เปลวพิศวาส (บทที่ 12) โดย มานัส

บทที่ 12


พนักงานทั่วไปของนิมมานมีวันหยุดหกวัน สัปดาห์ละวัน หรือสองวันสลับกันไปในแต่ละเดือน ส่วนระดับผู้บริหารเช่นธัญญาก็จะได้สัปดาห์ละสองวัน หากสิ่งหนึ่งที่ธัญญาสังเกตในช่วงหลังคือ วันไหนที่เอื้องคำหยุด ตุลย์ก็จะไม่แวะมา ต่างกันจากที่เขาทำกับเธอ เพราะต่อให้ในวันที่เธอหยุด หากเอื้องคำอยู่ เขาก็แวะเวียนมาทุกครั้ง

‘เมื่อวานพี่ตุลย์มาหรือเปล่า’ ธัญญามักแกล้งถามผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิท แล้วคอยสังเกตอาการ

‘มาค่ะเจ้’ คนที่วุ่นอยู่กับการเตรียมผ้าเย็นไม่หลุดความผิดปรกติอื่นใด

‘กลับกี่โมง’

‘สามทุ่มค่ะ เห็นบอกว่าคุณมณีรัตน์แวะมาค้างที่บ้านใหญ่’ เอื้องคำตอบตามความจริง

เพราะเขามานั่ง…เฝ้าเธอ แล้วกลับไป ก่อนจะแอบกลับมารับในเวลาเกือบเที่ยงคืน

บางคราเขาไม่ได้เข้ามาหลายวัน หรือไม่มารับส่งเธอ หากยังคงถามไถ่คุยกันทางข้อความเสมอ

“แล้วไอ้หนุ่มเป็นยังไงบ้าง” คำถามของธัญญาทำให้คนที่กำลังเช็ดแก้วไวน์ชะงัก  “สรุปเอ็งจะเอายังไงกับมัน”

“ก็ไม่เอายังไง มันก็ตื้อไม่เลิก อาทิตย์ที่แล้วก็ตามไปที่บ้านแม่”

“ขนาดนี้แล้ว ก็คบๆ กับมันไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก เอ็งก็เลิกกับชัยพรมาหลายเดือนแล้ว หรือว่าเอ็งมีใคร ใครนะที่เอ็งเคยเล่าให้ฟัง” ผู้จัดการร้านทำท่าขบคิด หากเธอจำได้…คนที่เป็นไปไม่ได้ คนฐานะแบบนั้น

เอื้องคำมีตัวเลือกมากมาย ผิวขาวอมชมพูที่แสงแดดแรงกล้าไม่สามารถแตะต้อง ความสะสวยจับด้วยเสน่ห์เย้ายวนดึงผู้ชายเข้ามาไม่ขาดสาย มีคนพร้อมปรนเปรอความรักความใคร่ ทั้งๆ ที่เป็นแม่หม้ายลูกสาม มีหนี้สินล้นมือ

ต่างจากเธอนัก…ที่แม้การศึกษาไม่สูงเช่นกัน แต่เพราะความขยันที่ดึงตัวเองขึ้นมาจากพนักงานเสิร์ฟ เป็นถึงผู้จัดการร้านที่เตชน์ดึงตัวมาช่วยงาน

หากธัญญาเป็นเด็กบ้านนอกไม่มีฐานะ ผิวคล้ำ หน้าตาคมแต่ไม่ได้สะสวยขาวคมขำ เช่นเอื้องคำ ไม่แปลกหรอกที่ตุลย์จะไม่เคยสนใจเธอมากกว่าการเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง

และไม่แปลกที่เขาจะคบหากับมัทนาหรือแม้แต่ลูกหลานเศรษฐีภูธร ทว่าหญิงสาวไม่ชอบใจในความคิด ความเป็นไปได้ว่าตุลย์อาจจะชอบเอื้องคำ

“ไม่มีหรอกเจ้ แค่ไอ้หนุ่มก็ปวดหัวจะแย่”

ธัญญาได้ยินคำปฏิเสธเสียงแข็งจากลูกน้อง

“ปวดหัวเพราะมันก็ดีแล้ว อย่าให้ใครคนอื่นทำให้ปวดหัวก็แล้วกัน”




เวลาบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ แต่ บริเวณวัดกลับราวว่าโพ้เพ้ ลมร้อนพัดใบไม้ที่ร่วงโรยให้ปลิวไหวๆ

