เปลวพิศวาส (บทที่ 7) โดย มานัส

บทที่ 7


“คิดอะไรอีกแล้ว”

ตุลย์ชำเลืองมองคนที่นั่งเงียบตีสีหน้าเฉยมาตลอดทางแล้วหันกลับมายังถนนข้างหน้าอีกครั้ง

“เปล่า”เอื้องคำฝืนปฏิเสธ

“ก็เปล่าตลอดแล้วก็คิดตลอด”

ความสนิทสนมในระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมาทำให้ชายหนุ่มดูออก เอื้องคำมักคุยโน่นนี่ เล่าเรื่องของเธอให้เขาฟัง หรือหยอกล้อกันน้อยครั้งที่จะเงียบ และแทบจะไม่เคยเลยที่เธอจะเงียบและเย็นชา

“แค่คิดว่าอยากแวะซื้อเบียร์ก่อนกลับห้อง”

“ยังจะดื่มอีกพอเถอะ คืนนี้ดื่มเยอะแล้ว” อยู่ในร้านสองชั่วโมงนิดๆ แต่เขาก็เห็นและรู้ว่าภายในเวลาอันแสนสั้นหญิงสาวดื่มไปแค่ไหนเพื่อตามใจแขกประจำที่ใช้จ่ายเยอะ

เรื่องนี้ตุลย์ไม่ชอบใจเลยหมายมั่นว่าจะคุยกับธัญญาและอรดีให้ทั้งสองจัดการ เพราะพนักงานของนิมมานไม่ใช่เด็กนั่งดริ๊งก์ ไม่ว่ากับเขาหรือกับใคร เรื่องแบบนี้ไม่มีที่เฮเวนส์หรือยามาและเพิ่งเกิดขึ้นที่นิมมานในช่วงหลังๆ เมื่อกำธรเข้ามาดื่มกินที่นี่บ่อยขึ้น

เคยบอกเตชน์ไปแล้วและได้มีการจัดการไปแล้ว แต่ปัญหาเรื่องเอาพนักงานมาดื่มเป็นเพื่อนก็เกิดขั้นอีก

กับพนักงานคนอื่นตุลย์ก็มองว่าไม่สมควรและยิ่งกับเอื้องคำ…เขาช่างหวงแหนนัก!

ใบหน้าคมแซมหวานได้อย่างลงตัวรับกับดวงตาเรียวราวรูปอัลมอนด์เป็น ประกายที่ยิ่งคมเฉียบเมื่อวาดขอบไลน์เนอร์เข้มดวงตาที่บางทีฉ่ำหยีเป็นสระอิยามยิ้มคราสนุกถูกใจ แล้วยังจมูกโด่งมีสันได้รูปพอดีจนเขายังเคยถาม…ทำศัลยกรรมมาเหรอ

‘โอ๊ย…ระดับอย่างเอื้องเหรอจะมีปัญญาไปทำ’

ที่ผ่านมาเขาเมิน…ไม่มองเอื้องคำได้อย่างไร

แม้แต่ในคืนนั้น…ที่จำได้แค่รสฤทธิ์พิศวาสหากกลับจำดวงหน้าสะสวยไม่ได้

“นะ วันหลังจะเลี้ยงเบียร์ให้พุงกางเลย”น้ำเสียงตุลย์ในเวลานี้ออดอ้อนเอาใจ หากไม่มีคำตอบใดๆ จากอีกฝ่ายมือของเขาเอื้อมมากุมมือขวาที่สวนแหวนเงินราคาถูกสองวง

วงหนึ่ง…นิ้วกลางอีกวงนิ้วก้อย

จนกระทั่งรถยนต์คันงามเข้ามาจอดหน้าทางเข้าตึกที่พักห้าชั้นเมื่อนั้นหญิงสาวจึงหันมา…ฝืนยิ้ม เมื่อเขาคลายมือออก

“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”

การก้าวลงจากรถเชื่องช้าพอๆกับการปิดประตูราวคนหมดแรง

ตุลย์ได้แต่มองตามร่างนั้นไปแววตาเต็มไปด้วยความกังวลเป็นห่วง ไม่เข้าใจในความเปลี่ยนไปของอีกฝ่าย

