เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 4

กระทู้สนทนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

    บทที่ 4     
    เจ้าชายลำดับสามแห่งอาณาจักรเฮย์เดนนอกจากจะงามสง่าดุจเทวทูตจากสวรรค์แล้วยังมีความปรีชาในการรังสรรค์ศิลปะได้มิยิ่งหย่อนไปกว่าจิตรกรฝีมือดี เซเซียจึงใช้ข้อนี้ในการอ้างขอให้เขาช่วยเป็นที่ปรึกษาแนะนำผลงานแก่นาง

    บ่อยครั้งที่ธิดาองค์รองของกษัตริย์เอลริโก้แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนยังคฤหาสน์รับรองของเฟร์นานโด ภายในห้องทรงงานจิตกรรมซึ่งเจ้าชายไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ เพราะต้องการความสงบเพื่อสร้างสมาธิในการรังสรรค์ผลงาน แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่ากิจกรรมที่ทั้งสองร่วมกระทำมิได้มีเพียงการนั่งจิบชาและปรึกษาเรื่องงานศิลป์

    “น่าเสียดายเหลือเกิน ที่เหตุร้ายเมื่อคืนไม่อาจทำให้ใครบางคนหายไปจากสายตาข้า” เซเซียพูดพลางละสายตาจากผืนผ้าใบที่มีลายเส้นโครงร่างของสิ่งมีชีวิตประหลาดซึ่งมีรูปร่างคล้ายผึ้งแต่ดวงตาและกรงเล็บใหญ่โตแลดูน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก ดวงหน้าหวานงดงามซึ่งเชิดขึ้นเล็กน้อยฉายรอยผิดหวังที่ตัวมารขวางคอไม่ยอมตายเสียที

    “แบบนี้การคุ้มกันก็คงเข้มงวดขึ้น” เฟร์นานโดเอ่ยพร้อมกับโอบกอดร่างระหงจากด้านหลัง สูดกลิ่นหอมกรุ่นเจือจางจากเรือนเกศาแล้วไหวกายไปมาคล้ายกับเต้นรำโดยไม่มีเสียงเพลง

    “แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคนักไม่ใช่หรือ ในเมื่อเราไม่ได้ใช้งานแต่พวกโจรกระจอก” เขาเอ่ยกระซิบแผ่วข้างใบหู รอยยิ้มเหยียดบนมุมปาก ทว่ายังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล

    “ต่อแต่นี้อาจมีก็ได้” ดวงเนตรกลมโตหรี่ลงเมื่อหันไปประสานสายตากับคู่หมั้นของพี่สาว “ได้ยินว่าคนที่ช่วยนางเป็นพ่อมดที่มีฝีมือเก่งฉกาจ และตอนนี้ก็รับหน้าที่คุ้มครองนางแล้ว”

    “จริงหรือ” เฟร์นานโดกระตุกยิ้ม นัยน์ตาสีมรกตทอประกายวาววาม “อยากรู้เหมือนกันว่าจะสู้คนของข้าได้ไหม”

    เจ้าชายละมือจากเอวบอบบางแล้วเอนตัวลงนั่งบนโซฟาบุนวมนุ่มสีน้ำตาลทองปักลวดลายเถาไม้ด้วยสีน้ำตาลเข้ม เจ้าหญิงนั่งตามลงด้านข้าง เสื้อลำลองสีขาวเนื้อบางปลดกระดุมเผยแผ่นอกหนาหนั่นเรียกดวงเนตรหวานให้มิอาจละสายตา

    “ดูจะมั่นใจในคนของตัวเองเสียเหลือเกินนะ”

    “แน่นอน ที่เจ้าชายอลันต้องเป็นอย่างทุกวันนี้ก็เพราะฝีมือของเขา” เจ้าชายแห่งเฮย์เดนเว้นคำพูดครู่หนึ่งแล้วมองสีหน้าของเซเซีย “เจ้าคงไม่โกรธข้าใช่ไหม”

