แม่ย่าเรือน (ตอนจบ)
ชายหนุ่มทำละล้าละลัง แต่จิตสำนึกของเขากู้คืนได้รวดเร็ว สูดลมหายใจลึกแล้วเดินปราดด้วยมาดมั่นลงจากเรือนไปแต่ไม่วายคว้าบรั่นดีที่เหลือก้นแก้วมาตบเพื่อย้อมใจก่อน
หญิงสาวมองตามแล้วเบ้หน้า แต่ในลักษณะอาการนั้นก็ยังมีความเอ็นดูแฝงเจืออยู่ หล่อนติดตามไปเฝ้ามองเขาอย่างห่างๆ
“ขอโทษนะ แม่ปอบ ผมคงต้องยิงคุณอย่างไม่มีทางเลือก” พูดจบเขาก็บริกรรมอะไรทั้งปืนในมือพึมพำในลำคอ ก่อนจะตั้งท่ายิง
นางปอบนอกประตูมีกริยาตื่นตระหนก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร ร่างโยกเยกแขนขาเคลื่อนไหวผิดรูปธรรมชาติหันหลังออกตัววิ่งหนีทันที มุ่งหน้าไปยังทิศดงไม้
“นั่นไง” ผู้หญิงคนนั้นหลุดปากออกมาอย่างหัวเสีย “มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ ที่สุดมันก็หนีไปจนได้ คราวนี้ล่ะตามล่ากันเหนื่อยแน่”
แต่โยธินกลับใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งศูนย์เล็งมั่นแล้วเหนี่ยวไกปัง
ผีปอบตนนั้นวิ่งไปได้อีกสองเมตร ที่สุดร่างนั้นก็ทรุดหน้าคว่ำลงกับพื้นดิน แต่ก็พยายามตระเกียกตระกายเอาตัวไปให้พ้นบริเวณ
ทันใดนั้นกลุ่มผู้คนก็กรูเกรียวกันมาตามเส้นทางในหมู่บ้าน ลำแสงไฟฉายเป็นลำพุ่งกันขวักไขว่ ประตูรั้วหน้าบ้านถูกไขและเปิดออกอย่างเร่งรีบ ร่างท้วมหนาแข็งแรงของชายอาวุโสคนหนึ่งรีบถลันตัวเข้ามาในบ้าน
“ธิน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเห็นชายหนุ่มยังยืนเป็นปกติพร้อมกำปืนคู่ใจของตนในมือ กำนันชิดลมก็ถอนหายใจ เดินมาตบบ่าหลานชายอย่างโล่งอก
“บุญรักษาแล้วเจ้าธินเอ้ย ศพนางปานมันหายไปจากโลง ก่อนหน้ามันตายใครๆก็สงสัยอยู่แล้วว่ามันเป็นปอบ ลูกหลานมันเปิดฝาโลงครั้งสุดท้ายตั้งใจจะวางของรักส่วนตัวให้มัน เจอแต่โลงเปล่าๆ เลยมั่นใจแน่แล้วว่ามันต้องออกอาละวาดแน่”
“ธิน” หญิงสูงวัยนางหนึ่งเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเท่าที่อายุจะอำนวย วิ่งอุ้ยอ้ายเข้ามาในเขตบ้าน พอเห็นชายหนุ่มปลอดภัย ก็ปรี่เข้ามาเอามือลูบหน้าด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น
“เป็นยังไงบ้างลูก นางปานมันเป็นปอบ ป้าเลยไม่อยากให้หลานไปงานศพ ไม่คิดเลยว่ามันจะเฮี้ยนขนาดนี้ ลูกบ้านช่วยกันตามรอย ก็รู้ว่ามันมุ่งหน้ามาทางบ้านเรา ลุงเขาเป็นห่วงหลานรีบบึ่งรถมา เจอหมาดำตัวใหญ่ขวางหน้าแถมกระโจนใส่รถ จนต้องหักเข้าข้างทาง ดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาไล่หมาให้”
สมองของโยธินค่อยๆประมวลข้อมูล เขาหันกลับมองในตัวบ้านอย่างละเอียด ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วผู้หญิงคนนั้น ไปไหนเสียล่ะครับ”
กำนันขยับปากจะตอบ แต่ทันใดนั้นชายชาวบ้านใส่ชุดม่อฮ่อมคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีลนลาน
“กำนันๆ อีปานมันล้มลงตายแน่นอนแล้ว มีรอยกระสุนเจาะกระโหลกเข้าท้ายทอยมันอย่างแม่นยำทีเดียว”
กำนันเหลือบตามามองหลานชายที่ถือปืน แววตาฉายแสงภาคภูมิใจออกมา ปรับสีหน้าก่อนกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“ดีแล้ว มันจะได้หมดเรื่องเสียที เดี๋ยวข้าจะไปขอทางวัด ศพมันจัดการทำพิธีเผาเสียคืนนี้เลย บอกเลิกคนที่เป็นเจ้าภาพให้หมด ไม่ต้องตั้งศพไว้ ให้อีปานมันไปใช้เวรใช้กรรมจะได้สิ้นสุดลงเสียที แล้วไอ้เรื่องเสียงปืน กระสุนที่ฝังหัวมัน ช่วยไปบอกต่อทุกคนด้วย อย่าพูดถึงอีก ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เข้าใจไหม ไอ้แดง”
ท้ายประโยคเสียงของผู้นำชุมชนมีโทนเข้มขึ้นมา
แดง ชายหนุ่มลูกบ้านคนนั้น หันมามองโยธินที่มีปืนในมือ เขาก็พอจะเข้าใจอะไรได้หลายส่วน รับคำอย่างนอบน้อมและวิ่งออกจากบ้านไปกระจายเสียงทันที
ศพนางปานถูกหามขึ้นแคร่ไปวัดและทำการณานปนกิจคืนนั้นเลย กำนันชิดลมกับนางผู้เป็นภรรยาเหนื่อยจัดจากภารกิจทั้งวัน กำลังจะขอตัวกลับ แต่เผอิญผู้ใหญ่สรรร้องห่มร้องให้เข้ามาเหนี่ยวแขน
“พี่ชิด อีนางปอบปานมันไปลงนรกแล้ว แต่ลูกสาวฉันนะสิ นางสร้อย ไม่รู้มันหายไปไหน ตั้งแต่ได้ยินข่าวลือว่าอีผีปอบก่อนตาย มันจะหาร่างใหม่เพื่อจะสิงสู่ เพื่อคงความสวยสด อายุวัฒนะของมัน ฉันก็ให้นางสร้อยมันไปถือศีลนุ่งขาว ห่มขาวในวัด เพราะลูกสาวฉันมันสวยเกินใครในอำเภอเรา ยังไงนางปานมันต้องเลือกแน่ๆอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้มันหายไปไหน ฮือ ฮือ ฉันมีลูกสาวอยู่คนเดียว”
ผู้ใหญ่สรรแกเป็นพ่อหม้ายเมียตาย มีลูกสาวแสนสวยอยู่คนหนึ่งก็หวงแหนเป็นยิ่งนักราวหัวแก้วหัวแหวน พอลูกสาวมาหายสาบสูญอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีเช่นนี้ แกก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่เกรงภาพพจน์
กำนันชิดลมปลอบโยนผู้ใหญ่บ้านตามความสามารถ อาการอย่างนี้ปล่อยให้แกอยู่ตามลำพังคนเดียวไม่ได้แน่นอนผู้นำชุมชนจึงต้องหอบหิ้วสหายรักเก่ากลับมาบ้านด้วย
“มานอนบ้านพี่แล้วกัน คืนนี้เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว หลับเอาแรงก่อน ตอนเช้าเราค่อยคิดอ่านทำอะไรกัน ลูกสาวแกก็หลานสาวพี่เหมือนกัน”
แต่พอมาถึงบ้าน โยธินซี่งรอคอยอยู่อย่างกระวนกระวายใจ รีบออกมาพูด
“ ลุงครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนหลับไม่ได้สติในห้องผม สาบานได้ว่าผมไม่ได้ไปลักพาตัวเธอมาเลย แรกๆเธอก็พูดจากับผมราวกับผู้ใหญ่ แต่อยู่ดีๆเธอก็ล้มลงหมดสติไป ปลุกอย่างไรก็ไม่ฟื้น”
ด้วยความผ่านโลกมาเยอะ กำนันเลยสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ กล่าวกับหลานชายพลางจูงมือผู้ใหญ่บ้านตามมา
“ไหน พาลุงไปดูหน่อยธิน”
พอเดินเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้รองรับหลานชาย ทั้งสองผู้นำชุมชนก็ถึงแก่ตะลึง เมื่อเห็นหญิงสาวร่างสะโอดสะองผิวพรรณดังเอาเปลวทองมาเจือ วงหน้าสวยพริ้มเพรา ขนตางอนเช้งเป็นแผง นอนหลับอยู่บนเตียงในท่าหันข้างเรียบร้อย
