บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/37863712
..........
ทั้งคู่เคลื่อนตัวเข้าหากันอีกครั้ง
มือซ้ายของกระบี่หรรษา ซัดอะไรบางอย่าง ใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย
แม้ว่าจะไม่ใช้วิชากะเทยหรรษา ไม่ใช้วิชาไข่หรรษา แต่วัสดุประกอบวิชายังหลงเหลือ ที่ซัดออกไปเป็นแป้งฝุ่นหอมกำมือหนึ่ง แป้งฝุ่นที่ใช้กันหมู่นวลนางรักสวยรักงาม ย่อมมีกลิ่นหอนจรุงใจอย่างยิ่ง
กระบี่รันทดพ่ายแพ้ความงามสดใส พลังภายในพลันลดวูบลงสองส่วนทันที ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้มุกเดิม เล่นแป้งหอมอีกครา
แป้งหอมกล่อมใจ ไม่ว่าราคาถูก ราคาแพง บางครั้งคล้ายให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
หวั่นไหวสองส่วน
สองส่วนก็พอแล้ว สำหรับยอดฝีมือระดับสุดยอด ในเสียงหัวร่อกราดเกรี้ยวปิติ ร่างของกระบี่หรรษาทะยานวูบขึ้นจากพื้น ลากรุ้งประกายกระบี่ยาวเหยียดสายหนึ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า แทบจะเป็นเวลาเดียวกับกระบี่รันทดก็ทะยานขึ้นจากพื้น ทั้งคู่มีสภาพเป็นคันธนูที่ถูกเหนี่ยวจนสุดล้า พอมีโอกาสทะยานออกจากแหล่ง พุ่งปราดออกไปจนสุดกำลัง ความอึดอัดที่สกัดกั้นมาเนิ่นนาน ถูกระบายออกไปในพริบตา
ท่ามกลางลำแสงแห่งตะวัน ในมวลหมู่บุปผาผีเสื้อเวียนว่อน เหนือทะเลบุปผาปรากฏประกายกระบี่ต้องแสงอาทิตย์สะท้อนเป็นประกายวูบวาบ เสียงโลหะกระทบกันถี่ยิบ หมู่ผีเสื้อถูกรังสีไร้สภาพของกระบี่คุกคามบดขยี้กลายเป็นผุยผงกระจายหายไปในสายลม เงาร่างของสองมือกระบี่แห่งยุทธภพโฉบผ่านกันไปและพุ่งลงลานหินตำแหน่งเดิมของอีกฝ่ายหนึ่ง
นั่นเป็นการดวลเดือดแลกกระบี่ อันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญอีกครั้งหนึ่ง
พอลงถึงพื้นหลังจากยืนแน่นิ่งวางมาดครู่หนึ่ง จึงค่อยหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง การปะทะกันเมื่อครู่รวดเร็วเกินไป จึงไม่มีใครสังเกตเห็นผลการต่อสู้ครั้งนี้ได้ในทันที
“อะไรกัน” เสียงคนลึกลับสองคนที่ซุ่มดูหลังโขดหินใกล้ๆ เอ่ยขึ้น “รอตั้งนาน ความจริงกระโดดสู้กันเพียงวูบเดียว มายืนนิ่งแบบนี้อีกครึ่งวัน เมื่อไรจะรู้ผลเสียที รอดูจนเกือบหลับ แบบนี้สงสัยอู้แน่นอน อะเห้ย..”
