การตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

กระทู้สนทนา
ในห้องศาสนาของเรา เห็นหลายท่านสนใจและสงสัยในเรื่องของพระพุทธเจ้า วันก่อนได้ดู DMC. รายการโทรทัศน์ของวัดพระธรรมกาย ได้ยินหลวงพ่อธัมมชโย พูดถึงเรื่องพระพุทธเจ้า ผมก็เลยจับประเด็นมาเล่า และอธิบายขยาย ความต่อให้ฟัง ถ้าตกหล่นตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ

พระพุทธเจ้า คือ หมายถึงมนุษย์ที่ได้สั่งสมบุญบารมีมายาวนาน เพื่อตรัสรู้ธรรม อันเป็นวิธีพ้นทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้เอาชนะ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ที่มนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด ทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มี 2 ประเภทใหญ่ คือ

1. พระปัจจเจกพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้พ้นทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง แต่ไม่ได้สอนผู้ใดให้พ้นทุกข์ตาม
2. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้พ้นทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และทรงสั่งสอนให้สรรพสัตว์บรรลุธรรมพ้นทุกข์ตามพระพุทธองค์ไปด้วย


ในการเรียกหากเรียกพระพุทธเจ้าเฉย ๆ มักหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากจะเรียกพระปัจเจกพุทธเจ้า จะเรียกพระปัจเจกพุทธเจ้าเต็ม ๆ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบรมศาสดาของพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ไม่ใช่พระเจ้า คำว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเสมือนชื่อตำแหน่ง (เนมิตกนาม) ของที่ผู้ใดก็ได้ ที่ตั้งความปรารถนา สั่งสมบุญบารมีมาเต็มเปี่ยมแล้ว ตรัสรู้ธรรมกำจัดทุกข์ได้ด้วยพระองค์เอง และสั่งสอนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ตามพระพุทธองค์ไปได้ เมื่อเป็นดังนี้ พระพุทธเจ้าจึงมีมากมาย ท่านอุปมาว่า มากกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง 4 ทั้งที่มีมาก่อน พระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เฉพาะในกัปนี้ มีแล้วถึง 3 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป คือพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นองค์ที่ 5 องค์สุดท้ายในกัปนี้ กัปหนึ่งมีพระพุทธเจ้าได้ไม่เกิน 5 พระองค์ เรียกว่าภัทรกัป

พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ มีกายมหาบุรุษ 32 ประการเหมือนกัน ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นไปเพื่อการดับทุกข์เหมือนกัน มีต่างกันบ้างที่ อายุ บางพระองค์เป็นหมื่นปี พระพุทธเจ้าของเรา 80 ปี ควาามสูง ตระกูล รัศมี ระยะเวลาในการบำเพ็ญเพียรก่อนตรัสรู้ พาหนะในการออกบวช และต้นไม้ที่ประทับเมื่อตรัสรู้ ความต่างมาจากการสร้างบารมี เพื่อมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระยะเวลาไม่เท่ากัน จึงทำให้แบ่งพระพุทธเจ้าได้เป็น 3 ประเภทคือ

พระปัญญาธิกพุทธเจ้า ทรงสร้างบารมี 20 อสงไขยแสนกัป
พระสัทธาธิกพุทธเจ้า  ทรงสร้างบารมี 40 อสงไขยแสนกัป
พระวิริยาธิกพุทธเจ้า ทรงสร้างบารมี 80 อสงไขยแสนกัป

อย่างพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เป็นพระพุทธเจ้าแบบ พระปัญญาธิกพุทธเจ้า คือสร้างบารมีมา 20 อสงไขยแสนกัป ส่วนพระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์หน้า เป็นพระพุทธเจ้าแบบพระวิริยาธิกพุทธเจ้า เพราะสร้างบารมีมา 80 อสงไขยแสนกัป ด้วยความที่พระองค์สร้างบารมีมายาวนาน  ในสมัยของพระองค์ผู้มีบุญจะมาเกิดกันมาก คนในยุคนั้นมีศีล 5 เป็นปกติ ทำให้บ้านเมืองสงบสุข เมื่อพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ที่บวชตามก็มาก อย่างพระเจ้าสังขบรมจักรพรรดิผู้ปกครองแผ่นยังออกบวช ทำให้ในสมัยพระองค์จึงมีบรรลุธรรมหมดกิเลสไปได้จำนวนมาก

