บทที่ 1 - 2
http://ppantip.com/topic/31818116
บทที่ 3
กลางท้องพระโรงแห่งเรสทอเรียกำลังสับสนวุ่นวาย เนื่องจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกว่าค่อนคืนแล้วของเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทลำดับสองของอาณาจักร กษัตริย์เอลริโก้ประกาศรับสั่งให้ค้นหาราชธิดาทั่วทุกซอกมุมของเมือง แต่ก็พบเพียงพลขับส่วนพระองค์ซึ่งอยู่ในสภาพถูกจับมัดยัดไว้ใต้กองฟางในโรงม้าของคฤหาสน์รับรองแขก เมื่อฟื้นขึ้นมาก็มีสติเลอะเลือนไร้ความทรงจำให้สอบถามความใด กระทั่งยามใกล้รุ่งสางจึงได้ความจากมหาดเล็กว่าราชธิดาได้กลับมาถึงปราสาทแล้วด้วยสภาพไม่ดีนัก
“โอ...สการ์เล็ต แม่เป็นห่วงเหลือเกินแล้ว”
ราชินีแห่งเรสทอเรียโผเข้ากอดจูบลูบหลังธิดารักด้วยความห่วงใยทันทีที่ได้พบหน้า นางพิจารณาร่างบอบบางซึ่งอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมเสื้อผ้าขาดวิ่นแล้วจึงประคองดวงพักตร์งดงามขึ้นสบประสานสายตา
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
กษัตริย์เอลริโก้กระแอมขัดความร้อนรนพระทัยของชายาก่อนจะเอ่ยบ้าง
“ข้าว่าให้ลูกไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวเสียใหม่หาอะไรรองท้องก่อนจะดีกว่านะ” ผู้ครองอาณาจักรตรัสแล้วจึงปรายพระเนตรคมกริบไปยังบุรุษในชุดคลุมสีดำสวมแว่นกรอบหนาเทอะทะบดบังใบหน้าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังบุตรี
“แล้วท่านนี้คือ...”
“เขาคือคนที่ช่วยชีวิตลูกค่ะ” สการ์เล็ตรีบตอบตามที่เตี๊ยมกันไว้กับพ่อมด
จะว่าแล้วก็ไม่ผิดไปจากที่พูดนัก เพราะอย่างไรเขาก็ได้ช่วยชีวิตนางไว้จริง ๆ เพียงแต่สิ่งที่ต้องตอบแทนนั้นนับว่าหนักหนาสำหรับนางเหลือเกิน
เจ้าหญิงได้แต่ทอดถอนใจภายในห้วงดำริก่อนกล่าวกับพระบิดา
“แล้วลูกจะเล่าให้ฟังค่ะ”
เวลาผ่านพ้นไปราวชั่วยามหนึ่ง ความในค่ำคืนก่อนจึงถูกเรียงร้อยเล่าจากปากของเจ้าหญิงลำดับแรกให้กษัตริย์และราชินีได้กระจ่างพระทัย
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง...” ราชาเอลริโก้ตรัสพึมพำหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากบุตรสาว พระขนงเรียวเข้มขมวดเข้าหากัน
“ใครที่มันบังอาจปองร้ายเจ้า ข้าจะสั่งคนสืบหานำตัวมาให้ได้ มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม” กษัตริย์แห่งเรสทอเรียกล่าวด้วยสุรเสียงเยียบเย็น ดวงเนตรฉายประกายกร้าวด้วยความกรุ่นโกรธ
