ตอนที่1-3 อ่านได้ที่นี่
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5 ลุค
เสียงดนตรีไพเราะ คลอเบาๆ กลมกลืนไปกับผู้คนที่ออกเสียงเจรจา เสียงพูดคุยดังดั่งผึ้งกระพือปีก แสงนวลละออจากโคมไฟสูงค่าที่อยู่บนเพดาน หยอกล้อกับแสงไฟเครื่องประดับของฝูงชนที่อยู่ใต้มัน ลุคอยากจะเพลิดเพลินนัก แต่ด้วยหน้าที่บังคับ ทำให้สิ่งเหล่านั้นเลือนไปจากใจเสีบหมดสิ้น ร่างสูงอยู่ในชุดเกราะเต็มตัว แม้นใบหน้าก็ยังสวมหมวกปิดบังใบ มีเพียงดวงตาสีดำดุดันเท่านั้น ที่ให้ผู้คนมองเห็น
แม้จะขัดใจด้วยว่า บดบังสายตาแลทัศนะวิสัย แต่ก็เข้าใจได้ ด้วยว่าตนเองอยู่ในโลกที่แตกต่าง ไม่อาจให้ใครเห็น ไม่อาจให้ใครรู้ แต่กระนั้น ความพึงใจลึกๆในอกที่ได้ยืนใกล้นางกว่าใคร ก็ลดความไม่พอใจไปได้มากส่วน มีเพียงความขัดใจเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยกลัวว่า อุปสรรคจากชุดเกราะจะทำให้ปกป้อง คนที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่ดีพอ ก็ถึงอย่างนั้นก็ยังวางใจได้ ด้วยนอกจากตน ยังมีคนอื่น คนที่เหมือนตน คอยปกป้องคนสำคัญตรงหน้าด้วยเช่นเดียวกัน
นางแวดล้อมไปด้วยชายหนุ่มผู้ลาภมากดี คนเหล่าแต่งกายอย่างหรูหรา อาภรณ์ดิ้นเงินไหมทองส่องแสงล้อเลียนกับแสงไฟ แม้นถุงมือเพียงข้างเดียวก็อาจแพงกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของลุคด้วยซ้ำ
“แม่หญิงคืนนี้ท่านช่างงามนัก” ชายหนุ่มลูกผู้ดีจากไหนสักที่ ตัดสินใจว่าตนเองต้องนำหน้า กล่าวพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ พลางโค้งในแบบที่เจ้าตัวคิดว่าสง่างาม
ลุคขยับกายระแวดระวัง ด้วยคนตรงหน้าก้าวเข้ามาใกล้ ทำเอาชายหนุ่มผู้ดีตรงหน้า ถอยออกไปครึ่งก้าว พลางหน้าเสีย แต่มือเล็กตรงหน้าขยับห้าม
“องค์รักษ์ ของแม่หญิง ช่างซื่อตรงต่อหน้าที่เสียจริง “ ชายหนุ่มพยามปั้นยิ้ม พลางมองร่างสูงใหญ่ ที่ส่งรังสีดุดัน จนเผลอคิดว่าตนทำเหตุอันใดผิดไป
นางส่งยิ้มเศร้าสร้อย ดวงตากลมโตคู่นั้นมี หยาดน้ำตาเล็กน้อย เพียงเท่านั้น ก็ทำให้ใจเหล่าชายหนุ่มที่รุมล้อมแม่หญิงตรงหน้า ตกไปยังเบื้องลึก หากไม่มีรังสีอำมหิตของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า แล มารยาทผู้ดีที่ฝังตัวตั้งแต่เยาว์วัย คงเข้าไปโอบกอด ร่างเล็กตรงหน้าไปเสียแล้ว
“ขออภัยด้วยเถิด ข้าเป็นหญิงอาภัพ ไร้ซึ่งบิดามารดาคุ้มภัย มีเพียงท่านลุงเท่านั้นที่เมตตาข้า องครักษ์ผู้นี้ จึงระแวดระวังให้ตัวข้าอย่างที่สุด”
โอ..เหล่าชายหนุ่มแทบจะแย่งกันส่งผ้าเช็ดหน้าของตน ให้แม่หญิงคนงามตรงหน้า บ้างก็เสนอบ้างอวดความมั่งคั่งของตนว่ามีสิ่งใดในมือ บ้างก็โอ้อวดกองกำลังในมือว่าจะให้ความคุ้มครองแม่หญิงคนงามตรงหน้าอย่างไร
