[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนพิเศษจากนิยายเรื่อง Guildmystic มนตราพันธนาการ
เขียนโดย พิณนภา
https://web.facebook.com/AMA.de.bluemoon/
คืนฝันนิรันดร์ลวง
เรมิเรสชอบโกหก ไม่สิ…เพียงแค่พูดออกมาไม่หมดมากกว่า เขามักปิดบังบางสิ่งอยู่เสมอ สการ์เล็ตรู้ดี แต่ไม่อยากคาดคั้นเขา อยากให้เขาเป็นฝ่ายบอกเล่าออกมาเองเมื่อถึงเวลา
ทว่านางทำผิดพลาด จากที่คิดว่าจะรอด้วยใจอดทน กลับพลั้งพูดในสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน ไม่มีสิ่งใดกลับคืนมาได้อีกแล้ว
ถ้าหากนางบังคับฝืนใจเขา รู้จักพูดเอาแต่ใจ แสดงความรู้สึกในสิ่งที่ต้องการ เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้เป็นสมบัติตนตลอดกาล วันนี้อาจไม่ต้องเสียใจ
ถ้าสามารถเปลี่ยนแปรอดีตได้ นางอยากเปลี่ยนบางสิ่งในวันนั้น
................
.......
“วันนี้มีอะไรพิเศษหรือครับ” เรมิเรสถามหลังจากเห็นว่าบรรยากาศมื้อค่ำแตกต่างไปจากเดิม
แต่สการ์เล็ตไม่คิดเช่นนั้น มันเหมือนว่าเคยผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง คืนที่นางฉลองวันเกิดให้เขาซึ่งไม่เคยรู้เวลาเกิดของตัวเอง
ทั้งสองมองออกไปนอกระเบียงอันกว้างขวาง เห็นวิวทะเลสาบ ระลอกคลื่นกำลังล้อแสงจันทร์นวลบนฟ้า สายลมเอื่อยพัดผ่านม่านผืนบางจนปลิวไสว เปลวไฟบนเชิงเทียนส่ายร่ายรำเคล้าเสียงเพลงที่แว่วมา
“วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับข้า” สการ์เล็ตตอบคำที่พ่อมดถามเมื่อครู่ ประโยคเดิมที่เหมือนเคยพูดไปแล้วเมื่อไม่นาน
เนื่องจากเรมิเรสไม่ดื่มสุราด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจเสียสติสัมปชัญญะได้ นางจึงยกแก้วน้ำผลไม้ผสมเหล้าอ่อน ๆ พอมีกลิ่นหอมที่สั่งพิเศษมาให้ เขารับแก้วไว้ มองชั่วครู่ก่อนยกขึ้นลองดื่ม
“เป็นวันที่คนสำคัญของข้าได้ถือกำเนิด” นางพูดต่อ แล้วดึงแขนพ่อมดมายืนข้างโต๊ะที่มีจานขนมอบราดครีมสีขาวนวล ประดับด้วยผลไม้สีแดงและม่วงสวยสดงดงาม มีเทียนสีแดงปักไว้ตรงกลางเล่มหนึ่ง
พ่อมดมองขนมก่อนเบนหน้ากลับมามองเจ้าหญิง แล้วดวงตาสีประหลาดหลังกรอบแว่นก็เบิกกว้าง
“สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดนะ”
เป็นดังที่นางคาดส่วนหนึ่ง เรมิเรสมีสีหน้าตกใจ เขาคงไม่คิดสืบสาวประวัติตัวเองเลยสินะ
ตอนที่นางพบเขาในวัยเยาว์ เรมิเรสยังเด็กมาก แต่ก็อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ความลำบากอาจทำให้เขาไม่สนใจอะไรมากกว่าปากท้อง นางไม่ทราบว่าเขาจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวมากแค่ไหน เคยได้ใช้เวลาในช่วงนั้นมากน้อยเพียงไร ไม่รู้ว่าเขาสนใจการมีใครสักคนที่คอยห่วงหาอาทรทุกเวลาบ้างหรือเปล่า แต่นางมีสิ่งที่อยากให้เขาได้รับรู้
“ข้าสืบจากระเบียนด้วยสกุลเจ้า เพราะเจ้าเกิดในเรสทอเรียจึงมีประวัติอยู่” เจ้าหญิงแถลงไข แต่ไม่เอ่ยสิ่งที่รู้มากไปกว่านั้นเมื่อเห็นแววตาสั่นไหวหลังกรอบแว่น นางหยิบแก้วในมือเขาวางลงแล้วกุมมือนั้นไว้แทน
