บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/39962162
ตีความจากบทที่แล้ว
กระบี่หรรษา บุกขึ้นเกาะเกาะเซี่ยงซุน เพื่อสังหารแม่เฒ่าเซี่ยงซุน แต่ดรุณีนอยบุตรีเลี้ยงของแม่เฒ่าเซี่ยงซุน มาขัดขวาง กระบี่หรรษาชวนนางหนีออกจากเกาะ โดยไม่มีเหตุผลแบบขำ ๆ ขณะที่นางกำลังสงสัยลังเล กระบี่รันทด คู่ปรับตลอดกาลของกระบี่หรรษาก็ปรากฏตัวขึ้น โดยไม่มีเหตุผล แบบเศร้า ๆ
........
ปลายกระบี่หรรษาชี้เฉียงลงพื้น คนยืดตัวตรง ใบหน้ามีรอยยิ้ม ก้าวเท้าเข้าหา ตุ๊กตาหมีน้อยบนเสื้อผ้าสดใสราวมีชีวิต จนแทบกระโดดออกมาจากเสื้อผ้าได้ ยามนี้พลังหรรษาเพิ่มพูนอย่างยิ่ง เนื่องเพราะมันเพิ่งชมโฉมดรุณีน้อยมายังไม่แห้ง (หมาด ๆ) การชมโฉมหญิงงาม ทำให้เลือดลมพลุ่งพล่าน ส่งผลดีงามต่อพลังหรรษาสุดแสน
ความงดงามเริงรื่นชื่นใจคือพลัง!
ปลายกระบี่รันทด ชี้เฉียงลงพื้นเช่นกัน คนยืดตัวตรง ถอยหลัง ลายหยดน้ำตาบนเสื้อผ้าชวนหดหู่ร่ำไห้ แทบหลั่งหยดน้ำตาออกจากเสื้อผ้าได้ เพราะมันยืนอยู่ใกล้สตรีงาม ความงดงามและกลิ่นหอมยวนใจ รมเร้าจนพลังรันทดเริ่มลดลง
ความงดงามอันตราย ความทุกข์คือแก่นแท้ของพลัง
มีดรุณีน้อย อยู่ใกล้ นับว่ากระบี่รันทดเป็นรองแล้ว สตรีงามเป็นอันตรายต่อพลังรันทด สตรีงามสามส่วน ทำให้พลังลดลงสามส่วน งามสิบส่วน พลังลดลงสิบส่วน งามทั้งหมด พลังลดลงไม่คงเหลือ งามเหลือล้น พลังติดลบ
กระบี่รันทด สูดลมหายใจลึกยาว พยายามไม่มอง ท่องในใจไม่หยุดยั้ง อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา ยุบหยอ พองหนอ มองมองหนอ สวยจริงหนอ อยากมองจัง....สาธุ...
ยิงท่องบ่น ความสับสนยิ่งถาโถม
กระบี่หรรษาย่อมรู้ซึ้งถึงหลักวิชาคู่ต่อสู้ดี มันเงยหน้าหัวร่อ อย่างสาแก่ใจ
“ฮา ฮา ดูท่าทางท่านจะแพ้แล้ว จะแพ้แบบขำ ๆ ฮา ความรันทดฤาจะสู้ความหรรษาได้ ใครบ้างอยากจมอยู่กับความทุกข์ เกิดเป็นคนต้องม่วนซื่นโฮแซว หนุกหนาน ยิ้มให้โลกา แล้วโลกาจะยิ้มกับเรา ฮา”
วาจาร้ายกาจสุดแสน ยิ่งกว่าวาจาภรรยาด่า ความหมายล้ำลึก สีหน้าเปี่ยมแววเยาะเย้ย ถากถาง ขัดถู โค่นล้ม ส่อเสียด ดูถูก เหยียดหยาม ในคราเดียวกัน ในเสียงเสียงหัวร่อสะท้านจิตใจ
กระบี่รันทดเซถอยหลังตึง ๆ ไปสี่ห้าก้าวทันที ใบหน้าเริ่มปรากฏเหงื่อซึม
หลักวิชายิ้มให้โลกกา จัดว่าร้ายกาจยิ่ง
อย่างไรก็ตาม กระบี่รันทดนับว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง กัดฟันนึกถึงเรื่องราวรันทดในอดีตขึ้นมา ปลุกปลอบขวัญกำลังใจอย่างรวดเร็ว
คนเราความจริงในชีวิตมีเรื่องเศร้าใจมากมาย เพียงเรามักจะพยายามลืม ไม่คิดถึงมัน แต่การรื้อฟื้นความเศร้ากลับง่ายดายกว่าพยายามจะลืมเลือน มากมายหลายเท่า พอระลึกถึงเรื่องแสนเศร้า พลังรันทดที่กำลังมอดไหม้เริ่มคุโชนขึ้นมาได้ สายตาซึมเศร้า น้ำเสียงก็ซึมเศร้า แล้วแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่ง ขณะเขม้นมองหน้าถาม
