ปฐมฌาน ยากหรือง่าย ก็คงแล้วแต่คน
แต่ฉันว่า ถ้ามันยากจริงๆก็คงหาคนทำได้แทบไม่ได้เลย
แต่ในชีวิตจริงของฉันนั้น ผ่านคนที่ได้ฌานสมาบัติมาเยอะมาก
เยอะจนคนเลวๆอย่างฉันทนไม่ได้หรอกที่จะมีใครมาบอกว่า
"ทำไม่ได้ แม้แต่ฌานโลกีย์"
ครั้งหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมที่สำนักตระกูลหนอ
แต่ฉันนั้นมันคนนอกสำนัก.. คือ ไม่ได้รู้หรอกว่าต้องทำตามตระกูลหนอที่สั่งสอนกันมา
ขึ้นชื่อว่านั่งสมาธิ เจริญกรรมฐาน ฉันก็จะทำในแบบของฉัน
อิอิ อิอิ อิอิ อิอิ อิอิ
เขาบอกให้รู้จักท้องพองยุบเท่านั้น ฉันก็... ไม่จ้า
ล่อรู้มาตั้งแต่จมูกจนไปถึงท้อง รู้หนักๆเข้าก็มาเป็นสายเลย สีเงินๆใสๆสวยๆ
เหมือนกับร่างกายเป็นโรงจักรกล มีสายน้ำไหลรินไปมาระหว่างจมูกจนถึงท้อง
ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ตอนนั้นก็เป็นแค่นักสังเกต ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆๆนะ
ทีนี้ ลองมานั่งทบทวนดูว่า วิธีอะไรบ้างละที่จะทำให้ได้สมาธิดีๆ
ตอนนั้นบอกเลยว่า วิชาความรู้อะไรยังไม่แพร่หลาย ฉันเองก็ยังไม่ได้ศึกษาจากครูบาอาจารย์อะไรมาก
แต่... ได้มีโอกาส อ่านงานของท่านผู้หนึ่ง ท่านเขียนถึงพระสมาธิของในหลวงรัชการที่ ๙
ความตอนหนึ่ง ฉันจำได้ว่า ในหลวงตรัสแนะนำการฝึกสมาธิกับท่านผู้นั้นว่า ให้ฝึกสมาธิโดยการนับ
ลมหายใจเข้า-ออก นับหนึ่ง หายใจเข้าออก นับสอง หายใจเข้าออก นับสาม ไปเรื่อยๆจนครบ ๑๐
จากหนึ่งถึง ๑๐ อย่าได้คิดอะไร อย่าให้อะไรมาแทรก นั่นคือที่จำมา
แต่พอไปค้นมาจริงๆ ท่านตรัสอย่างนี้นะครับ
"เมื่อความทราบถึงพระกรรณว่าผมเริ่มปฏิบัติสมาธิ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกรุณาพระราชทานหนังสือ
และแถบบันทึกเสียงคำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ ลงมา และบางครั้งก็ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำรัสแนะนำด้วยพระองค์เอง
ผมจึงได้รู้ว่า พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัวนั้นก้าวหน้าไปแล้วเป็นอันมาก รับสั่งเล่าเองว่าแม้จะทรงใช้อานาปานสติเป็นอุบายในการทำสมาธิ
แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ทรงสามารถที่จะกำหนดพระอัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) และพระปัสสาสะ (ลมหายใจออก)
ได้แต่ลำพัง ต้องทรงนับกำกับ
วิธีนับของพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงทำดังนี้ หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจเข้าครั้งที่สอง นับสอง
หายใจเข้าครั้งที่สาม นับสาม หายใจเข้าครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจเข้าครั้งที่ห้า นับห้า
หายใจออกครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจออกครั้งที่สอง นับสอง หายใจออกครั้งที่สาม นับสาม
หายใจออกครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจออกครั้งที่ห้า นับห้า
เมื่อถึงห้าแล้ว หากจิตยังไม่สงบ ก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหาห้าใหม่