“พ่อก็เคยเตือนแล้วว่าเจ้าควรมีผู้ติดตามไว้คอยคุ้มกันให้มากกว่านี้ แม้ว่าจะเดินอยู่ในอาณาจักรของตนเองก็อย่าได้ชะล่าใจไป”
สการ์เล็ตนั่งฟังอย่างสำนึก แม้นางไม่ชอบที่มีผู้ติดตามจนดูเอิกเกริก แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้จะตอบโต้ประการใด
“ตั้งแต่วันนี้เพิ่มการคุ้มกันขึ้นเถอะนะ อย่าให้แม่ต้องกังวลนักเลย” ราชินีรูริเธียบีบมือบุตรสาวเบา ๆ และสการ์เล็ตก็กระชับมือนางตอบอย่างอ่อนโยน
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ลูกได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้คนผู้นี้คอยคุ้มกันลูก...แค่คนเดียวก็พอ”
“เอ๋!! เขาน่ะหรือ” กษัตริย์และราชินีหันไปมองคนที่องค์ธิดาแนะนำว่าเป็นพ่อมดผู้ช่วยชีวิตแล้วอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน
“อันที่จริงข้าซาบซึ้งใจมากที่เจ้าช่วยชีวิตลูกข้า แต่ว่าเจ้าเพียงคนเดียว...” เอลริโก้ละดำรัส เขาไม่อยากกล่าวดำใดที่จะเป็นการดูแคลนผู้มีบุญคุณต่อบุตรสาวเกินไปนัก แต่พ่อมดหนุ่มก็ยิ้มสุภาพและก้มศีรษะรับอย่างเข้าใจ
“แต่เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตลูกจากกลุ่มโจรซึ่งมีอยู่หลายคนโดยต่อสู้เพียงลำพังนะคะ”
แน่นอนว่านางไม่ได้เล่าหรอก ว่านอกจากนั้นแล้วเจ้าพ่อมดโฉดนี่ฆ่าทุกคนอย่างโหดเหี้ยมเพียงไร
หญิงสาวชำเลืองมองคาอิลซึ่งกำลังส่งสายตาและรอยยิ้มหวานแฝงความนัยมาให้นางโดยเฉพาะ
บอกไม่ได้...จะบอกได้อย่างไรล่ะ
“ถึงเขาจะเป็นพ่อมด ไม่ใช่นักรบอย่างที่ควรก็ตาม แต่ลูกเชื่อว่าเขามีความสามารถพอจะปฏิบัติหน้าที่นี้ ได้โปรดเถิดค่ะ ท่านพ่อ”
เอลริโก้มองสีหน้าจริงจังและแววตาอันมุ่งมั่นของบุตรีที่รักอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
อนาคตอันใกล้ในภายหน้า สการ์เล็ตจำเป็นต้องช่วยดูแลบริหารบ้านเมืองกับพี่ชายของนาง เขาจึงให้สิทธิในการตัดสินใจแก่ลูกมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้นางก็แค่มาขอตามมารยาท และเขาก็ไม่ควรจะปฏิเสธ เมื่อตัดสินใจเช่นไรนางก็ควรรู้และรับผลของการตัดสินใจนั้นด้วยตนเอง แม้มันจะทำให้ผู้เป็นพ่อต้องห่วงกังวลก็ตาม
“ก็ได้ ถ้าลูกต้องการอย่างนั้น”
สการ์เล็ตเผยยิ้มออกมาเมื่อได้รับคำอนุญาต ถึงอยากจะบอกว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้ต้องการพ่อมดคนนี้มาเป็นผู้คุ้มกันเลย แต่มันเป็นสิ่งที่คาอิลแนะนำให้พูด
หรือที่จริงต้องบอกว่า ‘บังคับ’ ให้พูดจะถูกกว่ามาก...