“อาตมาบอกไปแล้วว่าไม่อยากเห็น แต่ก็จำต้องเห็น แล้วโยมจะเอาอะไรกับอาตมาอีกเล่า”

พระภิกษุรูปเดียวที่ยังอยู่ในบริเวณลานกว้างของวัด ก้มตัวลงลูบหัวหัวหนึ่งในลูกหมาหลายตัวที่วิ่งวนเล่นซนอยู่รอบๆ

“ท่านก็รู้ว่าไม่ใช่แค่นั้น” เสียงกระด้างของหญิงสาวผู้หนึ่งตอบกลับราวปลิวลม มาจากที่ไหนสักแห่ง “ท่านไม่ควรบวชเสียตั้งแต่ต้น”

“ความศรัทธานะโยม ไม่มีอะไรทำลายความศรัทธาได้ เช่นโยมที่ศรัทธาในความรักในตัวผู้ที่เขาชิงชังโยม โยมก็ยังรักและศรัทธาในเขา อาตมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาในคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ความศรัทธาของอาตมา ไม่เป็นการฝืนกรรม ไม่ทำร้ายผู้ใด ไม่ทำร้ายตัวเอง ความศรัทธาของอาตมาและโยมแตกต่างกันนัก” การกล่าวช่างไม่เข้ากับพระหนุ่มที่เพิ่งบวชได้เพียงสามชันษาในวัยสามสิบกว่า

“จะกี่ภพกี่ชาติ ท่านก็มักรำลึกถึงตัวตนของท่านได้เสมอ จะช้าจะเร็ว จะยอมรับหรือไม่ยอมรับเท่านั้นเอง” เสียงนุ่มทอดอ่อนลง “และไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ ท่านก็ไม่เคยช่วย…เขา ให้พ้นวิบากกรรมที่จักรเทวราชตามก่อ”

“ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่…เขา เลือกกระทำ ถ้าเขาเลือกแล้ว ไม่ว่าโยม หรือจักรเทวราช หรือผู้ใดก็ไม่สามารถยับยั้งได้ บางทีการปล่อย…คือวิถีดีที่สุด ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน วางมันลงเสียที”

“หม่อมฉันปล่อยไม่ได้” เสียงกร้าวแผดด้วยร่องรอยสะอื้น

“เมื่อไม่ปล่อย…มันก็ต้องทุกข์ ต้องทรมาน ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นวัฎจักรที่โยมไม่ยอมหลุดพ้น ระหว่างที่…เขาเวียนว่ายตายเกิด เริ่มต้นในทุกภพทุกชาติของเขา ไม่ต้องจดจำในสิ่งที่ทำให้ทุกข์ ทว่าโยมต้องวนอยู่การที่ต้องให้เขาจำ ให้เขาเลือก เขาไม่ร้อน แต่โยมร้อน ร้อนเพราะใจที่ไม่วาง และนานเข้าก็ร้อนหนักขึ้น”

“หม่อมฉันรักเขา แล้วใยท่านไม่ช่วยเขา ช่วยหม่อมฉัน”

“กรรม…กรรมใครก็กรรมของเขา ช่วยแล้วก็ใช่ว่าจะหลุดกรรม ทุกผู้ ทุกตนล้วนมีกรรมที่ต้องชดใช้ ใช้จนหมดสิ้นกรรม แล้วจึงหลุดพ้น มันใช้เวลาหลายกัลป์นัก แม้แต่อาตมาหรือโยมก็ยังต้องชดใช้”

“หม่อนฉันไม่ยอม!”




เขาใส่ใจในความรู้สึกของเอื้องคำ ระมัดระวังนัก รู้ว่าเธอคิดมากเรื่อง…ความแตกต่าง  ดังนั้นรถยนต์ยุโรปคันงามจึงถูกเปลี่ยนเป็นรถญี่ปุ่นราคาไม่กี่แสน

“ประหยัดไง ขายคันเก่าให้แม่ ก็พอมีเงินเหลือไว้ใช้ ระหว่างที่เรายังต้องหาเงินเพื่อเทวนิรมิต” ตุลย์อ้างเมื่อเอื้องคำถาม

หนำซ้ำ ชายหนุ่มไม่ให้คิมหันต์มาขับรถให้เช่นเคย หน้าที่รับส่งดูแลเอาใจเอื้องคำนั้น  ตุลย์ทำด้วยตัวเองไม่เคยบกพร่อง พยายามลดช่องว่างในความคิดและความรู้สึก อีกทั้งเพื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง

เสื้อผ้าที่ใส่ก็ง่ายๆ ไม่ติดแบรนด์ราคาแพง  ไม่สวมสูทเนื้อดีตัดมาอย่างพิถีพิถันที่ใส่จนชิน กระทั่งรองเท้าคู่ละหลายหมื่น เขาก็ไม่ค่อยใส่เช่นเคย เลือกสวมรองเท้าเก่า ราคาไม่กี่พันที่เขามีให้เลือกหลายคู่นัก

ในเกือบทุกวันที่ทำได้ ถ้าไม่ติดงานหรือจำเป็นต้องเข้ากรุงเทพ ตุลย์ก็จะไปรับเอื้องคำที่ห้องพัก พามาส่งที่นิมมาน ตกดึกเมื่อหญิงสาวเลิกงาน เขาก็จะรับกลับ ถ้าไม่แวะหาอะไรกินดื่มกัน ก็จะส่งถึงตึกที่พัก

วันไหนที่เป็นวันหยุด เขาก็จะพาเธอเข้ากรุงเทพฯ ปล่อยหญิงสาวใช้เวลาอยู่กับมารดาให้เต็มที่ จะมีบ้างตอนค่ำๆ ดึกๆ ที่จะขับไปรับ พาไปหาที่กินดื่ม ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

ทุกครั้งที่พบ ไม่ว่าจะนานหรือเพียงครู่ก็มักมีเรื่องคุยเสมอ เขาชอบถามเอื้องคำ ถามถึงสุข ทุกข์ หรือว่าเรื่องไหนที่เธออยากเล่า ทว่าไม่มีสักครั้ง ที่ตุลย์จะล่วงล้ำเข้าไปในห้องพักอีกฝ่าย

อยากได้ อยากเชยชมให้สมแก่ความพิสมัยใจจะขาด เพราะห้วงพิศวาสที่ปักล้นจนหนักทรวง แต่เขาก็ต้องระงับ ยับยั้งชั่งใจ

เขากลับมาเพื่อชดใช้ความผิดที่กระทำใน…คืนนั้น

มิใช่กลับมาเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง

ความสัมพันธ์ทุกอย่างมันรวดเร็วนัก และในเรื่องความปรารถนาบนความใคร่ เขาไม่อยากตามใจตัวเองเช่นเคย ตุลย์เป็นห่วงเอื้องคำ ระมัดระวังความรู้สึกของอีกฝ่าย ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดคิดไปว่าเขามาดหมายเพียงแค่นั้น หรือเห็นว่าความสัมพันธ์นี้แค่เล่นๆ เช่นที่เขาเคยพูดใน…คืนนั้น

เมื่อก่อนเอื้องคำรอเขามาเป็นเดือนๆ ตอนนี้เขารอได้เพื่อสร้างความมั่นใจให้เธอ

ทุกครั้งที่ไปนั่งกินดื่มที่นิมมาน ก็จะมีเอื้องคำที่เข้ามาดูแลไม่ห่างหาย ตุลย์จะมองเธอทำงาน ซึ่งไม่ใช่แค่งานเสิร์ฟหรืองานบาร์ แต่ต้องมียกของขนเหล้า เช็ดล้างแก้วด้วย ซ้ำต้องเข้าไปดูแลลูกค้าที่สั่งเครื่องดื่มอีก

สงสารก็สงสาร อยากเข้าไปช่วยแต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งธัญญาและอรดี รวมทั้งหลายๆ คนต่างจับตาเขากับเอื้องคำด้วยความสงสัย

ความสัมพันธ์ที่ยังเปิดเผยไม่ได้…จะทำได้ก็แค่สูดกลิ่นหอมจากร่างเวลาที่เธอเดินผ่านหรือเข้ามาใกล้

หอม…จนบางคราอดใจไม่ไหวต้องโอบร่างนั้นไว้ตอนที่ภายในร้านไม่มีผู้คน หรือไม่มีใครเห็น บางทีก็แอบจับมือ หรือแตะแค่ปลายนิ้วก็ยังดี เท่านี้หัวใจเขาก็กระสับกระส่ายเต้นแรง รุกเร้าด้วยความต้องการอย่างร้ายกาจ