ฟีลเลีย ยิ้มหวานตรึงใจ พลางย่อกาย ในแบบผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
“ข้าขอบคุณ เหล่าคุณชาย ทุกท่านมาก ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก มีเพียงสิ่งหนึ่ง อยากจะรบกวนทุกท่าน สักเล็กน้อย”
นางเว้นรอจังหวะเล็กน้อย ให้เสียงแก่งแย่งกันรับคำสงบลง ก่อนจะเอ่ย
“คนๆนี้เป็น ญาติของข้าเอง กำลังจะเรียนรู้เส้นทางทางการเมือง ขอคุณชายช่วยเหลือเขาด้วย" นางเอียงตัวก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ขอทุกท่านรู้จักกับ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิก สภาเมืองคนใหม่ “
“นางปีศาจ เจ้าอยู่ที่ไหน”
เสียงดัง ไร้มารยาท สวนกับเสียงเพลง ตามด้วยเสียงอื้ออึงของฝูงชนที่แหวกออกเป็นสองข้างทาง
ลุคเคลื่อนกายบดบังร่างเล็กตรงหน้าโดยสัญชาตญาณ แต่มีแรงกระตุกชายผ้าคลุม ตามด้วยเสียงบางเบาจนแทบไม่ได้ยิน “อย่าฆ่านะ”
ลุคถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปหาชายร่างอ้วนหัวล้าน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงสมาชิกผู้สูงศักดิ์ ที่ทุกคนในเมืองให้ความเกรงใจ ร่างอ้วนนั้นกำลังกวัดแกว่งมีดในมือดูน่ากลัว ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา
“นางปีศาจ อยู่นี่เอง เอาทุกอย่างของข้าคืนมานะ" ร่างนั้นพุ่งเร็วจนไม่น่าเชื่อ ผิดกับสภาพที่เห็น แต่ลุคเร็วกว่ามาก ฉากออกด้านข้าง แล้วใช้ดาบทั้งฝัก ฟันไปที่ข้อมือพลิกข้อมือ ก่อนจะก้าวประชิดแล้ว ฟันอีกครั้งที่ข้อพับ ทำเอาร่างอ้วน ล้มทั้งยืน คนที่ยืนตะลึงต่างกรูเข้าจับกุม ผู้ก่อความวุ่นวายทันที เชือกเส้นโต ถูกใครสักคนนำมาผูกที่ข้อมือ
“ท่านทั้งหลายได้โปรดเบามือหน่อยเถิด เขาผู้นั้นหายใจไม่ออก “ นางกล่าวห้าม
“แต่แม่หญิง ชายผู้นี้คิดทำร้ายแม่หญิง” หนึ่งในผู้ที่กลุ้มรุมชายหัวล้านกล่าวโทษ พร้อมกับสำทับน้ำหนักที่กดลงไป
นางน้ำตาคลอเบ้าพร้อมกับกล่าว “ได้โปรดเถิด ข้าขอร้อง ชายผู้นี้แค่เมาเท่านั้น”
ชายผู้นั้นถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “ พวกเราเบากำลังลงเถิด " ลุคก้าวเข้ามารับหน้าที่ต่อจากเหล่าชายหนุ่ม
ชายหัวล้าน รวมรวมพละกำลัง ต่อต้านสุดฤทธิ์ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงความคั่งแค้น
“ทำไม ทำไมเจ้าไม่ฆ่าช้า เจ้าเอาทุกอย่างจากข้าไปแล้ว เจ้าต้องการอะไรจากข้าอีก “ น้ำลายแตกฟอง ดวงตาแดงก่ำดั่งเลือด หากนางตายได้ด้วยสายตา ร่างของนางคงเป็นชิ้นหานับส่วนมิได้
น้ำเสียงลุแก่โทษ ออกมาจากปากคู่งามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“อภัยให้ข้าด้วยเถิด สุราในงานคงแรงไป จึงทำให้ท่านขาดสติ " ร่างเล็กโอบกอดศรีษะล้านอย่างไม่รังเกียจกลิ่นสุราแรงที่ทำให้ย่นจมูกได้ ราวกับภาพพระแม่อันบริสุทธิ์ให้อภัยหมู่มาร เสียงกระซิบบางเบาดังที่ข้างหู
