เปลวพิศวาส (บทที่ 11) โดย มานัส

บทที่ 11

น้ำเย็นๆ ทำให้ร่างกายสดชื่น ชุ่มฉ่ำ แต่ความคิดของหญิงสาวก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่เขา เป็นความคิดที่เพิ่มความร้อนให้ร่างกาย


ตุลย์เป็นสุภาพบุรุษ ถ้าไม่นับเรื่องคืนนั้นเมื่อหลายเดือนก่อน เขาก็ไม่เคยมือไว หรือฉวยโอกาสกับเธอ

มือเขาที่มักกุมมือของเธอก็กระชับด้วยความอบอุ่น…สุภาพ

แม้แต่อ้อมแขนของเขาที่กอด ก็ไม่เคยล่วงเกินหรือเกินเลย กอด…เอาใจ ออดอ้อน จนบางทีเธอแอบคิด…หรือว่าเขารังเกียจแม่หม้ายลูกสามเช่นเธอ

รังเกียจคนจนๆ แสนต้อยต่ำเช่นเธอ

แต่วันนี้…ที่เราตกลงกันแล้วว่าจะ…ไปต่อ

เขายอมตัดผู้หญิงคนอื่นๆ ตัดแม้กระทั่งมัทนา ยอมที่จะมีเธอเพียงคนเดียว มันก็แสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าองค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิต จริงจังและจริงใจกับเธอ

“มันจะเป็นไปได้เหรอ” เอื้องคำสวมเสื้อยืด กางเกงขายาวชุดนอน นั่งชิดประตูระเบียงเล็กด้านหลังห้องพัก “จะเป็นไปได้นานแค่ไหน”

‘มันก็แค่เล่นๆ กับเอื้อง ไอ้คุณหนูเจ้าอารมณ์นั่นก็เห็นเอื้องเป็นของง่ายไง’ เสียงของสมหวังดังเข้ามาทำให้เธอคิด

เอื้องคำเปิดข้อความ…ส่งบอกตุลย์ว่าเธออาบน้ำเรียบร้อยแล้ว และเตรียมนอน

ทว่าหญิงสาวถอนหายใจ ใบหน้าปรากฏรอยเครียดเมื่อเห็นข้อความอีกเป็นสิบของสมหวังที่ส่งมาอ้อนวอนสารพัด แล้วยังเสียงที่เขาอัดพร่ำบอกถึงความรักสนิทเสน่หาที่เขามีให้เธอมากมายนัก

ผู้ชายสองคนในชีวิตของเธอตอนนี้…แตกต่างกันเหลือเกิน

คนหนึ่งพนักงานบริการในบาร์เล็กๆ การศึกษาไม่สูง เงินเดือนน้อย อายุอ่อนกว่าเธอเกือบสิบปี

อีกคน…องค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิต นักเรียนนอก พร้อมทั้งการศึกษา ความคิดความอ่าน ฐานะ และมีความเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำ เป็นคู่คิดที่ปรึกษา

สมหวังไม่ได้เติมเต็มด้านชีวิตทั้งหมด จะปรนเปรอแค่ความรักที่สยบแทบเท้าของเธอ และความใคร่บนหยดหยาดคาวโลกีย์

ทว่าตุลย์ก็สูงเกินไปจนเธอรู้สึกต่ำต้อย สังคมของเขาต่างจากสังคมของเธอ

‘มันจริงใจกับตัวหรอก ขนาดตัวเมาอย่างนั้น มันยังใจไล่พวกเราลงจากรถ    ไล่อย่างกับหมูกับหมา แทบจะให้ไอ้คนขับรถมาลากพวกเราลง เพราะตัวไปอ้วกในรถมัน แต่เค้าสิ ประคองตัวเดินกลับมาถึงห้องพัก’ สมหวังรักเธอมาก…ข้อนี้เอื้องคำรู้ ‘เค้ารักบี๋นะ ไม่คิดจะทิ้งบี๋ไปไหน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม’

