บทที่ 15
เขาคบกับเอื้องคำอย่างจริงจัง ดูแลอย่างดีให้เธอมีความสุข ไม่ได้คิดแค่เล่น…สนุกๆ ตุลย์ตั้งใจชดเชยสิ่งที่เขาได้กระทำไปโดยไม่ตั้งใจในคืนนั้น พยายามสะกดความต้องการที่สุมกลายเป็นไฟปรารถนา
ทว่าผู้หญิงคนนั้น…ยับยั้งความต้องการของตัวเองไม่ได้
…
วัวเคยค้า ม้าเคยขี่…คนกร่างหยาบช้า กับผู้หญิงมักมาก ชอบโกหก!
เอื้องคำปล่อยมือไอ้หมอนั่นเมื่อทั้งคู่ถึงหน้าประตูห้อง ตุลย์เห็น…ผู้หญิงคนนั้นก้มลงหาดอกไม้ที่เขาวางไว้ให้ ทว่าชายหนุ่มไม่อยากเห็นอะไรอีก
ร่างสูงที่หลบหลังกำแพง เดินขึ้นลงบันไดอย่างบ้าคลั่ง อีกนานกว่าเขาจะหยุด ยืนนิ่งอยู่นานตรงที่เดิม ปากเม้มเป็นเส้นตรงสั่นระริกด้วยความโกรธจัด มือกำแน่น
เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาเป็นจำเลย เป็นผู้กระทำผิดในสายตาของเธอ ทิ้งตัวและหัวใจให้อยู่ในกำมือผู้หญิงคนนั้น
เราผิดเรื่องอะไร…ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเอง
แค่ไม่ชอบให้อาของเขาจับเอาพนักงานเสิร์ฟสาวในร้านนิมมานแปลงเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ราคาถูก…นี่เขาผิดด้วยหรือ
การที่เขาไม่ชอบให้เอื้องคำไปนั่งจิบเบียร์สูบบุหรี่ คอยดูแลไอ้แก่ตัณหากลับ…เขาผิดหรือ
เมื่อตัดสินใจแล้ว ร่างสูงจึงก้าวไปที่ห้องนั้น ไม่เห็นดอกไม้ที่ได้วางไว้
ประตูมุ้งลวดด้านนอกปิดแน่นลงกลอนจากข้างใน…แสดงว่าสองคนที่อยู่ในห้อง คงไม่มีใครกลับออกไปไหน
แสดงว่าไอ้คนหยาบช้านั่น…ค้าง!
ไฟสว่างจากข้างในผ่านหน้าต่างบานเกล็ดและมุ้งลวดทางขวาของประตู ทำให้เห็นชัดว่า เอื้องคำในผ้าถุงผืนเดียวยืนหันหลังทำอะไรสักอย่างอยู่หน้าตู้เย็น โดยผู้ชายคู่สมสู่นั่งเล่นมือถือบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวห่างออกมา
“!” ตุลย์สบถในใจ ตัวสั่นด้วยความโกรธแค้นแสนสาหัส
ในการคบกับเอื้องคำ เขาไม่เคยขออะไรเลยยกเว้น…เลิกติดต่อกับไอ้หมอนั่น!
เธออาจยังไม่ลืมแฟนเก่า อาจยังติดต่อกับพ่อของลูกๆ เขาไม่เคยว่า ไม่เคยห้าม
มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ขอ และหญิงสาวก็ได้รับปาก
แล้วนี่…แค่วันสองวันหลังจากเกิดเรื่องที่นิมมาน เอื้องคำถึงกับต้องลากไอ้นั่นมา
ให้บำเรอกามถึงห้อง
ตุลย์หมดความอดทน เขาส่งเสียงแข็งเรียกผ่านหน้าต่าง พอให้คนข้างในได้ยิน หากไม่ดังไปนักจนรบกวนห้องข้างๆ
“เอื้อง! ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้ ทำไมทำแบบนี้” ทว่าภายในห้องเงียบ “เอื้อง!”