“น่าสนุกใช่มั้ยล่ะ เจ้าเกือบถึงตัวข้าได้แล้วนะ มีความหวังขึ้นมาใช่หรือไม่ ”
“จ….เจ้า”บางสิ่งคลืบคลานจากท้องมวนขึ้นในอก
"เจ้าคงไม่คิดหรอกนะ ว่าจะผ่านคนของข้า ได้ง่ายดายด้วยลูกไม้เพียงเท่านั้น สำราญใจนัก การให้ความหวัง แล้วทำลายมันในท้ายสุด "
ชายหัวล้านแทบกระอักเลือดตาย ที่เขาสุ่มเสี่ยงชีวิต ฝ่ายามรักษาความปลอดภัย แอบซุกซ่อนอาวุธในกาย ทั้งๆที่รู้ว่าหากถูกจับได้ อย่าว่าแต่ความแค้นเลย ใบหน้าของนางก็คงไม่ได้เห็น แต่ถึงทำเพียงนี้ ทุกอย่างก็ยัง นางห่างไกลเกินเอื้อมมือของเขา ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้ แต่เขาต้องประกาศให้ทุกคนรู้ถึงความชั่วช้าของนาง
แต่ทว่า เด็กสาวคนงามตรงหน้า ยกนิ้วเรียวยาว จรดริมฝีปากของนาง ก่อนจะเอ่ย ด้วยเสียงไพเราะ
“รักษาสุขภาพด้วยเถิด ท่านคงเป็นห่วงลูกสาวท่าน ที่นครการศึกษาใช่หรือไม่ ทั้งแม่ของท่านที่เฒ่าชแลแก่ชรา ที่นครโครรารัม คนรอบกายท่าน ทุกคนๆที่ท่านรู้จัก ทุกๆคนที่ท่านห่วงใย ท่านคงเป็นห่วงใช่หรือไม่”
นางเว้นวักไปครู่หนึ่ง“ท่านไม่ใช่แค่ตัวคนเดียวหรอกนะ “
เพียงเท่านั้น ความหวาดหวั่นถึงขีดสุด ก็ลุแก่ใจ ทุกๆย่างก้าวอยู่ในมือนาง เด็กสาวที่อายุเพียงแค่รุ่นลูก
“จ....จะ...เจ้ารู้ได้ยังไง”
สัตว์ประหลาด
นางยิ้ม
............
บนทางเดินทางทอดยาวที่ปูด้วยหิน แสงจากที่ติดอยู่ตามกำแพง ให้ความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความชัดเจน และความเลือนลาง ความอึกทึกจากงานเลี้ยง ดังเล็ดลอดมาแต่ไกล เสียงฝีเท้าดังตามทางเดิน เสียงหนึ่งนั้นแผ่วเบา ด้วยเจ้าของเป็นคนร่างเล็กบอบบาง หากแต่อีกเสียงนั้น แผ่วเบายิ่งกว่า แม้นเจ้าของเสียงนั้น เป็นคนสูงร่างใหญ่ อีกทั้งยังใส่ชุดเกราะเต็มตัวแต่ถึงอย่างนั้น ก็กระทำการไม่สมตัว
ชายร่างใหญ่เหลือบมอง คนร่างเล็กด้านข้าง เขาไม่อาจปฏิเสธบางครั้ง เขาสงสัยในการกระทำของนาง เป็นนางเอง ที่อนุญาตให้เขาสงสัยในทุกสิ่ง ในทุก การกระทำของนางได้ นางว่า มีเพียงก้อนดินเท่านั้นที่ไม่สงสัยในสิ่งใด และเขาก็มิใช่ก้อนดิน แต่ถึงอย่างนั้น นางมักบอกในสิ่งที่เขาต้องการรู้ เพียงแต่ต้องรอเวลาที่นางเห็นว่าเหมาะสม นางเป็นจะฝ่ายบอกเสมอ และเป็นเช่นนี้เสมอมา
"เจ้าคงสงสัย ใช่รึไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงปล่อยคนผู้นั้นไว้" เป็นนางเองที่เอ่ยทำลายความเงียบ
บางครั้ง ลุคก็สงสัยว่านางอ่านใจคนได้หรืออย่างไร ดวงตาดุดันอ่อนแสงลง มุมปากคล้ายจะยิ้ม ก่อนจะเอ่ย
"เจ้าคงคิดมาดีแล้ว"
นางเบือนหน้าหันไปมองทางงานเลี้ยง