“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” กษัตริย์แห่งเรสทอเรียหันไปมองว่าที่ผู้คุ้มครองบุตรสาวและตรัสกับเขาอย่างหนักแน่นเน้นคำ พ่อมดหนุ่มจึงย่อกายถวายคำสัตย์ต่อองค์ราชา
“ข้าสาบานว่าจะปกป้องเจ้าหญิงสการ์เล็ตด้วยชีวิต”
“เจ้าชื่อคาอิลสินะ ท่านพ่อมด ช่วยเงยหน้าให้เราดูหน่อยจะได้ไหม”
คาอิลเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับราชินีรูริเธียซึ่งย่างวรองค์มาอยู่ตรงหน้าเขา นางจ้องพ่อมดอย่างพิจารณา เส้นผมขาวโพลนกับดวงหน้าใสกระจ่างยิ่งส่งให้ดวงตาสีน้ำเงินทอประกายโดดเด่นแจ่มชัด แม้มันจะถูกกระจกแว่นหนาบดบังเอาไว้ก็ตาม
เมื่อราชินีเห็นว่าดวงตาคู่นั้นทอประกายจริงจังแน่วแน่จึงเผยยิ้มออกมา
“ข้าเคยได้ยินว่าผู้คงอาคมมักจะมีลักษณะสูงวัย แต่เจ้ายังดูเยาว์เกินกว่าจะเป็นเช่นนั้น”
คาอิลกระตุกยิ้มเล็กน้อยพอให้ไม่มีใครสังเกต
เขาเคยถูกดูแคลนมานักต่อนักแล้วเรื่องวัยที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้ใครได้ กับแค่เพิ่มราชินีแห่งเรสทอเรียเข้าไปเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกสะเทือนอะไรหรอก เพราะสุดท้ายเขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าผู้มีเวทมนตร์แก่กล้าไม่ได้มีแต่พวกตาเฒ่าเสมอไป
แต่ราชินีรูริเธียหาได้เป็นอย่างที่พ่อมดหนุ่มคิดไม่ นางยิ้มและมองเขาด้วยแววตาเชื่อมั่นที่ไร้ซึ่งความเคลือบแคลง
“ขอฝากลูกสาวข้าด้วยนะ ท่านพ่อมดคาอิล ช่วยดูแลนางอย่าให้ต้องร่วงโรยไปก่อนเวลาอันควรเร็วนัก”
พ่อมดหนุ่มก้มศีรษะตอบรับ เขาขยับยิ้มและเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าการกระซิบ
“แน่นอนที่สุดครับ ข้าจะดูแลเจ้าหญิงของท่านอย่างดี”
*/*/*/*/*
เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/31818116
บทที่ 3
กลางท้องพระโรงแห่งเรสทอเรียกำลังสับสนวุ่นวาย เนื่องจากการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกว่าค่อนคืนแล้วของเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทลำดับสองของอาณาจักร กษัตริย์เอลริโก้ประกาศรับสั่งให้ค้นหาราชธิดาทั่วทุกซอกมุมของเมือง แต่ก็พบเพียงพลขับส่วนพระองค์ซึ่งอยู่ในสภาพถูกจับมัดยัดไว้ใต้กองฟางในโรงม้าของคฤหาสน์รับรองแขก เมื่อฟื้นขึ้นมาก็มีสติเลอะเลือนไร้ความทรงจำให้สอบถามความใด กระทั่งยามใกล้รุ่งสางจึงได้ความจากมหาดเล็กว่าราชธิดาได้กลับมาถึงปราสาทแล้วด้วยสภาพไม่ดีนัก
“โอ...สการ์เล็ต แม่เป็นห่วงเหลือเกินแล้ว”
ราชินีแห่งเรสทอเรียโผเข้ากอดจูบลูบหลังธิดารักด้วยความห่วงใยทันทีที่ได้พบหน้า นางพิจารณาร่างบอบบางซึ่งอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมเสื้อผ้าขาดวิ่นแล้วจึงประคองดวงพักตร์งดงามขึ้นสบประสานสายตา
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
กษัตริย์เอลริโก้กระแอมขัดความร้อนรนพระทัยของชายาก่อนจะเอ่ยบ้าง
“ข้าว่าให้ลูกไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวเสียใหม่หาอะไรรองท้องก่อนจะดีกว่านะ” ผู้ครองอาณาจักรตรัสแล้วจึงปรายพระเนตรคมกริบไปยังบุรุษในชุดคลุมสีดำสวมแว่นกรอบหนาเทอะทะบดบังใบหน้าซึ่งยืนอยู่ด้านหลังบุตรี
“แล้วท่านนี้คือ...”
