บทที่ 8
งูเห่าไม่กัดเวลาที่มันเลื้อยมันจำต้องชูคอก่อนที่จะพุ่งฉกกัด
นั่นคือข้อเสียของงูที่มีพิษแรงกล้าและที่ทุกคนหวาดกลัว
งูจะกัดก็เมื่อมันรู้สึกถึงอันตรายที่ก่อตัว
ทว่าคน…ต่างจากงูนัก
คนกัดเราได้ทุกเวลาทุกที่ ทุกสถานการณ์
กัดเพื่อช่วงชิงเอาเปรียบ ทำร้าย หรือทำลายเพื่อผลประโยชน์
กัดได้แม้กระทั่งอยู่ลับหลัง
มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐแต่มักทำอะไรที่สิงสาราสัตว์ไม่ทำกระทำอะไรที่ต่ำๆ โดยไม่คิดถึงผิด ชอบ ชั่ว ดี
ตุลย์…จึงมักเบื่อคนมากคน มากความ มากเรื่อง
และถึงแม้รู้ว่า…มากคนมากเรื่อง แต่คืนนี้ตุลย์เลือกที่จะกลับมานอนที่บ้านใหญ่ ไม่อยากอยู่คนเดียวที่บ้านของเตชน์แลวกระวนกระวายคิดถึงเอื้องคำ
บ้านไม้หลังเก่าที่ตั้งบนอาณาเขตเกือบสองไร่มีบ้านปลูกอยู่สามหลังในรั้วเดียวกัน
พี่น้องสามคนแบ่งไปแล้วแต่ละบ้านตามที่ปู่กับย่าของเขาได้จัดสรรให้เสร็จสรรพ
ส่วนที่เป็นของบิดาเขาที่เสียชีวิตไปสิบกว่าปีมาแล้วจึงตกเป็นของมารดา ซึ่งตุลย์มักจะกลับมานอนที่นี่…ที่บ้าน
บ้านหลังนี้ใหญ่สุดและแม้จะเก่า แต่ก็ดูใหม่และอยู่ในสภาพที่ดีกว่าอีกสองหลังมากนักจึงเป็นที่หมายปองของอาๆ ทั้งสอง
ตุลย์พักอยู่ที่นี่กับแม่เขาส่วนเตชน์เลือกที่จะไปปลูกบ้านติดกับอาณาเขตโรงแรม
‘มีอะไรจะได้จัดการได้สะดวก’
นั่นคือเหตุผลหลักที่เตชน์เคยให้หากคนเป็นน้องย่อมรู้ ความสบายใจ…คืออีกเหตุผลสำคัญ
อย่างน้อยออกจากบ้านใหญ่ไป…ณัฐมนก็ไม่ต้องทนเสียงค่อนขอดจากบรรดาอาๆ และเมียๆ รวมทั้งลูกๆ ของพวกเขา
ณัฐมนมาจากครอบครัวลูกชาวสวนเคยเป็นแค่นักบัญชีของโรงแรมห้าดาวในกรุงเทพฯ ถึงจะจบมีปริญญา แต่ก็จากมหาวิทยาลัยไม่ดังทำให้คนในบ้านใหญ่ ต่างไม่ยอมรับ
คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ลำบาก
และเมื่อเทวนิรมิตเริ่มก่อตัวสองคนผัวเมียจึงเลือกที่จะไป
หากใครจะรู้แม้ไปแล้ว อาทั้งสองของเขาก็ยังตามไป…เอาเปรียบ
ยอมได้อย่างไร!
ตุลย์ไม่เข้าใจเพราะเขา…ไม่ยอม!
