เปลวพิศวาส (บทที่ 13) โดย มานัส

บทที่ 13

กำธรชอบไปที่ผับเฮเวนส์ และร้านยามาที่ล้วนอยู่ในเครือเทวนิรมิต อีกทั้งห้องคาราโอเกะของโรงแรม แต่ที่ไหนๆ ก็ไม่ได้บรรยากาศราวว่าเป็นเจ้าของสถานที่เหมือนนิมมาน

ร้านนิมมานเป็นร้านไฮเอนด์ ค่อนข้างแพง จึงไม่มีแขกพลุกพล่านจนแทบเดินชนกันเช่นเฮเวนส์หรือยามา อีกทั้งแขกส่วนใหญ่เป็นคนมีเงิน มีหน้าที่การงานดี มีหน้ามีตาในสังคม เป็นแขกผู้ใหญ่ในจังหวัด หรือผู้ใหญ่ที่มาพัก แวะมาเที่ยว มากิน มาดื่ม  และเพราะแบบนี้กำธรจึงชอบมา อีกทั้งเขาสามารถพาพริตตี้สาวมาได้ หรือมีความสุขกับการเอาใจใส่ การบริการของพนักงานสาวๆ ที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี

เขาทิปหนักเพราะเมื่อก่อนแค่เซ็นแล้วก็ค้างบิลไว้ ไม่ต้องจ่าย ค้างจนลืม ค้างจนเทวนิรมิตยกหนี้ให้

แต่ตอนนี้เพราะนโยบายของตุลย์  ทำให้เขาไม่สามารถที่จะค้างชำระได้เช่นเคย หากการทิปของกำธรก็ยังมากอยู่ เพราะพนักงานที่นี่หน้าตาดีหลายคน และการที่เขาได้โอบกอดพนักงานสาวๆ ที่เข้ามาบริการก็ถือว่าเป็นกำไร  ให้พนักงานพวกนี้มานั่งคุย ดื่มด้วยนิดๆ หน่อยๆ แล้วให้ทิป ก็ยังถูกกว่าจ้างพริตตี้สองสามคนมานั่งเป็นเพื่อน

“เอื้องไปไหนแล้ว” กำธรถามพนักงานชายเมื่อเวลาล่วงเข้าห้าทุ่มแล้วไม่เห็นพนักงานคนสวยที่เขาถูกใจเป็นพิเศษ

เอื้องคำสวยสะดุดตา และเธอก็ยินดีรับฟังเขาคุย ยินดีจิบเบียร์สักแก้ว หรือสักขวดสองขวดเป็นเพื่อนเขา บางคราวจุดบุหรี่สูบแบ่งกันระบายความทุกข์ในใจ กำธรไม่ชอบเลยที่เห็นเธอไปดูแลตุลย์เวลาที่เขามา กับตุลย์ดูหญิงสาวจะใกล้ชิดสนิทสนมเป็นพิเศษ ยืนตัวแทบติดกัน เดินเฉียดใกล้ๆ และการคุยก็ยังมีรอยยิ้มอ่อนละมุนอีกด้วย ถ้าสายตาไม่ฝาด กำธรคิดว่าเห็นแขนของตุลย์ที่โอบเอวในบางครั้งที่เอื้องคำเข้าไปใกล้

ทว่าหลายวันมานี่ ไอ้ก้างตัวใหญ่ไม่ได้มาที่นิมมาน คงวุ่นอยู่กับการหาเงินสามสิบล้าน ถ้าเป็นเช่นนั้น…ก็ดี เพราะกำธรไม่อยากให้ตุลย์มานั่งขัดสายตาเขา

“เอื้องกลับไปแล้วครับ”

คำตอบของบริกรชายทำให้กำธรอุทาน  “อะไรกัน ทำไมกลับเร็ว แล้วใครจะเอาเบียร์มาให้เฮีย”