“สร้อย ลูกพ่อ” ผู้ใหญ่สรรร้องครางออกมาอย่างดีใจ รีบเข้ามาประคบประหงมทันที
หญิงสาวรูปโสภาค่อยๆลืมตาฟื้นขึ้น ดวงตาสีนิลระยับกวาดดูทุกคนในห้องอย่างมึนงง
“พ่อ สร้อยมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ไม่รู้ตัวเลยจ้ะ” เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้นด้วยท่าทีสลึมสลือ พอสบตาเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงนัยน์ตาคม จมูกโด่งผู้หนึ่งที่ยืนมองอยู่เธอก็เอียงหน้าหลบด้วยความเอียงอาย
“เธอ” โยธินรำพึงในใจ” แม้จะร่างกายเดียวกัน แต่ไม่ใช่หัวใจดวงนั้นแน่นอน”
เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเพ่งสายตามาอย่างไม่ละไปที่ไหน หญิงสาวก็ต้อง
สะเทิ้นอายเป็นธรรมดา หน้าแดงซ่าน
ผู้ใหญ่สรรหลังจากหายดีใจที่ได้ลูกคืนมา อาการหวงลูกสาวก็บังเกิดขึ้นทันที กระแอ้มเสียงดังขึ้น
“เดี๋ยวนะ ลูกสร้อยมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง บอกพ่อมาตรงๆต่อหน้าลุงกำนันเลย ถูกไอ้ตัวไหนมันโป๊ะยาสลบหรือเปล่า”
พูดไปก็ส่งสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไปทางโยธิน อย่างไม่มีอาการไว้เนื้อเชื่อใจแม้แต่น้อย
“พี่ชิดลมต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนะ อย่าเล่นญาติพี่น้อง”
แม่ย่าเรือน(ตอนจบ) โดย Furryjit
ชายหนุ่มทำละล้าละลัง แต่จิตสำนึกของเขากู้คืนได้รวดเร็ว สูดลมหายใจลึกแล้วเดินปราดด้วยมาดมั่นลงจากเรือนไปแต่ไม่วายคว้าบรั่นดีที่เหลือก้นแก้วมาตบเพื่อย้อมใจก่อน
หญิงสาวมองตามแล้วเบ้หน้า แต่ในลักษณะอาการนั้นก็ยังมีความเอ็นดูแฝงเจืออยู่ หล่อนติดตามไปเฝ้ามองเขาอย่างห่างๆ
“ขอโทษนะ แม่ปอบ ผมคงต้องยิงคุณอย่างไม่มีทางเลือก” พูดจบเขาก็บริกรรมอะไรทั้งปืนในมือพึมพำในลำคอ ก่อนจะตั้งท่ายิง
นางปอบนอกประตูมีกริยาตื่นตระหนก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร ร่างโยกเยกแขนขาเคลื่อนไหวผิดรูปธรรมชาติหันหลังออกตัววิ่งหนีทันที มุ่งหน้าไปยังทิศดงไม้
“นั่นไง” ผู้หญิงคนนั้นหลุดปากออกมาอย่างหัวเสีย “มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ ที่สุดมันก็หนีไปจนได้ คราวนี้ล่ะตามล่ากันเหนื่อยแน่”
แต่โยธินกลับใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งศูนย์เล็งมั่นแล้วเหนี่ยวไกปัง
ผีปอบตนนั้นวิ่งไปได้อีกสองเมตร ที่สุดร่างนั้นก็ทรุดหน้าคว่ำลงกับพื้นดิน แต่ก็พยายามตระเกียกตระกายเอาตัวไปให้พ้นบริเวณ
ทันใดนั้นกลุ่มผู้คนก็กรูเกรียวกันมาตามเส้นทางในหมู่บ้าน ลำแสงไฟฉายเป็นลำพุ่งกันขวักไขว่ ประตูรั้วหน้าบ้านถูกไขและเปิดออกอย่างเร่งรีบ ร่างท้วมหนาแข็งแรงของชายอาวุโสคนหนึ่งรีบถลันตัวเข้ามาในบ้าน