" บางครั้ง คนเป็นก็ใช้งานได้ดีกว่าคนตาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องให้คนผู้นั้นทำงานให้ข้า "
ลุคเอียงคอมองนาง ความสงสัยพรั่งพรู
"คนผู้นั้นแค้นเคือง เจ้าเสียมากมาย จิตคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดคนผู้นั้น จะเปลี่ยนใจมารับใช้เจ้าได้ "
"ความโกรธนั่นล่ะ ทำให้เรื่องมันง่ายดายเสมอ"
หลังเอ่ยคำ นางชูแขนเรียวขึ้นสูงก่อนจะบิดไปมา
"ไม่เอาละ น่าเบื่อเสียจริง เลิกพูดเรื่องคนหัวล้านเป็นการดีกว่า ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้า"
นางเปลี่ยนเร็วอย่างที่เคยเป็น ลุคอยู่กับนางมาพอสมควร แต่บ่อยครั้ง ลุคก็ตามคนตรงหน้าไม่ทัน
"เรื่องอันใด"
"เจ้าว่าเงินคือสิ่งใด"
ลุคเอ่ยโดยแทบไม่ต้องคิด
" ก็สิ่งที่ไว้ซื้อของ"
นางหัวเราะเห็นฟันขาวเรียว
" คำตอบ สมเป็นเจ้าดีนะ"
"มิถูกรึ" ลุคสงสัย
ดวงตาสีดำบ่งบอกถึงความสนุกสนาน
"มิผิดหรอก แล้วเหตุอันใดจึงซื้อของได้ล่ะ "
"เพราะมันมีค่า"
นางยิ้มซุกซน
"ใช่แล้วเพราะ มันมีค่า เจ้าเชื่อว่ามันมีค่า ข้าเองก็เชื่อ ทุกผู้ทุกนามก็เชื่อว่ามันมี แล้วถ้าหากวันใด ทุกคนไม่เชื่อล่ะ "
"เงินก็ใช้ไม่ได้ " ลุคหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ"
"นั่นน่ะสิ น่าสนุกดีใช่หรือไม่ "นางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ฟ้าสองสี (นิยายเรื่องยาว) ตอนที่ 5 สัตว์ประหลาด
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5 ลุค
เสียงดนตรีไพเราะ คลอเบาๆ กลมกลืนไปกับผู้คนที่ออกเสียงเจรจา เสียงพูดคุยดังดั่งผึ้งกระพือปีก แสงนวลละออจากโคมไฟสูงค่าที่อยู่บนเพดาน หยอกล้อกับแสงไฟเครื่องประดับของฝูงชนที่อยู่ใต้มัน ลุคอยากจะเพลิดเพลินนัก แต่ด้วยหน้าที่บังคับ ทำให้สิ่งเหล่านั้นเลือนไปจากใจเสีบหมดสิ้น ร่างสูงอยู่ในชุดเกราะเต็มตัว แม้นใบหน้าก็ยังสวมหมวกปิดบังใบ มีเพียงดวงตาสีดำดุดันเท่านั้น ที่ให้ผู้คนมองเห็น
แม้จะขัดใจด้วยว่า บดบังสายตาแลทัศนะวิสัย แต่ก็เข้าใจได้ ด้วยว่าตนเองอยู่ในโลกที่แตกต่าง ไม่อาจให้ใครเห็น ไม่อาจให้ใครรู้ แต่กระนั้น ความพึงใจลึกๆในอกที่ได้ยืนใกล้นางกว่าใคร ก็ลดความไม่พอใจไปได้มากส่วน มีเพียงความขัดใจเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยกลัวว่า อุปสรรคจากชุดเกราะจะทำให้ปกป้อง คนที่อยู่ตรงหน้าได้ไม่ดีพอ ก็ถึงอย่างนั้นก็ยังวางใจได้ ด้วยนอกจากตน ยังมีคนอื่น คนที่เหมือนตน คอยปกป้องคนสำคัญตรงหน้าด้วยเช่นเดียวกัน
นางแวดล้อมไปด้วยชายหนุ่มผู้ลาภมากดี คนเหล่าแต่งกายอย่างหรูหรา อาภรณ์ดิ้นเงินไหมทองส่องแสงล้อเลียนกับแสงไฟ แม้นถุงมือเพียงข้างเดียวก็อาจแพงกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของลุคด้วยซ้ำ