“เดี๋ยวผมดูแลเองครับ” ผู้ที่มักดูแลกำธรอยู่ก่อนหน้าอาสา

เขาเคยดูแล…แต่พักหลัง กำธรมักสั่งให้เอื้องคำและพนักงานสาวคนอื่นๆ มาดูแลแทน

“จะเหมือนกันที่ไหนวะ ทีหลังสั่งเอื้องว่าห้ามกลับก่อนเที่ยงคืน”

คำสั่งของกำธรถูกถ่ายทอดไปหาธัญญา ซึ่งรับรู้ไว้เฉยๆ แต่ไม่ได้มีคำตอบหรือคำทักท้วงอะไร มีแต่รอยวิตกกังวลที่ปกปิดไว้เท่านั้นเอง




หน้าตาของผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและทนายประจำตัว แลดูเคร่งเครียดกว่าคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีว่าจ้างฆ่าพี่ชายและพี่สะใภ้

“สนใจฉันหน่อยได้ไหมวะ” ประทีปเคาะโต๊ะเรียกคนที่วุ่นอยู่กับการส่งข้อความ “คุยเรื่องคุกเรื่องตะรางของแกอยู่”

“ก็ว่าไปดิ กำลังฟัง” รอยยิ้มบนใบหน้าเป็นของคนที่มีความสุข

“ไอ้สี่ตัวนั่นพอหายบ้า ก็ยืนยันว่าแกเป็นคนว่าจ้าง มีหลักฐานโอนเงินจากบัญชีของผู้หญิงคนหนึ่ง เส้นทางเงินมาจากมอนเตรนิโกร”

“ทำให้ยุ่งยากทำไมวะ”

“ก็นั่นน่ะสิ ค่าจ้างสี่ล้าน คนละล้าน”

“ถ้าฉันมีเงินมากขนาดนั้นก็เอามากินมาใช้ดีกว่า” ตุลย์หัวเราะ ขบขันในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบางคนที่คิดว่าเขาจะฆ่าพี่ของตัวเองได้ “นี่กว่าจะหาได้แต่ละล้านเอามาซื้อหุ้นของพี่ตุ๊กตา ฉันเลือดตาแทบกระเด็น”

“ฉันรู้ไง แต่ตำรวจไม่รู้ ไม่ฟัง จะยัดคุกให้แกท่าเดียว”

“ดราม่าดีไง น้องฆ่าพี่ชิงสมบัติ” คนพูดไม่ทุกข์ร้อน

“แต่ตำรวจคงต้องผิดหวัง” ประทีปยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ผู้เป็นเพื่อน “มีคนส่งเอกสารเกี่ยวกับบัญชีนั่นมา ฉันไม่ต้องไปหาอะไรเลย เจ้าของบัญชีเป็นคนเขมร ผูกบัญชีกลับมาอีกทีที่สิงค์โปรและไปที่พนมเปญ นี่เพื่อนคนเขมรของฉันกำลังสืบให้อยู่ ไม่เกินอาทิตย์หน้าคงได้รู้กัน”

“ดีๆ” แม้จะพยักหน้า แต่สายตาของเขายังอยู่ที่ข้อความของเอื้องคำ

วันนี้เขาไปรับเธอจากห้องพัก พาไปส่งที่นิมมาน หลังจากนั้นก็ส่งข้อความคุยกัน

….ขับรถดีๆ ล่ะ ทำงานก่อนนะคะ…ล้วนเป็นอะไรที่ทำให้เขายิ้ม แม้มาคุยเรื่องคดีกับประทีป

ความเครียดที่ควรมี กลับไม่มี มีแต่ความสุขใจเมื่อคิดถึงเอื้องคำ

“ลืมไปวันนี้มีงานที่กรุงเทพฯ” เขาส่งข้อความให้เธอ ก่อนจะร่ำราเพื่อน แล้วออกมายังรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีคิมหันต์นำมาเทียบรอราวรู้เวลา