“ท่านอย่าทำเสียงหล่อ เกินเหตุ เดี๋ยวคนก็รู้ ว่าพวกเรามา แอบดู”
เสียงทักท้วง แต่ไม่มีคนสนใจ เพราะทุกคนล้วนสนใจการต่อสู้ หลายคนนั่งหลับไปแล้ว มันเข้าถึงแก่นแท้แห่งศาสตร์แห่งการต่อสู้มากเกินไป
กระบี่รันทดและกระบี่หรรษา จะช้าจะเร็วก็ออกจากฝัก กระบี่แห่งยุคเป็นดาวข่มซึ่งกันละกัน จะช้าจะเร็วต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่ง เวลานี้ต่างฝ่ายต่างชี้ปลายกระบี่ไปยังฝ่ายตรงข้าม พร้อมจะเข้าปะทะกันอีกครั้ง
เงาร่างวูบไหว
มีเสียงดังกังวานสดใสครั้งหนึ่ง กระบี่ในมือของกระบี่รันทดพลันปรากฏรอยร้าวราวไยแมงมุมอย่างรวดเร็วก่อนค่อย ๆ หักออกเป็นสองท่อน ปลายกระบี่ร่วงลงปักพื้นหินเบื้องหน้า ด้วยพลังภายในหลงเหลือแอบแฝง เสียงสะท้อนไปมาในหุบเขาซับซ้อน จนจางหายไปกับม่านหมอก
กระบี่รันทดหักสะบั้น เจ้าของกระบี่หรือจะมีแก่ใจต่อสู้อีก
กระบี่หรรษาส่งเสียงหัวร่อขึ้นทันที ตอนนี้มันเบิกบานสุดชีวิต
“ฮ่ะๆก๊าก...ฮิ๋ว.. ในที่สุดท่านก็พ่ายแพ้จนได้ ฮ่ะ ฮ่ะ ก๊าก ฮี่ ๆ...โย่ว ๆ เหอ...เหอ.เคี๊ยก…ค่าก ๆ เด้อนางเดอเด้อเดอนางเดอ ฮ่าๆ...”
เสียงหัวเราะของมันเต็มไปด้วยความยินดีปรีดากับชัยชนะ ภารกิจรอคอยมาเนิ่นนานจบสิ้นลงที่เขาอิงฝาวันนี้เอง ความเบิกบานแจ่มใส ความสุขสมหวัง ความขาวกระจ่าง อย่างไรต้องชนะความมืดดำและความสิ้นหวัง เสียงหัวร่ออย่างไรต้องเหนือกว่าเสียงร่ำไห้ รอยยิ้มยิ่งประเสริฐกว่าหยดน้ำตาในท้ายที่สุด
หัวร่อให้สาแก่ใจ หัวร่อให้ตายไปข้างหนึ่ง
สีหน้าของกระบี่รันทดตอนนี้เวิ้งว้างว่างเปล่า ราวคนตาย มันทั้งไม่หัวร่อ และไม่หลั่งน้ำตา เบื้องหลังของมันผืนหญ้าและดงมวลบุปผา ยังคงเรียงระบำรำร่ายเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยน มีเพียงมันที่สงบนิ่งอยู่ท่ามกลางกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง
ผลการต่อสู้สิ้นสุดลง
มีเสียงหัวร่อดังกึกก้อง เงาร่างสองสายโฉบลงมากลางลานประลอง มีผู้คนมากมายแอบดูการประลองครั้งนี้ ผู้มาใหม่เป็นชายชราหนวดเคราขาวโพลนหน้าตาราวเป็นฝาแฝดกัน เพียงคนหนึ่งใส่ชุดยาวสีดำใบหน้าเศร้าหมอง อีกคนสวมชุดขาวใบหน้าเบิกบาน
เฒ่ารันทดกับเฒ่าหรรษานั่นเอง สองเฒ่าพิสดารแห่งวงการ กระบี่หรรษาพอมองเห็นพลันยิ้มอย่างดีอกดีใจ รีบคุกเข่าลงกับพื้นคารวะทันที
“ท่านอาจารย์ “
กระบี่รันทดพอมองเห็นพลันหน้าเศร้าหมองอย่างปลาบปลื้ม รีบคุกเข่าลงกับพื้นคารวะทันที
“ท่านอาจารย์”
พวกมันทั้งสองคาดไม่ถึงเด็ดขาด ว่าอาจารย์ของพวกมันจะมาชมการต่อสู้ด้วย เป็นผู้ใดกันปากมากไปประกาศข่าวการต่อสู้ครั้งนี้
เฒ่าหรรษา ปรมาจารย์แห่งวิชาหรรษามีสีหน้าปลาบปลื้มปางตาย ศิษย์เอกของท่านสามารถชนะคู่ต่อสู้ได้หมดจดงดงาม แม้ว่าต้องว่าหัวร่อให้ขาดใจทั้งเป็นยังสาสมกับความปลาบปลื้ม สิบปีที่รอคอยนับว่าไม่สูญเปล่า ส่วนเฒ่ารันทดคงมีน้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย คล้ายร่ำไห้จนตายทั้งเป็นก็ยังไม่สาแก่ใจ