หญิงสาวจุดบุหรี่อีกมวน พยายามไล่ความคิดทั้งหมดออกไป หากทำไม่ได้สักที

ตุลย์กับเธอแตกต่างกันมากเหลือเกิน

แล้วถ้าวันหนึ่งสังคมของเขา ครอบครัวของเขาไม่ยอมรับเธอ หลังจากนั้นเรื่องของเราจะเป็นเช่นไร

มันก็ต้องจบในสักวันไม่ใช่หรือ

ที่สำคัญ…วันหนึ่งธัญญาก็ต้องรู้ แล้วเมื่อนั้นเธอจะทำเช่นไร

ธัญญาชอบตุลย์ ชอบเกินฐานะเพื่อน พี่ หรืออะไรสารพัด ชอบจนให้ความสนใจความเป็นไปของตุลย์ที่ฝีก้าว และธัญญาก็มีบุญคุณกับเธอ ควรแล้วหรือที่ผิดใจกับเพื่อนและผู้มีพระคุณเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว

บางที…แค่คืนนั้นคืนเดียวมันก็ควรพอแล้ว ควรจะสุขพอแล้ว

แค่เท่านี้…ถึงตรงนี้ น่าจะพอแล้ว ควรจะหยุดแล้ว

ดีกว่า…ทุกข์ในปัจจุบันกับอนาคตที่ไม่มีทางเป็นไปได้

ความทุกข์ทำให้หญิงสาวคิดจนปวดหัว นอนก็แค่หลับตา

หลับ…ก็ไม่หลับสนิท

ตื่นมาตอนเช้า อาการปวดหัวเพราะความคิดนั้นหนักขึ้น ยาพาราฯ พอบรรเทาได้ และทำให้เธอหลับไปจนบ่ายสองในวันหยุด

ตุลย์ส่งข้อความถามไถ่ ทำให้หญิงสาวบอกเขาว่าปวดหัวตั้งแต่เช้า

ปวดหัวเพราะเบียร์ หรือบุหรี่ หรือเรื่องอื่น

เขาถามกลับง่ายๆ โดยที่เอื้องคำตัดสินใจสารภาพ

“เรื่องเมื่อคืน กลับมาคิดๆ ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม มันใช่หรือเปล่า มาถามใจตัวเองดู”

“จะเอายังไงก็บอก ก็แค่นั้น” ข้อความของเขาแสนง่าย แกมหงุดหงิด

“เอื้องไม่อยากไปต่อ” ข้อความของเธอก็ง่ายๆ เช่นกัน

“ก็ได้”

การบอกผ่านข้อความของเขาสั้นนัก เอื้องคำหยิบบุหรี่มาจุด มือสั่นไหวๆ ทิ้งตัวลงนั่งริมประตูระเบียงด้านหลัง

หญิงสาวไม่ได้สะอื้นไห้ ทว่าน้ำตามันไหลออกมาเอง และเธอก็ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ ไม่สนใจที่จะเช็ดมันออก

ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วเราจะเริ่มกันทำไม สู้หยุดตอนนี้เสียดีกว่า

เจ็บแค่นี้…ดีกว่า

แล้วจบมันเสีย…ดีกว่า

บุหรี่อีกมวนถูกจุด พร้อมความคิดที่พรั่งพรู…จะจบแค่นี้จริงๆ เหรอ

‘ความสุขของเราสองคน เอื้องจะยอมปล่อยให้มันผ่านเลยไปเชียวหรือ’ เสียงทุ้มยังก้อง

เธอยอมปล่อยไปได้หรือไร…

‘เราก็กลับมาหาเอื้องแล้วไง อยู่ตรงนี้กับเอื้อง กอดเอื้องแบบนี้ไง’

หลายเดือนที่หญิงสาวถวิลหาเขา และดีใจนักหนาเมื่อเห็นเขากลับมา

กลับมา…ทั้งตัวและหัวใจ

จริงจัง…มิใช่แค่เล่นๆ ไม่ซีเรียส กับแม่หม้ายลูกสามที่ไม่มีฐานะ

‘คนเราเลือกเกิดไม่ได้ และกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้  แต่เราเลือกได้ว่าเราจะรักใคร เราเลือกได้ว่าเราจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่อเดินไปข้างหน้ากับใคร เรากลับมาเพื่อชดเชยความผิดก็จริง แต่ในที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราชอบเอื้อง รู้หมดนั่นแหละเรื่องอดีตของเอื้อง รู้ทุกอย่างแต่เราก็ยังสนใจ…อยากรู้จักเอื้องให้มากขึ้น อยากคบกับเอื้อง’