“ธิน ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมื่อเห็นชายหนุ่มยังยืนเป็นปกติพร้อมกำปืนคู่ใจของตนในมือ กำนันชิดลมก็ถอนหายใจ เดินมาตบบ่าหลานชายอย่างโล่งอก
“บุญรักษาแล้วเจ้าธินเอ้ย ศพนางปานมันหายไปจากโลง ก่อนหน้ามันตายใครๆก็สงสัยอยู่แล้วว่ามันเป็นปอบ ลูกหลานมันเปิดฝาโลงครั้งสุดท้ายตั้งใจจะวางของรักส่วนตัวให้มัน เจอแต่โลงเปล่าๆ เลยมั่นใจแน่แล้วว่ามันต้องออกอาละวาดแน่”
“ธิน” หญิงสูงวัยนางหนึ่งเคลื่อนไหวร่างกายเร็วเท่าที่อายุจะอำนวย วิ่งอุ้ยอ้ายเข้ามาในเขตบ้าน พอเห็นชายหนุ่มปลอดภัย ก็ปรี่เข้ามาเอามือลูบหน้าด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น
“เป็นยังไงบ้างลูก นางปานมันเป็นปอบ ป้าเลยไม่อยากให้หลานไปงานศพ ไม่คิดเลยว่ามันจะเฮี้ยนขนาดนี้ ลูกบ้านช่วยกันตามรอย ก็รู้ว่ามันมุ่งหน้ามาทางบ้านเรา ลุงเขาเป็นห่วงหลานรีบบึ่งรถมา เจอหมาดำตัวใหญ่ขวางหน้าแถมกระโจนใส่รถ จนต้องหักเข้าข้างทาง ดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาไล่หมาให้”
สมองของโยธินค่อยๆประมวลข้อมูล เขาหันกลับมองในตัวบ้านอย่างละเอียด ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วผู้หญิงคนนั้น ไปไหนเสียล่ะครับ”
กำนันขยับปากจะตอบ แต่ทันใดนั้นชายชาวบ้านใส่ชุดม่อฮ่อมคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีลนลาน
“กำนันๆ อีปานมันล้มลงตายแน่นอนแล้ว มีรอยกระสุนเจาะกระโหลกเข้าท้ายทอยมันอย่างแม่นยำทีเดียว”
กำนันเหลือบตามามองหลานชายที่ถือปืน แววตาฉายแสงภาคภูมิใจออกมา ปรับสีหน้าก่อนกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“ดีแล้ว มันจะได้หมดเรื่องเสียที เดี๋ยวข้าจะไปขอทางวัด ศพมันจัดการทำพิธีเผาเสียคืนนี้เลย บอกเลิกคนที่เป็นเจ้าภาพให้หมด ไม่ต้องตั้งศพไว้ ให้อีปานมันไปใช้เวรใช้กรรมจะได้สิ้นสุดลงเสียที แล้วไอ้เรื่องเสียงปืน กระสุนที่ฝังหัวมัน ช่วยไปบอกต่อทุกคนด้วย อย่าพูดถึงอีก ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เข้าใจไหม ไอ้แดง”
ท้ายประโยคเสียงของผู้นำชุมชนมีโทนเข้มขึ้นมา
แดง ชายหนุ่มลูกบ้านคนนั้น หันมามองโยธินที่มีปืนในมือ เขาก็พอจะเข้าใจอะไรได้หลายส่วน รับคำอย่างนอบน้อมและวิ่งออกจากบ้านไปกระจายเสียงทันที
ศพนางปานถูกหามขึ้นแคร่ไปวัดและทำการณานปนกิจคืนนั้นเลย กำนันชิดลมกับนางผู้เป็นภรรยาเหนื่อยจัดจากภารกิจทั้งวัน กำลังจะขอตัวกลับ แต่เผอิญผู้ใหญ่สรรร้องห่มร้องให้เข้ามาเหนี่ยวแขน
“พี่ชิด อีนางปอบปานมันไปลงนรกแล้ว แต่ลูกสาวฉันนะสิ นางสร้อย ไม่รู้มันหายไปไหน ตั้งแต่ได้ยินข่าวลือว่าอีผีปอบก่อนตาย มันจะหาร่างใหม่เพื่อจะสิงสู่ เพื่อคงความสวยสด อายุวัฒนะของมัน ฉันก็ให้นางสร้อยมันไปถือศีลนุ่งขาว ห่มขาวในวัด เพราะลูกสาวฉันมันสวยเกินใครในอำเภอเรา ยังไงนางปานมันต้องเลือกแน่ๆอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้มันหายไปไหน ฮือ ฮือ ฉันมีลูกสาวอยู่คนเดียว”