    เฟร์นานโดเอื้อมมือไปแตะนวลปรางเปล่งปลั่งเบา ๆ ราวกับขอความเห็นใจ เซเซียกอบกุมมือนั้นไว้อย่างรักใคร่ก่อนขยับเข้าซบกับอกอุ่น

    “ข้าไม่เคยโกรธท่าน ยอดรักของข้า” ดวงตาหวานทอดมองไปยังห้วงอากาศอันว่างเปล่าแล้วกล่าวเบา ๆ ราวรำพึงกับตนเอง

     “ระหว่างพวกเขากับข้าไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันใด ถ้าเพื่อท่านแล้วต่อให้สองคนนั่นต้องตายข้าก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

    ถึงกระนั้นเสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยก็ยังเจือไว้ด้วยความคับแค้น

    เพียงเพราะนางเกิดจากครรภ์ของสนม จึงไม่เคยได้รับสิ่งใดอย่างเท่าเทียมกันกับบุตรและธิดาของราชินี แม้แต่ความรักจากแม่แท้ ๆ ซึ่งต้องการบุตรชายมากกว่าบุตรสาว

    เพราะเหตุนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของเฟร์นานโดซึ่งเกิดมาในฐานะเดียวกัน ต่างกันก็แค่นางไม่มีความทะเยอทะยานอยากครอบครองบัลลังก์เหมือนเขา ในใจมีเพียงความริษยาที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่สาวต่างมารดาและความอิจฉาที่บุรุษซึ่งตนหมายปองไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นของของนาง

    เพราะเหตุนี้เซเซียจึงร่วมมือในแผนการของเฟร์นานโดเพื่อให้ได้ครอบครองเขาโดยไม่มีใครครหา นางต้องกำจัดคู่หมั้นคนปัจจุบันออกไปให้พ้นทางและเพื่อความฝันของเฟร์นานโดก็จำเป็นต้องกำจัดองค์รัชทายาทเสียด้วย

    เจ้าหญิงองค์รองแห่งเรสทอเรียขยับขึ้นนั่งบนตักเจ้าชายเฟร์นานโดแล้วโอบแขนรอบลำคอของเขา หญิงสาวจ้องมองดวงพักตร์สง่างามด้วยความหลงใหล ไล่สายตาตั้งแต่เรียวคิ้วเข้มไปยังริมฝีปากหยักงามน่าสัมผัส บัดนี้เทพบุตรของนางมิได้อยู่สูงเกินเอื้อมอีกแล้ว นางมอบร่างกายและหัวใจแก่เจ้าชายหนุ่มจนไม่หลงเหลืออะไร หวังเพียงให้ตนเองเป็นหนึ่งเดียวในใจของเขา เป็นคนเดียวที่สามารถครอบครองเขาเอาไว้ได้ตลอดกาล

    เฟร์นานโดเผยอปากรับสัมผัสหวานละมุนจากเรียวปากอวบอิ่ม ปล่อยหญิงสาวให้กระทำตามอำเภอใจอยู่บนร่างกายของเขาโดยไม่ขัดขืน ในห้วงดำริรู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย นางซึมซับประสบการณ์ที่ตนสอนไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

    นับว่าได้ประโยชน์กว่าที่เคยคาดไว้ในคราแรกมากนัก

    นานมาแล้วที่เจ้าชายลำดับสามแห่งเฮย์เดนถูกส่งมาอยู่ในดินแดนของคู่สัญญาอาณาจักร ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่าเขาได้ถูกใช้แล้วในฐานะตัวหมากทางการเมือง ทั้งยังเป็นการจำกัดอำนาจทางทหารของเขามิให้ขยายเกินไปจนยากแก่การควบคุม

    บางทีแผนการช่วงชิงบัลลังก์ในบ้านเกิดของตนคงถูกระแคะระคายเสียแล้ว เขาจึงได้ถูกริบกำลังทหารและเฉดหัวออกมาอยู่ในต่างแดนเช่นนี้