“ท่านสามารถยิ้มให้โลกา ท่านสามารถยิ้มได้นาน ยั่งยืนต่อเนื่อง เพียงใด วันหนึ่ง สามวัน สามเดือน หรือสามสิบปี”
นี่เป็นวิชาหน้านิ่ง
เสียงหัวร่อและรอยยิ้มของกระบี่หรรษา ชะงักค้างทันที
ยิ้มให้โลกา แล้วโลกาจะยิ้มให้ท่าน ... ฟังดูประหนึ่งง่ายดายรวดรัด ทว่าพอขบคิดให้ดี ความจริงไหนเลยง่ายดายรวดรัด
มีใครบ้างยิ้มให้โลกาได้เนิ่นนานเกินไป ท่านลองนึกถึงคนผู้หนึ่งใช้หลักวิชายิ้มให้โลกา ตั้งแต่ตื่นจากที่นอน มันก็ยิ้มให้เพดานบ้าน ยิ้มคาค้าง ลงมาอาบน้ำแต่งกายา ยิ้มค้างขณะรับประทานอาหาร กินไปยิ้มไป ยิ้มค้างต่อเนื่อง เดินทางออกจากบ้าน ยังคงยิ้มตลอดไม่หยุดยั้ง กระทั่งเดินผ่านหน้าท่าน ยังหันหน้าที่มีรอยยิ้มค้างคาให้ท่าน รอยยิ้มแบบนั้นย่อมแปรเปลี่ยนไปทางน่าสะพรึงกลัวสยดสยองยิ่ง ประสาทรับประทานอย่างยิ่ง
เสียงหัวร่อและรอยยิ้มของกระบี่หรรษาค้างคาเช่นกัน กระทั่งรอยยิ้มของเสื้อลายตุ๊กตาหมีน้อย ยังคล้ายค้างคาไปด้วย
ยิ้มหรรษามากเกินไป ย่อมมิใช่ยิ้มสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา
ยิ้มให้โลกามากไป โลกาก็จะยิ้มให้ท่านมากเกินไป ท่านและโลกาอาจวิกลจริตไปด้วยกัน โลกาบ้า ๆ บอๆ สรรพสิ่งต่อให้ดงามเพริดแพร้วปานใด สุดท้ายก็มีวันสลายลบเลือน
พลังหรรษาเริ่มลดลงทีละน้อย
หลักวิชาหน้านิ่งของกระบี่รันทด นับว่าร้ายกาจ ระดับสูงสุดยอดคืนสู่หน้านิ่ง เพียงรักษาสภาพหน้านิ่งเข้าไว้ ผู้อื่นก็จะไม่อาจอ่านสีหน้าท่านได้ หน้านิ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างหน้าหน้าหรรษากับหน้ารันทด จัดเป็นหน้าสายกลางโดยแท้จริง
ควรทราบว่า วิชาหน้านิ่ง เป็นพื้นฐานของวิชาหน้าศิลา (หน้าด้าน) จะฝึกวิชาหน้าด้านให้บรรลุพลังสูงสุดแห่งความหน้าศิลา ต้องฝึกหน้านิ่งก่อน ใครว่าอะไร ก็ให้พยายาม ทำหน้านิ่งไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วจะพัฒนาเป็นขั้น วิชาหน้าไม่อาย แล้วเข้าสู่เลเวล หน้าศิลา ในที่สุด
ท่านที่มีครอบครัว อย่างน้อยควรฝึกวิชา หน้านิ่งไว้บ้าง ย่อมไม่เสียหลาย คนรักจะดุจะด่าจะว่า ให้ใช้หลักความสงบ สยบความเคลื่อนไหว ทำหน้านิ่งต้านรับ ปัญหาในครอบครัวจะลดน้อยลง ไม่ใช่ว่า พอสามีกลับบ้านดึก ภรรยาตวาดด่ากึกก้อง กระโดดปราดลอยตัวขึ้น บาทาไร้เงา เตะกราดออก กระแทกยอดหน้าสามี เช่นนั้นนาวาชีวิตอาจล่มสลายลงมิช้ามินาน
กระบี่รันทดยังไม่บรรลุวิชาหน้าศิลา แต่นับว่าวิชาหน้านิ่ง ก็เพียงพอการใช้งานแล้ว
พลันมีกลิ่นหอมชนิดหนึ่ง ลอยตามตามสายลม
เป็นดรุณีน้อยนั่นเอง เป็นคนสะบัดข้อมือ โรยรายปรายโปรย แป้งประทิน กลิ่นแป้งนวลเข้ามาในวงการต่อสู้