“อ้าวแล้วทันมั้ย” เอื้องคำทักเขากลับ

“ทัน เดี๋ยวเข้ากรุงเทพฯ เลย รีบไป รีบกลับ วันนี้วันพระด้วย กะว่าจะไม่ดื่ม” ตุลย์จำได้หรอก เขาเพิ่งส่งดอกไม้สีเหลืองให้เอื้องคำเพื่อจัดหิ้งพระ

“ก็ไม่ต้องดื่ม จะได้นอนเร็วๆ ตื่นแต่เช้า สดชื่น ไม่เมาแล้วโดนลากเข้าห้องอีก”

“ไม่ให้ใครลากแล้ว ให้เอื้องลากเราคนเดียว” ตุลย์ยอมเช่นนั้นจริงๆ “มันเป็นงานไวน์ เราก็แค่จิบๆ”

“หรา จิบๆๆๆ” หญิงสาวหัวเราะ “ดีแล้ว ขับรถเองด้วย เดี๋ยวไม่ไหว นี่ฝนลงเม็ดอีกด้วย”

ตุลย์ไม่ได้บอกเธอหรอกว่าเขาให้คิมหันต์มาขับรถให้ ไม่อยากให้ตัวเองดูเป็นคุณหนูเกินไปนักจนเอื้องคำน้อยใจในความแตกต่างของฐานะ

“ยังมีอาการแบบวันก่อนอีกไหม” เขาไม่วายห่วง

“หายแล้ว สงสัยวันนั้นกินอะไรผิด”

“เป็นบ่อยๆ น่าจะไปหาหมอ”

“ไม่บ่อย” หญิงสาวรีบปฏิเสธ

“ให้น้ำเกลือก็ได้นอนไง สมใจอยาก นอนยาวทั้งวัน”

“No! ไม่เอา” เอื้องคำทั้งกลัวทั้งขำ ดีใจหรอกที่เขาเป็นห่วงมากมายนาดนี้ “เดี๋ยววันนี้เลิกงานก็จะรีบกลับเหมือนกัน จะได้นอนเยอะๆ ห่วงนอนมาก”

“เราไปรับนะ”

“จะมารับเหรอ” เข้ากรุงเทพฯ แล้ววิ่งกลับมารับเธอ เขาไม่เหนื่อยบ้างหรือไร

“อือ…ออกจากงานสักสองทุ่มนิดๆ ไปรับทันน่า” ชายหนุ่มยืนยัน รอคำตอบจากอีกฝ่ายที่เงียบไป

“แต่งหน้าอยู่ เพิ่งกินข้าวเสร็จ แล้วมาเข้าห้องน้ำ” หญิงสาวรายงานเขาทุกขั้นตอน

“ว่าแต่รูปที่ส่งมาให้เมื่อคืน ทำไมอ้วกจนปากแดงเลยเหรอ” คนช่างสังเกตไม่วายทัก เพราะเขายังคิด…ถ้าเอื้องคำท้องกับไอ้คนกร่างหยาบคายนั่น

เราควรทำอย่างไร!

อดีตคืออดีต…ที่เคยมีอะไรกันก่อนที่เขาจะเริ่มคบกับเอื้องคำ ตรงนี้ตุลย์ไม่สนใจ และถ้ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นเพราะสองคนนั่นมีอะไรกันก่อนหน้า เขาก็พร้อมจะยอมรับ…เพื่อเอื้องคำ

เพื่อความสุขของเอื้องคำ

เพียงแต่ว่า ลูกสามคนแล้ว เอื้องคำจะพลั้งเผลอกับไอ้หมอนั่นเชียวเหรอ

และวันนั้นที่นั่งรถไปทำบุญด้วยกัน จนวันนี้ เธอก็ไม่มีอาการใดๆ

หรือว่าแม่หม้ายลูกสามเก่งในการปกปิดทุกอย่าง

“แหม…ทาลิปแบบช๊อค มันติดทนนาน”