“เจ้าอาจคิดว่าไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการรู้ แต่ข้าอยากให้เจ้าได้รับรู้…” นางยกมือเขาขึ้นมาวางแนบอกและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเจือม่วง “ข้ายินดีที่เจ้าเกิดมา ยินดีที่ได้พบและรักเจ้า ยินดีที่เราได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าจะรักและอยู่กับเจ้าตลอดไป”
สการ์เล็ตมีอะไรที่อยากพูดมากกว่านั้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเรมิเรสรวบร่างนางมากอดแล้วโน้มศีรษะลง ประกบปากลงบนริมฝีปากนาง แนบแน่นเสียจนส่งเสียงไม่ได้ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก ควานลึกราวจะล้วงสู่หัวใจหญิงสาว มือข้างหนึ่งของเขาประคองศีรษะนาง ส่วนอีกข้างโลมไล้ตั้งแต่ลำคอถึงแผ่นหลัง เลื่อนมาสัมผัสเอวก่อนจะเลื่อนขึ้น ความร้อนถ่ายทอดจากมือเขาผ่านเนื้อผ้า สร้างความวาบหวิวซาบซ่านที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อร่างกายอ่อนระทวยแทบยืนไม่อยู่ สการ์เล็ตจึงปล่อยให้เขาประคองลงนอนบนเก้าอี้ยาว
พ่อมดจุมพิตเจ้าหญิงอย่างหน่วงหนักเรียกร้อง สัมผัสนางอย่างต้องการจะครอบครองจนแทบทนไม่ไหว เมื่อละจูบจากเรียวปากอวบอิ่มก็ไล้ชิมพวงแก้มและปลายคาง ขบเม้มลำคอลงเรื่อยไปจนถึงเนินอกแล้วจูบวนตรงวงเวทที่เขาเคยประทับไว้บนตำแหน่งของหัวใจ สูดดมลิ้มรสความหอมหวานอันอุ่นร้อนจากผิวเนื้อนาง เลื่อนไล้ปลายนิ้วสัมผัสเจ้าหญิงของตนทุกอณู
เขากระหายความรัก ปรารถนาให้ใครสักคนต้องการตนอยู่เสมอ เมื่อสตรีอันเป็นยอดดวงใจเอ่ยคำรัก กล่าวว่าเขาเป็นคนสำคัญ ต้องการอยู่ด้วยกันตลอดไป จึงหน้ามืดตามัวเกือบเผลอไผลล้วงล้ำเข้าไปแดนต้องห้ามเสียแล้ว
“เร…” เสียงหวานครางสั่น มือทั้งสองข้างวางบนศีรษะพ่อมดซึ่งซุกไซ้อยู่บนอกตน นางชอนนิ้วเข้าไปใต้เส้นผมหงอกขาวแล้วขยุ้มเบา ๆ “เรมิเรส”
เขาชะงัก ก่อนเงยขึ้นสบดวงตาสีทับทิมที่กำลังสั่นไหว ใบหน้านางแดงก่ำ เรียวปากเผยอหอบหายใจ นางไม่ได้ปราม แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้เขากระทำมากกว่านี้
พ่อมดซบหน้าลงกับทรวงอกเจ้าหญิงแล้วผ่อนลมหายใจ
ให้ตายเถอะ เขากำลังทำอะไร ทั้งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อปีก่อน ตอนที่ตัดสินใจไปพบนาง ว่าจะไม่ยอมปล่อยใจจนดึงนางลงมาให้เสื่อมทรามเพราะตัวเขา เป็นเรื่องเดียวที่ยินยอมให้เป็นไปไม่ได้ จนกว่าร่างกายนี้จะหลุดพ้นจากชะตาต้องสาป แม้ใจจริงจะปรารถนาสัมผัสรักจากนางมากเพียงใดก็ตาม
เรมิเรสกอดสการ์เล็ตแนบแน่นครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นนั่ง แล้วพยุงหญิงสาวให้ลุกตาม ช่วยจัดแจงแต่งเสื้อผ้าและทรงผมให้นางพลางกล่าว “ขอโทษครับ ข้าทำอะไรเกินเลยไป”
ใบหน้าสการ์เล็ตแดงก่ำราวผลแอปเปิลสุก นางไม่อาจตำหนิเขา เพราะใจส่วนหนึ่งก็ต้องการสัมผัสสิเน่หาจากคนรักไม่ต่างจากปุถุชนทั่วไป
“เป็นข้าที่ชักนำท่านไปเอง” เรมิเรสกล่าวเพื่อให้สตรีอันเป็นที่รักของตนสบายใจ แต่นางกลับมุ่นคิ้ว “ไม่ใช่แค่เจ้า ข้าเองก็คาดหวังเช่นกัน” สการ์เล็ตยอมรับ ถ้าให้แต่เด็กน้อยผู้นี้คอยออกหน้า นางจะเป็นที่พึ่งพาให้แก่เขาได้อย่างไร
พ่อมดเลิกคิ้วประหลาดใจ วันนี้เจ้าหญิงของเขาแปลกไปนัก