ความจริง นางไม่ได้เข้าถึงหลักการอะไรทั้งนั้น เพียงอยากดูปฏิกิริยาพิสดาร ตามวิสัยสตรี
แป้ง...คำง่ายดาย
แต่คุณค่าของแป้ง แปรเปลี่ยนพิสดาร แป้งที่ทรงคุณค่าสุดแสนคือแป้งแต่งเติมบนใบหน้านาง แป้งราคาถูก อาจกลับกลายเป็นแป้งทรงคุณค่าราคาแพง เพราะนวลปรางนางนวล สิ่งของขอเพียงอยู่ถูกที่ถูกทาง ย่อมถูกทางถูกที่ เท่านั้นจริง ๆ
ความสงบนิ่งของกระบี่หรรษารู้สึกสว่างจัดจ้าทันที กลิ่นแป้งหอมหวนชวนหรรษาดีดดิ้นอย่างยิ่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน สติปัญญากระจ่างสดใส มันกระโดดปราดขึ้น ร้องเสียงกังวาน
“ไม่จำเป็นต้องยิ้มค้างคา ขอเพียงมีเวลายิ้ม ก็ต้องฉกฉวยโอกาสยิ้มทันที ยิ้มอย่างไรก็ดีเลิศประเสริฐศรีมากกว่าร่ำไห้แน่นอน ฮา..แน่นอนก็ขำ ทาป๋องแป้ง หอมแปงแป้งกระป๋อง ... ทาป๋องแป้ง หอมแปงแป้งกระป๋อง ป๋อง ป๋อง ฮา”
กระบี่รันทดผงะถอยหลังตึง ๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา ไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู้จะโต้ตอบรวดเร็ว ขณะอ้าปากจะสวนคำโต้กลับ กลิ่นแป้งก็ถึงนาสิก
หอมหวลชวนดม
สุขสบายสดชื่น ย่อมเป็นทางตรงกันข้ามกับ เศร้าหมอง กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้พลังลดวูบกะทันหัน หน้ามืดแทบล้มคว่ำลง
แป้ง เป็นศาสตราวุธพิสดาร ทำร้ายจิตใจบุรุษให้เคลิ้มฝันเลื่อนลอย ขอเพียงใช้ให้ถูกทาง ร้ายกาจกว่าอาวุธมีคมอย่างอื่นมากมายหลายเท่า อาวุธจู่โจมร่างกาย แป้งจู่โจมถึงจิตใจ
กระบี่รันทด ถึงหน้านิ่ง แต่จิตใจยังเคลื่อนไหว
ไม่รอให้โอกาสทองคำขาวหลุดลอย กระบี่หรรษาหมุนตัวขวับคว้าง เข้ามาเบื้องหน้า ยื่นหน้าใช้ไม้ตายขั้นสุดยอด ‘ยิ้มหวานสะท้านโลกา’
กระบี่รันทดใจหายวาบ เป็นสตรีชดช้อยยิ้มหวานเข้าใส่ยังพอทน
แต่นี่เป็นบุรุษยิ้มหวาน นับว่าขัดหูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง ความขัดตาแปรเปลี่ยนเป็นชวนพองสยองเกล้า ทั้งเป็นการ ยิ้มระยะเผาขนประชิดติดตัว ขนลุกเกรียว สุดบรรยาย
กระบี่รันทด ล้มคว่ำลง มือยังไม่ปล่อยจากด้ามกระบี่ แน่นิ่ง ยินยอมสิ้นสติ ดีกว่าทนดูรอยยิ้มอุบาทว์นรกแตก
มันแพ้แล้ว
ตะวันใกล้ลับลา กลมโต เรืองรอง ราวเหล้าองุ่น ทิวไม้ไหวสะบัด ปลายไม้โอนเอียงเอน กิ่งก้านแง่งอนพลิกพลิ้ว
กระบี่หรรษา ค่อยคลายรอยยิ้ม แต่หัวใจมีลูกตุ้มหนักหน่วงถ่วงเอาไว้ เวลานี้ขอเพียงกระบี่ในมือแทงออก ปักหัวใจ ย่อมจบสิ้นเสียที กับคู่ปรับตลอดกาล แต่มันมิอาจตัดใจ ศัตรูที่แท้จริง บางครั้งมีคุณค่ามากกว่ามิตร สหายจอมปลอมมากมายหลายเท่า ยามนั้นคล้ายได้แว่วบทเพลง แผ่วมา