โอกาสที่เขาหยิบยื่นให้เธอ

ความสุขในหัวใจที่เธอเคยต้องการ ถวิลหามาหลายเดือน พอได้มาแล้วเธอทำอย่างไร

‘เอื้องไม่อยากไปต่อ’

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก สะกดเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ

“เรามันแค่เด็กเสิร์ฟจนๆ ไม่มีการศึกษา เป็นแม่หม้ายลูกสาม จะคู่ควรกับเขาได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้”

เส้นทางชีวิตของเราแตกต่างกันมากมาย ไม่ควรบรรจบพบกัน พบก็แค่ในสถานะพนักงานกับผู้ถือหุ้นของเทวนิรมิต ฐานะลูกค้าของร้านนิมมาน

และไม่ว่าในฐานะไหนๆ ฐานะของเธอก็ไม่มีวันเทียบเคียงเขาได้

ฐานะที่เธอไม่มีวันเป็นคู่ชีวิตของเขาได้

“ถูกแล้ว…มันถูกแล้ว จบเสียตอนนี้” เอื้องคำปาดน้ำตาที่รินไหลไม่ขาดสาย

จบแล้วจริงๆ หรือ




อาการหงุดหงิด หน้าบึ้ง คิ้วขมวด นั้นเป็นที่รู้กันสำหรับคนที่…บ้านใหญ่

หนีหน้าได้ก็ควรหนี

ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับองค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิต

ถ้าพิโรธจัด แม้แต่ภวัตและกำธรก็ยังไม่กล้ายุ่งด้วย

ตุลย์เอาเรื่อง เอาจริง ไม่ใช่แค่ขู่ และเอาเรื่อง…เอาจริงถึงที่สุด

“นี่ตุลย์เป็นอะไร” จงกลมองลูกชายที่เดินไปมาอยู่หน้าบ้าน โดยมีสุนัขตัวโปรดนั่งเฝ้าไม่ห่าง “เมื่อเช้าเห็นดีๆ มีความสุขอย่างกับคนมีความรัก”

ลูก…แม้จวนสี่สิบแล้ว แต่ก็ยังเป็นลูกคนเล็กและ ตอนนี้…ลูกที่เหลือคนเดียว

ลูก…ที่ไม่มีทีท่าว่าจะลงเอยกับผู้หญิงคนไหนสักคน

ลูก…ที่ผู้เป็นแม่มักเป็นห่วงเสมอ

“ลมเพลมพัดไปตามเรื่องมังคะ” สาวใช้ที่อยู่บ้านใหญ่มาหลายปีย่อมรู้ดี “หรือว่ามีใครไปขัดใจอะไรเข้า”

ขัดใจจงกลได้ และเมื่อก่อนแม้แต่กับเตชน์และณัฐมน ใครๆ ก็ขัดใจได้

แต่กับตุลย์ น้อยคนนักที่จะกล้าขัดใจ

อยากได้อะไรต้องได้ ไม่มีใครหาให้ แต่ตุลย์ใช้ปัญหาและความสามารถหามาได้เอง และมักได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ

รูปงามนามวิไล                         ความคิดไซ้คงไว้ด้วยปัญญา
สำเนียงเสนาะไพเราะเจรจา         ดวงเนตรเสาะหาได้อย่างใจจงฯ




“คิมหันต์หรือวัสสานะน่าจะพอรู้เรื่อง”

“จะให้หนูไปตามมาถามไหมคะ”

“ช่างเถอะ” จงกลโบกมือ “คงไม่มีอะไร เดี๋ยวก็หายโกรธ หายโมโหเอง นั่นไง เดินเข้าบ้านมาแล้ว”