“เขาคือคนที่ช่วยชีวิตลูกค่ะ” สการ์เล็ตรีบตอบตามที่เตี๊ยมกันไว้กับพ่อมด
จะว่าแล้วก็ไม่ผิดไปจากที่พูดนัก เพราะอย่างไรเขาก็ได้ช่วยชีวิตนางไว้จริง ๆ เพียงแต่สิ่งที่ต้องตอบแทนนั้นนับว่าหนักหนาสำหรับนางเหลือเกิน
เจ้าหญิงได้แต่ทอดถอนใจภายในห้วงดำริก่อนกล่าวกับพระบิดา
“แล้วลูกจะเล่าให้ฟังค่ะ”
เวลาผ่านพ้นไปราวชั่วยามหนึ่ง ความในค่ำคืนก่อนจึงถูกเรียงร้อยเล่าจากปากของเจ้าหญิงลำดับแรกให้กษัตริย์และราชินีได้กระจ่างพระทัย
“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง...” ราชาเอลริโก้ตรัสพึมพำหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากบุตรสาว พระขนงเรียวเข้มขมวดเข้าหากัน
“ใครที่มันบังอาจปองร้ายเจ้า ข้าจะสั่งคนสืบหานำตัวมาให้ได้ มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม” กษัตริย์แห่งเรสทอเรียกล่าวด้วยสุรเสียงเยียบเย็น ดวงเนตรฉายประกายกร้าวด้วยความกรุ่นโกรธ
“พ่อก็เคยเตือนแล้วว่าเจ้าควรมีผู้ติดตามไว้คอยคุ้มกันให้มากกว่านี้ แม้ว่าจะเดินอยู่ในอาณาจักรของตนเองก็อย่าได้ชะล่าใจไป”
สการ์เล็ตนั่งฟังอย่างสำนึก แม้นางไม่ชอบที่มีผู้ติดตามจนดูเอิกเกริก แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้จะตอบโต้ประการใด
“ตั้งแต่วันนี้เพิ่มการคุ้มกันขึ้นเถอะนะ อย่าให้แม่ต้องกังวลนักเลย” ราชินีรูริเธียบีบมือบุตรสาวเบา ๆ และสการ์เล็ตก็กระชับมือนางตอบอย่างอ่อนโยน
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ลูกได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้คนผู้นี้คอยคุ้มกันลูก...แค่คนเดียวก็พอ”
“เอ๋!! เขาน่ะหรือ” กษัตริย์และราชินีหันไปมองคนที่องค์ธิดาแนะนำว่าเป็นพ่อมดผู้ช่วยชีวิตแล้วอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน
“อันที่จริงข้าซาบซึ้งใจมากที่เจ้าช่วยชีวิตลูกข้า แต่ว่าเจ้าเพียงคนเดียว...” เอลริโก้ละดำรัส เขาไม่อยากกล่าวดำใดที่จะเป็นการดูแคลนผู้มีบุญคุณต่อบุตรสาวเกินไปนัก แต่พ่อมดหนุ่มก็ยิ้มสุภาพและก้มศีรษะรับอย่างเข้าใจ
“แต่เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตลูกจากกลุ่มโจรซึ่งมีอยู่หลายคนโดยต่อสู้เพียงลำพังนะคะ”
แน่นอนว่านางไม่ได้เล่าหรอก ว่านอกจากนั้นแล้วเจ้าพ่อมดโฉดนี่ฆ่าทุกคนอย่างโหดเหี้ยมเพียงไร
หญิงสาวชำเลืองมองคาอิลซึ่งกำลังส่งสายตาและรอยยิ้มหวานแฝงความนัยมาให้นางโดยเฉพาะ
บอกไม่ได้...จะบอกได้อย่างไรล่ะ
“ถึงเขาจะเป็นพ่อมด ไม่ใช่นักรบอย่างที่ควรก็ตาม แต่ลูกเชื่อว่าเขามีความสามารถพอจะปฏิบัติหน้าที่นี้ ได้โปรดเถิดค่ะ ท่านพ่อ”