เมื่อครู่พวกมันสอง (แปลว่าพวกมันสองคน) ใช้หลักวิชาสุดลึกล้ำต่อสู้กัน ไม่จำเป็นต้องควงกระบี่ถาโถมเข้าหากัน จนเหงื่อท่วมกาย เพียงความคิดและวาจา ก็จัดเป็นอัจฉริยภาพ แห่งการต่อสู้ สิ่งที่คมกว่ากระบี่คือวาจา สิ่งที่ทำร้ายผู้คนจริง ๆ คือความคิดของคนเรานี่เอง
ดรุณีน้อยพลันเดินมาข้างกาย พูดเสียงอ้อยอิ่ง “ข้าตกลงจะไปกับท่าน”
กระบี่หรรษาใจสะท้านทันที สะท้านแบบขำ ๆ กวาดตามอง พบว่าสีหน้าแววตาของนางสัตย์ซื่อจริงใจยิ่ง แต่นางเป็นบุตรีเลี้ยงของ แม่เฒ่า เซี่ยงซุน สมควรเชื่อใจได้อย่างไร
ทันใดนั้นเอง มันเพิ่งรู้ว่า กระบี่รันทด ถึงจะพ่ายแพ้ แต่ประกันได้ว่ามองของมันต้องสมองไม่พองโต อย่างที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้แน่นอน แต่มันก็พอรู้ว่า การที่ สตรีนางหนึ่ง ออกปาก จะไปกับบุรุษ จะต้องไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน ครั้งแรกมันเพียงเอ่ยวาจาหยั่งเชิง มิคาดว่านางจะยืดถือจริงจัง
“ดูท่า ท่านลำบากใจ” นางก้าวเข้ามาหา ส่งเสียงถามอ้อยอิ่ง สีหน้า ท่าทาง แววตา ราวกับว่าคำตอบของมันจะถือเป็น โชคชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตนางล้วนคล้ายขึ้นอยู่กับคำตอบของมัน อย่างน้อยแป้งหอมของนาง ทำให้มันชนะ กระบี่หรรษาขบคิด อย่างรวดเร็ว บางทีคงจะถึงเวลาที่จะหรรษาสองคนเสียที
อยู่คนเดียว เงียบเหงาเศร้าทรวง
เธอมิห่วง..หายไปทั้งคืน
ปล่อยให้ฉัน..ระกำกล้ำกลืน
เธอไปชื่น ระรื่นฉ่ำจายยยยย...
ทามมายเถิงทามกาบข้อยด้ายยย....!!!!
กระบี่หรรษาครวญเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นเพลงโบราณพันปี น้อยคนนักจะเคยได้ยิน เขม้นมองดรุณีน้อยให้ชัดเจนอีกครา
นี่บางทีอาจช่วยเหลือนางให้พ้นจากการครอบงำของแม่เฒ่าเซี่ยงซุน อย่าว่าแต่มันเป็นคนเริ่มต้นก่อน ชักชวนนางก่อน ยังจะปฏิเสธสาวงามได้อย่างไร ใบหน้าของมัน พลันปรากฏรอยยิ้มอีกชนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก รอยยิ้มนุ่มนวลคัดกรองเลือกสรรค์มาเป็นพิเศษ รอยยิ้มที่กลั่นกรองมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ วาจาก็นุ่มนวลจริงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าใครได้ยอนได้ฟัง ต้องซาบซึ้ง แทบล้มประดาตาย
“ตกลง เราหนีไปด้วยกัน หนีแบบขำ ๆ ฮา” พูดจบมันกวาดตามองชุดบางเบาราวปีกจักจั่นของนาง กัดฟัน บอกเสียงหรรษาว่า
“แต่ ท่านควรไปเปลี่ยนชุดให้มิดชิดกว่านี้ ไม่วาบหวิว เอาแบบมิดชิด จนขำเลยนะ มิดชิดก็ขำอีกแล้ว มิดชิดแบบขำ ๆ ฮา โอย อยากหัวขวน”
พอได้ฟัง ดรุณีน้อยก้มลงมองชุดที่สวมใส่ พลันต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในชุดนอนแผ่วบาง เหมือนไม่ได้สวมใส่อะไร ไร้โครงที่กระชับทรงสวย สัมผัสบางเบา ไร้รอยตะเข็บ สวมใส่สบาย
.