ลูกชายเดินเข้าบ้าน…รวดเร็วราวพายุ หายเข้าห้องนอนของตนไป ผู้เป็นแม่จะทักเรียกก็ไม่ทัน

แม้แต่สุนัขตัวโปรดที่วิ่งตามหลังมาก็ยังได้แต่ทิ้งตัวนอนท้องราบเฝ้าอยู่หน้าห้อง

“คงเรื่องเงินที่จะซื้อหุ้นล่ะมัง” คนเป็นแม่สรุป

เงินสามสิบกว่าล้านก็เรื่องหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำให้ตุลย์เครียดหนัก เขานั่งทำงานแต่เช้า เพราะยังมีความหวัง มีทางออก ทว่าเรื่องของเอื้องคำ…นี่ละสิที่ทำให้เขาทุรนทุราย

เวรกรรมตามมาทันตา หลายเดือนก่อน หลังจากคืนนั้น เอื้องคำจะร้อนรนใจเช่นนี้หรือเปล่าเมื่อเขาหายหน้าไป

โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดถูกหยิบขึ้นมาหลายครั้งภายในระยะเวลาไม่กี่นาที ร่างสูงเดินวกไปวนมาในห้องพักที่แบ่งส่วนเป็นบริเวณทำงาน และห้องนอน

อารมณ์โกรธ หงุดหงิด โมโหหลังจากที่ได้รับข้อความจากเอื้องคำเริ่มจางเบาบางลง ความเป็นห่วง ถวิลหาแทรกเข้ามาในความรู้สึก อยากจะรีบไปหาเธอเดี๋ยวนี้

อยากไปคุย ไปถาม

อยากไปประคองกอด ออดอ้อน ปลอบประโลม

แต่ก็ทำได้แค่อยาก

“ยัยอรดีไม่น่าจะมานัดขอคุยบ่ายนี้เลย” ตุลย์โทษคนที่เขาไม่ถูกชะตาด้วย

และแม้ไม่ถูกชะตานัก แต่เขาก็ต้องอาศัย พึ่งพาอรดีในตอนนี้ในการบริหารเทวนิรมิตที่มีปัญหาพรั่งพรู

การโกง การใช้งบ การใช้จ่าย การตบแต่งบัญชี หนี้ลูกค้าที่ค้าง การปลดพนักงานที่มีการโกงออก และอีกสารพัด

เตชน์กับณัฐมนเคยใจดี เคยไว้วางใจใครหลายคน สุดท้ายวางใจคนผิด ตอนนี้ยังดีที่มีอรดีเข้ามาตรวจสอบจนเจอปัญหาและช่วยจัดการแก้ไข ระหว่างที่เขาวุ่นกับเงินสามสิบล้านบาทและเรื่องของเอื้องคำ

ความคิดเรื่องการประชุมกับอรดีมีเพียงแวบเดียว ต่างจากความคิดเรื่องเอื้องคำ ตุลย์ตัดสินใจโทรฯ หา ไม่มั่นใจหรอกว่าหญิงสาวจะรับสายเขา

จะไม่ยอมคุยเชียวเหรอ

ขอแค่ได้คุย เขามั่นใจว่าสามารถดึงเอื้องคำกลับมาได้

“ใจเย็นลงหรือยังหนอ ยังคิดมากอยู่หรือเปล่า” ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังเป็นห่วง…หัวใจ ของผู้หญิงคนนั้น อย่างที่ไม่เคยห่วงหัวใจของใครคนไหนมาก่อน

แต่ใจของเขาสิ…เต้นแรงด้วยความดีใจเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“เอื้อง” เขาเรียกเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไร เสียงทุ้มทอดลงอ่อนหวาน “เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น  เมื่อคืนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่หน่า แล้วนี่อะไร”

“ไม่มีอะไร เอื้องแค่กลับมาคิด”

“คิดมาก คิดเยอะเกิน” การตำหนิยังอ่อนโยน “คิดมากมายแบบนี้มันไม่เป็นผลดีกับเอื้องหรือกับเรา แล้วนี่คิดคนเดียว คิดเอง เออเองอีก”