เธอไม่ได้หอมแก้มเขาเช่นเคยไม่ทิ้งร่อยรอยอ่อนหวานให้ชื่นใจ ให้ถวิลหา

รถยนต์สีขาวเคลื่อนตัวออกช้าๆโดยเจ้าของรถไม่รู้ว่า คนที่เพิ่งลงจากรถยังคงแอบมองอยู่จากภายในอาคารเก่า

การถอนหายใจของเอื้องคำนั้นเบาราวเกรงว่า…เขาจะได้ยิน

เธอเดินช้าๆขึ้นลิฟต์ตัวเดียวของอาคารไปยังชั้นสี่ ไขเปิดประตูเหล็กดัดติดมุ้งลวดด้านนอกแล้วผลักเปิดประตูไม้สีน้ำตาลเข้มด้านใน

ห้องพักเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่กว้างนักเหมาะกับราคาค่าเช่าอันแสนถูก ห้องมีที่พอจะวางฟูกห้าฟุต ชิดริมหน้าต่างสองบานตรงบริเวณด้านหน้าห้องโดยใช้ตู้ใบใหญ่สองใบกั้นเป็นกำแพงที่เปิดสองด้านมีราวขึงด้านบนเป็นผ้าม่านกั้นทางเข้าให้ความส่วนตัว ถัดจากมุมที่นอนเป็นชุดหมู่บูชาพระและโต๊ะไม้เตี้ยๆ สำหรับวางธูปเทียนและดอกไม้ มีโต๊ะกินข้าวเล็กๆ วางข้าวของเครื่องใช้เล็กๆน้อยๆ พร้อมเก้าอี้นั่งสองตัวอยู่ชิดกำแพงติดบริเวณครัว ครัวเล็กอยู่ติดกับระเบียงแคบด้านหลังประกอบด้วยตู้เย็นเก่าๆ ชั้นวางของ และอ่างล้านจาน

กระเป๋าเป้ทำจากผ้าเดมินสีชมพูอ่อนถูกวางไว้บนโต๊ะกินข้าวพร้อมซองบิลค่าใช้จ่าย

หญิงสาวคว้าบุหรี่อยู่ในช่องด้านหน้าของเป้ออกเปิดประตูมุ้งลวดของระเบียงแคบด้านหลัง ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้พลาสติสีเขียวสูงเลยข้อเท้าเล็กน้อย

บุหรี่ถูกอัดเข้าไปจนเต็มปอดการผ่อนออกควันสีเทานั้นช้าๆ พอมวนแรกหมด ก็ต่อด้วยมวนที่สองทันที

‘พี่เตชน์นักเรียนในไทยพี่ตุลย์นักเรียนนอก เรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ แล้วต่อตรีและโทที่อเมริกา’ธัญญาเคยเล่าให้ฟังอย่างสนุก ‘พี่น้องเรียนเก่งทั้งคู่แต่คนน้องเก่งกว่า โปร์ไฟล์เริด เล่นดนตรีได้หลายชนิด เขียนเพลงได้ พูดได้สี่ภาษาเป็นนักเรียนทุน อีกนิดเดียวก็จะได้ด๊อกเตอร์ แต่นางขี้เกียจทำวิทยานิพนธ์โนสนโนแคร์ แถมมีคุณมณีรัตน์ป้าฝั่งแม่รักเหมือนลูก ประคบประหงม ส่งไปเรียนตามใจทุกอย่าง คุณจงกลก็ตามใจ ไม่กล้าขัดใจลูก ไม่จบเอกก็ไม่มีใครว่า’

เอื้องคำได้แต่รับฟังนึกน้อยใจในฐานะและอดีตของตัวเอง

ฐานะก็ต่ำต้อยการศึกษาก็ไม่สูง แม้แต่มัธยมปีที่หก เธอก็เรียนผ่านโครงการผู้ใหญ่ โดยไม่เคยทำเรื่องจนจบเพื่อได้รับใบประกาศนียบัตรใบที่มี…ปลอม…เพื่อช่วยในการหางานเท่านั้น

