สวัสดีครับ นักปฏิบัติกรรมฐานใหม่ทุกท่าน
ถ้าท่านติดตามบทความและปฏิบัติตามที่แนะนำจริงๆ สภาวะธรรมแต่ละขั้นที่เกิดขึ้นทั้ง วิตก-วิจาร-ปิติ ถ้าท่านเอาไปเล่าให้ใครฟัง รับรองเค้าหาว่า"ท่านบ้า"แน่นอน ในเมื่อท่านบ้า-ผมก็ต้องบ้าตามท่าน ถ้าผมไม่บ้าและท่านไม่บ้าเราจะผ่านอารมณ์ปิติทั้ง5มาได้อย่างไร แต่ขอให้จำเอาไว้ว่าใครจะว่าเราบ้า หาว่าเราเพี้ยนนั่น เราเป็นฐานะนักปฏิบัติ มีจิตมุ่งเข้าพระนิพาน เราต้องอย่าโกรธเค้า เขาไม่รู้ไม่เคยเห็นเหมือนเรา บางคนจำมาเฉพาะตำรา บางคนมัวแต่ครึ่นคิดในสภาวะจึงไม่สามารถผ่านมาถึงพวกเราได้
แต่เราก็อย่าคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นๆเค้านะครับ คนที่บ้าก่อนเรามีมากมาย พระเถระเจ้า ฤาษี ผู้ทรงศิล พระผู้ทรงฌาณ พระอรหันต์ ท่านเหล่านี้ผ่านสภาวะนี้ได้มาหมดแล้วทุกท่าน ก็ไม่เห็นว่าแต่ละท่านจะยินดีอะไร อย่างที่บอก ในสำนักอาการ"ปิติ" เด็ก5ขวบทำได้เยอะแยะ Basicมากๆ ถ้าเราดีจริงเก่งจริงเราต้องไม่เกิดซิถึงจะถูกต้อง แต่ในเมื่อมันเกิดมาแล้ว-แก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็มาทำให้มันไม่ต้องเกิดในชาติถัดๆไปกันดีกว่า
ในขั้นนี้ผมจะลงรายละเอียดนิดหน่อยเพราะนักปฏิบัติหลายท่านเมื่อได้สภาวะนี้แล้ว จะลุ่มหลงในฌาณ หลายๆคนติดแล้วไม่ไปไหน ผมเองในฐานะที่เป็นนักนักปฏิบัติแต่ก็ยังลุ่มหลงได้ตั้ง 2 ปี มันอร่อยจริงๆสภาวะตัวนี้ จนมีครูบาอาจารย์ด้านกรรมฐานมาแนะนำ จึงปล่อยวางสภาวะนี้ได้ สภาวะนี้เป็นอย่างไร นักปฏิบัติใหม่มาติดตามกัน
- ท่านสุขวิปัสสโก ตอนนี้ท่านได้วิตก-วิจาร-ปิติ คือ คล่องในสมาธิจับลมหายใจ+จิตรวมศูนย์+อารมณ์ปิติแล้ว ท่านจงปล่อยวางอารมณ์ทั้ง3ลง พิจารณาต่อไปอีก อย่าลืมคำบริกรรมพุท-โธ จิตใจห้ามว๊อกแวกไปสู่นิวรณ์5เด็ดขาด นักปฏิบัติหลายคนหลงกับอารมณ์ปิติมาก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ชอบเอามาคุยให้พวกๆกันฟัง สุดท้านก็เฝือ ท้อแล้วก็เลิกปฏิบัติ พับผ้ากลับบ้าน พอท่านวางสภาวะทั้งสามลงได้ คราวนี้ท่าจะเจอสภาวะใหม่ สภาวะนี้จิตของท่านจะรู้สึกสดชื่น หอมหวาน ท่านจะจะมีอารมณ์แบบนั่งยิ้ม จิตของท่านจะรู้สึกเคลิ้ม หวานหอมบอกไม่ถูก ท่านจะรู้สึกนั่งให้ได้อารมณ์นี้นานๆไม่อยากออกจากบริกรรม อารมณ์มันคล้ายๆแบบนั่งทานไอสครีมสตรบอรี่เย็นๆริมทะเล มีลมพัดมาเบาๆ มีคนคนเสริฟอาหาร มีแฟนที่เพิ่งคบกันได้3วันมานั่งด้วย บนต้นมะพร้าวมีกระรอก2ตัวกำลังวิ่งไล่จับกัน อะไรโลกนี้ช่างเป็นสีชมพูแท้หนอ...อารมณ์มันเคลิ้มแบบนี้จริงๆ ท่านต้องบริกรรมพุท-โธอย่างต่อเนื่องและวางอารมณ์จิตอย่าให้หลงในสภาวะนี้ให้ได้ อาการตอนนี้เรียกว่า "สุข"
