียบคมของโฉมสะคราญพลันเห็นเงาชนิดหนึ่ง
ย่อมไม่ใช่เงาจันทร์ เงาร่างเคลื่อนไหวไปมาอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณริมรั้ว ความสงสัยบังเกิดร่างเคลื่อนไหวคล้ายลมหอบวูบหนึ่ง พุ่งตรงไปยังเงาไม้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามไม่ควรปรากฏกายลับๆล่อๆแบบนี้
ยังไม่ทันเข้าเงาไม้ เงาร่างลึกลับกระโดดปราดขึ้นพุ่งร่างออกไปด้วยความรวดเร็วแสดงถึงความเป็นผู้มีวิทยายุทธ์ โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมยังไม่ทันพลิกกายเปลี่ยนทิศทางพลันรู้สึกถึงอาวุธชนิดหนึ่งซัดขว้างเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือขาวเนียนสะบัดวูบหนึ่ง ใช้นิ้วคีบอาวุธชนิดนั้นเอาไว้ได้
เจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นี้มิใช่สตรีงดงามธรรมดา วรยุทธ์ของนางจัดเป็นแนวหน้าของวงการอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นจะดูแลโรงเตี๊ยมได้อย่างไร คนลึกลับก็คล้ายฝีมือไม่เลว ในช่วงจังหวะเล็กน้อยของการคว้าจับอาวุธลับ ร่างนั้นก็พุ่งทะยานห่างออกไปไกลแล้ว
ใจหนึ่งอยากติดตาม คว้าจับซักถามว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ใจหนึ่งเป็นห่วงโรงเตี๊ยม จึงได้แต่จับจ้องมองตามไปด้วยความหงุดหงิดใจ
อาวุธที่ถูกซัดมาเป็นก้างปลาขนาดใหญ่ นางแม้จะคุ้นเคยกับปลาในครัว แต่กลับดูไม่ออกเลยว่าเป็นก้างปลาชนิดใด
เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว อารมณ์ชมจันทร์พลันลดถดถอย ได้แต่กลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง
สายตาหลายคู่จับจ้องมองมาอย่างสนใจ กระบี่หรรษาเบิ่งตามองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนหลุดปากหัวร่อถาม
“ท่านไฉนกลับมารวดเร็วเหลือเกิน..กลับมาเร็วจนขำ..โอย..”
ยังไม่ทันได้ตอบ กระบี่แสนหล่อพลันตบโต๊ะฉาดใหญ่ ร้องขึ้นว่า
“เกรงใจจริงๆ..แค่กลับเข้ามารวดเร็วมีที่ใดน่าหัวร่อ”
“ย่อมมี...ไม่เพียงกลับมารวดเร็ว ยังถือก้างปลามาด้วย...โอย...ถือก้างปลาก็ขำ สตรีเดินถือก้างปลา หาชมได้ง่ายที่ไหน ..ฮา”
แม้ว่าจะบ้าๆบอๆ แต่สายตาของกระบี่หรรษาคมกริบดุจนัยน์ตาเหยี่ยว หลายคนจึงเริ่มสังเกต
ก้างปลาอยู่ในมือของเจ้าของโรงเตี๊ยมคนงามสวยจริงๆ
ก้างปลาเมื่อต้องแสงไฟภายในร้านจึงสังเกตเห็นว่ามีความยาวประมาณสามนิ้วเป็นประกายแวววาวราวอาวุธชั้นดี ไม่ว่าใครพบเห็นย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า มิใช่ก้างปลาธรรมดาแน่นอน
มีคำกล่าวว่า “อาวุธยาวหนึ่งส่วนเข็มแข็งหนึ่งส่วน สั้นหนึ่งส่วนอันตรายหนึ่งส่วน พิสดารหนึ่งส่วนน่าสะพรึงกลัวหนึ่งส่วน” ก้างปลานี้ไม่เพียงพิสดารเท่านั้น ยังแฝงความลี้ลับชวนขนลุกแฝงมาดั่งเงาร้ายภูตผีปีศาจ
กระบี่สำอางนั่งมองอยู่อย่างเงียบๆสักครู่พลันส่งเ