ผู้ใหญ่สรรแกเป็นพ่อหม้ายเมียตาย มีลูกสาวแสนสวยอยู่คนหนึ่งก็หวงแหนเป็นยิ่งนักราวหัวแก้วหัวแหวน พอลูกสาวมาหายสาบสูญอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีเช่นนี้ แกก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่เกรงภาพพจน์
กำนันชิดลมปลอบโยนผู้ใหญ่บ้านตามความสามารถ อาการอย่างนี้ปล่อยให้แกอยู่ตามลำพังคนเดียวไม่ได้แน่นอนผู้นำชุมชนจึงต้องหอบหิ้วสหายรักเก่ากลับมาบ้านด้วย
“มานอนบ้านพี่แล้วกัน คืนนี้เราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว หลับเอาแรงก่อน ตอนเช้าเราค่อยคิดอ่านทำอะไรกัน ลูกสาวแกก็หลานสาวพี่เหมือนกัน”
แต่พอมาถึงบ้าน โยธินซี่งรอคอยอยู่อย่างกระวนกระวายใจ รีบออกมาพูด
“ ลุงครับ มีผู้หญิงคนหนึ่งมานอนหลับไม่ได้สติในห้องผม สาบานได้ว่าผมไม่ได้ไปลักพาตัวเธอมาเลย แรกๆเธอก็พูดจากับผมราวกับผู้ใหญ่ แต่อยู่ดีๆเธอก็ล้มลงหมดสติไป ปลุกอย่างไรก็ไม่ฟื้น”
ด้วยความผ่านโลกมาเยอะ กำนันเลยสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ กล่าวกับหลานชายพลางจูงมือผู้ใหญ่บ้านตามมา
“ไหน พาลุงไปดูหน่อยธิน”
พอเดินเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้รองรับหลานชาย ทั้งสองผู้นำชุมชนก็ถึงแก่ตะลึง เมื่อเห็นหญิงสาวร่างสะโอดสะองผิวพรรณดังเอาเปลวทองมาเจือ วงหน้าสวยพริ้มเพรา ขนตางอนเช้งเป็นแผง นอนหลับอยู่บนเตียงในท่าหันข้างเรียบร้อย
“สร้อย ลูกพ่อ” ผู้ใหญ่สรรร้องครางออกมาอย่างดีใจ รีบเข้ามาประคบประหงมทันที
หญิงสาวรูปโสภาค่อยๆลืมตาฟื้นขึ้น ดวงตาสีนิลระยับกวาดดูทุกคนในห้องอย่างมึนงง
“พ่อ สร้อยมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ไม่รู้ตัวเลยจ้ะ” เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้นด้วยท่าทีสลึมสลือ พอสบตาเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงนัยน์ตาคม จมูกโด่งผู้หนึ่งที่ยืนมองอยู่เธอก็เอียงหน้าหลบด้วยความเอียงอาย
“เธอ” โยธินรำพึงในใจ” แม้จะร่างกายเดียวกัน แต่ไม่ใช่หัวใจดวงนั้นแน่นอน”
เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเพ่งสายตามาอย่างไม่ละไปที่ไหน หญิงสาวก็ต้อง
สะเทิ้นอายเป็นธรรมดา หน้าแดงซ่าน
ผู้ใหญ่สรรหลังจากหายดีใจที่ได้ลูกคืนมา อาการหวงลูกสาวก็บังเกิดขึ้นทันที กระแอ้มเสียงดังขึ้น
“เดี๋ยวนะ ลูกสร้อยมาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง บอกพ่อมาตรงๆต่อหน้าลุงกำนันเลย ถูกไอ้ตัวไหนมันโป๊ะยาสลบหรือเปล่า”
พูดไปก็ส่งสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไปทางโยธิน อย่างไม่มีอาการไว้เนื้อเชื่อใจแม้แต่น้อย
“พี่ชิดลมต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนะ อย่าเล่นญาติพี่น้อง”