ความหอมของเอื้องคำ ติดนิ้ว ติดมือ ติดกาย ติดใจ ทำให้รัญจวนจิตนัก

“มือเย็นจัง อยากทำให้เอื้องอุ่น” สำนวนแฝงเลศนัยอย่างอื่นไว้ด้วย ดวงตาที่เหลือบแลมามีแววลึกซึ้ง

หลายคราแรงปรารถนาพุ่งพรวดแค่ร่างของเอื้องคำถูกตัวเขา ไม่ว่าหญิงสาวจะจงใจหรือไม่ก็ตาม

ที่ผ่านมาตุลย์ไม่ใจเย็น หรือระงับความต้องการกับทุกคน แต่ละคนแล้วแต่ความสัมพันธ์และสถานการณ์ แต่เขาก็ไม่เคยบังคับหรือฝืนใจใครทั้งนั้น ทุกอย่าง ทุกคนล้วนเต็มใจกันทั้งสองฝ่าย

แม้แต่กับเอื้องคำในคืนนั้น ถ้าเธอ…ไม่ จริงๆ ต่อให้เมามายแค่ไหน หรือปรารถนาในรสเสน่หาแค่ไหน เขาก็หยุด

และเกือบหยุดแล้ว…ทว่าในคืนนั้นแม้เอื้องคำจะกระซิบเบาๆ ว่า…อย่า แต่ร่างกายของเธอกับบ่งบอกในสิ่งที่ตรงกันข้าม ยอมให้เขาเชยชมไปทั่วทั้งร่าง

“วันหยุดเอื้องอาทิตย์นี้ เราไปไหว้พระกันไหม” ตุลย์พยายามคิดเรื่องอื่น และเรื่องทำบุญ ไหว้พระน่าจะดีที่สุด “วัดป่าที่เราเคยชวนเอื้องกับธัญญาไง ช่วงนี้ธัญญาน่าจะยุ่ง ไปไม่ได้ เราขี้เกียจรอแล้ว เราไปกันนะ เสร็จแล้วเราพาเอื้องไปส่งที่บ้านแม่ที่กรุงเทพฯ”

“ไปๆๆ” เอื้องคำชอบทำบุญ และเขาเองก็รู้ดี…และนึกชอบส่วนนี้ของเธอ

ทุกวันพระ หญิงสาวจะเอาดอกไม้ขึ้นหิ้ง และตั้งแต่…คบกัน ในวันโกนหรือเช้าวันพระ ตุลย์จะส่งดอกไม้ช่อใหญ่เพื่อให้เธอจัดไหว้พระที่ห้อง

ดอกไม้บางทีก็สีขาว หลายคราเป็นดอกบัว แต่ทุกครั้งจะมีดอกไม้สีเหลืองติดมาด้วย เพราะเป็นสีที่เอื้องคำชอบ

‘นอนไม่หลับ เลยเข้ากรุงเทพฯ ไปปากคลองตลาด’ หรือบางที ‘วันนี้ที่ตลาดทรัพย์ฯ สินมีดอกไม้ส๊วยสวย เอื้องชอบไหม’

ดอกไม้ที่หามาให้…ดีที่สุดเสมอ สวยที่สุดเสมอ

ตุลย์จะไปหาซื้อให้ตัวเอง และถ้าทำได้ถ้าไม่ติดธุระอะไร ก็จะนำมาให้ด้วยตัวเอง วันไหนที่มีดอดบัว ดอกที่ซื้อมักจะเป็นดอกหุบเพื่อให้หญิงสาวเอามาพับกลีบ แต่ถ้าวันไหนเขาเห็นว่าเธอเหนื่อยหรือยุ่งกับงานที่ร้านจนไม่มีเวลา ดอกบัวกำที่ซื้อมาให้ก็จะจัดแจงพับกลีบเรียบร้อย

‘ฝีมือเอื้องสวยกว่า’ คนที่บอกด้วยเสียงละมุนมักกุมมือเธอไว้ ยกหลังมือเธอมาจูบ ก่อนริมฝีปากจะยกขึ้นแตะที่แก้ม ‘ไม่มีดอกไหนจะงาม จะหอมเท่าเอื้องคำของพี่’

หอมกรุ่นจนมือของเขายังคงความหอมจากการสัมผัสแม้เมื่อได้ส่งเอื้องคำแล้ว

…หอมหวนรัญจวนใจไม่คลาย




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่