“ประเสริฐมาก ประเสริฐปางตาย” เฒ่าหรรษาเดินมาตบไหล่กระบี่หรรษาพลางหัวร่อไม่ขาดสาย
“เจ้าทำได้ดีมาก ทุกข์ของอาจารย์ แบกไว้นับสิบปี วันนี้สามารถสลัดหลุดพ้น”
ทั้งกระบี่หรรษาและกระบี่รันทด มีสีหน้างุนงงทันที พวกมันเพียงทราบว่าอาจารย์สั่งให้ค้นหาอีกฝ่ายหนึ่งให้พบ และประมือกันให้รู้ผลแพ้ชนะ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยว่าพวกอาจารย์มีลับลมคำนัยอะไรกันอยู่
เฒ่ารันทดความจริงยังห่างไกลกับหลุมศพอีกหลายปี แต่คล้ายตายทั้งเป็นไปล่วงหน้าแล้ว มันเดินมาตบบ่าศิษย์เอกคราหนึ่งแล้วถอยออกไปยืนเงียบงัน น้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย
“พวกเจ้าที่ซุ่มดู อยู่ไสหัวออกมาให้หมด” เฒ่าหรรษาพลันตวาดกึกก้อง หันมองกวาดไปมองดงบุปผาแมกไม้รายรอบ
พลันมวลหมู่บุปผา กอไม้ พลันสั่นไหวผู้คนหลายสิบคนค่อยลุกขึ้นเดินออกมาจากดงไม้ จากดงบุปผาเป็นทิวแถว บางคนเพิ่งตื่น บางคนเป็นตะคริวเพราะนั่งนานเกินไป บางคนถึงกับละเมอเดินออกมา
ที่แท้มีคนมากมายรายรอบซุ่มดูอยู่ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
ที่คุ้นตาก็มีทวนค้ำฟ้ากับกระบี่แสนหล่อ ขาประจำของโรงเตี๊ยมในเมือง ธิดากระบี่ม่วงหวาน ธิดาทะเล แม่นางส้มตำ เฒ่าเป็ดย่าง แม่เฒ่าปากตลาด ชายกลางปูเค็ม คุณชายเล็กผักดอง องค์ชายปลาร้า ชายปลาจ่อม เฒ่าสามบาท จอมมารคอหอย และยอดคนพิกลพิสดารทั้งหลายทั้งปวง แทบมาอยู่ที่นี้จนหมดสิ้น
เฒ่าหรรษายิ่งเห็นผู้คนมากมายยิ่งหรรษาพาเพลินมากขึ้น คล้ายทุกคนมาเป็นประจักษ์พยานในชัยชนะของลูกศิษย์
กระบี่อยู่คนอยู่ กระบี่หายคนหาย
คำกล่าวเช่นนี้ไม่ผิดแผกแตกต่างเลยสักน้อย กระบี่รันทดคงยืนนิ่งเหม่อมองกระบี่หักในมืออย่างซึมเซา ส่วนกระบี่หรรษามีสีหน้าเบิกบานใจสุดขีด มันแม้ไม่ยิ้มก็ดูคล้ายยิ้ม พอยิ้มยิ่งดูคล้ายหัวเราะ พอหัวเราะยิ่งดูคล้ายคนวิกลจริตไปเจ็ดแปดส่วน พอคล้ายวิกลจริตไปเจ็ดแปดส่วนไหนเลยนับเป็นตัวดีได้
เฒ่าหรรษายิ่งหัวร่อจนตายิบหยี ลูกศิษย์มันชนะ นับว่าปลดเปลื้องภาระที่แบกหนักหนาสาหัสมาเนิ่นนาน หนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์พากันเบิกบาน จนเกือบจะบ้าตายทั้งเป็นไปแล้ว
ลมเป็นยอดเขาอิงฝาทั้งแรงทั้งหนาวเย็น หมอกเมฆหนาทึบลอยฟ่องราวมายาภาพ แต่ทุกคนอยู่ ณ ที่นั้นคล้ายไม่แยแสนำพา เพราะเรื่องราวเบื้องหน้ายิ่งน่าสนใจมากมายหลายเท่า การประลองครั้งนี้ต้องมีลับลมคมในอยู่อย่างแน่นอน
.
บทนี้สั้นหน่อยครับ เกรงใจ จริง ๆ อะเห้ย.....
กระบี่รันทด...................13 (ผลการต่อสู้)
https://ppantip.com/topic/37863712
..........