พระพุทธเจ้าในแต่ละประเภท สร้างบารมี ไม่ได้มีขัดกัน หรือข่มกัน อย่างพระปัจเจกพระพุทธเจ้า กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระปัจเจกพุทธเจ้า เคยตรัสว่า ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย(มนุษย์ และเทวดา) ยกเว้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด และเป็นหนึ่งในบุคคลที่พระพุทธองค์บอกว่าควรแก่การสร้างเจดีย์เพื่อบูชา หรือ ข่มว่าใครสร้างบารมียาวนานกว่ากัน ทั้งหมดอยู่ที่การตั้งความปรารถนา บางคนตั้งความปรารถนา หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ , เป็นพระอรหันต์เอตทัคคะ, เป็นพระอัครสาวก, เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า, เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, เป็นพระพุทธเจ้าแบบ ปัญญาธิกาพุทธเจ้า  แบบสัทธาธิกพุทธเจ้า หรือ วริยาธิกพุทธเจ้า ล้วนแต่เป็นเรื่องดีทั้งนั้น ซึ่งจะสำเร็จได้ด้วยการตั้งความปรารถนาและปฏิบัติ คือ ฝึกฝนอบรมตนเอง สั่งสมบุญบารมี ศึกษาธรรมะทั้งปริยัติและปฏิบัติบ่มอินทรีย์ของตนไป เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยมจึงจะสำเร็จสมปรารถนา

พระพุทธเจ้าภาคปราบ คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีมาเพื่อกำจัดกิเลส คือโลภ โทสะ โมหะ ให้หมดไป  ไม่ได้ขัดหรือข่มใด ๆ กับพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่สร้างบารมีเพื่อขนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์  เพียงแต่ท่านสร้างบารมี จนกว่าจะปราบกิเลสหมด โดยไม่จำกัดเวลาในการสร้างบารมี สั่งสมบารมีไปเรื่อย ๆ สำเร็จเมื่อไหร่จะเรียกว่าพระพุทธเจ้าภาคปราบก็ได้  ซึ่งความคิดเรื่องปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า หรือความคิดจะปราบกิเลสให้หมดไป ไม่ใช่ความคิดใหม่ และไม่ได้ผิดอะไร อุปมาเหมือนกับ อาจารย์สอนนักเรียนในห้อง สอนวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีวะบ้าง เด็กบางคนปรารถจะเอาความรู้นี้ไปเป็นวิศวกร ไปเป็นหมอ ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นนักธุรกิจ แต่มีเด็กคนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่ง เห็นอาจารย์สอนแล้วศรัทธาเลื่อมใส อยากโตขึ้นไปอยากจะเป็นอาจารย์ แบบที่อาจารย์สอน ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้เป็นความไม่เคารพหรือตีเสมอ หรือทำผิดจากที่อาจารย์สอน เป็นเพียงการตั้งความปรารถนา

จริงที่ว่าวัดพระธรรมกาย โดยหลวงพ่อธัมมชโย สร้างบารมีปรารถนาพุทธภูมิ ผมในฐานะคนเข้าวัด ฐานะลูกศิษย์คนหนึ่ง ก็รู้สึกชื่นชมศรัทธาเลื่อมใสและสนับสนุนการสร้างบารมีของท่าน ซึ่งผมก็มองมาอย่างยาวนาน ท่านทำมาตลอดตั้งแต่เด็กจวบจนขณะนี้หลวงพ่อเข้าสู่วัยชรา 72 ปี ผมก็ไม่เห็นว่าความปรารถนาท่านจะผิดตรงไหน และก็ตั้งใจจะสร้างบารมีแบบท่าน สร้างบารมีตามท่าน แม้จะไม่กล้าพูดบอกใครออกมาดัง ๆ ก็ตาม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่