- ท่านเจโต มาถึงขั้นนี้ท่านคงเกินคำว่าบ้าไปแล้ว ไหนจะนิมิตภาพพระใน"ทิพยขุฌาณ"ของท่านจะแจ่มชัดแล้ว ยังส่องสว่างแถมยังยิ้มให้ ร่างกายยังขนลุกขนชัน ตัวหนา ตัวลอย ตัวหมุน น้ำหูน้ำตาไหล แต่ท่านก็ยังต้องเดินกำลังของ"ทิพยขุฌาณ"ของท่านต่ออีก จงปล่อยวางอารมณ์ปิติทั้ง5ลงเสีย เดินกำลัง บริกรรมพุท-โธ หรือคำในกสินท่านต่อ ไม่นานท่านก็จะพบสภาวะแบบเดียวกับท่านสุขวิปัสสโก ในขณะเดียวกันภาพพระจะแจ่มชัดขึ้นอีก คราวนี้ท่านจะเห็นหน้าตาพระพุทธเจ้าชัดเจนขึ้น เห็นพระวรกายที่ชัดเจน เปล่งแสงเป็นสีต่างๆสว่างจ้า ในขณะเดียวกันจิตใจเราก็อิ่มไปด้วยสุข จงวางนิมิตนั่นลงเพราะเป็นนิมิตหลอก เกิดจากกิเลสในจิตกำลังหลอกให้เราลุ่มหลง จงพิจารณากรรมฐานต่อไป สภาวะนี้เรียกว่า "สุข"
อารมณ์ของสมาธิตอนนี้เรียกว่า "สุข"ครับ ท่านต้องทำให้ได้และสร้างกำลังจิต+กำลังใจดีๆ เพราะตอนนี้สภาวะของท่านใกล้กับคำว่าฌาณมาก เรียกง่ายๆว่า
"สมาธิเฉียดฌาณ" หรือ "อุปจาระสมาธิ" เป็นไงชื่นใจมั๊ย !!!
จับอารมณ์ไว้ให้แม่น ฝึกฝนให้คล่อง บทต่อไปจะเริ่มเข้าสู่ฌาณ1กันแล้วนะครับท่านนักปฏิบัติใหม่
ขอให้นักปฏิบัติใหม่ทุกท่านเจริญในการปฏิบัติสวัสดี
ข้อคิดดีๆสำหรับนักปฏิบัติใหม่ เรื่อง การฝึกหัดสมาธิขั้นที่ 4 "สุข"
ถ้าท่านติดตามบทความและปฏิบัติตามที่แนะนำจริงๆ สภาวะธรรมแต่ละขั้นที่เกิดขึ้นทั้ง วิตก-วิจาร-ปิติ ถ้าท่านเอาไปเล่าให้ใครฟัง รับรองเค้าหาว่า"ท่านบ้า"แน่นอน ในเมื่อท่านบ้า-ผมก็ต้องบ้าตามท่าน ถ้าผมไม่บ้าและท่านไม่บ้าเราจะผ่านอารมณ์ปิติทั้ง5มาได้อย่างไร แต่ขอให้จำเอาไว้ว่าใครจะว่าเราบ้า หาว่าเราเพี้ยนนั่น เราเป็นฐานะนักปฏิบัติ มีจิตมุ่งเข้าพระนิพาน เราต้องอย่าโกรธเค้า เขาไม่รู้ไม่เคยเห็นเหมือนเรา บางคนจำมาเฉพาะตำรา บางคนมัวแต่ครึ่นคิดในสภาวะจึงไม่สามารถผ่านมาถึงพวกเราได้
แต่เราก็อย่าคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นๆเค้านะครับ คนที่บ้าก่อนเรามีมากมาย พระเถระเจ้า ฤาษี ผู้ทรงศิล พระผู้ทรงฌาณ พระอรหันต์ ท่านเหล่านี้ผ่านสภาวะนี้ได้มาหมดแล้วทุกท่าน ก็ไม่เห็นว่าแต่ละท่านจะยินดีอะไร อย่างที่บอก ในสำนักอาการ"ปิติ" เด็ก5ขวบทำได้เยอะแยะ Basicมากๆ ถ้าเราดีจริงเก่งจริงเราต้องไม่เกิดซิถึงจะถูกต้อง แต่ในเมื่อมันเกิดมาแล้ว-แก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็มาทำให้มันไม่ต้องเกิดในชาติถัดๆไปกันดีกว่า
ในขั้นนี้ผมจะลงรายละเอียดนิดหน่อยเพราะนักปฏิบัติหลายท่านเมื่อได้สภาวะนี้แล้ว จะลุ่มหลงในฌาณ หลายๆคนติดแล้วไม่ไปไหน ผมเองในฐานะที่เป็นนักนักปฏิบัติแต่ก็ยังลุ่มหลงได้ตั้ง 2 ปี มันอร่อยจริงๆสภาวะตัวนี้ จนมีครูบาอาจารย์ด้านกรรมฐานมาแนะนำ จึงปล่อยวางสภาวะนี้ได้ สภาวะนี้เป็นอย่างไร นักปฏิบัติใหม่มาติดตามกัน
- ท่านสุขวิปัสสโก ตอนนี้ท่านได้วิตก-วิจาร-ปิติ คือ คล่องในสมาธิจับลมหายใจ+จิตรวมศูนย์+อารมณ์ปิติแล้ว ท่านจงปล่อยวางอารมณ์ทั้ง3ลง พิจารณาต่อไปอีก อย่าลืมคำบริกรรมพุท-โธ จิตใจห้ามว๊อกแวกไปสู่นิวรณ์5เด็ดขาด นักปฏิบัติหลายคนหลงกับอารมณ์ปิติมาก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ชอบเอามาคุยให้พวกๆกันฟัง สุดท้านก็เฝือ ท้อแล้วก็เลิกปฏิบัติ พับผ้ากลับบ้าน พอท่านวางสภาวะทั้งสามลงได้ คราวนี้ท่าจะเจอสภาวะใหม่ สภาวะนี้จิตของท่านจะรู้สึกสดชื่น หอมหวาน ท่านจะจะมีอารมณ์แบบนั่งยิ้ม จิตของท่านจะรู้สึกเคลิ้ม หวานหอมบอกไม่ถูก ท่านจะรู้สึกนั่งให้ได้อารมณ์นี้นานๆไม่อยากออกจากบริกรรม อารมณ์มันคล้ายๆแบบนั่งทานไอสครีมสตรบอรี่เย็นๆริมทะเล มีลมพัดมาเบาๆ มีคนคนเสริฟอาหาร มีแฟนที่เพิ่งคบกันได้3วันมานั่งด้วย บนต้นมะพร้าวมีกระรอก2ตัวกำลังวิ่งไล่จับกัน อะไรโลกนี้ช่างเป็นสีชมพูแท้หนอ...อารมณ์มันเคลิ้มแบบนี้จริงๆ ท่านต้องบริกรรมพุท-โธอย่างต่อเนื่องและวางอารมณ์จิตอย่าให้หลงในสภาวะนี้ให้ได้ อาการตอนนี้เรียกว่า "สุข"
- ท่านเจโต มาถึงขั้นนี้ท่านคงเกินคำว่าบ้าไปแล้ว ไหนจะนิมิตภาพพระใน"ทิพยขุฌาณ"ของท่านจะแจ่มชัดแล้ว ยังส่องสว่างแถมยังยิ้มให้ ร่างกายยังขนลุกขนชัน ตัวหนา ตัวลอย ตัวหมุน น้ำหูน้ำตาไหล แต่ท่านก็ยังต้องเดินกำลังของ"ทิพยขุฌาณ"ของท่านต่ออีก จงปล่อยวางอารมณ์ปิติทั้ง5ลงเสีย เดินกำลัง บริกรรมพุท-โธ หรือคำในกสินท่านต่อ ไม่นานท่านก็จะพบสภาวะแบบเดียวกับท่านสุขวิปัสสโก ในขณะเดียวกันภาพพระจะแจ่มชัดขึ้นอีก คราวนี้ท่านจะเห็นหน้าตาพระพุทธเจ้าชัดเจนขึ้น เห็นพระวรกายที่ชัดเจน เปล่งแสงเป็นสีต่างๆสว่างจ้า ในขณะเดียวกันจิตใจเราก็อิ่มไปด้วยสุข จงวางนิมิตนั่นลงเพราะเป็นนิมิตหลอก เกิดจากกิเลสในจิตกำลังหลอกให้เราลุ่มหลง จงพิจารณากรรมฐานต่อไป สภาวะนี้เรียกว่า "สุข"
อารมณ์ของสมาธิตอนนี้เรียกว่า "สุข"ครับ ท่านต้องทำให้ได้และสร้างกำลังจิต+กำลังใจดีๆ เพราะตอนนี้สภาวะของท่านใกล้กับคำว่าฌาณมาก เรียกง่ายๆว่า
"สมาธิเฉียดฌาณ" หรือ "อุปจาระสมาธิ" เป็นไงชื่นใจมั๊ย !!!
จับอารมณ์ไว้ให้แม่น ฝึกฝนให้คล่อง บทต่อไปจะเริ่มเข้าสู่ฌาณ1กันแล้วนะครับท่านนักปฏิบัติใหม่
ขอให้นักปฏิบัติใหม่ทุกท่านเจริญในการปฏิบัติสวัสดี