เพิ่มบารมีที่จะออกจากโลก


เพิ่มบารมีที่จะออกจากโลก
…………………..
(๑)
“คนที่จะเรียนธรรมะแล้วได้ผลนะ
ต้องเป็นคนที่ อยากเรียน
จิตใจต้องเติบโต มีวุฒิภาวะพอ
ถ้าจิตใจไม่เติบโต
วัน ๆ หนึ่ง จะหลั่นล้า โอหลั่นล้า ทั้งวัน
หลงโลกอยู่ มันเรียนไม่ได้หรอก
ฉะนั้น คนที่จะภาวนา
ต้องมีใจมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
ต้องเติบโตพอ
เจ้าชายสิทธัตถะ บารมีมาก
ทำไมไม่ออกบวชตั้งแต่ ๗ ขวบ
บรรลุพระอรหันต์ ๗ ขวบ อะไรอย่างนี้
ทำไมต้องมีครอบครัว มีลูก
ได้เห็นความตาย แม่ก็ตาย
ได้เห็นความจริงของชีวิต
ที่ท่านออกมาบวช
เพราะท่านเห็นความจริงของชีวิต
ได้เห็นคนแก่ ได้เห็นคนเจ็บ ได้เห็นคนตาย
ได้เห็นสมณะ ได้เห็น ๔ อย่างนี้
ก็คิดว่า สมณะ การออกบวชเป็นทางออก
คนที่เข้าใจโลกระดับหนึ่งแล้ว
เห็นโลกเป็นทุกข์นะ
ก็จะมีกำลังที่จะออกจากโลก ออกจากทุกข์
คนที่โลกนี้หวานแหวว ออกจากโลกยาก
ยกเว้นว่า คนที่บารมีแก่รอบเต็มที่แล้ว
พวกนี้แม้ไปดูดนตรี ดูคอนเสิร์ต ยังเห็นทุกข์เลย
เพราะบารมีเขาเต็ม
อุปติสสะ โกลิตะ
เป็นพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร
ที่ไหนมีดนตรีก็ไปดู
มีฟ้อนรำ ขับร้อง อะไร ก็ไปดู ดูเรื่อย ๆ ไป
เป็นลูกเศรษฐี ไม่ได้ทำมาหากินอะไร
วันหนึ่ง ไปนั่งดูการละเล่น
ใจมันหดหู่ขึ้นมา รู้สึกชีวิตมันมีแค่นี้หรือ
นี่ คนบารมีเต็ม เริ่มตั้งคำถามกับชีวิตแล้ว
ว่าชีวิตเรามีแค่นี้เองเหรอ สนุกไปวัน ๆ หนึ่ง
มีกิน มีใช้ มีอยู่ มีเสพ ไม่นานก็ตายไป
คนรุ่นก่อน ซึ่งเขามีความสุข
เขาก็ตายไปหมดแล้ว
เราก็เข้าคิว วันหนึ่งก็ต้องหมดไปเหมือนกัน
อะไรที่มีสาระแก่นสารที่แท้จริงกับชีวิต
เขาเริ่มหาคำตอบอันนี้แล้ว
ท่านเหล่านี้แหละ
ที่จะภาวนาดี ภาวนาเด็ดเดี่ยว
อย่างของเรา เราไม่ได้รู้สึกว่า
โลกนี้ มันไม่น่าอยู่ตรงไหนเลย
รู้สึกมันยังเพลิดเพลินอยู่
อย่างนี้ภาวนายาก
บารมีเราไม่เหมือน อุปติสสะ โกลิตะ
อยู่ในความเพลิดเพลิน
ยังเห็นทุกข์ได้ เห็นความไร้สาระได้
(วิธีที่)เราจะเพิ่มบารมีของเรา
ให้มีกำลังใจแก่กล้าที่จะออกจากโลกนะ
คือ รู้เข้าไปในใจ
ใจที่ดิ้นรนหาความสุขของเรานี่แหละ
แล้วดูซิ ความสุขมันวิเศษจริงหรือเปล่า
ดูลงไปเรื่อย ๆ แล้วจะรู้เลย
ความสุขไม่วิเศษจริง
ความสุขจากการดู จากการฟัง จากการดมกลิ่น
จากการลิ้มรส จากการได้สัมผัสสิ่งนั้นสิ่งนี้
ได้คิดนึกอะไรที่สนุกสนาน
ไม่ได้ให้ความสุขที่ถาวรเลย
เหน็ดเหนื่อยแทบแย่
เพื่อจะได้สัมผัสแบบนั้นมา
ได้มาแล้วก็มีความสุขนิดเดียว
แต่มีภาระมากมาย
ค่อย ๆ เรียน ค่อย ๆ ดูเข้าไป
มันจะรู้เลย โลกนี้มันหลอก
โลกนี้มันเหมาะกับ คนโง่ คนหลง
มันไม่ได้เหมาะกับผู้รู้เลย
ถ้าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
รู้ของตัวเองเข้าไป เป็นผู้รู้แล้ว
โลกนี้ไม่น่าหลง โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์”
(๒)
“ไปดูเถอะ
เราถูกหลอกให้วิ่งพล่าน ๆ ไปทุกวัน ๆ
พอเห็นอย่างนี้ ใจมันจะคิดว่า
ทำอย่างไร จะพ้นไปจากโลก
โลกสกปรก โสมม โลกหลอกหลวง โลกไม่จริง
แล้วอะไรที่เป็นแก่นสารสาระที่แท้จริงในชีวิต
นี่ ใจมันจะเริ่มค้นหา
ถ้าคนมีบุญพอ มีบารมีพอ ก็รู้ทาง
เจอครูบาอาจารย์ เจอพระพุทธเจ้า
เจอคำสอนของพระพุทธเจ้า
ก็คลำทางตามท่านไปได้
ไปเรียนรู้นะ เรียนรู้โลกให้ดี
โลกนี้มีแต่ความทุกข์
โลกนี้เต็มไปด้วยความหลอกลวง
เราพร้อมจะถูกหลอก
พร้อมจะจมในความทุกข์ตลอดกาลหรือ
หรือคิดจะอยากพ้นไปบ้าง
ค่อย ๆ ดูของเราเองไป”
…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐
ถอดคำ : แต้ว
เรียบเรียง : สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1600222670009685/?type=3&theater
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่