    ถือเป็นความปรานีอย่างใหญ่หลวงที่สิทธิ์และศักดิ์ของเจ้าชายยังคงอยู่ แม้เฟร์นานโดจะไม่นึกซาบซึ้งใจแต่อย่างใดก็ตาม

    การที่ได้รู้ว่าตนมีคู่หมั้นเป็นถึงเจ้าหญิงผู้รั้งตำแหน่งรัชทายาทลำดับสองของอาณาจักรคู่สัญญา จุดไฟแห่งความทะเยอทะยานของเฟร์นานโดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่กำจัดรัชทายาทอันดับแรกและรอวันอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง เขาก็มิต้องเปลืองแรงอะไรมากแล้ว และเมื่อนั้นเขาจะดำเนินการล้างแค้นบ้านเกิดที่ไม่เห็นเจ้าชายผู้นี้อยู่ในสายตาเสียด้วย

    เจ้าชายแห่งเฮย์เดนวาดฝันเอาไว้อย่างมากมาย แต่แล้วก็ต้องเกือบสะดุดหยุดฝันค้างเอาไว้กลางอากาศ ทั้งที่เขาได้เริ่มลงมือส่งคนไปจัดการกับเจ้าชายรัชทายาทแล้ว เมื่อรู้ว่าสการ์เล็ตไม่มีใจให้ตนและคิดล้มเลิกแผนการหมั้นหมายกับเขา หากเป็นเช่นนั้นสิ่งที่ลงมือกระทำไปก็ต้องสูญเปล่า ความปรารถนาที่หวังไว้ต้องล้มครืนไม่เป็นท่า เขาไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้นเด็ดขาด

    เมื่อนั้นเซเซียจึงก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในแผนการ เขารู้ได้จากสายตาที่มักทอดมองมาอยู่เสมอว่าสตรีผู้นี้หลงใหลในตัวเขาอย่างหมดหัวใจ และสายสัมพันธ์ระหว่างนางกับพี่น้องก็ดูว่าจะไม่แน่นแฟ้นเท่าไรนัก

    ผู้หญิงคนนี้ใช้ประโยชน์ได้...

    เฟร์นานโดถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ ลมหายใจร้อนผ่าวหอบกระชั้น เจ้าชายเทพบุตรหัวเราะให้กับความเร่าร้อนของร่างระหงซึ่งกำลังเป็นฝ่ายครอบครองและควบคุมเขาอยู่ในขณะนี้

    นี่นับเป็นผลพลอยได้ที่สร้างความสำราญใจให้ยิ่งนัก

    เฟร์นานโดยังคงจดจำได้ดีถึงครั้งแรกของสัมผัสสิเน่หาระหว่างเขากับนาง

    ร่างบอบบางสั่นสะท้านเมื่อรับสัมผัสจูบแรกจากเจ้าชายที่ใฝ่ฝัน หล่อนตกอยู่ในภวังค์หวานและเริ่มเรียนรู้ที่จะตอบสนองเขาอย่างไร้เดียงสา เซเซียไม่ปฏิเสธอารมณ์ปรารถนาของตัวเองแม้จะรู้ว่าที่กำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม ผู้ชายที่กำลังกอดกับนางอยู่นี้มีเจ้าของ และผู้ครอบครองสิทธินั้นคือพี่สาวต่างมารดาของตน แต่นางก็ไม่อาจหยุดความปรารถนาอันรุ่มร้อนที่แผดเผาไหม้ในทรวงอก ได้แต่ปล่อยตัวและใจไปตามกระแสธารแห่งอารมณ์

    “เป็นอะไรไป” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล อ้อมกอดแข็งแกร่งคลายออกเมื่อรู้สึกถึงแรงสะอื้น มือใหญ่หนาเชยคางมนขึ้นมองดวงตาที่มีน้ำใส ๆ ไหลริน

    “ข้าทำผิดไปแล้ว...ทั้งที่รู้ว่าท่านไม่อาจเป็นคนของข้า ทั้งที่ข้าไม่ควรหวัง แต่ข้าก็ยัง...”