ทั้งคู่เคลื่อนตัวเข้าหากันอีกครั้ง
มือซ้ายของกระบี่หรรษา ซัดอะไรบางอย่าง ใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย
แม้ว่าจะไม่ใช้วิชากะเทยหรรษา ไม่ใช้วิชาไข่หรรษา แต่วัสดุประกอบวิชายังหลงเหลือ ที่ซัดออกไปเป็นแป้งฝุ่นหอมกำมือหนึ่ง แป้งฝุ่นที่ใช้กันหมู่นวลนางรักสวยรักงาม ย่อมมีกลิ่นหอนจรุงใจอย่างยิ่ง
กระบี่รันทดพ่ายแพ้ความงามสดใส พลังภายในพลันลดวูบลงสองส่วนทันที ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้มุกเดิม เล่นแป้งหอมอีกครา
แป้งหอมกล่อมใจ ไม่ว่าราคาถูก ราคาแพง บางครั้งคล้ายให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
หวั่นไหวสองส่วน
สองส่วนก็พอแล้ว สำหรับยอดฝีมือระดับสุดยอด ในเสียงหัวร่อกราดเกรี้ยวปิติ ร่างของกระบี่หรรษาทะยานวูบขึ้นจากพื้น ลากรุ้งประกายกระบี่ยาวเหยียดสายหนึ่งขึ้นไปบนฟากฟ้า แทบจะเป็นเวลาเดียวกับกระบี่รันทดก็ทะยานขึ้นจากพื้น ทั้งคู่มีสภาพเป็นคันธนูที่ถูกเหนี่ยวจนสุดล้า พอมีโอกาสทะยานออกจากแหล่ง พุ่งปราดออกไปจนสุดกำลัง ความอึดอัดที่สกัดกั้นมาเนิ่นนาน ถูกระบายออกไปในพริบตา
ท่ามกลางลำแสงแห่งตะวัน ในมวลหมู่บุปผาผีเสื้อเวียนว่อน เหนือทะเลบุปผาปรากฏประกายกระบี่ต้องแสงอาทิตย์สะท้อนเป็นประกายวูบวาบ เสียงโลหะกระทบกันถี่ยิบ หมู่ผีเสื้อถูกรังสีไร้สภาพของกระบี่คุกคามบดขยี้กลายเป็นผุยผงกระจายหายไปในสายลม เงาร่างของสองมือกระบี่แห่งยุทธภพโฉบผ่านกันไปและพุ่งลงลานหินตำแหน่งเดิมของอีกฝ่ายหนึ่ง
นั่นเป็นการดวลเดือดแลกกระบี่ อันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญอีกครั้งหนึ่ง
พอลงถึงพื้นหลังจากยืนแน่นิ่งวางมาดครู่หนึ่ง จึงค่อยหันหน้าเข้าหากันอีกครั้ง การปะทะกันเมื่อครู่รวดเร็วเกินไป จึงไม่มีใครสังเกตเห็นผลการต่อสู้ครั้งนี้ได้ในทันที
“อะไรกัน” เสียงคนลึกลับสองคนที่ซุ่มดูหลังโขดหินใกล้ๆ เอ่ยขึ้น “รอตั้งนาน ความจริงกระโดดสู้กันเพียงวูบเดียว มายืนนิ่งแบบนี้อีกครึ่งวัน เมื่อไรจะรู้ผลเสียที รอดูจนเกือบหลับ แบบนี้สงสัยอู้แน่นอน อะเห้ย..”