เอลริโก้มองสีหน้าจริงจังและแววตาอันมุ่งมั่นของบุตรีที่รักอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
อนาคตอันใกล้ในภายหน้า สการ์เล็ตจำเป็นต้องช่วยดูแลบริหารบ้านเมืองกับพี่ชายของนาง เขาจึงให้สิทธิในการตัดสินใจแก่ลูกมาพักใหญ่แล้ว ตอนนี้นางก็แค่มาขอตามมารยาท และเขาก็ไม่ควรจะปฏิเสธ เมื่อตัดสินใจเช่นไรนางก็ควรรู้และรับผลของการตัดสินใจนั้นด้วยตนเอง แม้มันจะทำให้ผู้เป็นพ่อต้องห่วงกังวลก็ตาม
“ก็ได้ ถ้าลูกต้องการอย่างนั้น”
สการ์เล็ตเผยยิ้มออกมาเมื่อได้รับคำอนุญาต ถึงอยากจะบอกว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้ต้องการพ่อมดคนนี้มาเป็นผู้คุ้มกันเลย แต่มันเป็นสิ่งที่คาอิลแนะนำให้พูด
หรือที่จริงต้องบอกว่า ‘บังคับ’ ให้พูดจะถูกกว่ามาก...
“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” กษัตริย์แห่งเรสทอเรียหันไปมองว่าที่ผู้คุ้มครองบุตรสาวและตรัสกับเขาอย่างหนักแน่นเน้นคำ พ่อมดหนุ่มจึงย่อกายถวายคำสัตย์ต่อองค์ราชา
“ข้าสาบานว่าจะปกป้องเจ้าหญิงสการ์เล็ตด้วยชีวิต”
“เจ้าชื่อคาอิลสินะ ท่านพ่อมด ช่วยเงยหน้าให้เราดูหน่อยจะได้ไหม”
คาอิลเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับราชินีรูริเธียซึ่งย่างวรองค์มาอยู่ตรงหน้าเขา นางจ้องพ่อมดอย่างพิจารณา เส้นผมขาวโพลนกับดวงหน้าใสกระจ่างยิ่งส่งให้ดวงตาสีน้ำเงินทอประกายโดดเด่นแจ่มชัด แม้มันจะถูกกระจกแว่นหนาบดบังเอาไว้ก็ตาม
เมื่อราชินีเห็นว่าดวงตาคู่นั้นทอประกายจริงจังแน่วแน่จึงเผยยิ้มออกมา
“ข้าเคยได้ยินว่าผู้คงอาคมมักจะมีลักษณะสูงวัย แต่เจ้ายังดูเยาว์เกินกว่าจะเป็นเช่นนั้น”
คาอิลกระตุกยิ้มเล็กน้อยพอให้ไม่มีใครสังเกต
เขาเคยถูกดูแคลนมานักต่อนักแล้วเรื่องวัยที่ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้ใครได้ กับแค่เพิ่มราชินีแห่งเรสทอเรียเข้าไปเป็นหนึ่งในคนจำพวกนั้นก็ไม่ทำให้เขารู้สึกสะเทือนอะไรหรอก เพราะสุดท้ายเขาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าผู้มีเวทมนตร์แก่กล้าไม่ได้มีแต่พวกตาเฒ่าเสมอไป
แต่ราชินีรูริเธียหาได้เป็นอย่างที่พ่อมดหนุ่มคิดไม่ นางยิ้มและมองเขาด้วยแววตาเชื่อมั่นที่ไร้ซึ่งความเคลือบแคลง
“ขอฝากลูกสาวข้าด้วยนะ ท่านพ่อมดคาอิล ช่วยดูแลนางอย่าให้ต้องร่วงโรยไปก่อนเวลาอันควรเร็วนัก”
พ่อมดหนุ่มก้มศีรษะตอบรับ เขาขยับยิ้มและเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าการกระซิบ
“แน่นอนที่สุดครับ ข้าจะดูแลเจ้าหญิงของท่านอย่างดี”
*/*/*/*/*