“เอื้องต้องคิด” เสียงมีแววเศร้า

“หรือเพราะไอ้หมอนั่น” คราวนี้เสียงทุ้มกร้าวของเขาดุดัน

“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้นค่ะ เอื้องคิดเรื่องระหว่างพี่กับเอื้อง เอื้องมาคิดๆ ว่ามันจะเป็นไปได้หรือ มันไม่น่าเป็นไปได้” เธอกลั้นใจกล่าวออกไปในที่สุด

“ทำไมล่ะ เราก็มีใจให้กัน มันต้องเป็นไปได้สิ”

“คนระดับพี่กับคนไม่มีฐานะแบบเอื้อง เราต่างกันมาก เอื้องเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ เรียนไม่สูง เป็นแม่หม้ายลูกติดตั้งสามคน มีภาระหนี้สิน สร้อยทองที่มีก็ยังต้องเอาไปจำนำ” ลำคอเธอตีบตันไปหมด ต้องระงับใจครู่ใหญ่ “เอื้องต่ำต้อย  เอื้องไม่มีตรงไหนคู่ควรกับพี่เลย”

“ทำไมต้องพูดเรื่องฐานะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้นะเอื้อง เราสบายใจที่คบกับเอื้อง เรามองว่าเอื้องเป็นคนดี”

“พี่ควรคบกับผู้หญิงที่ดีกว่าเอื้อง ไม่ควรให้คนแบบเอื้องเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตพี่” น้ำเสียงของหญิงสาวลดลงต่ำอย่างขมขื่น

“ทำไมต้องคิดแบบนี้ ทำไมไม่คิดว่าเราสองคนเข้ามาเติมเต็มชีวิตให้กัน เรามองที่จิตใจ ที่การกระทำของคนนั้น นั่นคือสิ่งที่คนเราควบคุมได้ แสดงตัวตนของพื้นฐานจิตใจได้ ฐานะ…อดีต ไม่สำคัญกับเรา”

“แล้วคนอื่น คนในสังคมของพี่”

“เอื้องก็น่าจะรู้ว่าเราไม่สนใจ ถ้าเราชอบ เราก็ชอบ ถ้าเราจะคบกับใคร เราก็คบ เราอยากได้อะไร ก็ต้องได้ น้อยครั้งนักที่อยากได้อะไร แล้วไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ ตอนนี้ยังมีแค่สิ่งเดียวที่เรายังไม่ได้ ยังทำไม่สำเร็จ คือได้เทวนิรมิตทั้งหมด เรายังต้องสู้ แต่การต่อสู้มันคงจะดีมากถ้ามีเอื้องอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เรา”  เสียงหนักแน่นทุกพยางค์ยังคงแฝงความอ่อนโยนไม่เสื่อมคลาย “และเราเองก็อยากอยู่ข้างๆ เอื้อง อยากดูแลเอื้องให้ดีที่สุด อยากคอยเป็นกำลังใจให้เอื้อง”

“เอื้องไม่อยากทำให้พี่เสียเวลากับเอื้อง พี่ควรเจอผู้หญิงดีๆ”

“ก็เจอเอื้องไง” แววเสียงมีรอยยิ้มแห่งความสุขที่คนฟังสัมผัสได้ “ฐานะของเราก็ไม่ได้ดีอะไรหรอก เราก็คนบ้านนอก ตอนนี้ไม่มีทรัพย์สินอะไรมากมาย เราอาจจะให้เอื้องเหมือนที่เราเคยให้คนอื่นไม่ได้เพราะฐานะเราที่เปลี่ยนไป แต่เราจะให้เอื้องทุกอย่างที่เรามี ที่เราสามารถหามาให้ได้ เราอยากทำให้เอื้องยิ้ม หัวเราะ ให้เอื้องมีความสุข ที่ผ่านมา เวลาที่อยู่กับเราเอื้องมีความสุขหรือเปล่า”

ตุลย์ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จากปลายสาย ก่อนอีกฝ่ายจะยอมรับ

“ค่ะ เอื้องมีความสุขเวลาที่อยู่กับพี่”




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่