จากหน้าต่างเขาเห็นอาการตัวแข็งของเอื้องคำ โดยที่มีไอ้หมอนั่นปรี่เข้าไปประคอง
ตุลย์ไม่อาจทนมองภาพนั้น เขารอหญิงสาวที่หน้าประตู ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง “เราเห็นแล้ว ออกมาคุยกันดีๆ จะเอายังไง”
ในห้องยังคงเงียบ หน้าต่างบานเกล็ดถูกหมุนปิดสนิท ไม่ให้คนที่อยู่ข้างนอกได้เห็นอะไรอีก
ตุลย์กดโทรศัพท์หาผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายครั้ง หากสายที่โทรฯ เรียกเข้าถูกตัดทิ้ง
“จะโกหกกันอีกนานแค่ไหน” ชายหนุ่มตัดสินใจส่งข้อความ รับรู้ว่าอีกฝ่ายอ่านทันที เพียงแต่เธอไม่ยอมตอบ “เอาดอกไม้ให้ก็ว่าจะกลับแล้ว”
ตุลย์เดินกลับไปที่หน้าห้อง พยายามโทรฯ หาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
เขาได้ยินเสียงอาบน้ำผ่านหน้าต่างบานเกร็ดที่ปิดสนิท มีเพียงเงารางๆ ของเอื้องคำภายในห้อง
ไอ้หมอนั่นอาบน้ำ!
ค้าง!
เพื่อสมสู่กันเหมือน
สัตว์ที่ไม่รู้จักถูกผิด ดีชั่ว ยับยั้งความต้องการทางเพศไม่ได้
“อย่าโกหกกันอีก” เขาส่งข้อความไปอีกครั้ง โทรฯ หาแต่อีกฝ่ายไม่รับ
ตุลย์โทรฯ จนในที่สุดเอื้องคำรับสาย
เธอเงียบ
เขานิ่ง
และจนในที่สุดกัดฟันถาม เสียงเข้มราบเรียบเบา “ไหนว่าเลิกคบแล้วไม่ติดต่อแล้วนี่อะไร พ่อของลูกยังเลิกได้ แต่กับไอ้คนกร่างหยาบช้านี่เลิกไม่ได้เหรอ”
เอื้องคำยังคงเงียบ ตุลย์จึงตำหนิด้วยเสียงเรียบหากเน้นหนักเช่นเดิม “ทำไมต้องโกหก ทำไมเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้จักพอใช่ไหม พูดสิ อยากพูดอะไร อยากอธิบายอะไร”
“เอื้องไม่มีอะไรจะพูด” ในที่สุดเธอก็เปล่งเสียงที่สอดแววสะอื้นนิดเดียว
“เราให้โอกาสพูด” ทว่าอีกฝ่ายเงียบ สูดลมหายใจเข้าลึก “มีอะไรก็คุยกันดีๆ จะเอายังไง ออกมาคุยให้รู้เรื่อง ถึงจะโกรธ แต่ไม่ควรทำแบบนี้”
“เอื้องไม่มีอะไรจะคุย”
“เราเคยบอกแล้วว่าเราเกลียดคนอยู่สามประเภท คนโกง คนโกหกและคนกร่าง
ชอบความกร่าง ความหยาบช้า หยาบคายของมันมากใช่ไหม ถึงโกหกเรา ลากมันมาประเคนยัดให้ถึงห้อง เอากับมันมากี่ครั้งแล้ว” เสียงสั่นด้วยความโกรธจัด “ตอบสิ…ได้! งั้นก็จบกันเถอะ เรารับไม่ได้ สกปรกเกิน”
ตุลย์ตัดสาย ตัวสั่นเพราะความโกรธ มือกำแน่น หากแล้วนึกขึ้นได้ จึงกดไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ทว่าเธอตัดสายเขา
…คงครวญครางอยู่ในอ้อมกอดไอ้คนกร่าง ให้มันปลอบ ให้มันประเคนความสุขให้…
วันทอง โมรา กากี!