    “เจ้ารักข้าหรือเปล่า” เฟร์นานโดกล่าวตัดบท เก็บซ่อนอารมณ์หน่ายไว้ในใจอย่างมิดชิด

    เขาจ้องดวงตางดงามราวกับจะเค้นความจริงที่อยู่ลึกในใจหญิงสาวออกมา

    “รัก...ก็เพราะรักน่ะสิ” เซเซียตอบด้วยความจริงใจ น้ำใส ๆ พลันร่วงรินลงมาอีก

    “แล้วถ้ามีทางที่จะทำให้เราสองได้อยู่ร่วมกันล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร”

    เซเซียเบิกตาจ้องสบกับดวงเนตรสีมรกตอย่างมีความหวัง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแผนการของทั้งสองคน

    */*/*/*/*


    บรรยากาศยามเช้าในอาณาจักเรสทอเรียนั้นแสนสดชื่นปลอดโปร่งชวนผ่อนคลาย แต่ธิดาองค์โตในกษัตริย์ผู้ครองนครกลับขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เดินออกจากห้องบรรทมส่วนในแล้วเห็นใครบางคนนั่งยิ้มแป้นอยู่ในห้องบรรทมส่วนนอก

    “มาเร็วจริงนะ” สการ์เล็ตเอ่ยทักก่อนเยื้องกายไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ไกลจากพ่อมดที่สุด

    “มันเป็นหน้าที่ซึ่งพึงกระทำน่ะครับ” คาอิลยิ้มตอบอย่างสดใส แต่ไม่ว่าสการ์เล็ตจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มยียวนกวนอารมณ์ยิ่งนัก ต่างกับสาวใช้สองนางที่ลอบชม้ายชายตามองรอยยิ้มอันแสนน่ารักของพ่อมดหนุ่มจ้าวเสน่ห์ด้วยอาการเหมือนสาวแรกรุ่นกำลังตกหลุมรัก

    เจ้าสองคนถูกหลอกแล้ว...เจ้านั่นไม่ได้น่ารักอย่างที่แสดงให้เห็นภายนอกหรอกนะ

    สการ์เล็ตถอนหายใจที่สาวใช้ของนางไม่ระแคะระคายต่อใบหน้าใสซื่อหลังกรอบแว่นนั่น พวกพ่อมดน่ะหรือจะมีสีหน้าแบบนี้จริง ๆ ได้

    “ถอนหายใจแต่เช้าเดี๋ยวความโชคดีจะหนีเสียหมดนะครับ”

    “ข้านึกว่ามันหมดไปแล้วตั้งแต่พบเจ้าเสียอีก”

    ว่าแล้วยังมายิ้มอีก...ทำยังไงถึงจะให้หมอนี่มีสีหน้าลำบากใจได้บ้างนะ

    “ไม่คิดว่าข้าอาจเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของท่านบ้างหรือ เจ้าหญิง” คาอิลพูดพร้อมกับส่งสายตาคมกล้าเป็นประกายมาสบประสานกับดวงเนตรสีทับทิม “และอย่าลืมเรื่องคำทำนายของข้าเชียวล่ะ เพราะมันแม่นยำเสียจนข้าเองก็ยังนึกหวั่นว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้”

    “ท่านพ่อมดทำนายดวงได้ด้วยหรือ เอาไว้ทำนายให้ข้าบ้างสิคะ”

    สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากยกน้ำชาร้อน ๆ หอมกรุ่นและอาหารเช้าเบา ๆ มาให้ตามรับสั่งของผู้เป็นนาย เพราะสการ์เล็ตอนุญาตให้พูดและปฏิบัติตัวอย่างเป็นกันเองภายในพื้นที่ส่วนพระองค์นางจึงกล้าพูดแทรกขึ้นมา