‘พี่ตุลย์บทจะเนี๊ยบก็เนี๊ยบสูททุกตัวนี่สั่งตัดนะ เสื้อผ้าก็ต้องของแท้ ของดี มีแค่ช่วงหลังๆที่มาเน้นยีนส์ง่ายๆ นี่เอ็งดูรองเท้าคู่นั้นสิ’ รองเท้าคู่งามของเขาดูใหม่สะอาดหมดจด ‘ซื้อจากยุโรป คู่ละเกือบสามหมื่นโคโลจญ์ก็ซื้อจากยุโรป ไม่มีขายที่ไทย’

องค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิตมีพร้อมทุกอย่าง เคยชินแต่ของแพง ของดี หรูหรา

‘ทุกอย่างต้องดีหมดอาหารการกิน แม้แต่กระทั่งเครื่องดื่มนี่เหล้าไวน์หลายตัวที่เอาเข้าร้านก็ต้องเอาที่ถูกปากถูกใจท่าน’ เตชน์เคยนินทาน้องชายให้เธอฟัง

ค๊อลเทลแสนอร่อยที่เอื้องคำผสมให้เขาก็ต้องใช้เหล้าจินที่เขาคัดเลือกมาเท่านั้นเขากล้าที่จะเรียกร้องสิ่งที่ดีที่สุด แสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด ไม่กลัวอะไรหรือใคร

‘กลัวอะไรมั่งเนี่ย’เอื้องคำเคยหยอก

‘กลัวว่าความยุติธรรมไม่มีจริงกลัวว่าเราจะแพ้ให้ความไม่ถูกต้อง’

อย่างน้อยเขาก็มีความกลัวหากเป็นความกลัวที่แตกต่างจากชาวบ้าน และต่างจากเธอที่คิดกลัวหลายอย่าง

เอื้องคำหยิบกระดาษแผ่นเล็กออกมาจากกระเป๋า

ค่าใช้จ่ายที่เธอต้องจ่ายหนี้ที่ต้องชำระภายในเดือนนี้

หญิงสาวอ่านข้อความจากธัญญา

ยืมอีกแล้ว

เดือนนี้ขาดเงินอีกหมื่นกว่าๆรายได้จากเทวนิรมิตนั้นดีพอควร แต่ภาระทางการเงินของเธอก็หนักนัก

การหยิบยืมนอกจากกับมารดาของเธอที่กรุงเทพฯ และธัญญาก็มีจากโรงจำนำที่หญิงสาวเอาสร้อยทองที่มีอยู่หนึ่งเส้นไปจำนองจะเหลือก็แค่เส้นที่สวมอยู่ ที่มารดาเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน

…เห็นคนที่ไปบ้านใหญ่เมื่อเย็นบอกว่าพี่ตุลย์พาหลานเจ้าของโรงสีมากินข้าวที่บ้าน สงสัยคนนี้จะเอาจริง มีคนเห็นเข้ากรุงเทพด้วยกันบ่อยๆแบบนี้คุณขวัญคนสวยคงตกกระป๋อง…ข้อความของธัญญายังมีมาต่อเนื่อง

เมื่อคุยเรื่องสัพเพเหระเสร็จก็มักจะวกเข้าเรื่องของตุลย์

บางทีเอื้องคำก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องภาระที่เธอแบกจนหนักอึ้งหรือว่าเรื่องของตุลย์ที่ทำให้…คิดหนัก

‘เสียดายจังพี่ตุลย์ขายรถสปอร์ตเปิดประทุนไปแล้ว’เอื้องคำเคยได้ยินธัญญาคุยกับเขา

‘เอาเงินไปลงทุนในหุ้นน่ะเลยต้องดาวน์เกรดมาเป็นคันนี้แทน’ เขาตอบง่ายๆราวว่าการซื้อรถยุโรปคันงามที่ใช้ในปัจจุบันนั้นง่าย ‘คิดอยู่หลายเดือนกว่าจะตัดสินใจซื้อดีไหมหรือว่าเปลี่ยนเป็นรถญี่ปุ่นไปเลย ดีที่พี่เตชน์ขี่ม้าขาวมาช่วย’

องค์ชายน้อยแห่งเทวนิรมิตมีพร้อมทุกอย่างทั้งการศึกษา ฐานะ หน้าที่การงานทั้งงานประจำใส่สูทและการเป็นวิทยากรและนักเขียนรับเชิญ

