The Psycho G. Code : รหัสบ้า : รวมพล คนประจัญบาน

กระทู้สนทนา
พลุโอ่งพลุ
ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้อาจารย์จีค่ะ
เป็นการรวบรวมเอาตัวละครบางส่วนของอาจารย์จีมาอยู่ในเรื่องนี้เรื่องเดียว
เอาตัวละครของอาจารย์จีมายำเละเลย หากอาจารย์จีมีปัญหาเคลียร์หลังไมค์โลด
ข้าพเจ้าเขียนมันด้วยความรัก และรักตัวละครทุกตัวในเรื่อง

หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่านคงรักพวกเขาเช่นกัน
วันเกิดของอาจารย์จีไม่ใช่วันนี้นะคะ ข้าพเจ้าเพียงเอามาลงก่อน
ตอนแรกนัดจะเอาลงให้ตรงในวันเกิดพอดี
แต่คิดว่าอาจารย์จีคงรออ่าน เลยกะจะแกล้งลงไม่ตรงวันเกิดให้อาจารย์จีเปิดมาเจอเอง หึหึ
ขอบคุณมิตรภาพดีๆอันสดใสน่ารักที่อาจารย์จีมอบให้นักเรียนคนนี้ค่ะ

<<คำอวยพร>>


วันคล้ายวันเกิดปีนี้ขอให้อาจารย์จีมีความสุขมากๆนะคะ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ แก่แล้วเด้อภูมิต้านทานมีน้อยต้องดูแลตัวเองดีนะๆ
อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเหล่าบรรดาลูกปูไปนานๆนะคะ ….แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่ะอาจี ^^
อ่านให้สนุกครื้นเครงบันเทิงใจค่ะ

เค้กเค้กเค้ก




เรื่อง : The Psycho G. Code : รหัสบ้า : รวมพล คนประจัญบาน
โดย : Lady Star
------------------------------

เป็นเวลาบ่ายคล้อย ณ เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ พระอาทิตย์สาดแสงส่องจ้าลงมาร้อนแรงกว่าทุกๆวันที่เคยเป็น แต่อากาศกลับเย็นสบาย เนื่องเพราะลมเย็นพัดโหมเข้าเมืองจึงช่วยลดอุณหภูมิระอุของดวงตะวันได้เป็นอย่างดี

หมู่ก้อนเมฆสีขาวล่องลอยอ้อยอิ่ง แปลงกายเป็นรูปสัตว์ต่างๆตามจินตนาการที่ผู้คนจะคิดฝัน ท้องฟ้าสีน้ำทะเลสดใสโอบกอดหมู่เมฆสีขาว มองดูสบายตาและสดชื่นยิ่งนัก วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่อากาศดีสุดๆ ท้องฟ้ากำลังยิ้มร่าสวยงาม หมู่วิหคบินว่อนเต็มท้องนภาต่างพากันเต้นระบำไปกับเสียงเพลงแห่งสายลมซึ่งโบกสะบัด เป็นจังหวะ ไม่นานเสียงเพลงขับขานของเหล่านกน้อยก็พลันร้องประสานเสียงเจื้ยวแจ้ว ดังกึกก้องทั่วท้องนภา

เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังกลับเข้าสู่ความสงบเรียบร้อย หลังจากเกิดศึกสงครามอกหักรักคุดต้องให้พ่อช่วยของคุณชายปลาร้าซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับเมืองเล็กๆแห่งนี้ไปมากทีเดียว

และวันนี้ก็เป็นวันดีที่ผู้คนในเมืองเล็กๆต่างรอคอย เป็นวันมงคลซึ่งพวกเขาทั้งหลายจะได้พบกับผู้ก่อร่างสร้างเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ขึ้นมา ผู้มีพระคุณสำหรับพวกเขา ทำให้พวกเขามีที่พักพิงมีที่ทำมาหากิน และได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองอย่างสงบร่มเย็นเรื่อยมา พวกเขากำลังรอคอยการมาเยือนของท่านอาจารย์เป้าหย่งจี๋  หรือที่รู้จักกันดีในนามกระบี่ไร้เงา จอมยุทธ์ผู้ผดุงความยุติธรรมและชอบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน

กระบี่ไร้เงาออกท่องยุทธภพไปทั่วปฐพี หากเห็นผู้ใดกระทำการอันไร้อันความยุติธรรมแลโหดร้ายป่าเถื่อน กระบี่ไร้เงาจะมินิ่งดูดาย ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยแต่โดยดี และหากแม้ผู้ใดตอบโต้กลับมาด้วยความดุเดือด ไม่เจรจาปรานี คนผู้นั้นแลต้องถึงฆาตสังเวยชีวิตแก่คมกระบี่ของท่านอาจารย์เป้าหย่งจี๋ไปอย่างน่าเวทนา

เพลงกระบี่ของเป้าหย่งจี๋ล้ำลึกสุดพิสดารเกินใครจะต้านทานได้ แม้แต่เจ้าสำนักนกกระจอกเทศที่ว่าเก่งกาจนักหนายังเคยพ่ายแพ้ให้แก่เป้าหย่งจี๋ไปอย่างง่ายดาย และมือสังหารที่ส่งมาจากสำนักเทพอสูรสะท้านพิภพก็มิอาจทำอะไรเป้าหย่งจี๋ให้ระคายเคืองผิวแม้แต่น้อย แลแต่จะวิ่งมาสังเวยวิญญาณให้แก่กระบี่ไร้เงาท่านนี้

เล่ากันว่าหากเป้าหย่งจี๋ยื่นมือไปช่วยใครแล้ว ท่านจะหนีหายไปในทันที ไม่รอรับแม้คำขอบคุณจากใคร จึงไม่มีใครทราบได้ว่าท่านเป็นใคร ที่รู้จักท่านก็มีแต่ผู้คนในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งนี้ซึ่งท่านเป็นผู้ก่อตั้งมันขึ้นมา  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วผู้คนทั่วยุทธจักรจึงเรียกขานท่านว่ากระบี่ไร้เงา


ถนนในเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้วี่แววของผู้คน ตามบ้านช่องก็ไร้วี่แววผู้คนเช่นกัน ทุกอย่างมันดูสงบเงียบเกินไป ผิดปกติสำหรับเมืองๆหนึ่งที่เคยมีผู้คนมากมายจะเป็นเช่นนี้

กระบี่รันทดซึ่งออกเดินทางไปยังดินแดนแสนไกล เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาเยือนเมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ในรอบหลายปี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมแต่ที่ต่างออกไป ผู้คนหายกันไปหมด ณ เวลานี้ราวกับเป็นเมืองร้างก็ไม่ปาน กระบี่รันทดเลื่อนมือมาจับด้ามกระบี่ไว้มั่น เตรียมพร้อมจะจู่โจมอะไรก็ตามที่พุ่งออกมาใส่ตน สถานการณ์อย่างนี้เขาต้องพร้อมรับมือได้ทุกเมื่อ

กระบี่รันทดสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อรวบรวมพลังลมปราณ ก่อนจะเปล่งวาจาดังกึกก้อง

“ฮัลโหล!” กระบี่รันทดตะโกนออกไปสุดเสียง แต่ทุกอย่างก็เงียบกริบ มีเพียงสายลมที่พัดมากระทบผิวกาย

“เอ๊ะ ใช้ภาษาภะกิด สงสัยคนในเมืองนี้จะไม่เข้าใจ” กระบี่รันทดพำพึมกับตัวเองคนเดียว ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างขบขำ จากการที่เขาไปท่องยุทธภพทำให้เขาได้พบปะกับผู้คนมากมายและยังได้เรียนรู้ภาษาต่างๆ จึงทำให้เขาเผลอพูดภาษาต่างถิ่นแบบไม่ได้ตั้งใจ