มากชู้ มากรัก
“ดอกไม้นั่นทิ้งไปเลย” เขาสั่งผ่านข้อความ “ไม่อยากให้เอาขึ้นหิ้งบูชา มันสกปรก”
“ค่ะ” อีกฝ่ายตอบสั้นๆ
“คนโกหกกับคนกร่างอยู่ด้วยกันก็ควรแล้ว” ทุกมโนภาพที่มีใบหน้าสะสวยของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาขยะแขยง “เป็นคนแบบไหน ยังมีหน้าจะไปเที่ยวกับเราวันศุกร์อีก
ทำบุญกับพระ ก็ควรทำกับคนด้วย ทำไม่ดีกับคน ทำบุญทำทานไปก็ไร้ค่า”
“ไม่เป็นไรเข้าใจ” เอื้องคำตอบข้อความเช่นนั้น
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้
ทำตัวต่ำ ไม่ว่ายังไงมันก็ต่ำ” เขาจงใจขยี้ในข้อที่สะเทือนใจอีกฝ่ายที่สุด และก็ถูกจุดจริงๆ
“ค่ะ เข้าใจ เข้าใจดี” หญิงสาวส่งข้อความตอบกลับ “แค่คนต่ำๆ เข้าใจ”
ตุลย์ลงมาถึงที่รถ ออกแปลกใจอยู่ครามครันเมื่อเห็นคิมหันต์ยืนรอภายใต้ความมืดสลัว หากเพราะความโกรธ ความผิดหวังที่สุมประดังเข้ามา ทำให้เขาเข้าไปนั่งในตอนหลังด้วยความเคยชิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่คิมหันต์ในการขับรถ
“จะไม่ต่ำได้ยังไง ย้อนดูพฤติกรรมตัวเองสิ ก่อนหน้านี้ยังบีบน้ำตา โกหกเรื่องไอ้คนกร่างนั่นว่าไม่ได้ติดต่อ ตัดขาดกับมันแล้ว ขนาดพ่อของลูกยังตัดได้ ตอนนี้คบกับเราคนเดียว ผ่านมาสามวันเอาไอ้ตัวกร่างมานอนกกถึงบ้าน ก่อนหน้านี้พามันมาบำเรอความใคร่กี่ครั้งแล้ว เอากับมันลับหลังเราไปกี่ครั้งแล้ว
การกระทำต่ำ จิตใจยังต่ำอีก”
ข้อความที่ส่งจนบัดนี้ตีสามกว่าถูกอ่านทันที
“เข้าวัดก็ไม่ช่วยหรอก เอาจิตใจสกปรกไปเปื้อนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มัวหมอง” ข้อความถูกกระหน่ำส่งอย่างโกรธแค้น “ขอบคุณอะไรที่ดลใจให้เราไปซื้อดอกไม้ และให้รออยู่จนได้เห็นภาพอุบาทว์ของคนมักมาก ไม่มีศีลไม่มีธรรมสองคน ไม่งั้นก็ไม่ได้เห็นสิ่งที่จำเป็นต้องเห็น คงเครียดไปอีกหลายวัน แถมโดนสูบเลือดสูบเนื้ออีก จะเที่ยว? ไอ้คนกร่างมันไม่มีปัญญาพาเที่ยวเหรอถึงต้องเกาะเรา หรือว่าปรกติต้องพาไอ้คนกร่างเที่ยว เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ เลี้ยงมันสารพัด…บำเรอมันทุกอย่าง ประเคนทั้งตัวให้มันใช่ไหม ไปนั่งที่ร้านมัน แล้วก็พากลับมา ให้มันเอาถึงในห้อง มันทุเรศ”
รถญี่ปุ่นแล่นมาถึงบ้านของเตชน์นานแล้ว แต่ตุลย์ยังไม่ลงจากรถ
“เราขอถอนคำขอโทษทั้งหมด คนที่ทำตัวแบบนี้ไม่สมควรได้รับคำขอโทษอะไร
สิ่งที่เราให้ไปก็ถือว่าทำทาน เหมือที่ทำให้หมา แมว สัมภเวสี”
“พี่เลิกยุ่งกับเอื้องเถอะ”
“เลิกอยู่แล้ว ไม่ใช่ควายนี่ เป็นคนกินข้าว ไม่ใช่สิงสาราสัตว์ จะได้โง่ไม่ลืมหูลืมตา ที่ผ่านมาก็เล่นๆ ไปก็แล้วกัน ไม่ซีเรียส
ปล่อยให้ผีเน่ากับโลงผุอยู่ด้วยกันไป” ข้อความจากเขายังไม่หมด แม้จะตี่สี่แล้ว “
ดอกไม้สวยๆ ของดีๆ พระศักดิ์สิทธิ์อยู่กับคนที่ทำตัวต่ำ หลอกลวงคนอื่นไปวันๆ ก็พลอยจะมีแต่ราคี ไม่มีคุณค่า ปราศจากความดีแถมพลอยสกปรกมัวหมอง”
ข้อความส่งแค่เพียงเท่านี้ให้ผู้หญิงคนนั้นได้อ่าน…สะใจแล้ว
จบๆ เสียที
ไม่คิดว่าจะเจอ
วันทอง โมรา กากีอยู่ในคนๆ เดียว! แพศยา!
มิน่าถึงชอบไปคลอเคลียกับกำธรนัก
ขนาดกับคนแก่หมดสมรรถภาพยังอยากจะสมสู่…เพื่อทิป! เพื่อเงินไม่กี่บาท!
กับไอ้คนกร่างก็เพื่อปรนเปรอความใคร่ ความร่าน
“สกปรก!
! มักมากไม่รู้จักพอ!”
ป่านนี้คงให้ไอ้คนกร่างปลอบประโลมแล้วบำเรอกามจนหนำใจ สมกับเป็นฝ่ายที่จูงมันเข้าห้อง
(ต่อ)
เปลวพิศวาส (บทที่ 15) โดย มานัส
เขาคบกับเอื้องคำอย่างจริงจัง ดูแลอย่างดีให้เธอมีความสุข ไม่ได้คิดแค่เล่น…สนุกๆ ตุลย์ตั้งใจชดเชยสิ่งที่เขาได้กระทำไปโดยไม่ตั้งใจในคืนนั้น พยายามสะกดความต้องการที่สุมกลายเป็นไฟปรารถนา
ทว่าผู้หญิงคนนั้น…ยับยั้งความต้องการของตัวเองไม่ได้
…วัวเคยค้า ม้าเคยขี่…คนกร่างหยาบช้า กับผู้หญิงมักมาก ชอบโกหก!
เอื้องคำปล่อยมือไอ้หมอนั่นเมื่อทั้งคู่ถึงหน้าประตูห้อง ตุลย์เห็น…ผู้หญิงคนนั้นก้มลงหาดอกไม้ที่เขาวางไว้ให้ ทว่าชายหนุ่มไม่อยากเห็นอะไรอีก
ร่างสูงที่หลบหลังกำแพง เดินขึ้นลงบันไดอย่างบ้าคลั่ง อีกนานกว่าเขาจะหยุด ยืนนิ่งอยู่นานตรงที่เดิม ปากเม้มเป็นเส้นตรงสั่นระริกด้วยความโกรธจัด มือกำแน่น
เพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เขาเป็นจำเลย เป็นผู้กระทำผิดในสายตาของเธอ ทิ้งตัวและหัวใจให้อยู่ในกำมือผู้หญิงคนนั้น
เราผิดเรื่องอะไร…ชายหนุ่มเฝ้าถามตัวเอง
แค่ไม่ชอบให้อาของเขาจับเอาพนักงานเสิร์ฟสาวในร้านนิมมานแปลงเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ราคาถูก…นี่เขาผิดด้วยหรือ
การที่เขาไม่ชอบให้เอื้องคำไปนั่งจิบเบียร์สูบบุหรี่ คอยดูแลไอ้แก่ตัณหากลับ…เขาผิดหรือ
เมื่อตัดสินใจแล้ว ร่างสูงจึงก้าวไปที่ห้องนั้น ไม่เห็นดอกไม้ที่ได้วางไว้
ประตูมุ้งลวดด้านนอกปิดแน่นลงกลอนจากข้างใน…แสดงว่าสองคนที่อยู่ในห้อง คงไม่มีใครกลับออกไปไหน
แสดงว่าไอ้คนหยาบช้านั่น…ค้าง!
ไฟสว่างจากข้างในผ่านหน้าต่างบานเกล็ดและมุ้งลวดทางขวาของประตู ทำให้เห็นชัดว่า เอื้องคำในผ้าถุงผืนเดียวยืนหันหลังทำอะไรสักอย่างอยู่หน้าตู้เย็น โดยผู้ชายคู่สมสู่นั่งเล่นมือถือบนเก้าอี้ที่โต๊ะกินข้าวห่างออกมา
“!” ตุลย์สบถในใจ ตัวสั่นด้วยความโกรธแค้นแสนสาหัส
ในการคบกับเอื้องคำ เขาไม่เคยขออะไรเลยยกเว้น…เลิกติดต่อกับไอ้หมอนั่น!
เธออาจยังไม่ลืมแฟนเก่า อาจยังติดต่อกับพ่อของลูกๆ เขาไม่เคยว่า ไม่เคยห้าม
มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ขอ และหญิงสาวก็ได้รับปาก
แล้วนี่…แค่วันสองวันหลังจากเกิดเรื่องที่นิมมาน เอื้องคำถึงกับต้องลากไอ้นั่นมาให้บำเรอกามถึงห้อง
ตุลย์หมดความอดทน เขาส่งเสียงแข็งเรียกผ่านหน้าต่าง พอให้คนข้างในได้ยิน หากไม่ดังไปนักจนรบกวนห้องข้างๆ
“เอื้อง! ออกมาคุยกันเดี๋ยวนี้ ทำไมทำแบบนี้” ทว่าภายในห้องเงียบ “เอื้อง!”
จากหน้าต่างเขาเห็นอาการตัวแข็งของเอื้องคำ โดยที่มีไอ้หมอนั่นปรี่เข้าไปประคอง
ตุลย์ไม่อาจทนมองภาพนั้น เขารอหญิงสาวที่หน้าประตู ส่งเสียงเรียกอีกครั้ง “เราเห็นแล้ว ออกมาคุยกันดีๆ จะเอายังไง”
ในห้องยังคงเงียบ หน้าต่างบานเกล็ดถูกหมุนปิดสนิท ไม่ให้คนที่อยู่ข้างนอกได้เห็นอะไรอีก
ตุลย์กดโทรศัพท์หาผู้หญิงคนนั้นอยู่หลายครั้ง หากสายที่โทรฯ เรียกเข้าถูกตัดทิ้ง
“จะโกหกกันอีกนานแค่ไหน” ชายหนุ่มตัดสินใจส่งข้อความ รับรู้ว่าอีกฝ่ายอ่านทันที เพียงแต่เธอไม่ยอมตอบ “เอาดอกไม้ให้ก็ว่าจะกลับแล้ว”
ตุลย์เดินกลับไปที่หน้าห้อง พยายามโทรฯ หาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
เขาได้ยินเสียงอาบน้ำผ่านหน้าต่างบานเกร็ดที่ปิดสนิท มีเพียงเงารางๆ ของเอื้องคำภายในห้อง
ไอ้หมอนั่นอาบน้ำ!
ค้าง!
เพื่อสมสู่กันเหมือนสัตว์ที่ไม่รู้จักถูกผิด ดีชั่ว ยับยั้งความต้องการทางเพศไม่ได้
“อย่าโกหกกันอีก” เขาส่งข้อความไปอีกครั้ง โทรฯ หาแต่อีกฝ่ายไม่รับ
ตุลย์โทรฯ จนในที่สุดเอื้องคำรับสาย
เธอเงียบ
เขานิ่ง
และจนในที่สุดกัดฟันถาม เสียงเข้มราบเรียบเบา “ไหนว่าเลิกคบแล้วไม่ติดต่อแล้วนี่อะไร พ่อของลูกยังเลิกได้ แต่กับไอ้คนกร่างหยาบช้านี่เลิกไม่ได้เหรอ”
เอื้องคำยังคงเงียบ ตุลย์จึงตำหนิด้วยเสียงเรียบหากเน้นหนักเช่นเดิม “ทำไมต้องโกหก ทำไมเป็นคนแบบนี้ ไม่รู้จักพอใช่ไหม พูดสิ อยากพูดอะไร อยากอธิบายอะไร”
“เอื้องไม่มีอะไรจะพูด” ในที่สุดเธอก็เปล่งเสียงที่สอดแววสะอื้นนิดเดียว
“เราให้โอกาสพูด” ทว่าอีกฝ่ายเงียบ สูดลมหายใจเข้าลึก “มีอะไรก็คุยกันดีๆ จะเอายังไง ออกมาคุยให้รู้เรื่อง ถึงจะโกรธ แต่ไม่ควรทำแบบนี้”
“เอื้องไม่มีอะไรจะคุย”
“เราเคยบอกแล้วว่าเราเกลียดคนอยู่สามประเภท คนโกง คนโกหกและคนกร่าง ชอบความกร่าง ความหยาบช้า หยาบคายของมันมากใช่ไหม ถึงโกหกเรา ลากมันมาประเคนยัดให้ถึงห้อง เอากับมันมากี่ครั้งแล้ว” เสียงสั่นด้วยความโกรธจัด “ตอบสิ…ได้! งั้นก็จบกันเถอะ เรารับไม่ได้ สกปรกเกิน”
ตุลย์ตัดสาย ตัวสั่นเพราะความโกรธ มือกำแน่น หากแล้วนึกขึ้นได้ จึงกดไปหาผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง ทว่าเธอตัดสายเขา
…คงครวญครางอยู่ในอ้อมกอดไอ้คนกร่าง ให้มันปลอบ ให้มันประเคนความสุขให้…
วันทอง โมรา กากี!
มากชู้ มากรัก
“ดอกไม้นั่นทิ้งไปเลย” เขาสั่งผ่านข้อความ “ไม่อยากให้เอาขึ้นหิ้งบูชา มันสกปรก”
“ค่ะ” อีกฝ่ายตอบสั้นๆ
“คนโกหกกับคนกร่างอยู่ด้วยกันก็ควรแล้ว” ทุกมโนภาพที่มีใบหน้าสะสวยของผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาขยะแขยง “เป็นคนแบบไหน ยังมีหน้าจะไปเที่ยวกับเราวันศุกร์อีก ทำบุญกับพระ ก็ควรทำกับคนด้วย ทำไม่ดีกับคน ทำบุญทำทานไปก็ไร้ค่า”
“ไม่เป็นไรเข้าใจ” เอื้องคำตอบข้อความเช่นนั้น
“คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้ ทำตัวต่ำ ไม่ว่ายังไงมันก็ต่ำ” เขาจงใจขยี้ในข้อที่สะเทือนใจอีกฝ่ายที่สุด และก็ถูกจุดจริงๆ
“ค่ะ เข้าใจ เข้าใจดี” หญิงสาวส่งข้อความตอบกลับ “แค่คนต่ำๆ เข้าใจ”
ตุลย์ลงมาถึงที่รถ ออกแปลกใจอยู่ครามครันเมื่อเห็นคิมหันต์ยืนรอภายใต้ความมืดสลัว หากเพราะความโกรธ ความผิดหวังที่สุมประดังเข้ามา ทำให้เขาเข้าไปนั่งในตอนหลังด้วยความเคยชิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่คิมหันต์ในการขับรถ
“จะไม่ต่ำได้ยังไง ย้อนดูพฤติกรรมตัวเองสิ ก่อนหน้านี้ยังบีบน้ำตา โกหกเรื่องไอ้คนกร่างนั่นว่าไม่ได้ติดต่อ ตัดขาดกับมันแล้ว ขนาดพ่อของลูกยังตัดได้ ตอนนี้คบกับเราคนเดียว ผ่านมาสามวันเอาไอ้ตัวกร่างมานอนกกถึงบ้าน ก่อนหน้านี้พามันมาบำเรอความใคร่กี่ครั้งแล้ว เอากับมันลับหลังเราไปกี่ครั้งแล้ว การกระทำต่ำ จิตใจยังต่ำอีก”
ข้อความที่ส่งจนบัดนี้ตีสามกว่าถูกอ่านทันที
“เข้าวัดก็ไม่ช่วยหรอก เอาจิตใจสกปรกไปเปื้อนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มัวหมอง” ข้อความถูกกระหน่ำส่งอย่างโกรธแค้น “ขอบคุณอะไรที่ดลใจให้เราไปซื้อดอกไม้ และให้รออยู่จนได้เห็นภาพอุบาทว์ของคนมักมาก ไม่มีศีลไม่มีธรรมสองคน ไม่งั้นก็ไม่ได้เห็นสิ่งที่จำเป็นต้องเห็น คงเครียดไปอีกหลายวัน แถมโดนสูบเลือดสูบเนื้ออีก จะเที่ยว? ไอ้คนกร่างมันไม่มีปัญญาพาเที่ยวเหรอถึงต้องเกาะเรา หรือว่าปรกติต้องพาไอ้คนกร่างเที่ยว เลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ เลี้ยงมันสารพัด…บำเรอมันทุกอย่าง ประเคนทั้งตัวให้มันใช่ไหม ไปนั่งที่ร้านมัน แล้วก็พากลับมา ให้มันเอาถึงในห้อง มันทุเรศ”
รถญี่ปุ่นแล่นมาถึงบ้านของเตชน์นานแล้ว แต่ตุลย์ยังไม่ลงจากรถ
“เราขอถอนคำขอโทษทั้งหมด คนที่ทำตัวแบบนี้ไม่สมควรได้รับคำขอโทษอะไร สิ่งที่เราให้ไปก็ถือว่าทำทาน เหมือที่ทำให้หมา แมว สัมภเวสี”
“พี่เลิกยุ่งกับเอื้องเถอะ”
“เลิกอยู่แล้ว ไม่ใช่ควายนี่ เป็นคนกินข้าว ไม่ใช่สิงสาราสัตว์ จะได้โง่ไม่ลืมหูลืมตา ที่ผ่านมาก็เล่นๆ ไปก็แล้วกัน ไม่ซีเรียส ปล่อยให้ผีเน่ากับโลงผุอยู่ด้วยกันไป” ข้อความจากเขายังไม่หมด แม้จะตี่สี่แล้ว “ดอกไม้สวยๆ ของดีๆ พระศักดิ์สิทธิ์อยู่กับคนที่ทำตัวต่ำ หลอกลวงคนอื่นไปวันๆ ก็พลอยจะมีแต่ราคี ไม่มีคุณค่า ปราศจากความดีแถมพลอยสกปรกมัวหมอง”
ข้อความส่งแค่เพียงเท่านี้ให้ผู้หญิงคนนั้นได้อ่าน…สะใจแล้ว
จบๆ เสียที
ไม่คิดว่าจะเจอวันทอง โมรา กากีอยู่ในคนๆ เดียว! แพศยา!
มิน่าถึงชอบไปคลอเคลียกับกำธรนัก
ขนาดกับคนแก่หมดสมรรถภาพยังอยากจะสมสู่…เพื่อทิป! เพื่อเงินไม่กี่บาท!
กับไอ้คนกร่างก็เพื่อปรนเปรอความใคร่ ความร่าน
“สกปรก! ! มักมากไม่รู้จักพอ!”
ป่านนี้คงให้ไอ้คนกร่างปลอบประโลมแล้วบำเรอกามจนหนำใจ สมกับเป็นฝ่ายที่จูงมันเข้าห้อง
(ต่อ)