แล้วเธอล่ะ…เด็กบ้านนอกเข้ากรุงฯ เมื่อจบประถมศึกษาปีที่หก มาอยู่กับแม่และพี่สาวที่เธอรัก และพ่อเลี้ยงที่เธอแสนรังเกียจเอื้องคำเรียนจบแค่มัธยมปีที่ 3 เพราะต้องทำงานเลี้ยงตัวเอง มีลูกคนแรกเพราะพลั้งเผลอตอนอายุยี่สิบสองแล้วกลายมาเป็นแม่หม้ายลูกสามในวัยสามสิบต้นๆ

เธอเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟเล็กๆที่ยังมองไม่เห็นอนาคตตัวเอง นอกจากทำงานเพราะแบบภาระมากมายเหลือเกิน

น้ำที่ตักจากถังพลาสติกนั้นเย็นพอที่จะทำให้ความคิดเย็นลงและผ่อนคลายหญิงสาวคว้าบุหรี่มาสูบอีกมวน ก่อนจัดแจงสวมเสื้อยืดสีขาวลวดลายแดงและกางเกงนอนขาสั้น เสียงเตือนว่าได้รับข้อความใหม่ทำให้เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่ยังวางอยู่บนพื้นใกล้ประตูระเบียง

มีเบียร์มาส่งลงไปเอาด้วย

อยู่ตรงม้านั่ง

เพราะประหลาดใจเธอจึงตอบเพียง…หืม…แล้วบอก…เพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะ

ลงไปเอาก่อนเดี๋ยวมีใครเอาไป

คำสั่งของตุลย์ทำให้หญิงสาวยิ้มได้ลืมความคิดที่รบเร้าก่อนหน้า ส่งข้อความบอกเขาว่าเธอกำลังไป แล้วคว้ากุญแจห้องลงลิฟต์มาข้างล่าง เห็นถุงกระดาษใบงามวางอยู่บนม้านั่ง เอื้องคำหันมองรอบๆกวาดสายตาหา…ใคร

ในถุงมีขวดเบียร์หลากยี่ห้อหลายขวดแต่ไม่มีขวดไหนที่เธอดื่มประจำ

ใครเอามาส่งให้คะ…หญิงสาวส่งคำถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากเขา

มาสะดุดตากับกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก…ขอโทษที่ขัดความสุข

ขอบคุณมากๆ นะคะ มีโน้ตด้วย บอกว่าขัดความสุข งงเลย…นั่นคือข้อความที่เธอส่งให้เขาในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ จนเมื่อเลยตีสองหญิงสาวตัดสินใจส่งรูปหิ้งพระภายในห้องที่ปิดไฟมืดจะสว่างก็แต่บนโต๊ะบูชาที่มีเทียนสี่เล่มจุดไว้

สวดมนต์นั่งสมาธิค่ะ

ทว่าไม่มีคำตอบใดๆจนวันรุ่งขึ้น

ตีสองเนี่ยนะ

ก็ลงไปเอาเบียร์ขึ้นมาก็สวดมนต์ เสร็จตีสองพอดี

และแม้ไม่ได้พบกันแต่การสนทนาทางข้อความและทางไลน์ก็ยังคงมีต่อเนื่องคุยกัน แจ้งความเป็นไปของกันและกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของแต่ละวัน

บางวันไม่มีการส่งอะไรถึงกันจะมีเพียงเธอที่ส่งสติ๊กเกอร์ราตรีสวัสดิ์เขาเท่านั้น แล้วเขาก็จะมีข้อความกลับมา

ในความคิดต่างๆและภาระมากมายที่รุมเร้าราวพายุร้ายที่ซัดเข้ามาในชีวิต ตุลย์ทำให้เธอยิ้มทำให้หัวใจอิ่มเอมด้วยความสุขเล็กๆ มันเป็นความสุขที่มากับความทุกข์ ความขมขื่นแต่อย่างน้อย…ก็สุขใจ ไม่ใช่หรือ




มติเอกฉันท์ของคณะกรรมการแต่งตั้งอรดีเข้ามาบริหารเครือเทวนิรมิตนั้นเป็นที่รู้กันในหมู่พนักงานตุลย์ยินยอมเช่นนั้นเพราะเขาไม่อยาก…take เพียงฝ่ายเดียว

