================
กระบี่รันทด(เฉพาะกิจ)
TAGA..ป้ายประกาศิต
================
เมืองไม่มากไม่น้อย หลังปีใหม่คล้ายไม่ใช่ไม่มากไม่น้อย ชื่อเมืองยังคงเป็นไม่มากไม่น้อย
เพียงบางอย่างไม่มากก็น้อย..มิใช่ไม่มากไม่น้อยเช่นเดิม..แปรเปลี่ยนไปมิใช่น้อย
กลางเมืองมีมหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ใหญ่โตกว่าโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมมากมายหลายสิบเท่า
แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็หาได้สั่นคลอนกิจกรรมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมไม่
ต่างคนต่างใจ ต่างคนต่างกาย ต่างคนต่างความคิดต่างพฤติกรรม
แต่มิคาดว่าจู่ๆก็เกิดเหตุการณ์สุดพิสดารในขึ้นในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เฒ่าซกมกและเฒ่าซกเล็ก สองสหายเก่าแก่ พากันไปนั่งดื่มกินในโรงเตี๊ยมตั้งแต่ปลายปีข้ามคืนจนสิ้นปี
มาปีใหม่ ปีใหม่ที่หลายคนคล้ายเป็นวันปล่อยผี สามารถโลดโผนโจนทะยาน
ออกจากการควบคุมของคนในบ้านได้ราวพยัคฆาติดปีก
เพียงต้นปีนี้ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
“สุดซอย.....”
เฒ่าซกมกและเฒ่าซกเล็กกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหาร ร้องพร้อมกัน พลางยกจอกสุราชนกัน
คำว่าสุดซอยหมายถึงกระดกหมดจอก…ถ้าเป็นกลางซอยก็ครึ่งจอก ต้นซอยก็แค่จิบๆ
ยังไม่ทันวางจอกลงสนิท พลันได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากหน้าห้อง ต่างพากันหันไปมอง
ผู้มาใหม่เป็นชายวัยกลางคนผอมสูง ทั้งสองเฒ่าจะจำได้ทันทีว่านั่นเป็น “คุณชายไข่เจียว”
นักดื่มนักเที่ยวคนหนึ่งของเมืองนี้ อาหารซึ่งมันชื่นชอบที่สุดย่อมเป็นไข่เจียวเท่านั้น
ทุกครั้งเมื่อได้ทานไข่เจียวจะอร่อยจนตาเหลือกตาค้าง
(อร่อยจนตาเหลือกตาค้างบรรยายให้เห็นภาพยาก นอกจากท่านจะลองทำท่าทางดู สนุกมากมาย)
นี่หากมันชื่นชอบทานไข่เค็ม ฉายาของมันคงน่าขนลุกขนพองกว่านี้
เพียงวันนี้มันมีสีหน้าแตกตื่นปากร้องว่าแย่แล้ว...แย่แล้ว...ตลอดเวลา พลางวิ่งพล่านเป็นลิงติดจั่น
เฒ่าซกเล็กเบิ่งตามอง และร้องถามเป็นคนแรกว่า
“ท่านเป็นวิกลจริตอันใด”
คุณชายไข่เจียวมีเหงื่อไหลท่วมใบหน้าราวฝนซัด
มองซ้าย
มองขวา
เซไปทางซ้าย
เซไปทางขวา
ไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถนั่งลงได้อย่างเป็นปกติ
เฒ่าซกมกพลันตบโต๊ะฉาดใหญ่ ตวาดเสียงกึกก้องว่า
“ท่านเป็นบ้าอะไรกัน หรือว่าท่านกำลังฝึกวิชาปูนาขาเก ถึงไปเฉไปเฉมาทั้งตาและตัวแบบนั้น”
คุณชายไข่เจียวกระโดดสุดตัวด้วยความตกใจ เสียงตบโต๊ะทำให้ผวาเพราะนึกไปไกลถึงฝ่ามือพิฆาตของภรรยา
หันมามอง พอเห็นว่าเป็นสหายก็พยายามเดินเฉไปมาตรงเข้าหาอย่างลำบากยากเย็น
ท่ามกลางความแปลกใจของคนในห้อง
“ท่านเป็นอะไร”
เฒ่าซกมกตะคอกถาม สายตาจับจ้องเริ่มพาลกลอกตาเฉไปมาตามไปด้วยแบบไม่รู้ตัว
มือของคนถูกถามพยายามเกาะชอบโต๊ะ กระนั้นมันยังเฉไปเฉมาไม่ยอมหยุด
เป็นอาการไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุทธภพ หลายคนเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันชวนขนลุกไร้สภาพ
“เราคงโดนอาถรรพ์....” เสียงของคุณชายไข่เจียวขาดเป็นห้วงๆ ร่างสั่นสะท้าน
“เราไม่ได้ทำอะไรมากกว่าเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมเท่านั้น. แล้ว.....แล้ว....”
