วิวาห์ล้อมใจ ตอนที่ 3 ค่ะ

แต่ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่อะไรกัน ประตูของห้องนอนอีกห้องหนึ่งซึ่งตั้งอยู่เยื้อง กันที่
ฝั่งตรงข้ามก็เปิดผัวะออกมาพอดี ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีออกมา
จากห้อง ๆ นั้น ซึ่งผมเผ้าของหล่อนนั้นก็มีสภาพค่อนข้างยับเยิน แถมยังสวมใส่อยู่แค่
เพียงชุดชั้นในและมีผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมตัวอยู่ แต่แล้วจู่ ๆ หญิงสาวก็กลับถูกจับคว้าตัว
เอาไว้โดยใครอีกคนซึ่งวิ่งตามออกมา โดยที่ชายหนุ่มคนนั้นก็สวมใส่อยู่แค่เพียง
กางเกงขายาวตัวเดียวเท่านั้น



พี่สาวของหล่อนจึงเผลอร้องเรียกชื่อของทั้งสองคนออกมาด้วยความตกใจทันทีว่า




“ยัยแก้ว คุณพัทธ์”



ยาหยีกับญารินดาก็แทบจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน เพราะจากรูปการในตอนนี้
คนที่นอนกับแก้วกิริยาเมื่อคืนก็น่าจะไม่ใช่ภูตะวัน แต่น่าจะเป็นปฏิพัทธ์มากกว่า





ส่วนคนที่วิ่งตามมาถึงทีหลังแต่กลับขาอ่อนและทรุดฮวบลงไปแทบจะในทันทีที่ได้
เห็นภาพตรงหน้าก็คือมารดาของแก้วกิริยา ทำให้ญารินดาต้องรีบประคองรับตัวของ
หญิงสูงวัยเอาไว้ ลูกสาวคนโตของบ้านจึงรีบโผเข้าไปช่วยรับตัวของมารดาจาก
ญารินดาอีกต่อนึง ส่วนปฎิพัทธ์ก็รีบปล่อยมือออกจากตัวของร่างบางทันที





กำนันที่ตกใจตื่นเพราะเสียงที่ดังลงมาจากบนชั้นสองก็รีบวิ่งตามขึ้นมา ตามด้วยเหล่า
บรรดาญาติพี่น้องบางส่วนที่ค้างคืนอยู่ในห้องข้างล่างด้วย หลายคนก็รีบวิ่งตามขึ้นมา
จนถึงที่หัวบันได เมื่อกำนันเห็นภาพตรงหน้า แกก็รีบร้องถามลูกสาวขึ้นว่า



“ยัยแก้ว เกิดอะไรขึ้น”





ณ ตอนนั้นหญิงสาวก็ถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ ๆ ทั้งเพราะรู้สึกกลัวความผิด แถมก็ยังรู้สึก
เสียใจที่แผนการเมื่อคืนนี้ของหล่อนพังพินาศไม่เป็นท่า จนหล่อนเองนั้นก็ยังรู้สึกตกใจ
ไม่หายที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอว่าคนที่หล่อนคิดว่าคือภูตะวันเมื่อคืนนั้นกลับกลายเป็น
คู่เบื่อคู่เมาคนสำคัญของหล่อนเอง



ตอนนี้ร่างบางก็ยิ่งรู้สึกอับอายเหล่าบรรดาพวกญาติ ๆ เมื่อหลายคนได้ขึ้นมาเห็นเธอ
ในสภาพนี้ หญิงสาวจึงรีบหันหลังและวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนที่เพิ่งจะออกมา ก่อน
จะปิดประตูเสียงดังสนั่นตามหลังอีกต่างหาก





“แก ๆ ทำอะไรลูกสาวข้า”


        กำนันที่ได้เห็นสภาพอันดูยับเยินของลูกสาวก็รู้สึกโกรธมากจนหน้าดำหน้าแดง
และแกก็พรวดพราดหายเข้าไปในห้องพระ หลังจากได้ยินเสียงตึงตังแค่ครู่เดียว
ทุกคนที่กำลังยืนตะลึงกันอยู่ก็แทบจะช็อคไปอีกรอบเมื่อได้เห็นว่ากำนันโตนั้นกลับ
ออกมาอีกครั้งพร้อมกับปืนลูกโม่สีดำอันเงาวับ และแกก็เดินก้าวพรวด ๆ เข้าไปยกปืน
จ่อไปที่ศีรษะของร่างสูงทันที



“กล้ารังแกลูกสาวกูรึ ไอ้พัทธ์ กูก็อุตส่าห์มีน้ำใจอนุญาตให้นอนค้างคืนที่นี่ด้วย
แล้วทำไมถึงได้ทำแบบนี้ฮะ”



“ผมขอโทษครับ” ปฏิพัทธ์ไม่ได้หลบสายตาของกำนันที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตา
อันโกรธแค้นในแบบที่ว่าถ้ามันเป็นกองเพลิง ชายหนุ่มก็คงจะมอดไหม้ไปหมดทั้งตัว
แล้ว แต่เขาก็กลับเอ่ยขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสำนึกผิดมาก



“ลุงโต ใจเย็นก่อนนะครับ” / “อย่ายิงเค้านะพี่โต” / ”พ่อ ใจเย็น ๆ ก่อนพ่อ” หลานชาย
กับน้องสาวและลูกสาวของกำนันโตก็พยายามพูดเตือนสติของลุงและพี่ชายของตน
เพราะกลัวว่าเรื่องราวมันจะลุกลามใหญ่โตไปกว่านี้



“ถ้าไม่อยากให้ข้าโกรธจนเป็นบ้า ก็หุบปากกันไปให้หมดเดี๋ยวนี้” กำนันโตตวาดเสียง
ด้วยน้ำเสียงอันทั้งทรงพลังและฟังดูเกรี้ยวกราดสุด ๆ ทำให้ทุกคนที่พยายามเอ่ย
ห้ามปรามกันอยู่นั้นถึงกับรูดซิปปากและยืนสงบนิ่งเป็นหุ่นกันไปทั้งหมดเลยทีเดียว



เนื่องจากทุกคนในตระกูลนั้นก็ล้วนแล้วแต่เกรงกลัวความเป็นคนจริงของพ่อกำนันกัน
ทั้งนั้น และต่างคนต่างก็รู้ดีว่าในสมัยวัยรุ่นนั้นกำนันก็เป็นนักเลงที่ทั้งโหดและทรง
อิทธิพลมาก ก่อนที่ต่อมาจะเริ่มผันตัวมาทำธุรกิจรวมถึงก็เริ่มลงสมัครเป็นนักการเมือง
ซึ่งก็ได้รับการนับหน้าถือตาและมีบารมีเป็นอย่างสูงในเขตพื้นที่แถบนี้มาเป็นระยะเวลา
นับสิบปี



“ผมยินดีรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำลงไปทุกอย่างนะครับ ผมยินดีจะรับผิดชอบแก้วครับ”
ปฏิพัทธ์พูดต่อทั้ง ๆ ที่ยังถูกปืนจ่อหน้าอยู่



“งั้นก็รับผิดชอบด้วยการ-ลูกปืนมันซะวันนี้เลยมั้ยล่ะ”



ในจังหวะนั้นประตูของห้องตรงกันข้ามก็เปิดผางออกมา และเสียงที่ดังแทรกขึ้นมาก็
ทำให้กำนันชะงักไป



"เดี๋ยวครับ กำนัน ! "



และคนที่ก้าวพ้นประตูบานนั้นออกมาก็คือ ภูตะวัน นั่นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่