กลับไปกลับมาเช่นนั้นจนกว่าจิตจะสงบ รับสั่งว่า ที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่งๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับหนึ่งเข้าหนึ่งออกตลอดเวลา"
แม้จะไม่ตรงนัก แต่ก็ปรากฎว่าได้ผลเหมือนกัน เพราะอุบายในการนับนั้นจริงๆแล้วมีหลายแบบมาก
แต่ทุกแบบก็เป็นเพียงหลักหมุดตอกตรึงให้เรามีอารมณ์ใจเป็นหนึ่งไม่วอกแวกเท่านั้น
จะนับยังไงก็ได้ แต่เริ่มต้นให้เริ่มจากน้อยๆก่อน
ฉันเริ่มจาก ๑-๑๐ ว่างก็ทำ นั่งรอกินข้าวก็ทำ เดินไปไหนมาไหนฉันก็ทำ
ทำจนจิตมันชิน ๑-๑๐ แล้วก็ร่ายยาวไปเรื่อย จนกระทั่งไม่นับ
ฉันจึงงอยากจะแนะนำให้คนที่ฝึกสมาธิ ลองหัดนับอย่างนี้ดูบ้าง
แต่วิธีที่มั่นคงจริงๆ คือ ถ้าคิดหรือฟุ้งซ่านอะไรระหว่าง ๑-๑๐ ให้ตั้งต้นใหม่เลย
เป็นการบังคับจิตบังคับใจตัวเอง เช่น นับได้ถึง ๔ แล้วมันฟุ้งซ่าน ก็ให้เริ่ม ๑ ใหม่
ทำจน ๑-๑๐ เป็นของสบายๆ ก็ค่อยๆขยายความไปเรื่อยจนถึง ๑๐๐ ถึง ๑๐๐๐ ตามอัธยาศัย
ที่สำคัญคือ ต้องทำบ่อยๆ ทำทั้งวัน อย่าทำวันละครั้งสองครั้ง
เพราะ ๑-๑๐ นี่มันใช้เวลานิดเดียว ว่างสักนาทีสองนาทีก็ ๑-๑๐ ได้แล้ว
เมื่อทำบ่อยจิตจะชินเร็ว จิตจะชำนาญในการเข้าออก
ระหว่างที่ทำก็ไม่ต้องหลับตา ไม่จำเป็นต้องหลับตา ขอแค่รู้ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
ท่านอื่นจะมีวิธีอะไรแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเสริมพลังสมาธิ ก็เชิญได้เลยครับ
อุบาย เทคนิคต่างๆนั้น มีมามากมายหลายอย่าง จะใช้ไม้ขีดหรือธูปช่วยนับก็ได้ จะใช้ลูกประคำก็ได้
อันนี้ตามอัธยาศัยกันเลย
ปฐมฌาน เริ่มจาก นับ ๑-๑๐
แต่ฉันว่า ถ้ามันยากจริงๆก็คงหาคนทำได้แทบไม่ได้เลย
แต่ในชีวิตจริงของฉันนั้น ผ่านคนที่ได้ฌานสมาบัติมาเยอะมาก
เยอะจนคนเลวๆอย่างฉันทนไม่ได้หรอกที่จะมีใครมาบอกว่า
"ทำไม่ได้ แม้แต่ฌานโลกีย์"
ครั้งหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมที่สำนักตระกูลหนอ
แต่ฉันนั้นมันคนนอกสำนัก.. คือ ไม่ได้รู้หรอกว่าต้องทำตามตระกูลหนอที่สั่งสอนกันมา
ขึ้นชื่อว่านั่งสมาธิ เจริญกรรมฐาน ฉันก็จะทำในแบบของฉัน
อิอิ อิอิ อิอิ อิอิ อิอิ
เขาบอกให้รู้จักท้องพองยุบเท่านั้น ฉันก็... ไม่จ้า
ล่อรู้มาตั้งแต่จมูกจนไปถึงท้อง รู้หนักๆเข้าก็มาเป็นสายเลย สีเงินๆใสๆสวยๆ
เหมือนกับร่างกายเป็นโรงจักรกล มีสายน้ำไหลรินไปมาระหว่างจมูกจนถึงท้อง
ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ตอนนั้นก็เป็นแค่นักสังเกต ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆๆนะ
ทีนี้ ลองมานั่งทบทวนดูว่า วิธีอะไรบ้างละที่จะทำให้ได้สมาธิดีๆ
ตอนนั้นบอกเลยว่า วิชาความรู้อะไรยังไม่แพร่หลาย ฉันเองก็ยังไม่ได้ศึกษาจากครูบาอาจารย์อะไรมาก
แต่... ได้มีโอกาส อ่านงานของท่านผู้หนึ่ง ท่านเขียนถึงพระสมาธิของในหลวงรัชการที่ ๙
ความตอนหนึ่ง ฉันจำได้ว่า ในหลวงตรัสแนะนำการฝึกสมาธิกับท่านผู้นั้นว่า ให้ฝึกสมาธิโดยการนับ
ลมหายใจเข้า-ออก นับหนึ่ง หายใจเข้าออก นับสอง หายใจเข้าออก นับสาม ไปเรื่อยๆจนครบ ๑๐
จากหนึ่งถึง ๑๐ อย่าได้คิดอะไร อย่าให้อะไรมาแทรก นั่นคือที่จำมา