“อันยองฮาเซโย”

กระบี่รันทดตะโกนออกไปอีกครั้ง คราวนี้เขาตั้งใจตะโกนเป็นภาษาถิ่นของหญิงสาวที่เขาแอบรัก เมื่อได้ตะโกนออกไปแล้วกระบี่รันทดก็ได้แต่ยืนหัวเราะคิกๆอยู่คนเดียวอย่างมีความสุข  เพียงได้เอ่ยภาษาฮันกุกอ(ภาษาเกาหลี) เมื่อไหร่หัวใจเขาก็พองโตขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่ากำลังสื่อสารกับสาวชาวฮันกุกซารัม(ชาวเกาหลี) หญิงสาวแสนสวยที่เขาหมายปองไว้

สิ้นเสียงกระบี่รันทด ก็พลันเกิดเสียงดัง แก่ก แก่ก อยู่ด้านหลังเขา กระบี่รันทดหันขวับดึงกระบี่ออกจากฝักตั้งท่าพร้อมรับมือ ชี้ปลายกระบี่ไปยังต้นตอของเสียงซึ่งดังอยู่ด้านหลังแผงร้านของแม่นางส้มตำ

“สวัสดี! ใครอยู่ตรงนั้น ออกมาดีๆ”  กระบี่รันทดกระชับกระบี่ในมือ

“เมี้ยวววว”

แมวแรกรุ่นสีขาวเพศเมียกระโดดขึ้นมานั่งบนแผงร้านแม่นางส้มตำ  มันหันมองหน้าคนถือกระบี่ที่ชี้มายังตน แววตาไร้ความหวาดกลัว เชิดหน้านิ่งเฉยเมียงมองผู้มาใหม่อย่างเย่อหยิ่งไม่มีสิ่งใดที่มันกลัวเพราะที่นี้คือถิ่นของมัน

“อ่าว นึกว่าใคร เจ้าปิฬาร์นี่เอง เจ้าเป็นยังบ้างล่ะ สบายดีไหม ไม่เจอนานสวยขึ้นเยอะเลยนะ” กระบี่รันทดพูดกับแมวสาวแสนสวย เขาเก็บกระบี่เข้าฝัก เดินมาลูบหัวปิฬาร์อย่างเอ็นดูรักใคร่

“เมี้ยว เมี้ยว” ปิฬาร์ร้องตอบสองทีก่อนจะเลียมือคนที่ลูบหัวตน

“เจ้ารู้ไหมคนอื่นหายไปไหนหมด” กระบี่รันทดเอ่ยถามแมวปิฬาร์แสนสวย  ปิฬาร์ม้วนตัวก้มลงไปเลียเท้าหน้าตัวเองทั้งสองข้าง ก่อนจะกระโดดลงจากแผงร้านแม่นางส้มตำ

ปิฬาร์เดินเชิดหน้าเพื่อนำทางกระบี่รันทดไปพบกับคนอื่นๆ ถนนหนทางดูเงียบไร้วี่แววผู้คน กระบี่รันทดหันแลซ้ายแลขวาเพื่อจะหาใครสักคนที่เขารู้จัก จะได้เอ่ยถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเมืองนี้ แต่ก็ไม่พบใครเลย

“ท่าน ท่าน โอย ขำ ท่านกระบี่รันทด เป็นไงมาไง เสนอหน้ามาที่เมืองนี้ทำไม โอย ขำ เสนอหน้ามาก็ขำ”  เสียงหนึ่งดังแว่วมาทางด้านซ้ายมือ ยังมิต้องหันไปมองกระบี่รันทดก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

“ข้าได้ยินแค่เสียงก็รู้แล้วเป็นใคร ท่านกระบี่หรรษา ดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง” กระบี่รันทดโค้งศีรษะให้กระบี่หรรษา