“แล้วอะไร..” เฒ่าซกมกถามอย่างเร่งร้อนใคร่รู้
“เรา.....เรา...แค่เดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม พลัน...รู้สึก.ว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไป โอย....”
“ท่านอย่าเพิ่งเป็นลม บอกก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เรา.....เข้าลำบากโรงเตี๊ยมเปลี่ยนไป เราทำตัวมิอาจถูก มิหนำซ้ำป้ายบอกราคาค่าห้องยังขึ้นราคาจาก
800 เป็น 1024 เป็นอย่างต่ำ โอ....ตาเราเฉจนจะบ้าตายแล้ว”
สองสองเฒ่ารับฟังจนขนลุกเกรียว
มันทั้งสองเป็นปีศาจเมามายข้ามปีจึงไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างงุนงงสับสน
ในขณะคุณชายไข่เจียวหมดสติล้มฟาดลงไปบนพื้นด้วยความแตกตื่นขวัญกระเจิง
ยังไม่ทันทำประการใด บุรุษผู้หนึ่งพลันก้าวอาดๆเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
พอมาอยู่หน้าโต๊ะอาหารก็ปลดกางเกงออกมาปัสสาวะลงบนพื้นห้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คน
อย่างไม่เกรงใจผู้ใด
“เจ้าทำบ้าอะไร”
เฒ่าซกเล็กได้สติแผดร้องขึ้นสุดเสียง ผมเผ้าชี้ชันอย่างเดือดดาล การมาปัสสาวะต่อหน้าแบบนี้หยามกันเกินไป
ชายผู้นั้นหัวเราะฮิฮะเก็บอุปกรณ์คืนที่ ตอบด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจสุดแสนราวการสร้างวีรกรรมว่า
“เราปัสสาวะ”
ผู้คนในห้องแทบไม่เชื่อหูเชื่อสายตาตัวเอง ในโลกยังมีคนสามารถทำได้ขนาดนี้
“ห้องนี้มิใช่ห้องน้ำ” เฒ่าซกเล็กคำราม
“เรารู้ว่ามิใช่ห้องน้ำ”
“เช่นนั้น ไฉนกล้าทำอุบาทว์เยี่ยงนี้”
“เราย่อมสามารถทำ เพราะเรามีป้ายประกาศิต”
“ป้ายประกาศิต”
“ถูกต้อง มิเพียงมีอันเดียว เรายังมีถึง 5 ป้าย สามารถเข้าออกทำอะไรก็ได้ตามใจมากถึง 5 ห้อง”
ว่าพลางควักป้ายอันแรกออกมาให้ดู
ป้ายนั้นเคลือบโลหะมันวาว เขียนด้วยอักษรเด่นชัดว่า “ห้องน้ำ” ซึ่งถูกยกชูไปมาให้ทุกคนดูอย่างถ้วนหน้า
“พวกท่านเห็นหรือไม่ นี่คือป้ายประกาศิต*ห้องน้ำ* เพียงมีป้ายอันนี้ เราจะสามารถเลือกห้องไหน
เป็นห้องน้ำก็ได้ตามใจ ต่อให้เป็นห้องนอน หรือห้องน้องภรรยาท่าน หากเรามีป้ายนี้ก็สามารถเข้าไปอุนจิ
ปัสสาวะได้ตามใจ...ไม่แน่นะ... ว่างๆ ว่าจะไปแก้ผ้าอาบน้ำกลางห้องโถงสักครั้งก็ได้ เพราะมี TAGA ป้ายประกาศิต”
ทุกคนตะลึงงันกับสิ่งอันไม่คาดฝัน
บุรุษผู้นั้นหัวร่ออย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยปากต่อไปว่า
“พวกท่านอย่าเพิ่งตื่นตกใจ เราความจริงยังเหลือ TAGA ป้ายประกาศิตอีก 4 ป้าย
ตั้งใจจะใช้ให้ครบทั้ง 5 ป้าย ไหนๆ ก็ได้มาฟรีๆอยู่แล้ว..ไม่สนใครทั้งนั้น...”