“แม่หญิงคืนนี้ท่านช่างงามนัก” ชายหนุ่มลูกผู้ดีจากไหนสักที่ ตัดสินใจว่าตนเองต้องนำหน้า กล่าวพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ พลางโค้งในแบบที่เจ้าตัวคิดว่าสง่างาม
ลุคขยับกายระแวดระวัง ด้วยคนตรงหน้าก้าวเข้ามาใกล้ ทำเอาชายหนุ่มผู้ดีตรงหน้า ถอยออกไปครึ่งก้าว พลางหน้าเสีย แต่มือเล็กตรงหน้าขยับห้าม
“องค์รักษ์ ของแม่หญิง ช่างซื่อตรงต่อหน้าที่เสียจริง “ ชายหนุ่มพยามปั้นยิ้ม พลางมองร่างสูงใหญ่ ที่ส่งรังสีดุดัน จนเผลอคิดว่าตนทำเหตุอันใดผิดไป
นางส่งยิ้มเศร้าสร้อย ดวงตากลมโตคู่นั้นมี หยาดน้ำตาเล็กน้อย เพียงเท่านั้น ก็ทำให้ใจเหล่าชายหนุ่มที่รุมล้อมแม่หญิงตรงหน้า ตกไปยังเบื้องลึก หากไม่มีรังสีอำมหิตของร่างสูงใหญ่ตรงหน้า แล มารยาทผู้ดีที่ฝังตัวตั้งแต่เยาว์วัย คงเข้าไปโอบกอด ร่างเล็กตรงหน้าไปเสียแล้ว
“ขออภัยด้วยเถิด ข้าเป็นหญิงอาภัพ ไร้ซึ่งบิดามารดาคุ้มภัย มีเพียงท่านลุงเท่านั้นที่เมตตาข้า องครักษ์ผู้นี้ จึงระแวดระวังให้ตัวข้าอย่างที่สุด”
โอ..เหล่าชายหนุ่มแทบจะแย่งกันส่งผ้าเช็ดหน้าของตน ให้แม่หญิงคนงามตรงหน้า บ้างก็เสนอบ้างอวดความมั่งคั่งของตนว่ามีสิ่งใดในมือ บ้างก็โอ้อวดกองกำลังในมือว่าจะให้ความคุ้มครองแม่หญิงคนงามตรงหน้าอย่างไร
ฟีลเลีย ยิ้มหวานตรึงใจ พลางย่อกาย ในแบบผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
“ข้าขอบคุณ เหล่าคุณชาย ทุกท่านมาก ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก มีเพียงสิ่งหนึ่ง อยากจะรบกวนทุกท่าน สักเล็กน้อย”
นางเว้นรอจังหวะเล็กน้อย ให้เสียงแก่งแย่งกันรับคำสงบลง ก่อนจะเอ่ย
“คนๆนี้เป็น ญาติของข้าเอง กำลังจะเรียนรู้เส้นทางทางการเมือง ขอคุณชายช่วยเหลือเขาด้วย" นางเอียงตัวก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ขอทุกท่านรู้จักกับ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิก สภาเมืองคนใหม่ “
“นางปีศาจ เจ้าอยู่ที่ไหน”
เสียงดัง ไร้มารยาท สวนกับเสียงเพลง ตามด้วยเสียงอื้ออึงของฝูงชนที่แหวกออกเป็นสองข้างทาง
ลุคเคลื่อนกายบดบังร่างเล็กตรงหน้าโดยสัญชาตญาณ แต่มีแรงกระตุกชายผ้าคลุม ตามด้วยเสียงบางเบาจนแทบไม่ได้ยิน “อย่าฆ่านะ”
ลุคถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปหาชายร่างอ้วนหัวล้าน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงสมาชิกผู้สูงศักดิ์ ที่ทุกคนในเมืองให้ความเกรงใจ ร่างอ้วนนั้นกำลังกวัดแกว่งมีดในมือดูน่ากลัว ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา
“นางปีศาจ อยู่นี่เอง เอาทุกอย่างของข้าคืนมานะ" ร่างนั้นพุ่งเร็วจนไม่น่าเชื่อ ผิดกับสภาพที่เห็น แต่ลุคเร็วกว่ามาก ฉากออกด้านข้าง แล้วใช้ดาบทั้งฝัก ฟันไปที่ข้อมือพลิกข้อมือ ก่อนจะก้าวประชิดแล้ว ฟันอีกครั้งที่ข้อพับ ทำเอาร่างอ้วน ล้มทั้งยืน คนที่ยืนตะลึงต่างกรูเข้าจับกุม ผู้ก่อความวุ่นวายทันที เชือกเส้นโต ถูกใครสักคนนำมาผูกที่ข้อมือ
“ท่านทั้งหลายได้โปรดเบามือหน่อยเถิด เขาผู้นั้นหายใจไม่ออก “ นางกล่าวห้าม
“แต่แม่หญิง ชายผู้นี้คิดทำร้ายแม่หญิง” หนึ่งในผู้ที่กลุ้มรุมชายหัวล้านกล่าวโทษ พร้อมกับสำทับน้ำหนักที่กดลงไป
นางน้ำตาคลอเบ้าพร้อมกับกล่าว “ได้โปรดเถิด ข้าขอร้อง ชายผู้นี้แค่เมาเท่านั้น”
ชายผู้นั้นถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย “ พวกเราเบากำลังลงเถิด " ลุคก้าวเข้ามารับหน้าที่ต่อจากเหล่าชายหนุ่ม
ชายหัวล้าน รวมรวมพละกำลัง ต่อต้านสุดฤทธิ์ ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงความคั่งแค้น
“ทำไม ทำไมเจ้าไม่ฆ่าช้า เจ้าเอาทุกอย่างจากข้าไปแล้ว เจ้าต้องการอะไรจากข้าอีก “ น้ำลายแตกฟอง ดวงตาแดงก่ำดั่งเลือด หากนางตายได้ด้วยสายตา ร่างของนางคงเป็นชิ้นหานับส่วนมิได้
น้ำเสียงลุแก่โทษ ออกมาจากปากคู่งามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“อภัยให้ข้าด้วยเถิด สุราในงานคงแรงไป จึงทำให้ท่านขาดสติ " ร่างเล็กโอบกอดศรีษะล้านอย่างไม่รังเกียจกลิ่นสุราแรงที่ทำให้ย่นจมูกได้ ราวกับภาพพระแม่อันบริสุทธิ์ให้อภัยหมู่มาร เสียงกระซิบบางเบาดังที่ข้างหู
“น่าสนุกใช่มั้ยล่ะ เจ้าเกือบถึงตัวข้าได้แล้วนะ มีความหวังขึ้นมาใช่หรือไม่ ”
“จ….เจ้า”บางสิ่งคลืบคลานจากท้องมวนขึ้นในอก
"เจ้าคงไม่คิดหรอกนะ ว่าจะผ่านคนของข้า ได้ง่ายดายด้วยลูกไม้เพียงเท่านั้น สำราญใจนัก การให้ความหวัง แล้วทำลายมันในท้ายสุด "
ชายหัวล้านแทบกระอักเลือดตาย ที่เขาสุ่มเสี่ยงชีวิต ฝ่ายามรักษาความปลอดภัย แอบซุกซ่อนอาวุธในกาย ทั้งๆที่รู้ว่าหากถูกจับได้ อย่าว่าแต่ความแค้นเลย ใบหน้าของนางก็คงไม่ได้เห็น แต่ถึงทำเพียงนี้ ทุกอย่างก็ยัง นางห่างไกลเกินเอื้อมมือของเขา ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านี้ แต่เขาต้องประกาศให้ทุกคนรู้ถึงความชั่วช้าของนาง
แต่ทว่า เด็กสาวคนงามตรงหน้า ยกนิ้วเรียวยาว จรดริมฝีปากของนาง ก่อนจะเอ่ย ด้วยเสียงไพเราะ
“รักษาสุขภาพด้วยเถิด ท่านคงเป็นห่วงลูกสาวท่าน ที่นครการศึกษาใช่หรือไม่ ทั้งแม่ของท่านที่เฒ่าชแลแก่ชรา ที่นครโครรารัม คนรอบกายท่าน ทุกคนๆที่ท่านรู้จัก ทุกๆคนที่ท่านห่วงใย ท่านคงเป็นห่วงใช่หรือไม่”
นางเว้นวักไปครู่หนึ่ง“ท่านไม่ใช่แค่ตัวคนเดียวหรอกนะ “
เพียงเท่านั้น ความหวาดหวั่นถึงขีดสุด ก็ลุแก่ใจ ทุกๆย่างก้าวอยู่ในมือนาง เด็กสาวที่อายุเพียงแค่รุ่นลูก
“จ....จะ...เจ้ารู้ได้ยังไง”
สัตว์ประหลาด
นางยิ้ม
............