    “ได้สิครับ เอาไว้ข้าจะทำนายให้” คาอิลพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มหวาน

    “อย่าคิดค่าทำนายแพงนักก็แล้วกันนะคะ”

    “ไม่แพงหรอกครับ ขอแค่ของอร่อย ๆ สักมื้อก็พอ แล้วก็กรุณาเรียกข้าว่าคาอิลเฉย ๆ เถอะนะ” พ่อมดหนุ่มกล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟังพลางรับถ้วยชาจากสาวใช้ นิ้วเรียวยาวแตะลงบนมือบอบบาง ดวงตาสีน้ำเงินทอดมองอย่างอ่อนโยนทำเอาเหล่าสาวใช้แทบละลาย จะยกเว้นไว้ก็แต่สการ์เล็ตซึ่งกำลังรวบช้อนบนจานอาหารของตน

    สายตาหวานเลี่ยนกับน้ำเสียงเมื่อครู่นั้นทำให้นางอิ่มขึ้นมากะทันหัน แถมยังรู้สึกแน่นในอกขึ้นมาอีกต่างหาก อยากคายของในกระเพาะขึ้นมาอย่างไรก็ไม่รู้

    สงสัยการหลอกสตรีจะเป็นงานถนัดของเจ้าพ่อมดนี่กระมัง

    “อิ่มแล้วหรือครับเจ้าหญิง”

    คาอิลหันมาส่งยิ้มให้นางบ้าง แต่สการ์เล็ตไม่แยแสจะมอง ถึงจะรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันแสนยั่วอารมณ์ แต่ลึก ๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่ามันช่างน่ามองเหลือเกิน

    “วันนี้ข้าตื่นสายมาก ยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งสบายหรือคอยตามใครหรอกนะ”

    เจ้าหญิงชายหางตามองพ่อมดและเห็นว่าคิ้วเรียวนั่นยกขึ้นเล็กน้อย

    “แหม...ผิดกับข้าเลยนะครับ เพราะงานของข้าต้องคอยตามติดชนิดไม่ให้ห่างตัวเลยทีเดียว”

    คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นเมื่อถูกยอกย้อน ดูเหมือนการกวนโทสะผู้อื่นจะเป็นงานอดิเรกของพ่อมดคนนี้ ดังนั้นนางจะต้องไม่ปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามการยั่วของเขาอย่างเด็ดขาด

    แต่การต้องทนเห็นหน้าตาอย่างนี้ทั้งวี่ทั้งวันก็เห็นทีจะยากยิ่ง...

    เจ้าหญิงถอนหายใจแล้วหยิบสิ่งของจำเป็นก่อนเดินออกจากห้องเพื่อเริ่มต้นงานการทำราชกิจโดยมีพ่อมดเดินตามติดไม่ห่าง

    “นั่นเป็นคำทำนายจริง ๆ น่ะรึ ข้านึกว่าเป็นคำขู่เสียอีก” สการ์เล็ตพูดพลางมองพ่อมดหนุ่มด้วยสายตาเหยียดระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทางไปยังห้องทรงงานส่วนพระองค์

    “เรียกว่าเป็นการเตือนดีกว่านะครับ” คาอิลหัวเราะในลำคอ เรียวปากหยักงามเผยยิ้มกว้างอวดฟันสวย มันเป็นรอยยิ้มที่สดใสชวนมองจนไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้นี้คือพ่อมดที่แสนร้ายกาจและโหดเหี้ยมในคืนนั้น เพราะใบหน้าที่มักยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาทำให้สการ์เล็ตลืมตัวแสดงท่าทีต่อต้านเขา นางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีที่คิดว่าหากทำให้คนผู้นี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

    “ท่านก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันเป็นไปตามที่ข้ากล่าวไว้ และข้าก็อยากให้ท่านทำตามคำแนะนำนั้นเสียด้วย”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่