มือเรียวได้รูปของคนที่ไม่เคยทำงานหนักทุบโต๊ะม้าหินทำให้แก้วที่มีเหล้าชั้นดีสะเทือนไหวๆ พอๆกับเงาดำที่เคลื่อนตัวในความมืดของหน้าบ้าน
การเคลื่อนตัวทำให้สุนัขตัวเล็กที่นอนอยู่แทบเท้าของผู้เป็นนายขยับยกหัวขึ้นมองอย่างระแวดระวังก่อนวิ่งเข้าไปขู่ด้วยความเกี้ยวกาจ
“อะไร…”ตุลย์มองท่าทางของสุนัขตัวโปรดด้วยความรำคาญมากกว่าอื่นใดร่างสูงลุกขึ้นเดินกระเพลกเข้าไปหา ก้มตัวลงลูบหัวมันเบาๆ “ไม่เห็นมีอะไรเลยโอเวอร์แอ็คติ้งตลอดเลยนะ”
หากพอจะหันกลับมานั่งที่ม้าหินหางตาของเขาก็จับเห็นเงาดำที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านไปหลังพุ่มไม้ใหญ่หน้าบ้าน
ตุลย์หันไปทางทิศทางนั้นโดยพลันคิ้วขมวดสงสัย มิใช่หวาดกลัวใดๆ เขาเดินเข้าไปใกล้พุ่มไม้รกนั่น จ้องตาไม่กระพริบรู้สึกถึงความเย็นผสมผสานความร้อนผ่าวบริเวณท้ายทอยอีกเนิ่นนานกว่าเสียงดุจะคำรามหนัก
“มาดีก็อยู่ได้แต่ถ้ามาร้ายเราไม่ให้อยู่ จะแช่งให้ตกนรก ไม่ให้ผุดให้เกิดเลยทีเดียว!”
เขาไม่รู้หรอกว่าจะมีใครหรืออะไรฟังรับรู้ หรือทำตาม ร่างสูงเดินกลับมาที่ม้าหินโดยมีสุนัขตัวเล็กคู่ใจคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
ในตอนนี้เขาคิดแต่คิดเรื่องอื่น
ทั้งเรื่องของอาๆทั้งสอง
เรื่องของอรดีและเทวนิรมิต
แล้วยังเรื่อง…เอื้องคำ
จนลืมคิดเรื่องความเจ็บปวดที่ข้อเท้าและ…ไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้น!
อย่าให้จับได้เชียวเขาจะเอาคืนให้สาสม
เสียงโทรศัพท์ที่เรียกเข้าทำให้พอหยุดคิดได้บ้าง
“ว่าไงคุณคิมหันต์”
“ผมนำงูมาปล่อยแล้วครับ”
“ไม่ต้องเร็วขนาดนี้ก็ได้…”ตุลย์มองนาฬิกาข้อมือ ห้าทุ่มกว่าแล้ว “ดึกแบบนี้ อันตราย”
“ไม่อันตรายครับ”การรายงานแสนธรรมดา เสียงเป็นโทนเดียวไม่มีขึ้นลงสูงต่ำ
“งั้นก็…ขอบใจคุณกลับไปพักเถอะ”
การบอกเท่านั้นแล้วคนเป็นนายก็วางสาย วางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะม้าหิน หยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบ
ทว่าคนที่อยู่ปลายสายยังคงยืนอยู่ที่เดิม เผชิญหน้ากับงูเห่าตัวยาวที่ชูคอนิ่ง ทว่างูที่มีแค่ตัวเดียวกลับปรากฏเป็นงูเห่าหลากสีอีกเจ็ดตัว
“ท่านห้ามไม่ให้พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่เทวนิรมิตพวกเจ้าจงอยู่ตรงนี้ไปก่อน จนกว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง”
คำสั่ง…ต้องเป็นคำสั่งเสมอ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดหรือผลใด ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง
แม้แต่เงาดำทมิฬสร้างจากอวิชาที่ถูกส่งไปสถิตย์บ้านใหญ่ยังไม่กล้า!
ได้แต่หมอบราบแทบพื้นดินหลังพุ่มไม่รกไม่ขยับตัวราวถูกตราตรึงด้วยความหวาดกลัว และเป็นเช่นนั้นไปอีกเนิ่นนานนัก
ทำงานใต้อรดีนั้นไม่ง่าย
ทุกอย่างเป็นระบบและต้องโปร่งใส ชัดเจน
เมื่อก่อนกับเตชน์การทำงานเป็นไปแบบครอบครัว ไม่มีการตรวจสอบ มีระบบก็เพื่อให้เป็นขั้นเป็นตอน
“เทวนิรมิตจะเติบโตลำบาก ถ้ายังทำงานกันในรูปแบบเดิมๆ มันก็จะมีกรณีของคุณภวัตและคุณกำธร และกรณียักยอก โกงบริษัทไม่หยุดหย่อน สร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”อรดีประกาศกลางที่ประชุมระดับผู้บริหารฝ่าย “พนักงานมีเป็นร้อยๆ ชีวิตดังนั้นบริษัทจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะดูแลพนักงานได้และพนักงานเองก็ต้องมีความสุจริตและรับผิดชอบในหน้าที่”
การประชุมผู้บริหารฝ่ายที่เมื่อก่อนมีแค่เดือนละครั้งเพราะเตชน์มักจะคุยนอกรอบตามสะดวกเสียมากกว่า บัดนี้ ต้องมีทุกสัปดาห์ จนธัญญาร้องครวญครางด้วยความรำคาญใจ
“โอ๊ยยยเงินเดือนก็เท่าเดิม แต่งานก็เพิ่มเท่าตัว”
แม้ว่าจะเป็นคนสนิทของตุลย์แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เพราะตุลย์ไม่เคยใช้เส้นสายช่วยทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนให้ถูกต้อง
“ตรงอย่างกับไม้บรรทัด”หญิงสาวมักบ่นให้เอื้องคำฟังอยู่บ่อยครั้ง “ถูกผิดชัดเจน ถ้าไม่! แล้วก็คือไม่! ให้อภัย แต่ไม่ใจอ่อน”
หากพักหลังเอื้องคำแค่รับฟังเรื่องของเขาพยายามไม่เก็บมาคิดให้วุ่นวาย เธอยังมีหลายเรื่องให้คิด
“ไปไถ่ทองคืนหรือยัง”ธัญญาไม่ลืมที่จะถาม
“จะเอาเงินที่ไหนล่ะ”การถอนหายใจนั้นพร้อมสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ก็เอ็งดันเอาเงินไปเลี้ยงเด็ก”
“ไม่ได้เลี้ยงก็มีช่วยกันจ่ายๆ บ้าง” เอื้องคำยอมรับ เพราะสมหวังหลงเธอมาก การไปกิน ดื่มกันที่มีแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็มีออกบ้าง แต่ส่วนใหญ่เธอเป็นคนจ่าย และบางคราไปนั่งที่บาร์ที่เขาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟรอเขาเลิกงาน
เพื่อพาเขากลับมาที่ห้องให้เขาง้อเธอ ออดอ้อน อ้อนวอนขอเติมความสุข เติมเต็มในความต้องการของเธอ!
ก็คล้ายๆคืนนั้น ที่เธอเมาแล้วทั้งเธอและสมหวังถูกตุลย์ไล่ตะเพิดลงจากรถ จนเมื่อสร่างจากเมาเหล้าเธอก็เมาในคาวโลกีย์ที่สมหวังปรนเปรอ
เด็กเสิร์ฟในบาร์เล็กๆลูกค้าไม่เยอะ รายได้ย่อมน้อยกว่าเธอที่เป็นหัวหน้าพนักงานบาร์ของนิมมานเงินเดือนที่นิมมานให้พร้อมสวัสดิการอันแสนเย้ายวนนั้นค่อนข้างดีมากเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในตัวจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพ พอทำให้มีกำลังในการแบบรับภาระการใช้จ่ายในแต่ละวันของตัวเองและลูกๆ และจัดการหนี้สินที่อดีตสามีเป็นผู้ก่อ
รายจ่ายของหญิงสาวช่างมากมายนักไม่ใช่แค่เดือนชนเดือน เพราะบางเดือนไม่พอใช้เสียด้วยซ้ำ
“พี่ตุลย์ก็หายไปอีก”การเปรยของธัญญาเรียกความคิดอีกฝ่ายกลับมา “ไม่มาที่เทวนิรมิตหลายวันแล้วสงสัยเข้ากรุงเทพฯ ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ใกล้จะถึงวันเกิดนางแล้วนี่”
เป็นอีกครั้งที่เอื้องคำรับรู้อย่างเงียบๆจนในที่สุดธัญญาต้องถาม
“เป็นอะไรนั่งเหม่อ”
“ก็คิดน่ะซิเจ้”หญิงสาวถอนหายใจอย่างแน่นอก “มีแต่เรื่องปวดหัว วุ่นวาย”
“วุ่นอะไรเรื่องสมหวังน่ะเหรอ” คนเป็นเพื่อนสนิทรู้ทัน “ก็แกดันไปเล่นด้วยเองฉันเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่าริไปคบเด็ก ”
“นี่บอกเลิกไปครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้มันไม่ฟัง”
“มันไม่ฟังหรือว่าแกใจอ่อนทุกที”
“ก็…สงสารและการมีใครมันก็ยังดีกว่าไม่มีนี่หน่า” เอื้องคำยอมรับตามตรง
“มีแล้วก็มานั่งปวดหัวเปลืองตัว เปลืองตังค์”
“นี่เอื้องจะเลิกจริงๆไม่ใจอ่อนแล้ว”
“เลิกเพราะจะไม่ใจอ่อนหรือจะเลิกเพราะแกมีใคร” อีกแล้วคำถามแทงใจและความคิด จากคนที่รู้ทัน “พอเอาเข้าจริงมันมาอ้อนวอน มาง้อ มาตื้อ แกก็ใจอ่อนอีก แล้วมานั่งเครียด เหม่อลอย เป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบไม่สิ้น”
ของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือการที่ได้เห็นอาการเจ็บกระเสาะกระแสะของมารดานั้นทุเลา
ผิวที่ไม่กี่เดือนก่อนเหลืองแห้งกลับมามีน้ำมีนวล ดวงตาที่มักเหม่อลอย ฉายแววอ่อนโยนของคนใจดีเช่นเคย การพูดจาเป็นคำ รับรู้สิ่งที่เป็นไปได้ฉับไว
ทุกคนพลอยคิด...จงกลเริ่มทำใจได้แล้วกับการสูญเสียลูกชายคนโตและลูกสะใภ้
จะมีแต่หญิงสาวในชุดสีดำผิวพรรณเปล่งปลั่งสองสีเนียนละเอียดแบบนี้และ…คนสนิทเท่านั้นที่รู้
“มณฑารพช่วยได้มากและการที่…เขา…ออกคำสั่งเช่นนั้นทำให้เจ้าอสูรกายร้ายไม่กล้าแผลงฤทธิ์เดชอีกทำให้อาการของจงกลดีขึ้น แต่เจ้าอสูรกายตัวนั้นมีสารัมภะและจักรเทวราชอุ้มชูอยู่อีกไม่นานก็จะต้องกลับมาลองดีอีก”
“ถ้าท่าน…ไม่จัดการให้เด็ดขาด”เหมันต์เปรย
“ตอนนี้ถ้าเขาไม่วุ่นอยู่กับการครอบครองเทวนิรมิตเขาก็หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงคนนั้น!” แค่เอ่ยถึง…ผู้หญิงคนนั้น สีหน้าแววตาและน้ำเสียงพลันเกี้ยวกาจ แค้นเคืองยิ่งนัก“นับวันก็จะหนักขึ้น”
เส้นทางกรรมที่ทำกันมามันตัดขาดกันยากเหลือเกิน
อรดีย่อมรู้…
ตัดรักหักสวาทล้วนยากยิ่ง
ตัดทุกสิ่งในโลกหล้าพาตัดได้
เว้นตัดใจต้องตัดจากพรากเยาวมาลย์
จำร้าวราญทุกสถานพาลลำเค็ญฯ
เขาคนนั้นเคยตัดได้เสียที่ไหนกันเคยลาขาดได้หรือ
กับใครอื่นเขาตัดไม่ได้
แต่กับเธอ ‘ชาตินี้หรือชาติไหนก็ขออย่าให้ประสบพบเจอ’
เกลียด…ยิ่งกว่าเกลียด
เคียดแค้น…ยิ่งกว่าเคียดแค้น
อย่าได้ต้องเจออย่าได้จำกันได้หากไม่อนุญาต!
คำสั่งของเขาศักดิ์สิทธิ์เสมอ
ทุกสรรพสิ่งต้องถือตามเสมอ…ไม่เว้นแม้แต่เธอ
“จำได้สักทีเถอะอิสสโรจำให้ได้ว่าใครที่มีแต่ความรัก ความปรารถนาดีให้ท่าน ใครที่ไม่เคยคิดคดทรยศท่าน อย่าจำเพียงแต่ว่าเพราะเรารักท่านมากนัก จึงทำให้ท่านชิงชังเรามากเพียงนี้”
(ต่อ)
เปลวพิศวาส (บทที่ 8) โดย มานัส
บทที่ 8
งูเห่าไม่กัดเวลาที่มันเลื้อยมันจำต้องชูคอก่อนที่จะพุ่งฉกกัด
นั่นคือข้อเสียของงูที่มีพิษแรงกล้าและที่ทุกคนหวาดกลัว
งูจะกัดก็เมื่อมันรู้สึกถึงอันตรายที่ก่อตัว
ทว่าคน…ต่างจากงูนัก
คนกัดเราได้ทุกเวลาทุกที่ ทุกสถานการณ์
กัดเพื่อช่วงชิงเอาเปรียบ ทำร้าย หรือทำลายเพื่อผลประโยชน์
กัดได้แม้กระทั่งอยู่ลับหลัง
มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐแต่มักทำอะไรที่สิงสาราสัตว์ไม่ทำกระทำอะไรที่ต่ำๆ โดยไม่คิดถึงผิด ชอบ ชั่ว ดี
ตุลย์…จึงมักเบื่อคนมากคน มากความ มากเรื่อง
และถึงแม้รู้ว่า…มากคนมากเรื่อง แต่คืนนี้ตุลย์เลือกที่จะกลับมานอนที่บ้านใหญ่ ไม่อยากอยู่คนเดียวที่บ้านของเตชน์แลวกระวนกระวายคิดถึงเอื้องคำ
บ้านไม้หลังเก่าที่ตั้งบนอาณาเขตเกือบสองไร่มีบ้านปลูกอยู่สามหลังในรั้วเดียวกัน
พี่น้องสามคนแบ่งไปแล้วแต่ละบ้านตามที่ปู่กับย่าของเขาได้จัดสรรให้เสร็จสรรพ
ส่วนที่เป็นของบิดาเขาที่เสียชีวิตไปสิบกว่าปีมาแล้วจึงตกเป็นของมารดา ซึ่งตุลย์มักจะกลับมานอนที่นี่…ที่บ้าน
บ้านหลังนี้ใหญ่สุดและแม้จะเก่า แต่ก็ดูใหม่และอยู่ในสภาพที่ดีกว่าอีกสองหลังมากนักจึงเป็นที่หมายปองของอาๆ ทั้งสอง
ตุลย์พักอยู่ที่นี่กับแม่เขาส่วนเตชน์เลือกที่จะไปปลูกบ้านติดกับอาณาเขตโรงแรม
‘มีอะไรจะได้จัดการได้สะดวก’
นั่นคือเหตุผลหลักที่เตชน์เคยให้หากคนเป็นน้องย่อมรู้ ความสบายใจ…คืออีกเหตุผลสำคัญ
อย่างน้อยออกจากบ้านใหญ่ไป…ณัฐมนก็ไม่ต้องทนเสียงค่อนขอดจากบรรดาอาๆ และเมียๆ รวมทั้งลูกๆ ของพวกเขา
ณัฐมนมาจากครอบครัวลูกชาวสวนเคยเป็นแค่นักบัญชีของโรงแรมห้าดาวในกรุงเทพฯ ถึงจะจบมีปริญญา แต่ก็จากมหาวิทยาลัยไม่ดังทำให้คนในบ้านใหญ่ ต่างไม่ยอมรับ
คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ลำบาก
และเมื่อเทวนิรมิตเริ่มก่อตัวสองคนผัวเมียจึงเลือกที่จะไป
หากใครจะรู้แม้ไปแล้ว อาทั้งสองของเขาก็ยังตามไป…เอาเปรียบ
ยอมได้อย่างไร!
ตุลย์ไม่เข้าใจเพราะเขา…ไม่ยอม!
มือเรียวได้รูปของคนที่ไม่เคยทำงานหนักทุบโต๊ะม้าหินทำให้แก้วที่มีเหล้าชั้นดีสะเทือนไหวๆ พอๆกับเงาดำที่เคลื่อนตัวในความมืดของหน้าบ้าน
การเคลื่อนตัวทำให้สุนัขตัวเล็กที่นอนอยู่แทบเท้าของผู้เป็นนายขยับยกหัวขึ้นมองอย่างระแวดระวังก่อนวิ่งเข้าไปขู่ด้วยความเกี้ยวกาจ
“อะไร…”ตุลย์มองท่าทางของสุนัขตัวโปรดด้วยความรำคาญมากกว่าอื่นใดร่างสูงลุกขึ้นเดินกระเพลกเข้าไปหา ก้มตัวลงลูบหัวมันเบาๆ “ไม่เห็นมีอะไรเลยโอเวอร์แอ็คติ้งตลอดเลยนะ”
หากพอจะหันกลับมานั่งที่ม้าหินหางตาของเขาก็จับเห็นเงาดำที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านไปหลังพุ่มไม้ใหญ่หน้าบ้าน
ตุลย์หันไปทางทิศทางนั้นโดยพลันคิ้วขมวดสงสัย มิใช่หวาดกลัวใดๆ เขาเดินเข้าไปใกล้พุ่มไม้รกนั่น จ้องตาไม่กระพริบรู้สึกถึงความเย็นผสมผสานความร้อนผ่าวบริเวณท้ายทอยอีกเนิ่นนานกว่าเสียงดุจะคำรามหนัก
“มาดีก็อยู่ได้แต่ถ้ามาร้ายเราไม่ให้อยู่ จะแช่งให้ตกนรก ไม่ให้ผุดให้เกิดเลยทีเดียว!”
เขาไม่รู้หรอกว่าจะมีใครหรืออะไรฟังรับรู้ หรือทำตาม ร่างสูงเดินกลับมาที่ม้าหินโดยมีสุนัขตัวเล็กคู่ใจคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
ในตอนนี้เขาคิดแต่คิดเรื่องอื่น
ทั้งเรื่องของอาๆทั้งสอง
เรื่องของอรดีและเทวนิรมิต
แล้วยังเรื่อง…เอื้องคำ
จนลืมคิดเรื่องความเจ็บปวดที่ข้อเท้าและ…ไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้น!
อย่าให้จับได้เชียวเขาจะเอาคืนให้สาสม
เสียงโทรศัพท์ที่เรียกเข้าทำให้พอหยุดคิดได้บ้าง
“ว่าไงคุณคิมหันต์”
“ผมนำงูมาปล่อยแล้วครับ”
“ไม่ต้องเร็วขนาดนี้ก็ได้…”ตุลย์มองนาฬิกาข้อมือ ห้าทุ่มกว่าแล้ว “ดึกแบบนี้ อันตราย”
“ไม่อันตรายครับ”การรายงานแสนธรรมดา เสียงเป็นโทนเดียวไม่มีขึ้นลงสูงต่ำ
“งั้นก็…ขอบใจคุณกลับไปพักเถอะ”
การบอกเท่านั้นแล้วคนเป็นนายก็วางสาย วางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะม้าหิน หยิบแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบ
ทว่าคนที่อยู่ปลายสายยังคงยืนอยู่ที่เดิม เผชิญหน้ากับงูเห่าตัวยาวที่ชูคอนิ่ง ทว่างูที่มีแค่ตัวเดียวกลับปรากฏเป็นงูเห่าหลากสีอีกเจ็ดตัว
“ท่านห้ามไม่ให้พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่เทวนิรมิตพวกเจ้าจงอยู่ตรงนี้ไปก่อน จนกว่าคำสั่งจะเปลี่ยนแปลง”
คำสั่ง…ต้องเป็นคำสั่งเสมอ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดหรือผลใด ใครเล่าจะกล้าขัดคำสั่ง
แม้แต่เงาดำทมิฬสร้างจากอวิชาที่ถูกส่งไปสถิตย์บ้านใหญ่ยังไม่กล้า!
ได้แต่หมอบราบแทบพื้นดินหลังพุ่มไม่รกไม่ขยับตัวราวถูกตราตรึงด้วยความหวาดกลัว และเป็นเช่นนั้นไปอีกเนิ่นนานนัก
ทำงานใต้อรดีนั้นไม่ง่าย
ทุกอย่างเป็นระบบและต้องโปร่งใส ชัดเจน
เมื่อก่อนกับเตชน์การทำงานเป็นไปแบบครอบครัว ไม่มีการตรวจสอบ มีระบบก็เพื่อให้เป็นขั้นเป็นตอน
“เทวนิรมิตจะเติบโตลำบาก ถ้ายังทำงานกันในรูปแบบเดิมๆ มันก็จะมีกรณีของคุณภวัตและคุณกำธร และกรณียักยอก โกงบริษัทไม่หยุดหย่อน สร้างความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”อรดีประกาศกลางที่ประชุมระดับผู้บริหารฝ่าย “พนักงานมีเป็นร้อยๆ ชีวิตดังนั้นบริษัทจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะดูแลพนักงานได้และพนักงานเองก็ต้องมีความสุจริตและรับผิดชอบในหน้าที่”
การประชุมผู้บริหารฝ่ายที่เมื่อก่อนมีแค่เดือนละครั้งเพราะเตชน์มักจะคุยนอกรอบตามสะดวกเสียมากกว่า บัดนี้ ต้องมีทุกสัปดาห์ จนธัญญาร้องครวญครางด้วยความรำคาญใจ
“โอ๊ยยยเงินเดือนก็เท่าเดิม แต่งานก็เพิ่มเท่าตัว”
แม้ว่าจะเป็นคนสนิทของตุลย์แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เพราะตุลย์ไม่เคยใช้เส้นสายช่วยทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนให้ถูกต้อง
“ตรงอย่างกับไม้บรรทัด”หญิงสาวมักบ่นให้เอื้องคำฟังอยู่บ่อยครั้ง “ถูกผิดชัดเจน ถ้าไม่! แล้วก็คือไม่! ให้อภัย แต่ไม่ใจอ่อน”
หากพักหลังเอื้องคำแค่รับฟังเรื่องของเขาพยายามไม่เก็บมาคิดให้วุ่นวาย เธอยังมีหลายเรื่องให้คิด
“ไปไถ่ทองคืนหรือยัง”ธัญญาไม่ลืมที่จะถาม
“จะเอาเงินที่ไหนล่ะ”การถอนหายใจนั้นพร้อมสีหน้ากลัดกลุ้ม
“ก็เอ็งดันเอาเงินไปเลี้ยงเด็ก”
“ไม่ได้เลี้ยงก็มีช่วยกันจ่ายๆ บ้าง” เอื้องคำยอมรับ เพราะสมหวังหลงเธอมาก การไปกิน ดื่มกันที่มีแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็มีออกบ้าง แต่ส่วนใหญ่เธอเป็นคนจ่าย และบางคราไปนั่งที่บาร์ที่เขาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟรอเขาเลิกงาน
เพื่อพาเขากลับมาที่ห้องให้เขาง้อเธอ ออดอ้อน อ้อนวอนขอเติมความสุข เติมเต็มในความต้องการของเธอ!
ก็คล้ายๆคืนนั้น ที่เธอเมาแล้วทั้งเธอและสมหวังถูกตุลย์ไล่ตะเพิดลงจากรถ จนเมื่อสร่างจากเมาเหล้าเธอก็เมาในคาวโลกีย์ที่สมหวังปรนเปรอ
เด็กเสิร์ฟในบาร์เล็กๆลูกค้าไม่เยอะ รายได้ย่อมน้อยกว่าเธอที่เป็นหัวหน้าพนักงานบาร์ของนิมมานเงินเดือนที่นิมมานให้พร้อมสวัสดิการอันแสนเย้ายวนนั้นค่อนข้างดีมากเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆในตัวจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพ พอทำให้มีกำลังในการแบบรับภาระการใช้จ่ายในแต่ละวันของตัวเองและลูกๆ และจัดการหนี้สินที่อดีตสามีเป็นผู้ก่อ
รายจ่ายของหญิงสาวช่างมากมายนักไม่ใช่แค่เดือนชนเดือน เพราะบางเดือนไม่พอใช้เสียด้วยซ้ำ
“พี่ตุลย์ก็หายไปอีก”การเปรยของธัญญาเรียกความคิดอีกฝ่ายกลับมา “ไม่มาที่เทวนิรมิตหลายวันแล้วสงสัยเข้ากรุงเทพฯ ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ใกล้จะถึงวันเกิดนางแล้วนี่”
เป็นอีกครั้งที่เอื้องคำรับรู้อย่างเงียบๆจนในที่สุดธัญญาต้องถาม
“เป็นอะไรนั่งเหม่อ”
“ก็คิดน่ะซิเจ้”หญิงสาวถอนหายใจอย่างแน่นอก “มีแต่เรื่องปวดหัว วุ่นวาย”
“วุ่นอะไรเรื่องสมหวังน่ะเหรอ” คนเป็นเพื่อนสนิทรู้ทัน “ก็แกดันไปเล่นด้วยเองฉันเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่าริไปคบเด็ก ”
“นี่บอกเลิกไปครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้มันไม่ฟัง”
“มันไม่ฟังหรือว่าแกใจอ่อนทุกที”
“ก็…สงสารและการมีใครมันก็ยังดีกว่าไม่มีนี่หน่า” เอื้องคำยอมรับตามตรง
“มีแล้วก็มานั่งปวดหัวเปลืองตัว เปลืองตังค์”
“นี่เอื้องจะเลิกจริงๆไม่ใจอ่อนแล้ว”
“เลิกเพราะจะไม่ใจอ่อนหรือจะเลิกเพราะแกมีใคร” อีกแล้วคำถามแทงใจและความคิด จากคนที่รู้ทัน “พอเอาเข้าจริงมันมาอ้อนวอน มาง้อ มาตื้อ แกก็ใจอ่อนอีก แล้วมานั่งเครียด เหม่อลอย เป็นวงจรอุบาทว์ไม่จบไม่สิ้น”
ของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือการที่ได้เห็นอาการเจ็บกระเสาะกระแสะของมารดานั้นทุเลา
ผิวที่ไม่กี่เดือนก่อนเหลืองแห้งกลับมามีน้ำมีนวล ดวงตาที่มักเหม่อลอย ฉายแววอ่อนโยนของคนใจดีเช่นเคย การพูดจาเป็นคำ รับรู้สิ่งที่เป็นไปได้ฉับไว
ทุกคนพลอยคิด...จงกลเริ่มทำใจได้แล้วกับการสูญเสียลูกชายคนโตและลูกสะใภ้
จะมีแต่หญิงสาวในชุดสีดำผิวพรรณเปล่งปลั่งสองสีเนียนละเอียดแบบนี้และ…คนสนิทเท่านั้นที่รู้
“มณฑารพช่วยได้มากและการที่…เขา…ออกคำสั่งเช่นนั้นทำให้เจ้าอสูรกายร้ายไม่กล้าแผลงฤทธิ์เดชอีกทำให้อาการของจงกลดีขึ้น แต่เจ้าอสูรกายตัวนั้นมีสารัมภะและจักรเทวราชอุ้มชูอยู่อีกไม่นานก็จะต้องกลับมาลองดีอีก”
“ถ้าท่าน…ไม่จัดการให้เด็ดขาด”เหมันต์เปรย
“ตอนนี้ถ้าเขาไม่วุ่นอยู่กับการครอบครองเทวนิรมิตเขาก็หมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงคนนั้น!” แค่เอ่ยถึง…ผู้หญิงคนนั้น สีหน้าแววตาและน้ำเสียงพลันเกี้ยวกาจ แค้นเคืองยิ่งนัก“นับวันก็จะหนักขึ้น”
เส้นทางกรรมที่ทำกันมามันตัดขาดกันยากเหลือเกิน
อรดีย่อมรู้…
ตัดรักหักสวาทล้วนยากยิ่ง
ตัดทุกสิ่งในโลกหล้าพาตัดได้
เว้นตัดใจต้องตัดจากพรากเยาวมาลย์
จำร้าวราญทุกสถานพาลลำเค็ญฯ
เขาคนนั้นเคยตัดได้เสียที่ไหนกันเคยลาขาดได้หรือ
กับใครอื่นเขาตัดไม่ได้
แต่กับเธอ ‘ชาตินี้หรือชาติไหนก็ขออย่าให้ประสบพบเจอ’
เกลียด…ยิ่งกว่าเกลียด
เคียดแค้น…ยิ่งกว่าเคียดแค้น
อย่าได้ต้องเจออย่าได้จำกันได้หากไม่อนุญาต!
คำสั่งของเขาศักดิ์สิทธิ์เสมอ
ทุกสรรพสิ่งต้องถือตามเสมอ…ไม่เว้นแม้แต่เธอ
“จำได้สักทีเถอะอิสสโรจำให้ได้ว่าใครที่มีแต่ความรัก ความปรารถนาดีให้ท่าน ใครที่ไม่เคยคิดคดทรยศท่าน อย่าจำเพียงแต่ว่าเพราะเรารักท่านมากนัก จึงทำให้ท่านชิงชังเรามากเพียงนี้”
(ต่อ)