บนทางเดินทางทอดยาวที่ปูด้วยหิน แสงจากที่ติดอยู่ตามกำแพง ให้ความรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความชัดเจน และความเลือนลาง ความอึกทึกจากงานเลี้ยง ดังเล็ดลอดมาแต่ไกล เสียงฝีเท้าดังตามทางเดิน เสียงหนึ่งนั้นแผ่วเบา ด้วยเจ้าของเป็นคนร่างเล็กบอบบาง หากแต่อีกเสียงนั้น แผ่วเบายิ่งกว่า แม้นเจ้าของเสียงนั้น เป็นคนสูงร่างใหญ่ อีกทั้งยังใส่ชุดเกราะเต็มตัวแต่ถึงอย่างนั้น ก็กระทำการไม่สมตัว
ชายร่างใหญ่เหลือบมอง คนร่างเล็กด้านข้าง เขาไม่อาจปฏิเสธบางครั้ง เขาสงสัยในการกระทำของนาง เป็นนางเอง ที่อนุญาตให้เขาสงสัยในทุกสิ่ง ในทุก การกระทำของนางได้ นางว่า มีเพียงก้อนดินเท่านั้นที่ไม่สงสัยในสิ่งใด และเขาก็มิใช่ก้อนดิน แต่ถึงอย่างนั้น นางมักบอกในสิ่งที่เขาต้องการรู้ เพียงแต่ต้องรอเวลาที่นางเห็นว่าเหมาะสม นางเป็นจะฝ่ายบอกเสมอ และเป็นเช่นนี้เสมอมา
"เจ้าคงสงสัย ใช่รึไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงปล่อยคนผู้นั้นไว้" เป็นนางเองที่เอ่ยทำลายความเงียบ
บางครั้ง ลุคก็สงสัยว่านางอ่านใจคนได้หรืออย่างไร ดวงตาดุดันอ่อนแสงลง มุมปากคล้ายจะยิ้ม ก่อนจะเอ่ย
"เจ้าคงคิดมาดีแล้ว"
นางเบือนหน้าหันไปมองทางงานเลี้ยง
" บางครั้ง คนเป็นก็ใช้งานได้ดีกว่าคนตาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าต้องให้คนผู้นั้นทำงานให้ข้า "
ลุคเอียงคอมองนาง ความสงสัยพรั่งพรู
"คนผู้นั้นแค้นเคือง เจ้าเสียมากมาย จิตคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดคนผู้นั้น จะเปลี่ยนใจมารับใช้เจ้าได้ "
"ความโกรธนั่นล่ะ ทำให้เรื่องมันง่ายดายเสมอ"
หลังเอ่ยคำ นางชูแขนเรียวขึ้นสูงก่อนจะบิดไปมา
"ไม่เอาละ น่าเบื่อเสียจริง เลิกพูดเรื่องคนหัวล้านเป็นการดีกว่า ข้ามีคำถามอยากจะถามเจ้า"
นางเปลี่ยนเร็วอย่างที่เคยเป็น ลุคอยู่กับนางมาพอสมควร แต่บ่อยครั้ง ลุคก็ตามคนตรงหน้าไม่ทัน
"เรื่องอันใด"
"เจ้าว่าเงินคือสิ่งใด"
ลุคเอ่ยโดยแทบไม่ต้องคิด
" ก็สิ่งที่ไว้ซื้อของ"
นางหัวเราะเห็นฟันขาวเรียว
" คำตอบ สมเป็นเจ้าดีนะ"
"มิถูกรึ" ลุคสงสัย
ดวงตาสีดำบ่งบอกถึงความสนุกสนาน
"มิผิดหรอก แล้วเหตุอันใดจึงซื้อของได้ล่ะ "
"เพราะมันมีค่า"
นางยิ้มซุกซน
"ใช่แล้วเพราะ มันมีค่า เจ้าเชื่อว่ามันมีค่า ข้าเองก็เชื่อ ทุกผู้ทุกนามก็เชื่อว่ามันมี แล้วถ้าหากวันใด ทุกคนไม่เชื่อล่ะ "
"เงินก็ใช้ไม่ได้ " ลุคหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ"
"นั่นน่ะสิ น่าสนุกดีใช่หรือไม่ "นางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี