บทที่ 17
เสน่ห์แม่หม้ายช่างรุนแรงนัก หรือว่าอาจจะเป็นเสน่ห์เฉพาะของเอื้องคำที่ทำให้ตุลย์…หลง นักหนา
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำให้ตุลย์ลุ่มหลงมัวเมาได้ขนาดนี้ ไม่เคยทุ่มเทกับใครมากอย่างนี้
กับคนอื่น ถ้าเจอกันบ่อยเกิน…เขาก็รำคาญ มักบ่นว่าเสียเวลา
ถ้าต้องเอาใจตลอดเวลา…เขาก็มองว่างี่เง่า ไร้สาระ
แม้แต่การคลุกอยู่กับเรื่องบนเตียง…เขาก็มองว่าเยอะเกินไป
ถ้าน่าเบื่อ น่ารำคาญ วุ่นวาย ทำให้รำคาญ เขาก็ถอยห่าง…เลิก
ยิ่งถ้าแค่คนคุย ก็ยิ่งจบง่าย แต่การจบทุกครั้ง เขาจะจบกับทุกคนด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่…ถอย ที่เลิก
พูดจา ทำความเข้าใจ อย่างคนมีวุฒิภาวะ แล้วเดินจาก…จบสวยๆ เพราะโลกมันแคบ และแคบลงทุกวัน
ที่สำคัญเขาก็ไม่อยากอาฆาตแค้น หรือทำให้อีกฝ่ายแค้นในตัวเขา
…มันไม่สบายใจ…
พอใจไม่สบาย….อะไรหลายอย่างก็ไม่สบายไปด้วย
ทว่าในเวลานี้ตุลย์สบายนัก
มีความสุขอย่างยวดยิ่ง
ยามอยู่กับเอื้องคำสองต่อสอง เขาก็จะคลอเคลีย ออดอ้อน กุมมือ หนุนตัก หยอกล้อ หาเรื่องแกล้ง กอดรัดร่าง กระตุ้นความเร่าร้อน เติมเต็มความต้องการ
แต่ถ้าไปข้างนอก ไม่ว่าจะที่ไหน เขาก็จะนิ่ง ไม่จับมือ ไม่ใกล้ชิดเกินไป
ไม่ทำอะไรเกินเลย แม้ว่าทุกคนในเทวนิรมิตพอจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอื้องคำได้แล้ว
เขารอรับส่ง พบเจอเท่าที่ทำได้ บางวันคอยอยู่ในรถเกือบสองชั่วโมงเพื่อรับเธอกลับบ้าน และเกือบทุกวันเขาก็สรรหาของกินสารพัด เตรียมไว้ให้สำหรับให้หญิงสาวไปกินกับน้องๆ ที่ร้าน หรือหลังเลิกงาน และในทุกวันพระเขาก็ยังคงจัดหาดอกไม้ให้เธอขึ้นหิ้งพระ หลายคราดั้นด้นไปถึงปากคลองตลาด
วันไหนที่ว่างตรงกัน เขาจะพาเธอไปเที่ยวโน่นนี่ ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องบนเตียง
ตุลย์ไม่ได้ต้องการเจอกันทุกวัน เขามีภาระหน้าที่ และเอื้องคำก็เช่นกัน โดยทั้งสองให้เวลาส่วนตัวแก่กัน บางสัปดาห์ที่เอื้องคำมีวันหยุดสองวัน เขาก็จะพาเข้ากรุงเทพ ไปส่งที่แฟลตของมารดาเธอ ปล่อยให้หญิงสาวใช้เวลาอยู่กับแม่ ดูแลแม่ แล้วอีกวันสองวัดถัดมา เขาจึงจะไปรับ
บางครั้งก็พักงีบอยู่ในห้องของเอื้องคำที่แฟลตเก่าๆ นั่น แต่ไม่เคยอยู่จนฟ้าสาง อยู่แค่สนองความต้องการของกันและกัน ปรนเปรอความสุขให้กัน แล้วจึงกลับในตอนดึก…ค่อยมารับเอื้องคำกลับเทวนิรมิต หรือพาไปโน่นนี่ต่อ ทำบุญ ไหว้พระ หรือหาของกิน หาที่เที่ยว
แค่เห็นหญิงสาวมีความสุข แค่ได้ดูแลเธอ เขาก็มีความสุข
และตุลย์ไม่เคยถามถึงสมหวังอีก เขาไม่อยากให้ทั้งตัวเองและเอื้องคำไม่สบายใจ เรือนร่างและหัวใจของเอื้องคำเป็นของเขา แค่นี้ก็พอแล้ว ที่ผ่านมาก็ให้แล้วไป แค่อย่าให้เอื้องคำเอาร่างไปคลุกกลั้วกับไอ้สมหวังให้สกปรก โสโครก โสมมอีกก็พอ
โดนไล่ตัดขาดเยื่อใยจนไปพร่ำเพ้อลงรูป ลงคลิปแบบนั้น คน…ถ้ามีศักดิ์ศรีก็คงไม่กลับมา…แล้วเขาจะไปพูดถึงมันอีกทำไม
หาเรื่องอื่นคุยกับเอื้องคำดีกว่า “เห็นว่าที่นิมมานมีปัญหาอะไรเหรอ”
“เรื่องปรกติของคนหมู่มากค่ะ” สายตาของหญิงสาวจับอยู่ที่เกมส์บนมือถือ ไม่ได้ก้มหน้ามองคนที่นอนหนุนตัก
“เข้าใจ แต่เราไม่ชอบเลย ปัญหามี แต่ไม่ควรทำให้มีการแบ่งแยก”
“หลายคนไม่ค่อยชอบคุณอรดีและทีมบริหารใหม่” เอื้องรู้ว่าเขาก็ไม่ลงรอยกับศัตรูหมายเลขหนึ่งของพนักงานส่วนใหญ่นัก
“อะไรที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็ต้องปรับ ให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมันก็เป็นการดีไม่ใช่เหรอ” ตุลย์มักจะ…ตรงเสมอ
ตรงในความคิด ตรงในความถูกต้อง ตรงในความสมควร
อะไรถูกก็ว่าถูก อะไรดีก็ว่าดี แต่ถ้าผิดเขาก็บอกว่าผิด ไม่เข้าข้างใครจนเกินเหตุ หรือมุ่นมั่นโจมตีคนที่เขาไม่ชอบจนเกินไป
“จะดีจริงเหรอ” หญิงสาวลากเสียงยาว จุดบุหรี่มาสูบ
“มันก็ต้องลองดู ถ้าผลออกมาแย่ อรดีก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว”
“ทั้งคุณจงกล คุณกำธร คุณภวัต ต่างชอบคุณอรดีทั้งนั้น ก็คงเข้าข้างกัน ตัวด้วยอีกคนล่ะสิ”
อรดีสวย มีฐานะ มีการศึกษา ประวัติไม่ด่างพร้อย…อรดีเหมาะสมคู่ควรกับเขามากกว่าเธอนัก
“ไม่ได้เข้าข้าง” เขาลากเสียงยาวประจบเอาใจ ดวงตาสีอำพันเข้มยิ้มมองอีกฝ่าย “แต่จะให้เขาทำงานให้ก็ต้องไว้ใจเขา ให้โอกาสและเวลาเพื่อเขาจะได้พิสูจน์ตัวเอง”
ตุลย์ไม่อยากบอกต่อเลยว่า ก็เหมือนที่เขาให้โอกาสเอื้องคำอีกครั้งนั่นแหละ ว่าครั้งนี้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีสมหวังมาก่อกวนอีก
“พรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม จะซื้อมาให้” คำถามเอาใจยิ่งนัก
“ไม่” หญิงสาวส่ายหน้า “อะไรที่ตัวซื้อมาก็อร่อยอยู่แล้ว กินได้หมด ฟาดเรียบ”
“คนอื่นฟาดน่ะสิ” เขาหัวเราะ
“ก็แบ่งๆ กับน้องๆ ไง” หญิงสาวหยีตาก้มลงมองเขา “เอื้องก็กินตั้งเยอะ”
“เอาไว้เราสั่งครัวให้ทำกับข้าวเลี้ยงพนักงาน จะได้ไม่ต้องซื้อกัน”
“อย่าเลย ใครอยากกินอะไรก็ซื้อดีกว่า ครัวอาจทำอาหารถูกปากลูกค้า แต่ไม่ถูกปากพนักงานนะ” หญิงสาวหันหน้าไปอีกทาง ระวังอย่างยิ่งยวดเมื่อผ่อนควันบุหรี่ไม่ให้โดนคนที่นอนหนุนตัก
“จะว่าๆ อาหารที่นิมมาน ไม่อร่อยเหรอ” เขาผงกหัวขึ้นเท้าแขน มองหน้าหาเรื่องอีกฝ่าย
“ยังไม่ได้พูดเล้ย”
“ก็เปรยๆ นั่นแหละ” ตุลย์หัวเราะ ลุกขึ้นนั่งขยับร่างชิดหญิงสาวในกางเกงยืดขาสั้น เสื้อคอกระเช้าสีน้ำเงินอมเทา แขนซ้ายโอบเอวเธอแน่น ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจจรดแก้มนวล “พรุ่งนี้เรามาเร็วหน่อยนะ เอางานมาทำระหว่างรอเอื้องตื่น”
“มาปลุกเค้าตอนบ่ายโมงเลยไม่ได้เหรอ อยากนอนยาวๆ”
“ไม่ได้…คิดถึง อยากอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
“ก็ตัวรีบเข้ากรุงเทพฯ เอง” เธอเหลือบค้อนก่อนดับบุหรี่
“มันเรื่องงานนี่จ๊ะ เราหาแหล่งเงินทุนได้ นี่มีสามเจ้าเข้ามา เลยนัดคุย บางรายก็คงลากไปยันดึก”
“อย่าดื่มเยอะล่ะ เมาแล้วไม่มีใครลากเข้าห้องนะ”
“บอกแล้วไง ยอมให้เอื้องลากเราคนเดียวแหละ” เขายิ้มตาฉ่ำ ริมฝีปากแย้มอย่างมีเลศนัย มองไปทั่วร่างเย้ายวนของคนในเสื้อคอกระเช้า “ว่าแต่คืนนี้ เมื่อไหร่จะลากเราไปทางโน้น” คนพูดโบ้ยหน้าไปยังบริเวณที่กั้นเป็นเขตห้องนอน หันกลับมายื่นหน้าจรดแก้มเธออีกครั้ง ไล่ลงมาถึงริมฝีปากที่ชายหนุ่มจงใจคลอเคลียเนิ่นนาน ตักตวงความหวานเอาใจคนที่สนองเขากลับ “หรือว่าเราต้องลากเอื้องไป”
คำตอบใดๆ จากอีกฝ่ายมิได้มีเป็นคำพูด เอื้องคำอมยิ้ม แสร้งหันไปอีกทาง รู้ว่าริมฝีปากของเขาต้องตามมาออดอ้อนจนได้ ประทับมันบนไหล่ ไล่ตามซอกคอปลุกอารมณ์ให้ปั่นป่วน ไล้บนพวงแก้มขาวนวลอมชมพูและใบหู แขนซ้ายรัดเอวเธอเข้ามาชิด อีกมือสัมผัสบนเสื้อคอกระเช้าตัวบาง คลึงทรวงอกที่ตื่นตัวผ่านเนื้อผ้าหยาบ ก่อนจะสอดไปข้างในอย่างทะนุถนอม ซึมซับทุกความรู้สึกที่ชวนรัญจวนจิต
เอื้องคำโอบคอเขา ส่งยิ้มหวานให้ หลับตาประสานริมฝีปากอย่างเร่าร้อน จะคลายก็เพื่อหายใจและครางเบาๆ เมื่อมือร้อนลูบไปทั่วร่างอวบอิ่ม กระตุ้นเค้นความต้องการที่เธอแสร้งกลบ
ความร้อนแผ่ออกมาจากส่วนลึกภายในกาย ทำให้หัวใจของทั้งคู่เต้นไม่เป็นจังหวะ
“เอื้องจ๋า…” เขางึมงำกับซอกคอหอมหวนยวนใจ “เอื้องของพี่”
เอื้องคำสงวนท่าทีในตอนแรกเช่นเกือบทุกครั้ง หากในที่สุดร่างกายของเธอที่หวิววาบก็ตอบรับเขาในทุกสัมผัส และเมื่อระงับไม่อยู่อีกต่อไป การตอบสนองเร้าอารมณ์จึงหนักหน่วง ทับโถมเปลวพิศวาสให้ร้อนระอุ จนในที่สุดจำไม่ได้หรอกว่า…ใครเป็นคนนำใครไปยังฟูกหนาที่ทั้งสองคนใช้เวลาเสพสุขด้วยกันจนรุ่งสาง
เงิน…ไม่ใช่หามาได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากความรักความใคร่ ที่เมื่อก่อนกว่าจะหาจนเจอ จนได้ลิ้มรสคาวโลกีย์จากผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็ช่างนานเหลือเกิน กลับเรื่องบางอย่างก็ง่ายเหลือเกิน
ตั้งแต่ก่อนเข้าและออกจากกรม จนเข้าและออกจากคุก สมหวังก็มิได้มีแฟนหรือคนรักมานานหลายปี เขาไม่เคยมีตัวเลือกในชีวิต จนกระทั่งคืนนั้นเมื่อหลายเดือนก่อน ที่เอื้องคำเข้ามานั่งที่บาร์ที่เขาทำงาน
เอื้องคำ…สวย สวยมาก!
สวยที่สุดเท่าที่เขาได้เคยพบเจอ
และที่สำคัญเธอเหงา และนั่นทำให้สมหวังเข้าไปดูแล นั่งเป็นเพื่อนเธอ เอาใจ เกาะติด คิดอยากเชยชมอยากครอบครอง อยากปรนเปรอให้เธอมีความสุข
อยากเชยชมเรืองร่างของเธอ อยากสุขสุมกับความใคร่ที่เขากระหายนัก
สมหวังคิดเสมอว่าเขาหน้าตาดี มีความสูงเป็นข้อบวก แถมความความดิบห่ามในบทรัก ทว่าเขาเคยเป็นอดีตเด็กแว๊น ในแก๊งค์ยาที่เพิ่งพ้นโทษไม่กี่ปี นั่นทำให้เขาไม่มีผู้หญิงคนไหนในชีวิต จะมีก็แค่โสเภณี กับผู้หญิงที่ซื้อบริการจากเขา
ผู้หญิงที่มาคนเดียว เหงาๆ เปลี่ยวๆ เพราะช้ำใจในรัก หรือเพราะต้องการเพื่อน
ทว่าสมหวังไม่ได้เป็นเพื่อน…กับทุกคน ไม่ได้มองทุกคน
ทว่ากับเอื้องคำ…เขามอง ชื่นชม ใคร่กระหาย ปรารถนาเพราะความสวยราวนางฟ้า เทพธิดาสวรรค์
นางอัปสร…เหมาะสมกับเขา ทายาทพญานาค ตัวแทนพระศิวะ
เอื้องคำนับถือพญานาค เชื่อเรื่องเทพ การคุยจึงไม่ยาก
เธอแวะมาดื่มที่บาร์ที่เขาทำงานอยู่ครั้งสองครั้งโดยที่สมหวังเข้าไปดูแล เอาใจ จนครั้งที่สาม เมื่อจะกลับ เขาก็รีบทิ้งงาน อาสาพาเธอไปส่ง
และเอื้องคำก็ให้เขาส่งถึงข้างในห้อง เธอเล่นตัวเพียงนิด พอเป็นพิธี พอเร้าความต้องการของเขา ยอมให้เขาลูบไล้ ล้วง ควัก ปัดเพียงหน่อยให้ยิ่งน่าพิสมัย
เธอสั่งให้เขาอาบน้ำ หลังจากนั้น สมหวังก็เล้าโลมเอาใจอีกครั้ง และเอื้องคำก็ยอมเขา สอนเขา ปล่อยให้เขาเสพสมกับร่างกายของเธอ ปรนเปรอจนเธอพอใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ผู้หญิงมาด้วยความพิศวาสเสน่หาด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่เพราะการซื้อบริการ หรือเพราะ…ขายบริการ เช่นคืนนี้
คืนนี้เขา…ขาย หลังจากหยุดไปเมื่อเริ่มจริงจังกับเอื้องคำ
เงินที่ได้มา แม้ไม่อาจเทียบไอ้คุณหนูนั่น แต่ก็เก็บเพื่อสร้างฐานะ เพื่อใช้จ่าย
“สองพัน” เขายื่นคำขาดกับผู้หญิงอายุเลยวัยกลางคน
“ขึ้นราคาเหรอ”
“จะให้ผมเอากับพี่ไหม ชอบไม่ใช่เหรอ ก็ต้องจ่าย นี่ไปเอากันที่ม่านรูดผมก็ต้องเอามอไซค์เพื่อนไป”
“กล้ามก็น้อยนิด ผอมเก้งก้าง”
“แต่เอามัน หรือพี่ไม่เอาล่ะ” ชายหนุ่มมองอย่างท้าทาย มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องยอม
การได้เสพสมกับเอื้องคำไม่ใช่เพียงเพิ่มบทเรียนเรื่องโลกีย์ให้เขาฟรีๆ แต่ยังสร้างความมั่นใจ ให้บทเรียนที่สมหวังนำกลับมาใช้ทุกท่วงท่าเพื่อปรนเปรอเอื้องคำและบรรดาหญิงสาวที่ซื้อบริการของเขา ทำให้ติดใจ…หลงกับลีลาพิศวาสของเขา
(ต่อ)
เปลวพิศวาส (บทที่ 17) โดย มานัส
เสน่ห์แม่หม้ายช่างรุนแรงนัก หรือว่าอาจจะเป็นเสน่ห์เฉพาะของเอื้องคำที่ทำให้ตุลย์…หลง นักหนา
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครทำให้ตุลย์ลุ่มหลงมัวเมาได้ขนาดนี้ ไม่เคยทุ่มเทกับใครมากอย่างนี้
กับคนอื่น ถ้าเจอกันบ่อยเกิน…เขาก็รำคาญ มักบ่นว่าเสียเวลา
ถ้าต้องเอาใจตลอดเวลา…เขาก็มองว่างี่เง่า ไร้สาระ
แม้แต่การคลุกอยู่กับเรื่องบนเตียง…เขาก็มองว่าเยอะเกินไป
ถ้าน่าเบื่อ น่ารำคาญ วุ่นวาย ทำให้รำคาญ เขาก็ถอยห่าง…เลิก
ยิ่งถ้าแค่คนคุย ก็ยิ่งจบง่าย แต่การจบทุกครั้ง เขาจะจบกับทุกคนด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่…ถอย ที่เลิก
พูดจา ทำความเข้าใจ อย่างคนมีวุฒิภาวะ แล้วเดินจาก…จบสวยๆ เพราะโลกมันแคบ และแคบลงทุกวัน
ที่สำคัญเขาก็ไม่อยากอาฆาตแค้น หรือทำให้อีกฝ่ายแค้นในตัวเขา
…มันไม่สบายใจ…
พอใจไม่สบาย….อะไรหลายอย่างก็ไม่สบายไปด้วย
ทว่าในเวลานี้ตุลย์สบายนัก
มีความสุขอย่างยวดยิ่ง
ยามอยู่กับเอื้องคำสองต่อสอง เขาก็จะคลอเคลีย ออดอ้อน กุมมือ หนุนตัก หยอกล้อ หาเรื่องแกล้ง กอดรัดร่าง กระตุ้นความเร่าร้อน เติมเต็มความต้องการ
แต่ถ้าไปข้างนอก ไม่ว่าจะที่ไหน เขาก็จะนิ่ง ไม่จับมือ ไม่ใกล้ชิดเกินไป
ไม่ทำอะไรเกินเลย แม้ว่าทุกคนในเทวนิรมิตพอจะเดาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอื้องคำได้แล้ว
เขารอรับส่ง พบเจอเท่าที่ทำได้ บางวันคอยอยู่ในรถเกือบสองชั่วโมงเพื่อรับเธอกลับบ้าน และเกือบทุกวันเขาก็สรรหาของกินสารพัด เตรียมไว้ให้สำหรับให้หญิงสาวไปกินกับน้องๆ ที่ร้าน หรือหลังเลิกงาน และในทุกวันพระเขาก็ยังคงจัดหาดอกไม้ให้เธอขึ้นหิ้งพระ หลายคราดั้นด้นไปถึงปากคลองตลาด
วันไหนที่ว่างตรงกัน เขาจะพาเธอไปเที่ยวโน่นนี่ ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องบนเตียง
ตุลย์ไม่ได้ต้องการเจอกันทุกวัน เขามีภาระหน้าที่ และเอื้องคำก็เช่นกัน โดยทั้งสองให้เวลาส่วนตัวแก่กัน บางสัปดาห์ที่เอื้องคำมีวันหยุดสองวัน เขาก็จะพาเข้ากรุงเทพ ไปส่งที่แฟลตของมารดาเธอ ปล่อยให้หญิงสาวใช้เวลาอยู่กับแม่ ดูแลแม่ แล้วอีกวันสองวัดถัดมา เขาจึงจะไปรับ
บางครั้งก็พักงีบอยู่ในห้องของเอื้องคำที่แฟลตเก่าๆ นั่น แต่ไม่เคยอยู่จนฟ้าสาง อยู่แค่สนองความต้องการของกันและกัน ปรนเปรอความสุขให้กัน แล้วจึงกลับในตอนดึก…ค่อยมารับเอื้องคำกลับเทวนิรมิต หรือพาไปโน่นนี่ต่อ ทำบุญ ไหว้พระ หรือหาของกิน หาที่เที่ยว
แค่เห็นหญิงสาวมีความสุข แค่ได้ดูแลเธอ เขาก็มีความสุข
และตุลย์ไม่เคยถามถึงสมหวังอีก เขาไม่อยากให้ทั้งตัวเองและเอื้องคำไม่สบายใจ เรือนร่างและหัวใจของเอื้องคำเป็นของเขา แค่นี้ก็พอแล้ว ที่ผ่านมาก็ให้แล้วไป แค่อย่าให้เอื้องคำเอาร่างไปคลุกกลั้วกับไอ้สมหวังให้สกปรก โสโครก โสมมอีกก็พอ
โดนไล่ตัดขาดเยื่อใยจนไปพร่ำเพ้อลงรูป ลงคลิปแบบนั้น คน…ถ้ามีศักดิ์ศรีก็คงไม่กลับมา…แล้วเขาจะไปพูดถึงมันอีกทำไม
หาเรื่องอื่นคุยกับเอื้องคำดีกว่า “เห็นว่าที่นิมมานมีปัญหาอะไรเหรอ”
“เรื่องปรกติของคนหมู่มากค่ะ” สายตาของหญิงสาวจับอยู่ที่เกมส์บนมือถือ ไม่ได้ก้มหน้ามองคนที่นอนหนุนตัก
“เข้าใจ แต่เราไม่ชอบเลย ปัญหามี แต่ไม่ควรทำให้มีการแบ่งแยก”
“หลายคนไม่ค่อยชอบคุณอรดีและทีมบริหารใหม่” เอื้องรู้ว่าเขาก็ไม่ลงรอยกับศัตรูหมายเลขหนึ่งของพนักงานส่วนใหญ่นัก
“อะไรที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ก็ต้องปรับ ให้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมันก็เป็นการดีไม่ใช่เหรอ” ตุลย์มักจะ…ตรงเสมอ
ตรงในความคิด ตรงในความถูกต้อง ตรงในความสมควร
อะไรถูกก็ว่าถูก อะไรดีก็ว่าดี แต่ถ้าผิดเขาก็บอกว่าผิด ไม่เข้าข้างใครจนเกินเหตุ หรือมุ่นมั่นโจมตีคนที่เขาไม่ชอบจนเกินไป
“จะดีจริงเหรอ” หญิงสาวลากเสียงยาว จุดบุหรี่มาสูบ
“มันก็ต้องลองดู ถ้าผลออกมาแย่ อรดีก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว”
“ทั้งคุณจงกล คุณกำธร คุณภวัต ต่างชอบคุณอรดีทั้งนั้น ก็คงเข้าข้างกัน ตัวด้วยอีกคนล่ะสิ”
อรดีสวย มีฐานะ มีการศึกษา ประวัติไม่ด่างพร้อย…อรดีเหมาะสมคู่ควรกับเขามากกว่าเธอนัก
“ไม่ได้เข้าข้าง” เขาลากเสียงยาวประจบเอาใจ ดวงตาสีอำพันเข้มยิ้มมองอีกฝ่าย “แต่จะให้เขาทำงานให้ก็ต้องไว้ใจเขา ให้โอกาสและเวลาเพื่อเขาจะได้พิสูจน์ตัวเอง”
ตุลย์ไม่อยากบอกต่อเลยว่า ก็เหมือนที่เขาให้โอกาสเอื้องคำอีกครั้งนั่นแหละ ว่าครั้งนี้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีสมหวังมาก่อกวนอีก
“พรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม จะซื้อมาให้” คำถามเอาใจยิ่งนัก
“ไม่” หญิงสาวส่ายหน้า “อะไรที่ตัวซื้อมาก็อร่อยอยู่แล้ว กินได้หมด ฟาดเรียบ”
“คนอื่นฟาดน่ะสิ” เขาหัวเราะ
“ก็แบ่งๆ กับน้องๆ ไง” หญิงสาวหยีตาก้มลงมองเขา “เอื้องก็กินตั้งเยอะ”
“เอาไว้เราสั่งครัวให้ทำกับข้าวเลี้ยงพนักงาน จะได้ไม่ต้องซื้อกัน”
“อย่าเลย ใครอยากกินอะไรก็ซื้อดีกว่า ครัวอาจทำอาหารถูกปากลูกค้า แต่ไม่ถูกปากพนักงานนะ” หญิงสาวหันหน้าไปอีกทาง ระวังอย่างยิ่งยวดเมื่อผ่อนควันบุหรี่ไม่ให้โดนคนที่นอนหนุนตัก
“จะว่าๆ อาหารที่นิมมาน ไม่อร่อยเหรอ” เขาผงกหัวขึ้นเท้าแขน มองหน้าหาเรื่องอีกฝ่าย
“ยังไม่ได้พูดเล้ย”
“ก็เปรยๆ นั่นแหละ” ตุลย์หัวเราะ ลุกขึ้นนั่งขยับร่างชิดหญิงสาวในกางเกงยืดขาสั้น เสื้อคอกระเช้าสีน้ำเงินอมเทา แขนซ้ายโอบเอวเธอแน่น ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจจรดแก้มนวล “พรุ่งนี้เรามาเร็วหน่อยนะ เอางานมาทำระหว่างรอเอื้องตื่น”
“มาปลุกเค้าตอนบ่ายโมงเลยไม่ได้เหรอ อยากนอนยาวๆ”
“ไม่ได้…คิดถึง อยากอยู่ใกล้ๆ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
“ก็ตัวรีบเข้ากรุงเทพฯ เอง” เธอเหลือบค้อนก่อนดับบุหรี่
“มันเรื่องงานนี่จ๊ะ เราหาแหล่งเงินทุนได้ นี่มีสามเจ้าเข้ามา เลยนัดคุย บางรายก็คงลากไปยันดึก”
“อย่าดื่มเยอะล่ะ เมาแล้วไม่มีใครลากเข้าห้องนะ”
“บอกแล้วไง ยอมให้เอื้องลากเราคนเดียวแหละ” เขายิ้มตาฉ่ำ ริมฝีปากแย้มอย่างมีเลศนัย มองไปทั่วร่างเย้ายวนของคนในเสื้อคอกระเช้า “ว่าแต่คืนนี้ เมื่อไหร่จะลากเราไปทางโน้น” คนพูดโบ้ยหน้าไปยังบริเวณที่กั้นเป็นเขตห้องนอน หันกลับมายื่นหน้าจรดแก้มเธออีกครั้ง ไล่ลงมาถึงริมฝีปากที่ชายหนุ่มจงใจคลอเคลียเนิ่นนาน ตักตวงความหวานเอาใจคนที่สนองเขากลับ “หรือว่าเราต้องลากเอื้องไป”
คำตอบใดๆ จากอีกฝ่ายมิได้มีเป็นคำพูด เอื้องคำอมยิ้ม แสร้งหันไปอีกทาง รู้ว่าริมฝีปากของเขาต้องตามมาออดอ้อนจนได้ ประทับมันบนไหล่ ไล่ตามซอกคอปลุกอารมณ์ให้ปั่นป่วน ไล้บนพวงแก้มขาวนวลอมชมพูและใบหู แขนซ้ายรัดเอวเธอเข้ามาชิด อีกมือสัมผัสบนเสื้อคอกระเช้าตัวบาง คลึงทรวงอกที่ตื่นตัวผ่านเนื้อผ้าหยาบ ก่อนจะสอดไปข้างในอย่างทะนุถนอม ซึมซับทุกความรู้สึกที่ชวนรัญจวนจิต
เอื้องคำโอบคอเขา ส่งยิ้มหวานให้ หลับตาประสานริมฝีปากอย่างเร่าร้อน จะคลายก็เพื่อหายใจและครางเบาๆ เมื่อมือร้อนลูบไปทั่วร่างอวบอิ่ม กระตุ้นเค้นความต้องการที่เธอแสร้งกลบ
ความร้อนแผ่ออกมาจากส่วนลึกภายในกาย ทำให้หัวใจของทั้งคู่เต้นไม่เป็นจังหวะ
“เอื้องจ๋า…” เขางึมงำกับซอกคอหอมหวนยวนใจ “เอื้องของพี่”
เอื้องคำสงวนท่าทีในตอนแรกเช่นเกือบทุกครั้ง หากในที่สุดร่างกายของเธอที่หวิววาบก็ตอบรับเขาในทุกสัมผัส และเมื่อระงับไม่อยู่อีกต่อไป การตอบสนองเร้าอารมณ์จึงหนักหน่วง ทับโถมเปลวพิศวาสให้ร้อนระอุ จนในที่สุดจำไม่ได้หรอกว่า…ใครเป็นคนนำใครไปยังฟูกหนาที่ทั้งสองคนใช้เวลาเสพสุขด้วยกันจนรุ่งสาง
เงิน…ไม่ใช่หามาได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากความรักความใคร่ ที่เมื่อก่อนกว่าจะหาจนเจอ จนได้ลิ้มรสคาวโลกีย์จากผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็ช่างนานเหลือเกิน กลับเรื่องบางอย่างก็ง่ายเหลือเกิน
ตั้งแต่ก่อนเข้าและออกจากกรม จนเข้าและออกจากคุก สมหวังก็มิได้มีแฟนหรือคนรักมานานหลายปี เขาไม่เคยมีตัวเลือกในชีวิต จนกระทั่งคืนนั้นเมื่อหลายเดือนก่อน ที่เอื้องคำเข้ามานั่งที่บาร์ที่เขาทำงาน
เอื้องคำ…สวย สวยมาก!
สวยที่สุดเท่าที่เขาได้เคยพบเจอ
และที่สำคัญเธอเหงา และนั่นทำให้สมหวังเข้าไปดูแล นั่งเป็นเพื่อนเธอ เอาใจ เกาะติด คิดอยากเชยชมอยากครอบครอง อยากปรนเปรอให้เธอมีความสุข
อยากเชยชมเรืองร่างของเธอ อยากสุขสุมกับความใคร่ที่เขากระหายนัก
สมหวังคิดเสมอว่าเขาหน้าตาดี มีความสูงเป็นข้อบวก แถมความความดิบห่ามในบทรัก ทว่าเขาเคยเป็นอดีตเด็กแว๊น ในแก๊งค์ยาที่เพิ่งพ้นโทษไม่กี่ปี นั่นทำให้เขาไม่มีผู้หญิงคนไหนในชีวิต จะมีก็แค่โสเภณี กับผู้หญิงที่ซื้อบริการจากเขา
ผู้หญิงที่มาคนเดียว เหงาๆ เปลี่ยวๆ เพราะช้ำใจในรัก หรือเพราะต้องการเพื่อน
ทว่าสมหวังไม่ได้เป็นเพื่อน…กับทุกคน ไม่ได้มองทุกคน
ทว่ากับเอื้องคำ…เขามอง ชื่นชม ใคร่กระหาย ปรารถนาเพราะความสวยราวนางฟ้า เทพธิดาสวรรค์
นางอัปสร…เหมาะสมกับเขา ทายาทพญานาค ตัวแทนพระศิวะ
เอื้องคำนับถือพญานาค เชื่อเรื่องเทพ การคุยจึงไม่ยาก
เธอแวะมาดื่มที่บาร์ที่เขาทำงานอยู่ครั้งสองครั้งโดยที่สมหวังเข้าไปดูแล เอาใจ จนครั้งที่สาม เมื่อจะกลับ เขาก็รีบทิ้งงาน อาสาพาเธอไปส่ง
และเอื้องคำก็ให้เขาส่งถึงข้างในห้อง เธอเล่นตัวเพียงนิด พอเป็นพิธี พอเร้าความต้องการของเขา ยอมให้เขาลูบไล้ ล้วง ควัก ปัดเพียงหน่อยให้ยิ่งน่าพิสมัย
เธอสั่งให้เขาอาบน้ำ หลังจากนั้น สมหวังก็เล้าโลมเอาใจอีกครั้ง และเอื้องคำก็ยอมเขา สอนเขา ปล่อยให้เขาเสพสมกับร่างกายของเธอ ปรนเปรอจนเธอพอใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ผู้หญิงมาด้วยความพิศวาสเสน่หาด้วยกันทั้งคู่ ไม่ใช่เพราะการซื้อบริการ หรือเพราะ…ขายบริการ เช่นคืนนี้
คืนนี้เขา…ขาย หลังจากหยุดไปเมื่อเริ่มจริงจังกับเอื้องคำ
เงินที่ได้มา แม้ไม่อาจเทียบไอ้คุณหนูนั่น แต่ก็เก็บเพื่อสร้างฐานะ เพื่อใช้จ่าย
“สองพัน” เขายื่นคำขาดกับผู้หญิงอายุเลยวัยกลางคน
“ขึ้นราคาเหรอ”
“จะให้ผมเอากับพี่ไหม ชอบไม่ใช่เหรอ ก็ต้องจ่าย นี่ไปเอากันที่ม่านรูดผมก็ต้องเอามอไซค์เพื่อนไป”
“กล้ามก็น้อยนิด ผอมเก้งก้าง”
“แต่เอามัน หรือพี่ไม่เอาล่ะ” ชายหนุ่มมองอย่างท้าทาย มั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องยอม
การได้เสพสมกับเอื้องคำไม่ใช่เพียงเพิ่มบทเรียนเรื่องโลกีย์ให้เขาฟรีๆ แต่ยังสร้างความมั่นใจ ให้บทเรียนที่สมหวังนำกลับมาใช้ทุกท่วงท่าเพื่อปรนเปรอเอื้องคำและบรรดาหญิงสาวที่ซื้อบริการของเขา ทำให้ติดใจ…หลงกับลีลาพิศวาสของเขา
(ต่อ)