กระบี่หรรษาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้มาใหม่ ใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงหัวเราะเปล่งออกมาไม่ขาดสาย

“สหายข้า ข้านึกว่าท่านดับเขียดไปแล้วเสียอีก โอย ดับเขียดก็ขำ” กระบี่หรรษาตบไหล่สหายเป็นการทักทาย

“ท่านอย่าเพิ่งขำได้ไหม บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ ผู้คนหายไปไหนหมด” กระบี่รันทดเอ่ยถามเสียงเข้ม รู้สึกหงุดหงิดกับสหายที่หัวเราะได้ทุกสถานการณ์ เขาอยากจะใช้ฝ่ามือตบกะโหลกกระบี่หรรษาสักที

“ไปโรงเตี๊ยมหมดแล้ว โอยขำ ไปโรงเตี๊ยมก็ขำอีกนั่นละ ขำหน้าขำหลัง”

“แล้วไปโรงเตี๊ยมกันทำไม ประหลาดแท้ แม้แต่แม่นางส้มตำกับแม่นางหมกฮวกก็ไม่ยอมเปิดร้าน ข้ากะจะมาฝากท้องที่ร้านของแม่นางทั้งสอง หิวจนจะกินเจ้าปิฬาร์ได้แล้วนะ”  กระบี่รันทดโอดโอย

“เมี้ยววววววว ฟู่ ฟู่ ”  ปิฬาร์ร้องเสียงดัง ขู่ฟู่ๆใส่คนที่จะกินมัน มันพองขนตั้งชันหางชี้ตรงขึ้นฟ้า ก่อนจะวิ่งหนีเตลิดหายเข้าไปในซอยเล็กๆ

“ปิฬาร์ข้าแกล้งเจ้าเล่น .. กลับมาก่อน” กระบี่รันทดตะโกนตามแมวสาว

“เจ้าก็ไปแกล้งมันเล่น โอยขำ ไปแกล้งแมวก็ขำ”

“เอ้ย!หยุดขำได้แล้ว จะบอกได้รึยังผู้คนไปโรงเตี๊ยมกันทำไม”   กระบี่รันทดเอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทนกับสหายผู้ไม่เคยรู้จักกับความทุกข์อย่างกระบี่หรรษา

“ไปเตรียมจัดงานวันเกิดให้ท่านอาจารย์เป้าหย่งจี๋ โอยขำ วันเกิดอาจารย์ก็ขำอีกล่ะ เกิดอะไรนักหนา ขำ เย็นนี้ท่านอาจารย์จะมาเยี่ยมเยือนพวกเรา โอยมาเยี่ยมเยือนก็ขำ มาทำไม ขำเลย ฮ่า ฮ่า”

“ท่านมันบ้าไปแล้ว วันสำคัญเยี่ยงนี้ยังไม่ไปช่วยงานคนอื่นอีก มายืนขำอยู่ได้”  

กระบี่รันทดเอ็ด ก่อนจะรีบวิ่งใช้เกียร์ตีนผีมุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมของแม่นางโฉมสะคราญ  โดยมีกระบี่หรรษาวิ่งตามาติดๆ วิ่งไปหัวเราะไป สำลักน้ำลายตัวเองจนต้องเป่าน้ำลายออกมา กลายเป็นฟองน้ำพวยพุ่งออกจากปาก ก่อนจะสูดน้ำลายกลับลงคออีกครั้ง เพราะความเสียดายและจะเป็นการเสียมารยาทไปหน่อยหากทำน้ำลายตกลงสู่พื้นถนนอันสะอาดสะอ้าน

จึงกลายเป็นว่ากระบี่หรรษาวิ่งไปหัวเราะไป เป่าน้ำลายตัวเองเล่นไปแล้วก็กลืนมันลงคอไปด้วย ช่างเป็นภาพที่งดงาม และหาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เว้นเสียจะมีที่เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่เพียงแห่งเดียว

เค้กมีต่อค่ะเค้ก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่