[CR] หลงกลิ่นอายของร้านบ้านญี่ปุ่นโบราณที่ SASAYA (ซาซายะ)


ใครที่ได้เคยมาแถวนราธิวาสซอย 1 ร้านเซนไดมกโกริ หรือร้านคัตสึชิน จะได้เห็นร้านอาหารญี่ปุ่นมากมายเรียงรายตามทางตลอดทั้งซอยแน่นอน โดย 1 ในร้านที่สะดุดตาที่สุดก็คงจะเป็นร้าน Sasaya (ซาซายะ) ด้วยลักษณะภายนอกร้านที่เป็นบ้านดินปิดทึบ ดูลึกลับ แถมดึกๆจะมีชาวญี่ปุ่นในชุดสูทมายืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้านมากมาย เหมือนรังยากูซ่า ถ้าร้านยังไม่ถึงเวลาเปิด ไม่มีเมนูวาง ก็คงไม่รู้ว่าเป็นร้านอาหารแน่ๆ


ภายในร้านให้ความรู้สึกอบอุ่น แฝงกลิ่นอายของบ้านญี่ปุ่นโบราณ โดยที่นั่งมีทั้งแบ่งเป็นห้อง หรือแค่แบ่งโดยใช้ฉากกั้น มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยดัน วันนี้เรามาได้ขึ้นไปชั้น 4 ชั้นบนสุดที่เป็นห้องยาวๆแล้วมีมู่ลี่กั้นระหว่างโต๊ะเบาๆ


เริ่มค่ำคืนนี้ด้วยเบียร์ Sapporo เย็นๆ สองขวดเล็ก รู้สึกว่าบาง แต่นุ่มกว่า Asahi พอควรอยู่ กินชิลๆก็โอเค


มันภูเขาทอดคลุกบ๊วยกับสาหร่ายบด (Nagaimono Umekonbu Age) มันร้อนๆ ที่ไม่เพียงแต่กรอบนอก แต่เนื้อด้านในก็ยังคงมีความกรุบตามสไตล์ของมันภูเขา ที่ไม่ได้นุ่มไปซะทีเดียวเหมือนมันฝรั่งทั่วไป ปกติเราอาจจะเห็นเมนูมันภูเขาราดข้าว ที่เป็นมันบดเหลว มันๆ หอมๆ แต่พอมาเป็นมันทอดกกรุบกรอบ เคี้ยวเพลินไปอีกแบบ แถมด้วยเขาคลุกบ๊วยและสาหร่ายบดมา ทำให้เป็นเมนูกินเล่น แถมเรียกน้ำย่อยไปในตัวที่อร่อยจนต้องร้องขออีกจานทีเดียว


ข้าวหน้าปลาทูน่าสับ (Negitoro Gohan) ข้าวสวยร้อนๆ โปะหน้าด้วยปลาทูน่าสับมันๆกับต้นหอมญี่ปุ่นซอย ราดด้วยโชยุ คลุกให้เข้ากันแล้วตักเข้าปาก ต้องบอกว่า จานนี้เขาทำมาลงตัวสุด เพราะต้นหอมช่วยตัดความมันเลี่ยนของปลาทูน่าได้เป็นอย่างดี


กินเบียร์ กินข้าวกันไปซักพัก คนตรงข้ามอยากลองสาเก (นางยังไม่เคยดื่มสาเกมาก่อน ส่วนเราเคยลองแล้ว ไม่พิศวาทเท่าไหร่) เลยสั่งสาเกเย็นในกล่องไม้ (Masu Sake) มาให้นางลอง ไม่ได้ถามรายละเอียดมาว่าเป็นสาเก แบบไหน (มันจะมีแยกเป็น จุนไม ฮนโจโซ กินโจ ไดกินโจ) แต่ส่วนใหญ่สาเกที่มาเสิร์ฟในกล่องไม้ จะไม่ใช้สาเกที่มีกลิ่นแรง เพราะเดี๋ยวมันจะตีกับกลิ่นกล่องไม้นั่นเอง ตัวสาเกก็ไม่ได้ Dry มาก บวกกับหอมหอมกลิ่นไม้จางๆ กลายเป็นว่าพอเราลองจิบเรากลับชอบแบบนี้มากกว่า  



มาถึงเมนูที่สาม กุ้งสดอบเกลือร้อน (Ebi Shiogama Yaki) ที่เขาจะยกมาอบที่โต๊ะเลย ตอนยกมาเสิร์ฟพนักงานบอกให้รอประมาณ 5 นาที เราก็รอ ร๊อ รอ นึกว่าพนักงานจะมาเตือนอีกครั้งว่าทานได้แล้วไรงี้ ปรากฏ รอจนคิดว่านานไปแล้วเลยดึงออกมากันเองเลย คิดว่าเขาคงบอกให้ 5 นาทีทานได้แหละแต่เราฟังไม่ชัดเอง กุ้งรอบนี้เลยแห้งไปนิด แต่ความเด้ง กรุบกริบยังคงมีอยู่ สด กินกับข้าวสวย (Shiro Gohan) และซุปมิโสะ (Omiso Shiru) หรือซุปใส (Osuimono) ร้อนๆ เพลินเลย




มาถึง เมนู Finale ที่ต้องรอนานถึง 40 นาที Hata Shiogama Yaki หรือ ปลาเก๋าอบเกลือหิมะ ที่เขาจะเอาปลาเก๋ามาห่อสาหร่ายคอมบุ ก่อนจะพอกด้วยเกลือจนหนา นำเข้าไปอบ จนเกลือกรอบแข็งจากนั้นจึงยกมาเสิร์ฟทั้งตัว ดูตอนแรกนึกว่าก้อนขนมปังรูปปลา แล้วพนักงานก็จะให้เราทุบเองหรือให้พนักงานทุบเกลือออกให้ก็ได้ เลอะเทอะหน่อย แต่กับรสชาติความฉ่ำของเนื้อปลาที่ได้ทานแล้ว ต้องบอกว่าลืมไม่ลงจริงๆ

จริงๆครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ไปทานร้าน Sasaya แต่ครั้งแรกไม่ได้เอากล้องไป เลยไม่มีรูปดีๆมาให้เห็นหน้าตา แต่เมนูอื่นๆก็อร่อย ไม่แพ้กัน ทั้ง เนื้อฟุราโนะกระทะร้อน (Furano Gyu Teppan Steak), ปูมิโซะย่าง (Zuwaigani Miso Yaki), เต้าหู้เย็น หรือ ซุปมิโสะหอยชิมิจิ (Shimiji Jiru) ก็อร่อยไม่แพ้กัน มื้อนี้ด้วยความกึ่มจากสาเกเลยลืมหยิบใบเสร็จกลับมา แต่ราคารวมๆประมาณ 2500+ บาท  ถือสูงอยู่ แต่ด้วยรสชาติและpresentation แล้วถือว่าเป็นอีกร้านที่คนรักอาหารญี่ปุ่นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


Edit เพิ่ม มีคนถามว่าใช้กล้องอะไร เราใช้ Fuji ex-1 เลนส์ 35 1.4 ค่ะ พอดีแสงที่ร้านสวยด้วยแหละ ภาพเลยดูดี อิอิ
ชื่อสินค้า:   ร้านอาหารญี่ปุ่น Sasaya
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่