“ทนนาน สดใส ราวจะออกไปเที่ยว” ตุลย์เขียนแซว

“ไม่เชื่ออีก มีถ่ายในห้องน้ำด้วยนะ กะว่าถ้าไม่เชื่อจะส่งให้ดูใหม่” เธอเย้ากลับ

“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แค่คอมเมนต์เฉยๆ” เพราะถ้าจะคบกันก็ต้องเชื่อใจและไว้ใจกันไม่ใช่หรือ “ตกลงจะให้ไปรับไหม”

“เอื้องกลับเองค่ะ” หญิงสาวยืนยัน

“อ้าว ก็ไหนเมื่อวานบอกว่าวันนี้ให้ไปรับได้”

“อ้าว…” เธออ้าวบ้าง “ก็ถามตกลงจะให้มารับไหม ก็เลยบอกว่ากลับเองได้ เอื้องลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย แต่เดี๋ยวยืมเงินเพื่อนได้”

“แล้วจะกลับเองเหรอ”

“ก็ไปงานที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวย้อน

“อือ…” ข้อความของเขาสั้น แล้วต่างคนต่างเงียบ

เอื้องคำเงียบไปเพราะต้องทำงาน ส่วนเขาก็ต้องออกงานในสังคมของเขา

จนเวลาสองทุ่มกว่า ตุลย์หนีออกมาจากงาน สั่งคิมหันต์ให้ตีรถกลับเทวนิรมิตทันที แล้วรีบส่งข้อความหาเอื้องคำ

“เสร็จแล้ว กำลังจะกลับ สะดวกไปรับ แต่ถ้าไม่สะดวกให้ไปรับก็บอก ถ้าลำบากใจนักก็บอก”

คนอ่านข้อความรับรู้ถึงความน้อยใจ แง่งอน หงุดหงิดเอาแต่ใจ

“อ้าว ซะงั้น ยังไม่ได้พูดอะไรเลย แค่เกรงใจ” หญิงสาวตอบเขา

“ก็ถามแล้วไง จะเกรงใจอะไร ถามแล้วถามอีกจนเหมือนเซ้าซี้ ก็เสนอว่าจะไปรับตลอด ถ้าไม่สะดวกก็จะไม่อาสาหรอก” ตุลย์ร่ายเป็นชุด ทั้งหงุดหงิด ทั้งเป็นห่วงสารพัด อีกทั้งระแวง…ตัดไอ้ตัวกร่างหยาบช้านั่นได้จริงๆ เหรอ “สี่ทุ่มครึ่งเราจะไปรอที่ลานจอดรถ ถ้าจะกลับด้วยกันก็ได้ แต่ถ้ามีแพลนอย่างอื่นแล้วก็ไม่เป็นไร”

เอื้องคำไม่ได้ไปที่บาร์ในซอยตันแห่งนั้นนานแค่ไหนแล้วหนอ และนี่เธอก็ไม่ตอบข้อความของเขาเลย

จนกระทั่งสี่ทุ่มเขาเข้านั่งประจำที่คนขับ หลังจากส่งคิมหันต์ที่หน้าบ้านเตชน์เช่นเคย แล้วขับรถญี่ปุ่นคันเก่ามาหลบใต้มุมมืดในบริเวณลานจอดรถของนิมมาน

“รออยู่ที่ลานจอดรถ” เขาส่งข้อความไปเมื่อสี่ทุ่มครึ่งพอดี

“ลูกค้ายังมีอีกหลายโต๊ะ ยังไม่ได้เคลียร์บาร์เลย”

“ไม่เป็นไร”

“ไม่รู้จะเลิกกี่โมง”

“ไม่เป็นไร” อีกครั้งที่เขายืนยัน

“จะรอใช่ป่าว”

“อือ…ใกล้เสร็จก็บอก”

“ค่ะ” เมื่อตอนห้าทุ่มเธอรับคำเช่นนั้น  และอีกสี่สิบนาทีต่อมาหญิงสาวจึงรายงาน “ยังไปไม่ถึงไหนเลยค่ะ แขกยังอยู่สองโต๊ะ ท่าจะดึก”