แต่พอไปค้นมาจริงๆ ท่านตรัสอย่างนี้นะครับ
"เมื่อความทราบถึงพระกรรณว่าผมเริ่มปฏิบัติสมาธิ พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงกรุณาพระราชทานหนังสือ
และแถบบันทึกเสียงคำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ ลงมา และบางครั้งก็ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชดำรัสแนะนำด้วยพระองค์เอง
ผมจึงได้รู้ว่า พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัวนั้นก้าวหน้าไปแล้วเป็นอันมาก รับสั่งเล่าเองว่าแม้จะทรงใช้อานาปานสติเป็นอุบายในการทำสมาธิ
แต่พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ทรงสามารถที่จะกำหนดพระอัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) และพระปัสสาสะ (ลมหายใจออก)
ได้แต่ลำพัง ต้องทรงนับกำกับ
วิธีนับของพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงทำดังนี้ หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจเข้าครั้งที่สอง นับสอง
หายใจเข้าครั้งที่สาม นับสาม หายใจเข้าครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจเข้าครั้งที่ห้า นับห้า
หายใจออกครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง หายใจออกครั้งที่สอง นับสอง หายใจออกครั้งที่สาม นับสาม
หายใจออกครั้งที่สี่ นับสี่ หายใจออกครั้งที่ห้า นับห้า
เมื่อถึงห้าแล้ว หากจิตยังไม่สงบ ก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหาห้าใหม่
กลับไปกลับมาเช่นนั้นจนกว่าจิตจะสงบ รับสั่งว่า ที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่งๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับหนึ่งเข้าหนึ่งออกตลอดเวลา"
แม้จะไม่ตรงนัก แต่ก็ปรากฎว่าได้ผลเหมือนกัน เพราะอุบายในการนับนั้นจริงๆแล้วมีหลายแบบมาก
แต่ทุกแบบก็เป็นเพียงหลักหมุดตอกตรึงให้เรามีอารมณ์ใจเป็นหนึ่งไม่วอกแวกเท่านั้น
จะนับยังไงก็ได้ แต่เริ่มต้นให้เริ่มจากน้อยๆก่อน
ฉันเริ่มจาก ๑-๑๐ ว่างก็ทำ นั่งรอกินข้าวก็ทำ เดินไปไหนมาไหนฉันก็ทำ
ทำจนจิตมันชิน ๑-๑๐ แล้วก็ร่ายยาวไปเรื่อย จนกระทั่งไม่นับ
ฉันจึงงอยากจะแนะนำให้คนที่ฝึกสมาธิ ลองหัดนับอย่างนี้ดูบ้าง
แต่วิธีที่มั่นคงจริงๆ คือ ถ้าคิดหรือฟุ้งซ่านอะไรระหว่าง ๑-๑๐ ให้ตั้งต้นใหม่เลย
เป็นการบังคับจิตบังคับใจตัวเอง เช่น นับได้ถึง ๔ แล้วมันฟุ้งซ่าน ก็ให้เริ่ม ๑ ใหม่
ทำจน ๑-๑๐ เป็นของสบายๆ ก็ค่อยๆขยายความไปเรื่อยจนถึง ๑๐๐ ถึง ๑๐๐๐ ตามอัธยาศัย
ที่สำคัญคือ ต้องทำบ่อยๆ ทำทั้งวัน อย่าทำวันละครั้งสองครั้ง
เพราะ ๑-๑๐ นี่มันใช้เวลานิดเดียว ว่างสักนาทีสองนาทีก็ ๑-๑๐ ได้แล้ว
เมื่อทำบ่อยจิตจะชินเร็ว จิตจะชำนาญในการเข้าออก
ระหว่างที่ทำก็ไม่ต้องหลับตา ไม่จำเป็นต้องหลับตา ขอแค่รู้ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
ท่านอื่นจะมีวิธีอะไรแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเสริมพลังสมาธิ ก็เชิญได้เลยครับ
อุบาย เทคนิคต่างๆนั้น มีมามากมายหลายอย่าง จะใช้ไม้ขีดหรือธูปช่วยนับก็ได้ จะใช้ลูกประคำก็ได้
อันนี้ตามอัธยาศัยกันเลย