“ป้ายนี้ท่านได้.... แต่ใดมา” เฒ่าซกมกขบกรามถาม มองเห็นความยุ่งยากรำไร
“เราแค่เดินไป เดินมา..... ก็ได้”
“ทำชอบสิ่งใดมา.... วานบอก”
“เขาแจกฟรีๆมาให้ใช้..ก็ได้รางวัล”
“บังอาจ” เฒ่าซกมกทำท่าจะกระโดดปราดขึ้น หากเฒ่าซกลงดึงแขนไว้พลางบอกให้ใจเย็นๆ
ในขณะนั้นเอง คนหลายคนพลันลุกขึ้นปรบมือให้กับบุรุษผู้นั้น พลางร้องด้วยความชื่นชม
“ท่านฉี่ได้งดงามมาก โอ”
“ฉี่นี้อย่างน้อยต้องกระเด็นไป 5 ห้อง”
“ผู้คนประจักษ์มากมายต่อสายตา”
"ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ ยังทำ ท่านแน่มาก เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม"
“พวกเราไปเอาป้ายประกาศิตกันเถอะ”
หลายคนเริ่มเห็นดีเห็นงามด้วย เรื่องความเหมาะสมถูกต้องเอาไว้ก่อน
เพราะเวลานี้โรคคลั่ง TAGA เริ่มระบาด ทำผิดก็สนับสนุนให้เป็นถูก
ด้วยเหตผลส่วนตัว
“ข้าจะป้ายให้ครบ 5 ป้าย จะได้ไปนั่งทานข้าวในห้องสุขาบ้าง”
"ข้าจะไปหาป้ายภรรยา เพื่อเข้าหาห้องน้องภรรยา"
“ข้าจะไปเอาป้ายให้ครบเหมือนกัน จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศแถวกรุงเทพบ้าง”
ผู้คนหลายคนร่ำร้องหาป้ายประกาศิตกันยกใหญ่และเริ่มพากันวิ่งออกไปอย่างเร่งร้อนดีใจ
เพราะพากันมองเห็นว่ายิงนกนัดเดียวได้นก 5 ตัว ส่วนจะเละเทะขนาดไหนช่างศีรษะ..
แบบว่าพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม....
แต่มีหลายคนยังไม่ยินยอมไป คนที่เหลือล้วนมีสีหน้าวิตกเหนื่อยหน่าย
กับป้ายประกาศิต
“ข้าจะไปแล้ว”
จอมยุทธคนหนึ่งนั่งอยู่นานพลันลุกขึ้น ทุกคนมองอย่างสงสัย
“ท่านจะไปเอาป้าย” เสียงใครบางคนถามขึ้น ชายคนนั้นสั่นศีรษะฝืนยิ้มตอบว่า
“ไม่ใช่ เราจะกลับบ้านนอก..ข้าเบื่อหน่าย”
หลายคนใจหาย เพราะคบหาดื่มกันเสวนากันมานาน เพียงคนคิดไป ฝนคิดตก ฝนคิดร้อง
ไหนเลยห้ามง่ายดาย
"ข้าจะไปเอาป้าย"
ใครบางคนลุกขึ้นอีก เพียงบุคคลนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มบอกต่อว่า
"แต่ข้าจะเอาแค่ชนิดเดียว แต่หลายอันมาฝากพวกท่านด้วยคนละอัน พวกเราอยู่ห้องเดียวกัน"
หลายคนมองมันอย่างผิดแผกออกไปทันที
บางอย่างมีหนึ่ง สอง สามก็อาจพอเพียงแล้ว...ถ้ามีเหตุผลตรงประเด็นหลักจริงๆ
"ทำไมท่านต้องการน้อยแต่นั้น" มีเสียงถามขึ้น
"เรารู้สึกแค่นี้ก็พอแล้ว ข้ารู้ว่าฝีมือข้ามีขอบเขตประเด็นหลักมากน้อยขนาดไหน และสำคัญ.."
"สำคัญอะไร
"ข้ามิอาจมีหน้าศิลา(หน้าแข็งชาด้าน)พอ ที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้"
"ความจริงท่านทำได้..ทำไมไม่ใช้สิทธิ์เต็มที่ ฟาดมันรวด 5 ชนิดเลย"
"ของเราไม่จำเป็นขนาดนั้น เรามิสติปัญญาพอจะรู้ไม่รู้"
เหตุผลสั้นๆของมันชัดเจนจับใจ ปริมาณมิใช่ตัวบ่งชี้คุณภาพเสมอไป
สังคมย่อมมีบุคคลหลายประเภท สองเฒ่าเข้าใจดี
เฒ่าซกเล็กมองหน้าสหายของมัน ถามว่า
“ท่านล่ะ..จะทำอย่างไร”
เฒ่าซกมกยิ้มรันทด เอ่ยช้าๆว่า
“พวกเรายังสามารถทำอย่างไรได้...ป้ายพวกนั้นดูท่าแจกจ่ายอย่างถูกกฎหมายของที่นี่..
.พวกเราเพียงมาดื่นกินพูดคุยคงต้องเบิ่งตาชมต่อไปเท่านั้น.. ข้าเข้าใจแล้วว่า
ทำไมคุณชายไข่เจียวถึงเดินเฉไปเฉมาแบบนั้น...”
ว่าพลางชี้มือไปทางหน้าต่าง เฒ่าซกเล็กมองตามด้วยสายตาไม่เข้าใจ จนสหายของมันต้องอธิบายเพิ่มเล็กน้อยว่า
“ท่านเห็นหรือไม่ หน้าต่างเปิดกว้างเติมที่ตลอด ปิดเปิดแง้มไม่ได้อย่างเคย”
“ข้า..ยังไม่เข้าใจ”
“บางอย่างไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”
สองเฒ่าหยุดสนทนากันแค่นั้น เพราะต่างฝ่ายคล้ายรู้ว่ารู้ไปพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ต่างคนต่างความคิด
ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีสามัญสำนึกดีงามหรือเลวร้ายต่อโรงเตี๊ยมแห่งนี้แบบไหน ส่วนหน่วยรักษาความสงบ
ของโรงเตี๊ยมมีน้อย ย่อมไม่พอเพียงดูแลตรวจสอบทั่วถึง
สักพักเฒ่าซกมกลุกขึ้นพลางพูดเสียงหนักๆว่า
“ข้าไปจะเจรจากับ......”
"ไม่มีประโยชน์...." เฒ่าซกเล็กส่ายหน้า
ยังไม่ทันขาดคำ มีเสียงเฟี้ยวฟ้าวดังถี่ยิบ ประกายแวววาวของ TAGA หลายสิบหลายร้อยอัน
พุ่งเข้ามาจากด้านนอกทุกทิศทุกทางพร้อมกับเสียงฝีเท้ามากมายถาโถมราวโรงเตี๊ยมจะถล่มทลาย
ผนังห้องทั้งสี่ด้านระเบิดโครมครามกึกก้องพังพินาศราวกับนรกลงถล่ม
หลังกลุ่มควันฝุ่นธุลีค่อยจางลง ผู้คนนับร้อยรับพันหรือนับไม่ถ้วนยืนตะลึงจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ผนังห้องทุกห้องระเบิดแตกออกโดยสิ้นเชิง
ทุกคนพบว่าต่างคนต่างอยู่ในห้องเดียวกันทั้งหมด เป็นห้องกว้างใหญ่ไพศาล สูงสุดยอดคืนสู่สามัญ
ซับซ้อนมาสู่เรียบง่ายหนึ่งเดียวโดยมี TAGA กองเต็มอย่างไร้ความหมาย
เต็มพื้นที่ห้องเอนกประสงค์ห้องเดียวซึ่งกินพื้นที่ไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
จบ
TAGA..ป้ายประกาศิต
กระบี่รันทด(เฉพาะกิจ)
TAGA..ป้ายประกาศิต
================
เมืองไม่มากไม่น้อย หลังปีใหม่คล้ายไม่ใช่ไม่มากไม่น้อย ชื่อเมืองยังคงเป็นไม่มากไม่น้อย
เพียงบางอย่างไม่มากก็น้อย..มิใช่ไม่มากไม่น้อยเช่นเดิม..แปรเปลี่ยนไปมิใช่น้อย
กลางเมืองมีมหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ใหญ่โตกว่าโรงเตี๊ยมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมมากมายหลายสิบเท่า
แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็หาได้สั่นคลอนกิจกรรมของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมไม่
ต่างคนต่างใจ ต่างคนต่างกาย ต่างคนต่างความคิดต่างพฤติกรรม
แต่มิคาดว่าจู่ๆก็เกิดเหตุการณ์สุดพิสดารในขึ้นในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เฒ่าซกมกและเฒ่าซกเล็ก สองสหายเก่าแก่ พากันไปนั่งดื่มกินในโรงเตี๊ยมตั้งแต่ปลายปีข้ามคืนจนสิ้นปี
มาปีใหม่ ปีใหม่ที่หลายคนคล้ายเป็นวันปล่อยผี สามารถโลดโผนโจนทะยาน
ออกจากการควบคุมของคนในบ้านได้ราวพยัคฆาติดปีก
เพียงต้นปีนี้ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
“สุดซอย.....”
เฒ่าซกมกและเฒ่าซกเล็กกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหาร ร้องพร้อมกัน พลางยกจอกสุราชนกัน
คำว่าสุดซอยหมายถึงกระดกหมดจอก…ถ้าเป็นกลางซอยก็ครึ่งจอก ต้นซอยก็แค่จิบๆ
ยังไม่ทันวางจอกลงสนิท พลันได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากหน้าห้อง ต่างพากันหันไปมอง
ผู้มาใหม่เป็นชายวัยกลางคนผอมสูง ทั้งสองเฒ่าจะจำได้ทันทีว่านั่นเป็น “คุณชายไข่เจียว”
นักดื่มนักเที่ยวคนหนึ่งของเมืองนี้ อาหารซึ่งมันชื่นชอบที่สุดย่อมเป็นไข่เจียวเท่านั้น
ทุกครั้งเมื่อได้ทานไข่เจียวจะอร่อยจนตาเหลือกตาค้าง
(อร่อยจนตาเหลือกตาค้างบรรยายให้เห็นภาพยาก นอกจากท่านจะลองทำท่าทางดู สนุกมากมาย)
นี่หากมันชื่นชอบทานไข่เค็ม ฉายาของมันคงน่าขนลุกขนพองกว่านี้
เพียงวันนี้มันมีสีหน้าแตกตื่นปากร้องว่าแย่แล้ว...แย่แล้ว...ตลอดเวลา พลางวิ่งพล่านเป็นลิงติดจั่น
เฒ่าซกเล็กเบิ่งตามอง และร้องถามเป็นคนแรกว่า
“ท่านเป็นวิกลจริตอันใด”
คุณชายไข่เจียวมีเหงื่อไหลท่วมใบหน้าราวฝนซัด
มองซ้าย
มองขวา
เซไปทางซ้าย
เซไปทางขวา
ไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถนั่งลงได้อย่างเป็นปกติ
เฒ่าซกมกพลันตบโต๊ะฉาดใหญ่ ตวาดเสียงกึกก้องว่า
“ท่านเป็นบ้าอะไรกัน หรือว่าท่านกำลังฝึกวิชาปูนาขาเก ถึงไปเฉไปเฉมาทั้งตาและตัวแบบนั้น”
คุณชายไข่เจียวกระโดดสุดตัวด้วยความตกใจ เสียงตบโต๊ะทำให้ผวาเพราะนึกไปไกลถึงฝ่ามือพิฆาตของภรรยา
หันมามอง พอเห็นว่าเป็นสหายก็พยายามเดินเฉไปมาตรงเข้าหาอย่างลำบากยากเย็น
ท่ามกลางความแปลกใจของคนในห้อง
“ท่านเป็นอะไร”
เฒ่าซกมกตะคอกถาม สายตาจับจ้องเริ่มพาลกลอกตาเฉไปมาตามไปด้วยแบบไม่รู้ตัว
มือของคนถูกถามพยายามเกาะชอบโต๊ะ กระนั้นมันยังเฉไปเฉมาไม่ยอมหยุด
เป็นอาการไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุทธภพ หลายคนเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันชวนขนลุกไร้สภาพ
“เราคงโดนอาถรรพ์....” เสียงของคุณชายไข่เจียวขาดเป็นห้วงๆ ร่างสั่นสะท้าน
“เราไม่ได้ทำอะไรมากกว่าเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมเท่านั้น. แล้ว.....แล้ว....”
“แล้วอะไร..” เฒ่าซกมกถามอย่างเร่งร้อนใคร่รู้
“เรา.....เรา...แค่เดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม พลัน...รู้สึก.ว่า ทุกอย่างเปลี่ยนไป โอย....”
“ท่านอย่าเพิ่งเป็นลม บอกก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เรา.....เข้าลำบากโรงเตี๊ยมเปลี่ยนไป เราทำตัวมิอาจถูก มิหนำซ้ำป้ายบอกราคาค่าห้องยังขึ้นราคาจาก
800 เป็น 1024 เป็นอย่างต่ำ โอ....ตาเราเฉจนจะบ้าตายแล้ว”
สองสองเฒ่ารับฟังจนขนลุกเกรียว
มันทั้งสองเป็นปีศาจเมามายข้ามปีจึงไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างงุนงงสับสน
ในขณะคุณชายไข่เจียวหมดสติล้มฟาดลงไปบนพื้นด้วยความแตกตื่นขวัญกระเจิง
ยังไม่ทันทำประการใด บุรุษผู้หนึ่งพลันก้าวอาดๆเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง
พอมาอยู่หน้าโต๊ะอาหารก็ปลดกางเกงออกมาปัสสาวะลงบนพื้นห้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คน
อย่างไม่เกรงใจผู้ใด
“เจ้าทำบ้าอะไร”
เฒ่าซกเล็กได้สติแผดร้องขึ้นสุดเสียง ผมเผ้าชี้ชันอย่างเดือดดาล การมาปัสสาวะต่อหน้าแบบนี้หยามกันเกินไป
ชายผู้นั้นหัวเราะฮิฮะเก็บอุปกรณ์คืนที่ ตอบด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจสุดแสนราวการสร้างวีรกรรมว่า
“เราปัสสาวะ”
ผู้คนในห้องแทบไม่เชื่อหูเชื่อสายตาตัวเอง ในโลกยังมีคนสามารถทำได้ขนาดนี้
“ห้องนี้มิใช่ห้องน้ำ” เฒ่าซกเล็กคำราม
“เรารู้ว่ามิใช่ห้องน้ำ”
“เช่นนั้น ไฉนกล้าทำอุบาทว์เยี่ยงนี้”
“เราย่อมสามารถทำ เพราะเรามีป้ายประกาศิต”
“ป้ายประกาศิต”
“ถูกต้อง มิเพียงมีอันเดียว เรายังมีถึง 5 ป้าย สามารถเข้าออกทำอะไรก็ได้ตามใจมากถึง 5 ห้อง”
ว่าพลางควักป้ายอันแรกออกมาให้ดู
ป้ายนั้นเคลือบโลหะมันวาว เขียนด้วยอักษรเด่นชัดว่า “ห้องน้ำ” ซึ่งถูกยกชูไปมาให้ทุกคนดูอย่างถ้วนหน้า
“พวกท่านเห็นหรือไม่ นี่คือป้ายประกาศิต*ห้องน้ำ* เพียงมีป้ายอันนี้ เราจะสามารถเลือกห้องไหน
เป็นห้องน้ำก็ได้ตามใจ ต่อให้เป็นห้องนอน หรือห้องน้องภรรยาท่าน หากเรามีป้ายนี้ก็สามารถเข้าไปอุนจิ
ปัสสาวะได้ตามใจ...ไม่แน่นะ... ว่างๆ ว่าจะไปแก้ผ้าอาบน้ำกลางห้องโถงสักครั้งก็ได้ เพราะมี TAGA ป้ายประกาศิต”
ทุกคนตะลึงงันกับสิ่งอันไม่คาดฝัน
บุรุษผู้นั้นหัวร่ออย่างพึงพอใจ แล้วเอ่ยปากต่อไปว่า
“พวกท่านอย่าเพิ่งตื่นตกใจ เราความจริงยังเหลือ TAGA ป้ายประกาศิตอีก 4 ป้าย
ตั้งใจจะใช้ให้ครบทั้ง 5 ป้าย ไหนๆ ก็ได้มาฟรีๆอยู่แล้ว..ไม่สนใครทั้งนั้น...”
“ป้ายนี้ท่านได้.... แต่ใดมา” เฒ่าซกมกขบกรามถาม มองเห็นความยุ่งยากรำไร
“เราแค่เดินไป เดินมา..... ก็ได้”
“ทำชอบสิ่งใดมา.... วานบอก”
“เขาแจกฟรีๆมาให้ใช้..ก็ได้รางวัล”
“บังอาจ” เฒ่าซกมกทำท่าจะกระโดดปราดขึ้น หากเฒ่าซกลงดึงแขนไว้พลางบอกให้ใจเย็นๆ
ในขณะนั้นเอง คนหลายคนพลันลุกขึ้นปรบมือให้กับบุรุษผู้นั้น พลางร้องด้วยความชื่นชม
“ท่านฉี่ได้งดงามมาก โอ”
“ฉี่นี้อย่างน้อยต้องกระเด็นไป 5 ห้อง”
“ผู้คนประจักษ์มากมายต่อสายตา”
"ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ ยังทำ ท่านแน่มาก เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม"
“พวกเราไปเอาป้ายประกาศิตกันเถอะ”
หลายคนเริ่มเห็นดีเห็นงามด้วย เรื่องความเหมาะสมถูกต้องเอาไว้ก่อน
เพราะเวลานี้โรคคลั่ง TAGA เริ่มระบาด ทำผิดก็สนับสนุนให้เป็นถูก
ด้วยเหตผลส่วนตัว
“ข้าจะป้ายให้ครบ 5 ป้าย จะได้ไปนั่งทานข้าวในห้องสุขาบ้าง”
"ข้าจะไปหาป้ายภรรยา เพื่อเข้าหาห้องน้องภรรยา"
“ข้าจะไปเอาป้ายให้ครบเหมือนกัน จะได้ไปเที่ยวต่างประเทศแถวกรุงเทพบ้าง”
ผู้คนหลายคนร่ำร้องหาป้ายประกาศิตกันยกใหญ่และเริ่มพากันวิ่งออกไปอย่างเร่งร้อนดีใจ
เพราะพากันมองเห็นว่ายิงนกนัดเดียวได้นก 5 ตัว ส่วนจะเละเทะขนาดไหนช่างศีรษะ..
แบบว่าพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม....
แต่มีหลายคนยังไม่ยินยอมไป คนที่เหลือล้วนมีสีหน้าวิตกเหนื่อยหน่าย
กับป้ายประกาศิต
“ข้าจะไปแล้ว”
จอมยุทธคนหนึ่งนั่งอยู่นานพลันลุกขึ้น ทุกคนมองอย่างสงสัย
“ท่านจะไปเอาป้าย” เสียงใครบางคนถามขึ้น ชายคนนั้นสั่นศีรษะฝืนยิ้มตอบว่า
“ไม่ใช่ เราจะกลับบ้านนอก..ข้าเบื่อหน่าย”
หลายคนใจหาย เพราะคบหาดื่มกันเสวนากันมานาน เพียงคนคิดไป ฝนคิดตก ฝนคิดร้อง
ไหนเลยห้ามง่ายดาย
"ข้าจะไปเอาป้าย"
ใครบางคนลุกขึ้นอีก เพียงบุคคลนี้มีสีหน้ายิ้มแย้มบอกต่อว่า
"แต่ข้าจะเอาแค่ชนิดเดียว แต่หลายอันมาฝากพวกท่านด้วยคนละอัน พวกเราอยู่ห้องเดียวกัน"
หลายคนมองมันอย่างผิดแผกออกไปทันที
บางอย่างมีหนึ่ง สอง สามก็อาจพอเพียงแล้ว...ถ้ามีเหตุผลตรงประเด็นหลักจริงๆ
"ทำไมท่านต้องการน้อยแต่นั้น" มีเสียงถามขึ้น
"เรารู้สึกแค่นี้ก็พอแล้ว ข้ารู้ว่าฝีมือข้ามีขอบเขตประเด็นหลักมากน้อยขนาดไหน และสำคัญ.."
"สำคัญอะไร
"ข้ามิอาจมีหน้าศิลา(หน้าแข็งชาด้าน)พอ ที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้"
"ความจริงท่านทำได้..ทำไมไม่ใช้สิทธิ์เต็มที่ ฟาดมันรวด 5 ชนิดเลย"
"ของเราไม่จำเป็นขนาดนั้น เรามิสติปัญญาพอจะรู้ไม่รู้"
เหตุผลสั้นๆของมันชัดเจนจับใจ ปริมาณมิใช่ตัวบ่งชี้คุณภาพเสมอไป
สังคมย่อมมีบุคคลหลายประเภท สองเฒ่าเข้าใจดี
เฒ่าซกเล็กมองหน้าสหายของมัน ถามว่า
“ท่านล่ะ..จะทำอย่างไร”
เฒ่าซกมกยิ้มรันทด เอ่ยช้าๆว่า
“พวกเรายังสามารถทำอย่างไรได้...ป้ายพวกนั้นดูท่าแจกจ่ายอย่างถูกกฎหมายของที่นี่..
.พวกเราเพียงมาดื่นกินพูดคุยคงต้องเบิ่งตาชมต่อไปเท่านั้น.. ข้าเข้าใจแล้วว่า
ทำไมคุณชายไข่เจียวถึงเดินเฉไปเฉมาแบบนั้น...”
ว่าพลางชี้มือไปทางหน้าต่าง เฒ่าซกเล็กมองตามด้วยสายตาไม่เข้าใจ จนสหายของมันต้องอธิบายเพิ่มเล็กน้อยว่า
“ท่านเห็นหรือไม่ หน้าต่างเปิดกว้างเติมที่ตลอด ปิดเปิดแง้มไม่ได้อย่างเคย”
“ข้า..ยังไม่เข้าใจ”
“บางอย่างไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”
สองเฒ่าหยุดสนทนากันแค่นั้น เพราะต่างฝ่ายคล้ายรู้ว่ารู้ไปพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ต่างคนต่างความคิด
ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีสามัญสำนึกดีงามหรือเลวร้ายต่อโรงเตี๊ยมแห่งนี้แบบไหน ส่วนหน่วยรักษาความสงบ
ของโรงเตี๊ยมมีน้อย ย่อมไม่พอเพียงดูแลตรวจสอบทั่วถึง
สักพักเฒ่าซกมกลุกขึ้นพลางพูดเสียงหนักๆว่า
“ข้าไปจะเจรจากับ......”
"ไม่มีประโยชน์...." เฒ่าซกเล็กส่ายหน้า
ยังไม่ทันขาดคำ มีเสียงเฟี้ยวฟ้าวดังถี่ยิบ ประกายแวววาวของ TAGA หลายสิบหลายร้อยอัน
พุ่งเข้ามาจากด้านนอกทุกทิศทุกทางพร้อมกับเสียงฝีเท้ามากมายถาโถมราวโรงเตี๊ยมจะถล่มทลาย
ผนังห้องทั้งสี่ด้านระเบิดโครมครามกึกก้องพังพินาศราวกับนรกลงถล่ม
หลังกลุ่มควันฝุ่นธุลีค่อยจางลง ผู้คนนับร้อยรับพันหรือนับไม่ถ้วนยืนตะลึงจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ผนังห้องทุกห้องระเบิดแตกออกโดยสิ้นเชิง
ทุกคนพบว่าต่างคนต่างอยู่ในห้องเดียวกันทั้งหมด เป็นห้องกว้างใหญ่ไพศาล สูงสุดยอดคืนสู่สามัญ
ซับซ้อนมาสู่เรียบง่ายหนึ่งเดียวโดยมี TAGA กองเต็มอย่างไร้ความหมาย
เต็มพื้นที่ห้องเอนกประสงค์ห้องเดียวซึ่งกินพื้นที่ไปทั่วทั้งโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
จบ