“เคร” เขารับคำสั้นๆ

“เอื้องยืนชงเหล้าบนบาร์เนี่ย” เธอรายงานเขาเป็นระยะ โดยไม่ลืมถาม “ง่วงยัง”

ทว่าไม่มีคำตอบ จะมีก็ข้อมูลอาหารและศัพท์ต่างๆที่เธอเคยถาม และที่เขาหามาและส่งให้

“Wowww”

“อย่า wow ทำงานไป” ข้อความนี้ คนอ่านรับรู้ได้ถึงเสียงกึ่งดุ กึ่งสนุกอารมณ์ดีของอีกฝ่าย ไร้เคล้าแง่งอนหงุดหงิด

มันทำให้เธอหัวเราะก่อนรายงาน  “ลูกค้าลุกแล้ว เอื้องล้างแก้วที่บาร์ล็อตสุดท้ายล่ะ”

ตุลย์รับรู้สั้นๆ จนอีกสิบห้านาทีต่อมาหญิงสาวจึงส่งข้อความหาด้วยความเป็นห่วง  

“หลับยัง คนข้างบนจะหลับแล้ว ง่วง”

“ยัง” คนรอตอบ “เล่นเกมส์สลับกับอ่านข่าว”

“รอแป๊ปนะคะ เคลียร์บาร์ก่อน”

“ได้ๆ จิ๊บๆ รอมาสองชั่วโมงแล้ว” เขารอเอื้องคำได้อย่างที่ไม่เคยอดทนรอใครได้นานขนาดนี้ ไม่ว่าจะมัทนาหรือใคร

รอจนเธออกมานอกร้านแล้วจึงวนรถไปรับ  ชอบนักเมื่อเห็นรอยยิ้มแจ่มใสและอาการดีใจของอีกฝ่าย และแม้เขาเองจะชื่นใจ แต่ความง่วงเล็กน้อยทำให้หาวแล้วขยี้ตา ทันพอที่หญิงสาวที่เข้ามาในรถจะเห็น

“แน๊ะ…ง่วงแล้วเหรอขยี้ตาด้วย” เธอยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ทั้งสงสารทั้งเอ็นดู องค์ชายน้อยช่างน่ารักเสียจริง

“เปล่า” ตุลย์ปฏิเสธเสียงค่อย ทั้งๆ ที่ง่วงและเหนื่อยล้า “ดูมือถือมากไป”

มือเอื้อมไปกุมมืออีกฝ่าย ก่อนออกรถช้าๆ พาหญิงสาวมาส่งถึงอาคารที่พัก ระหว่างทางก็เล่าถึงงานที่กรุงเทพฯ เมื่อหัวค่ำ

งานไม่สนุก ไวน์ไม่ถูกปาก อาหารไม่ถูกใจ และที่สำคัญ…เราคิดถึงเอื้อง

นั่นทำให้หญิงสาวมีความสุข หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“พรุ่งนี้เรามารับไปทำงาน ราตรีสวัสดิ์นะ” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แตะจมูกเบาๆ หากเนิ่นนานที่แก้มนวล…หอมนัก “ห้ามฝันถึงคนอื่นเด็ดขาด”

“คร่า” เอื้องคำลากเสียง แขนรวบต้นคอของเขา มาหอมแก้มฟอดใหญ่เช่นเคย

แก้มของตุลย์หอม หอมเช่นดอกลิลลี่ของเขาที่นำมาขึ้นหิ้งพระนั่นแหละ ที่บัดนี้มันฟุ้งกระจายกลิ่นต้อนรับเมื่อเธอกลับถึงห้อง

ข้อความก็ยังมีส่งถึงกันจวบจนตีสอง ที่หญิงสาวหลับไปพร้อมความสุขและกลิ่นหอมชื่นใจจากองค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิต ไม่ได้อ่านข้อความของสมหวังที่ส่งมาตอแยตลอดทั้งคืน




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่