กระบี่รันทด ภาคพิเศษ................ 2
https://ppantip.com/topic/39962162
ตีความจากบทที่แล้ว
กระบี่หรรษา บุกขึ้นเกาะเกาะเซี่ยงซุน เพื่อสังหารแม่เฒ่าเซี่ยงซุน แต่ดรุณีนอยบุตรีเลี้ยงของแม่เฒ่าเซี่ยงซุน มาขัดขวาง กระบี่หรรษาชวนนางหนีออกจากเกาะ โดยไม่มีเหตุผลแบบขำ ๆ ขณะที่นางกำลังสงสัยลังเล กระบี่รันทด คู่ปรับตลอดกาลของกระบี่หรรษาก็ปรากฏตัวขึ้น โดยไม่มีเหตุผล แบบเศร้า ๆ
........
ปลายกระบี่หรรษาชี้เฉียงลงพื้น คนยืดตัวตรง ใบหน้ามีรอยยิ้ม ก้าวเท้าเข้าหา ตุ๊กตาหมีน้อยบนเสื้อผ้าสดใสราวมีชีวิต จนแทบกระโดดออกมาจากเสื้อผ้าได้ ยามนี้พลังหรรษาเพิ่มพูนอย่างยิ่ง เนื่องเพราะมันเพิ่งชมโฉมดรุณีน้อยมายังไม่แห้ง (หมาด ๆ) การชมโฉมหญิงงาม ทำให้เลือดลมพลุ่งพล่าน ส่งผลดีงามต่อพลังหรรษาสุดแสน
ความงดงามเริงรื่นชื่นใจคือพลัง!
ปลายกระบี่รันทด ชี้เฉียงลงพื้นเช่นกัน คนยืดตัวตรง ถอยหลัง ลายหยดน้ำตาบนเสื้อผ้าชวนหดหู่ร่ำไห้ แทบหลั่งหยดน้ำตาออกจากเสื้อผ้าได้ เพราะมันยืนอยู่ใกล้สตรีงาม ความงดงามและกลิ่นหอมยวนใจ รมเร้าจนพลังรันทดเริ่มลดลง
ความงดงามอันตราย ความทุกข์คือแก่นแท้ของพลัง
มีดรุณีน้อย อยู่ใกล้ นับว่ากระบี่รันทดเป็นรองแล้ว สตรีงามเป็นอันตรายต่อพลังรันทด สตรีงามสามส่วน ทำให้พลังลดลงสามส่วน งามสิบส่วน พลังลดลงสิบส่วน งามทั้งหมด พลังลดลงไม่คงเหลือ งามเหลือล้น พลังติดลบ
กระบี่รันทด สูดลมหายใจลึกยาว พยายามไม่มอง ท่องในใจไม่หยุดยั้ง อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา ยุบหยอ พองหนอ มองมองหนอ สวยจริงหนอ อยากมองจัง....สาธุ...
ยิงท่องบ่น ความสับสนยิ่งถาโถม
กระบี่หรรษาย่อมรู้ซึ้งถึงหลักวิชาคู่ต่อสู้ดี มันเงยหน้าหัวร่อ อย่างสาแก่ใจ
“ฮา ฮา ดูท่าทางท่านจะแพ้แล้ว จะแพ้แบบขำ ๆ ฮา ความรันทดฤาจะสู้ความหรรษาได้ ใครบ้างอยากจมอยู่กับความทุกข์ เกิดเป็นคนต้องม่วนซื่นโฮแซว หนุกหนาน ยิ้มให้โลกา แล้วโลกาจะยิ้มกับเรา ฮา”
วาจาร้ายกาจสุดแสน ยิ่งกว่าวาจาภรรยาด่า ความหมายล้ำลึก สีหน้าเปี่ยมแววเยาะเย้ย ถากถาง ขัดถู โค่นล้ม ส่อเสียด ดูถูก เหยียดหยาม ในคราเดียวกัน ในเสียงเสียงหัวร่อสะท้านจิตใจ
กระบี่รันทดเซถอยหลังตึง ๆ ไปสี่ห้าก้าวทันที ใบหน้าเริ่มปรากฏเหงื่อซึม
หลักวิชายิ้มให้โลกกา จัดว่าร้ายกาจยิ่ง
อย่างไรก็ตาม กระบี่รันทดนับว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง กัดฟันนึกถึงเรื่องราวรันทดในอดีตขึ้นมา ปลุกปลอบขวัญกำลังใจอย่างรวดเร็ว
คนเราความจริงในชีวิตมีเรื่องเศร้าใจมากมาย เพียงเรามักจะพยายามลืม ไม่คิดถึงมัน แต่การรื้อฟื้นความเศร้ากลับง่ายดายกว่าพยายามจะลืมเลือน มากมายหลายเท่า พอระลึกถึงเรื่องแสนเศร้า พลังรันทดที่กำลังมอดไหม้เริ่มคุโชนขึ้นมาได้ สายตาซึมเศร้า น้ำเสียงก็ซึมเศร้า แล้วแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่ง ขณะเขม้นมองหน้าถาม
“ท่านสามารถยิ้มให้โลกา ท่านสามารถยิ้มได้นาน ยั่งยืนต่อเนื่อง เพียงใด วันหนึ่ง สามวัน สามเดือน หรือสามสิบปี”
นี่เป็นวิชาหน้านิ่ง
เสียงหัวร่อและรอยยิ้มของกระบี่หรรษา ชะงักค้างทันที
ยิ้มให้โลกา แล้วโลกาจะยิ้มให้ท่าน ... ฟังดูประหนึ่งง่ายดายรวดรัด ทว่าพอขบคิดให้ดี ความจริงไหนเลยง่ายดายรวดรัด
มีใครบ้างยิ้มให้โลกาได้เนิ่นนานเกินไป ท่านลองนึกถึงคนผู้หนึ่งใช้หลักวิชายิ้มให้โลกา ตั้งแต่ตื่นจากที่นอน มันก็ยิ้มให้เพดานบ้าน ยิ้มคาค้าง ลงมาอาบน้ำแต่งกายา ยิ้มค้างขณะรับประทานอาหาร กินไปยิ้มไป ยิ้มค้างต่อเนื่อง เดินทางออกจากบ้าน ยังคงยิ้มตลอดไม่หยุดยั้ง กระทั่งเดินผ่านหน้าท่าน ยังหันหน้าที่มีรอยยิ้มค้างคาให้ท่าน รอยยิ้มแบบนั้นย่อมแปรเปลี่ยนไปทางน่าสะพรึงกลัวสยดสยองยิ่ง ประสาทรับประทานอย่างยิ่ง
เสียงหัวร่อและรอยยิ้มของกระบี่หรรษาค้างคาเช่นกัน กระทั่งรอยยิ้มของเสื้อลายตุ๊กตาหมีน้อย ยังคล้ายค้างคาไปด้วย
ยิ้มหรรษามากเกินไป ย่อมมิใช่ยิ้มสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทา
ยิ้มให้โลกามากไป โลกาก็จะยิ้มให้ท่านมากเกินไป ท่านและโลกาอาจวิกลจริตไปด้วยกัน โลกาบ้า ๆ บอๆ สรรพสิ่งต่อให้ดงามเพริดแพร้วปานใด สุดท้ายก็มีวันสลายลบเลือน
พลังหรรษาเริ่มลดลงทีละน้อย
หลักวิชาหน้านิ่งของกระบี่รันทด นับว่าร้ายกาจ ระดับสูงสุดยอดคืนสู่หน้านิ่ง เพียงรักษาสภาพหน้านิ่งเข้าไว้ ผู้อื่นก็จะไม่อาจอ่านสีหน้าท่านได้ หน้านิ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างหน้าหน้าหรรษากับหน้ารันทด จัดเป็นหน้าสายกลางโดยแท้จริง
ควรทราบว่า วิชาหน้านิ่ง เป็นพื้นฐานของวิชาหน้าศิลา (หน้าด้าน) จะฝึกวิชาหน้าด้านให้บรรลุพลังสูงสุดแห่งความหน้าศิลา ต้องฝึกหน้านิ่งก่อน ใครว่าอะไร ก็ให้พยายาม ทำหน้านิ่งไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วจะพัฒนาเป็นขั้น วิชาหน้าไม่อาย แล้วเข้าสู่เลเวล หน้าศิลา ในที่สุด
ท่านที่มีครอบครัว อย่างน้อยควรฝึกวิชา หน้านิ่งไว้บ้าง ย่อมไม่เสียหลาย คนรักจะดุจะด่าจะว่า ให้ใช้หลักความสงบ สยบความเคลื่อนไหว ทำหน้านิ่งต้านรับ ปัญหาในครอบครัวจะลดน้อยลง ไม่ใช่ว่า พอสามีกลับบ้านดึก ภรรยาตวาดด่ากึกก้อง กระโดดปราดลอยตัวขึ้น บาทาไร้เงา เตะกราดออก กระแทกยอดหน้าสามี เช่นนั้นนาวาชีวิตอาจล่มสลายลงมิช้ามินาน
กระบี่รันทดยังไม่บรรลุวิชาหน้าศิลา แต่นับว่าวิชาหน้านิ่ง ก็เพียงพอการใช้งานแล้ว
พลันมีกลิ่นหอมชนิดหนึ่ง ลอยตามตามสายลม