“ท่านอย่าทำเสียงหล่อ เกินเหตุ เดี๋ยวคนก็รู้ ว่าพวกเรามา แอบดู”
เสียงทักท้วง แต่ไม่มีคนสนใจ เพราะทุกคนล้วนสนใจการต่อสู้ หลายคนนั่งหลับไปแล้ว มันเข้าถึงแก่นแท้แห่งศาสตร์แห่งการต่อสู้มากเกินไป
กระบี่รันทดและกระบี่หรรษา จะช้าจะเร็วก็ออกจากฝัก กระบี่แห่งยุคเป็นดาวข่มซึ่งกันละกัน จะช้าจะเร็วต้องแตกหักกันไปข้างหนึ่ง เวลานี้ต่างฝ่ายต่างชี้ปลายกระบี่ไปยังฝ่ายตรงข้าม พร้อมจะเข้าปะทะกันอีกครั้ง
เงาร่างวูบไหว
มีเสียงดังกังวานสดใสครั้งหนึ่ง กระบี่ในมือของกระบี่รันทดพลันปรากฏรอยร้าวราวไยแมงมุมอย่างรวดเร็วก่อนค่อย ๆ หักออกเป็นสองท่อน ปลายกระบี่ร่วงลงปักพื้นหินเบื้องหน้า ด้วยพลังภายในหลงเหลือแอบแฝง เสียงสะท้อนไปมาในหุบเขาซับซ้อน จนจางหายไปกับม่านหมอก
กระบี่รันทดหักสะบั้น เจ้าของกระบี่หรือจะมีแก่ใจต่อสู้อีก
กระบี่หรรษาส่งเสียงหัวร่อขึ้นทันที ตอนนี้มันเบิกบานสุดชีวิต
“ฮ่ะๆก๊าก...ฮิ๋ว.. ในที่สุดท่านก็พ่ายแพ้จนได้ ฮ่ะ ฮ่ะ ก๊าก ฮี่ ๆ...โย่ว ๆ เหอ...เหอ.เคี๊ยก…ค่าก ๆ เด้อนางเดอเด้อเดอนางเดอ ฮ่าๆ...”
เสียงหัวเราะของมันเต็มไปด้วยความยินดีปรีดากับชัยชนะ ภารกิจรอคอยมาเนิ่นนานจบสิ้นลงที่เขาอิงฝาวันนี้เอง ความเบิกบานแจ่มใส ความสุขสมหวัง ความขาวกระจ่าง อย่างไรต้องชนะความมืดดำและความสิ้นหวัง เสียงหัวร่ออย่างไรต้องเหนือกว่าเสียงร่ำไห้ รอยยิ้มยิ่งประเสริฐกว่าหยดน้ำตาในท้ายที่สุด
หัวร่อให้สาแก่ใจ หัวร่อให้ตายไปข้างหนึ่ง
สีหน้าของกระบี่รันทดตอนนี้เวิ้งว้างว่างเปล่า ราวคนตาย มันทั้งไม่หัวร่อ และไม่หลั่งน้ำตา เบื้องหลังของมันผืนหญ้าและดงมวลบุปผา ยังคงเรียงระบำรำร่ายเคลื่อนไหวแปรเปลี่ยน มีเพียงมันที่สงบนิ่งอยู่ท่ามกลางกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง
ผลการต่อสู้สิ้นสุดลง
มีเสียงหัวร่อดังกึกก้อง เงาร่างสองสายโฉบลงมากลางลานประลอง มีผู้คนมากมายแอบดูการประลองครั้งนี้ ผู้มาใหม่เป็นชายชราหนวดเคราขาวโพลนหน้าตาราวเป็นฝาแฝดกัน เพียงคนหนึ่งใส่ชุดยาวสีดำใบหน้าเศร้าหมอง อีกคนสวมชุดขาวใบหน้าเบิกบาน
เฒ่ารันทดกับเฒ่าหรรษานั่นเอง สองเฒ่าพิสดารแห่งวงการ กระบี่หรรษาพอมองเห็นพลันยิ้มอย่างดีอกดีใจ รีบคุกเข่าลงกับพื้นคารวะทันที
“ท่านอาจารย์ “
กระบี่รันทดพอมองเห็นพลันหน้าเศร้าหมองอย่างปลาบปลื้ม รีบคุกเข่าลงกับพื้นคารวะทันที
“ท่านอาจารย์”
พวกมันทั้งสองคาดไม่ถึงเด็ดขาด ว่าอาจารย์ของพวกมันจะมาชมการต่อสู้ด้วย เป็นผู้ใดกันปากมากไปประกาศข่าวการต่อสู้ครั้งนี้