อรดีให้เงื่อนไขที่ดีมากๆโดยเขามีแต่ได้กับได้ ดังนั้น แค่ยอมลงมติเพื่อให้เป็นเอกฉันท์ ก็ไม่ยากเย็นอะไรทว่า…

“ผมขอเพิ่มเงื่อนไขให้ผมมีอำนาจในการตรวจสอบและคัดค้านการทำงานต่างๆของคุณอรดีได้ตามสมควร” ไม่ลองขอ แล้วจะรู้ได้ไงว่าได้หรือไม่ได้

“คุณจะทำให้ดิฉันทำงานลำบากขึ้น”

“ถ้าอยากทำงานกับเทวนิรมิตมันก็ต้องเป็นแบบนี้ อีกอย่างผมมีเหตุผลพอ ไม่หลับหูหลับตาขวางคุณทุกอย่างหรอก”ตุลย์ยืนกราน

“เรื่องมากไปไหมวะ”หนึ่งในสองอาของเขาทำเสียงไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรค่ะดิฉันยินดี” การยอมของเธอนั้นง่ายนัก

จนทั้งภวัตและกำธรต่างสงสัย…ทำไมต้องยอม

“ไม่อยากให้เขาหาเรื่องพยศไปมากกว่านี้ยอมเขาตอนนี้ในเรื่องที่ยอมได้ แล้วค่อยไปบีบในเรื่องหุ้นที่เราจะซื้อดีกว่า”

เมื่อคำตอบนอกรอบจากอรดีเป็นที่พอใจคำถามจึงไม่มีต่อ

หากอรดีรู้…เขาต้องอนุมัติต้องยินยอม ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ทั้งที่นี่ และ…บ้านใหญ่

การอยู่เทวนิรมิตนั้นในฐานะผู้บริหาร

การไปบ้านใหญ่…ในฐานะผู้ที่ต้องคอยปกป้องช่วยเหลือ…เขา

วันนี้เธอมาก็เพื่อทำเช่นนั้น

ควันดำสูงใหญ่เว้นแต่ดวงตาคู่หนึ่งที่แดงเขม็งไม่ปรากฏมาให้เห็นไม่มาท้าทาย

“มันหลบอยู่ข้างหลังบ้านพระเจ้าค่ะ”หนึ่งในเงาสีขาวปรากฏเป็นรูปร่างลางๆ รายงาน

ของสกปรกจากฝั่งเขมรแกร่งกล้าแรงด้วยความชั่วและบารมีสีดำ จะจัดการไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป

อำนาจ บารมีและบุญกุศลของ…เขา ผสมกับของเธอหล่อรวมกับอำนาจที่องค์ผู้เป็นจอมเทพมอบให้ สามารถขจัดสรรพสิ่ง ทั้งอมนุษย์สัตว์นรก หมู่มาร อีกทั้งมนุษย์และเทพเทวดา เว้นแต่…จักรเทวราช!

“การทำร้ายผู้บริสุทธิ์ด้วยมนต์ดำคุณไสยไม่ใช่วิถีของเทวราช”เสียงแข็งกร้าวเปล่งด้วยกระแสจิตของอิสตรีผิวพรรณเปล่งปลั่งทำให้บรรดาเหล่าสรรพสัตว์ทุกสรรพสิ่งอันตรธานหายไปอย่างหวาดกลัว

“การใช้อำนาจในฐานะทิพยธิดาเพื่อขัดขวางการกระทำตามสัจจะวาจาของ…เขามันก็ไม่สมควรเช่นกันมิใช่หรือ” เสียงแย้งก้องกังวานหากแฝงความอ่อนโยนนัก

“ถ้าเขาจะกระทำตามสัจจะวาจาก็ควรให้เขาทำด้วยความสมัครใจมิใช่ใช้วิธีสกปรกโสมมบีบบังคับเขาโดยทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์”

“มันเป็นกรรมที่พวกเขาแต่ละชีวิตต้องได้รับเราแค่เร่งให้มันเร็วขึ้นเท่านั้นเอง”

การหัวเราะเย้ยหยันทำให้ทุกอย่างในมิติของสรรพสิ่งสั่นสะเทือนทุกดวงวิญญาณของสรรพสิ่งและสรรพสัตว์หลบหายไปอย่างหวาดกลัว




(ต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่