เป็นดรุณีน้อยนั่นเอง เป็นคนสะบัดข้อมือ โรยรายปรายโปรย แป้งประทิน กลิ่นแป้งนวลเข้ามาในวงการต่อสู้
ความจริง นางไม่ได้เข้าถึงหลักการอะไรทั้งนั้น เพียงอยากดูปฏิกิริยาพิสดาร ตามวิสัยสตรี
แป้ง...คำง่ายดาย
แต่คุณค่าของแป้ง แปรเปลี่ยนพิสดาร แป้งที่ทรงคุณค่าสุดแสนคือแป้งแต่งเติมบนใบหน้านาง แป้งราคาถูก อาจกลับกลายเป็นแป้งทรงคุณค่าราคาแพง เพราะนวลปรางนางนวล สิ่งของขอเพียงอยู่ถูกที่ถูกทาง ย่อมถูกทางถูกที่ เท่านั้นจริง ๆ
ความสงบนิ่งของกระบี่หรรษารู้สึกสว่างจัดจ้าทันที กลิ่นแป้งหอมหวนชวนหรรษาดีดดิ้นอย่างยิ่ง เลือดลมพลุ่งพล่าน สติปัญญากระจ่างสดใส มันกระโดดปราดขึ้น ร้องเสียงกังวาน
“ไม่จำเป็นต้องยิ้มค้างคา ขอเพียงมีเวลายิ้ม ก็ต้องฉกฉวยโอกาสยิ้มทันที ยิ้มอย่างไรก็ดีเลิศประเสริฐศรีมากกว่าร่ำไห้แน่นอน ฮา..แน่นอนก็ขำ ทาป๋องแป้ง หอมแปงแป้งกระป๋อง ... ทาป๋องแป้ง หอมแปงแป้งกระป๋อง ป๋อง ป๋อง ฮา”
กระบี่รันทดผงะถอยหลังตึง ๆ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา ไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู้จะโต้ตอบรวดเร็ว ขณะอ้าปากจะสวนคำโต้กลับ กลิ่นแป้งก็ถึงนาสิก
หอมหวลชวนดม
สุขสบายสดชื่น ย่อมเป็นทางตรงกันข้ามกับ เศร้าหมอง กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้พลังลดวูบกะทันหัน หน้ามืดแทบล้มคว่ำลง
แป้ง เป็นศาสตราวุธพิสดาร ทำร้ายจิตใจบุรุษให้เคลิ้มฝันเลื่อนลอย ขอเพียงใช้ให้ถูกทาง ร้ายกาจกว่าอาวุธมีคมอย่างอื่นมากมายหลายเท่า อาวุธจู่โจมร่างกาย แป้งจู่โจมถึงจิตใจ
กระบี่รันทด ถึงหน้านิ่ง แต่จิตใจยังเคลื่อนไหว
ไม่รอให้โอกาสทองคำขาวหลุดลอย กระบี่หรรษาหมุนตัวขวับคว้าง เข้ามาเบื้องหน้า ยื่นหน้าใช้ไม้ตายขั้นสุดยอด ‘ยิ้มหวานสะท้านโลกา’
กระบี่รันทดใจหายวาบ เป็นสตรีชดช้อยยิ้มหวานเข้าใส่ยังพอทน
แต่นี่เป็นบุรุษยิ้มหวาน นับว่าขัดหูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง ความขัดตาแปรเปลี่ยนเป็นชวนพองสยองเกล้า ทั้งเป็นการ ยิ้มระยะเผาขนประชิดติดตัว ขนลุกเกรียว สุดบรรยาย
กระบี่รันทด ล้มคว่ำลง มือยังไม่ปล่อยจากด้ามกระบี่ แน่นิ่ง ยินยอมสิ้นสติ ดีกว่าทนดูรอยยิ้มอุบาทว์นรกแตก
มันแพ้แล้ว
ตะวันใกล้ลับลา กลมโต เรืองรอง ราวเหล้าองุ่น ทิวไม้ไหวสะบัด ปลายไม้โอนเอียงเอน กิ่งก้านแง่งอนพลิกพลิ้ว
กระบี่หรรษา ค่อยคลายรอยยิ้ม แต่หัวใจมีลูกตุ้มหนักหน่วงถ่วงเอาไว้ เวลานี้ขอเพียงกระบี่ในมือแทงออก ปักหัวใจ ย่อมจบสิ้นเสียที กับคู่ปรับตลอดกาล แต่มันมิอาจตัดใจ ศัตรูที่แท้จริง บางครั้งมีคุณค่ามากกว่ามิตร สหายจอมปลอมมากมายหลายเท่า ยามนั้นคล้ายได้แว่วบทเพลง แผ่วมา