เฒ่าหรรษา ปรมาจารย์แห่งวิชาหรรษามีสีหน้าปลาบปลื้มปางตาย ศิษย์เอกของท่านสามารถชนะคู่ต่อสู้ได้หมดจดงดงาม แม้ว่าต้องว่าหัวร่อให้ขาดใจทั้งเป็นยังสาสมกับความปลาบปลื้ม สิบปีที่รอคอยนับว่าไม่สูญเปล่า ส่วนเฒ่ารันทดคงมีน้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย คล้ายร่ำไห้จนตายทั้งเป็นก็ยังไม่สาแก่ใจ
“ประเสริฐมาก ประเสริฐปางตาย” เฒ่าหรรษาเดินมาตบไหล่กระบี่หรรษาพลางหัวร่อไม่ขาดสาย
“เจ้าทำได้ดีมาก ทุกข์ของอาจารย์ แบกไว้นับสิบปี วันนี้สามารถสลัดหลุดพ้น”
ทั้งกระบี่หรรษาและกระบี่รันทด มีสีหน้างุนงงทันที พวกมันเพียงทราบว่าอาจารย์สั่งให้ค้นหาอีกฝ่ายหนึ่งให้พบ และประมือกันให้รู้ผลแพ้ชนะ นอกนั้นไม่รู้อะไรเลยว่าพวกอาจารย์มีลับลมคำนัยอะไรกันอยู่
เฒ่ารันทดความจริงยังห่างไกลกับหลุมศพอีกหลายปี แต่คล้ายตายทั้งเป็นไปล่วงหน้าแล้ว มันเดินมาตบบ่าศิษย์เอกคราหนึ่งแล้วถอยออกไปยืนเงียบงัน น้ำตาหลั่งไหลไม่ขาดสาย
“พวกเจ้าที่ซุ่มดู อยู่ไสหัวออกมาให้หมด” เฒ่าหรรษาพลันตวาดกึกก้อง หันมองกวาดไปมองดงบุปผาแมกไม้รายรอบ
พลันมวลหมู่บุปผา กอไม้ พลันสั่นไหวผู้คนหลายสิบคนค่อยลุกขึ้นเดินออกมาจากดงไม้ จากดงบุปผาเป็นทิวแถว บางคนเพิ่งตื่น บางคนเป็นตะคริวเพราะนั่งนานเกินไป บางคนถึงกับละเมอเดินออกมา
ที่แท้มีคนมากมายรายรอบซุ่มดูอยู่ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว
ที่คุ้นตาก็มีทวนค้ำฟ้ากับกระบี่แสนหล่อ ขาประจำของโรงเตี๊ยมในเมือง ธิดากระบี่ม่วงหวาน ธิดาทะเล แม่นางส้มตำ เฒ่าเป็ดย่าง แม่เฒ่าปากตลาด ชายกลางปูเค็ม คุณชายเล็กผักดอง องค์ชายปลาร้า ชายปลาจ่อม เฒ่าสามบาท จอมมารคอหอย และยอดคนพิกลพิสดารทั้งหลายทั้งปวง แทบมาอยู่ที่นี้จนหมดสิ้น
เฒ่าหรรษายิ่งเห็นผู้คนมากมายยิ่งหรรษาพาเพลินมากขึ้น คล้ายทุกคนมาเป็นประจักษ์พยานในชัยชนะของลูกศิษย์
กระบี่อยู่คนอยู่ กระบี่หายคนหาย
คำกล่าวเช่นนี้ไม่ผิดแผกแตกต่างเลยสักน้อย กระบี่รันทดคงยืนนิ่งเหม่อมองกระบี่หักในมืออย่างซึมเซา ส่วนกระบี่หรรษามีสีหน้าเบิกบานใจสุดขีด มันแม้ไม่ยิ้มก็ดูคล้ายยิ้ม พอยิ้มยิ่งดูคล้ายหัวเราะ พอหัวเราะยิ่งดูคล้ายคนวิกลจริตไปเจ็ดแปดส่วน พอคล้ายวิกลจริตไปเจ็ดแปดส่วนไหนเลยนับเป็นตัวดีได้
เฒ่าหรรษายิ่งหัวร่อจนตายิบหยี ลูกศิษย์มันชนะ นับว่าปลดเปลื้องภาระที่แบกหนักหนาสาหัสมาเนิ่นนาน หนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์พากันเบิกบาน จนเกือบจะบ้าตายทั้งเป็นไปแล้ว
ลมเป็นยอดเขาอิงฝาทั้งแรงทั้งหนาวเย็น หมอกเมฆหนาทึบลอยฟ่องราวมายาภาพ แต่ทุกคนอยู่ ณ ที่นั้นคล้ายไม่แยแสนำพา เพราะเรื่องราวเบื้องหน้ายิ่งน่าสนใจมากมายหลายเท่า การประลองครั้งนี้ต้องมีลับลมคมในอยู่อย่างแน่นอน
.
บทนี้สั้นหน่อยครับ เกรงใจ จริง ๆ อะเห้ย.....