เมื่อครู่พวกมันสอง (แปลว่าพวกมันสองคน) ใช้หลักวิชาสุดลึกล้ำต่อสู้กัน ไม่จำเป็นต้องควงกระบี่ถาโถมเข้าหากัน จนเหงื่อท่วมกาย เพียงความคิดและวาจา ก็จัดเป็นอัจฉริยภาพ แห่งการต่อสู้ สิ่งที่คมกว่ากระบี่คือวาจา สิ่งที่ทำร้ายผู้คนจริง ๆ คือความคิดของคนเรานี่เอง
ดรุณีน้อยพลันเดินมาข้างกาย พูดเสียงอ้อยอิ่ง “ข้าตกลงจะไปกับท่าน”
กระบี่หรรษาใจสะท้านทันที สะท้านแบบขำ ๆ กวาดตามอง พบว่าสีหน้าแววตาของนางสัตย์ซื่อจริงใจยิ่ง แต่นางเป็นบุตรีเลี้ยงของ แม่เฒ่า เซี่ยงซุน สมควรเชื่อใจได้อย่างไร
ทันใดนั้นเอง มันเพิ่งรู้ว่า กระบี่รันทด ถึงจะพ่ายแพ้ แต่ประกันได้ว่ามองของมันต้องสมองไม่พองโต อย่างที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้แน่นอน แต่มันก็พอรู้ว่า การที่ สตรีนางหนึ่ง ออกปาก จะไปกับบุรุษ จะต้องไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน ครั้งแรกมันเพียงเอ่ยวาจาหยั่งเชิง มิคาดว่านางจะยืดถือจริงจัง
“ดูท่า ท่านลำบากใจ” นางก้าวเข้ามาหา ส่งเสียงถามอ้อยอิ่ง สีหน้า ท่าทาง แววตา ราวกับว่าคำตอบของมันจะถือเป็น โชคชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตนางล้วนคล้ายขึ้นอยู่กับคำตอบของมัน อย่างน้อยแป้งหอมของนาง ทำให้มันชนะ กระบี่หรรษาขบคิด อย่างรวดเร็ว บางทีคงจะถึงเวลาที่จะหรรษาสองคนเสียที
อยู่คนเดียว เงียบเหงาเศร้าทรวง
เธอมิห่วง..หายไปทั้งคืน
ปล่อยให้ฉัน..ระกำกล้ำกลืน
เธอไปชื่น ระรื่นฉ่ำจายยยยย...
ทามมายเถิงทามกาบข้อยด้ายยย....!!!!
กระบี่หรรษาครวญเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นเพลงโบราณพันปี น้อยคนนักจะเคยได้ยิน เขม้นมองดรุณีน้อยให้ชัดเจนอีกครา
นี่บางทีอาจช่วยเหลือนางให้พ้นจากการครอบงำของแม่เฒ่าเซี่ยงซุน อย่าว่าแต่มันเป็นคนเริ่มต้นก่อน ชักชวนนางก่อน ยังจะปฏิเสธสาวงามได้อย่างไร ใบหน้าของมัน พลันปรากฏรอยยิ้มอีกชนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่ไม่ค่อยปรากฏบ่อยนัก รอยยิ้มนุ่มนวลคัดกรองเลือกสรรค์มาเป็นพิเศษ รอยยิ้มที่กลั่นกรองมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ วาจาก็นุ่มนวลจริงใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าใครได้ยอนได้ฟัง ต้องซาบซึ้ง แทบล้มประดาตาย
“ตกลง เราหนีไปด้วยกัน หนีแบบขำ ๆ ฮา” พูดจบมันกวาดตามองชุดบางเบาราวปีกจักจั่นของนาง กัดฟัน บอกเสียงหรรษาว่า
“แต่ ท่านควรไปเปลี่ยนชุดให้มิดชิดกว่านี้ ไม่วาบหวิว เอาแบบมิดชิด จนขำเลยนะ มิดชิดก็ขำอีกแล้ว มิดชิดแบบขำ ๆ ฮา โอย อยากหัวขวน”
พอได้ฟัง ดรุณีน้อยก้มลงมองชุดที่สวมใส่ พลันต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในชุดนอนแผ่วบาง เหมือนไม่ได้สวมใส่อะไร ไร้โครงที่กระชับทรงสวย สัมผัสบางเบา ไร้รอยตะเข็บ สวมใส่สบาย
.