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอโลภมากอีกสักนิดได้ไหม” เขายิ้มมุมปาก “ขอให้ข้าได้กอดท่านนานกว่านี้ได้หรือเปล่า”
“วันนี้ข้าฉลองให้เจ้า ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” สการ์เล็ตยิ้มตอบแล้วเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใช้สองมือโน้มคอชายหนุ่มเข้ามา ประกบปากลงบนริมฝีปากเขา ไล้เล็มอย่างเรียกร้อง ล้วงลึกอย่างต้องการ
ดวงใจในอกเจ้าหญิงสั่น อยากครอบครองพ่อมดจนทนไม่ไหว หวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะหายไปจากตรงหน้าตนตลอดกาล จึงไม่รักษากิริยา วางท่าเป็นพี่สาวหรือเทพธิดาอันสูงส่งอีกต่อไป
เรมิเรสมีท่าทีตกใจที่สการ์เล็ตเป็นฝ่ายรุกล้ำตน แต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่ง เมื่อความวาบหวานของสตรีอันเป็นที่รักครอบงำดวงใจ ความปราถรถดุจไฟโหมกระหน่ำก็เข้ามาแทนความอดทนยับยั้ง เขาโอบกอดตอบรับนาง สอดลิ้นประสานสัมพันธ์สิเน่หา ลูบไล้เรือนกายใต้เนื้อผ้ากันและกัน
“สการ์เล็ต...” เขาพร่ำเอ่ยชื่อนางด้วยเสียงสั่นพร่าพลางจูบซับสัมผัสร้อนจากผิวกายที่ไร้อาภรณ์บดบัง ดูดดื่มความหวานลึกล้ำปานน้ำผึ้งอย่างหิวกระหาย
“ข้ารักท่าน” เขาเอ่ยเสียงปร่าขณะสอดประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับนาง มันอึดอัดทรมาน ทว่าสุขสมในเวลาเดียวกัน
“ข้ารักเจ้า” นางบอกพลางลูบไล้ใบหน้าชื้นเหงื่อของเขา เกาะกระหวัดร่างเขามิให้เคลื่อนห่างออกไป
ดวงตาสีทับทิมสบประสานกับดวงตาสีประหลาด ส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นในหัวใจ มันสวยงาม วาบไหว รุ่มร้อนและรุนแรงดุจดอกไม้ไฟที่ปะทุพร่างพรายบนฟากฟ้า เขาจุมพิตนาง มอบมนตราแห่งรักแสนอบอุ่นแก่นางจนหมดใจ
“เจ้าเป็นของข้า” เจ้าหญิงกล่าวกระซิบข้างหูพ่อมด โอบกอดเขาที่หอบสั่นไว้แนบกาย
“ข้าเป็นของท่านมานานแล้ว” เรมิเรสตอบเสียงแผ่ว เขาแนบริมฝีปากบนวงเวทกลางอกนาง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไป... อย่าหายจากสายตาข้าไปอีก” สการ์เล็ตกระชับอ้อมกอด ยังคงกลัวเหลือเกินว่าเรมิเรสจะหายไป
“ข้าจะไม่ไปไหน” พ่อมดคลี่ยิ้มบาง ขยับยันตัวขึ้นมาด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วสอดมืออีกข้างประคองศีรษะเจ้าหญิง ก่อนก้มลงจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มอย่างลึกล้ำราวจะย้ำวาจา “ข้าจะอยู่กับท่านนับจากนี้จนนิรันดร์”
ถ้อยคำเขาย้ำดวงใจให้เป็นสุข น้ำตานางเอ่อล้นจนเห็นใบหน้าเขาเป็นเพียงภาพพร่าเลือน
ทั้งที่ใกล้กันเพียงนี้ ทั้งที่กายบางส่วนยังแนบสัมผัสกัน ทว่าเมื่อยื่นมือออกไปกลับคว้าได้เพียงอากาศ
แล้วในที่สุดนางก็นึกได้
ว่าตนยังอยู่ในค่ำคืนแห่งนิทรา หลังจากพบว่าตนสูญเสียสิ่งใดไป ค่ำคืนนี้ที่น้ำตายังรินไหลในหัวใจไม่ขาดสาย
ไม่ว่าจะอ้อมกอดอบอุ่น สัมผัสรักแสนหวานซาบซ่านหัวใจ หรือถ้อยสัญญาที่ว่าจะอยู่เคียงข้างกัน
ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่คืนฝันนิรันดร์ลวง
คืนฝันนิรันดร์ลวง
คืนฝันนิรันดร์ลวง
เรมิเรสชอบโกหก ไม่สิ…เพียงแค่พูดออกมาไม่หมดมากกว่า เขามักปิดบังบางสิ่งอยู่เสมอ สการ์เล็ตรู้ดี แต่ไม่อยากคาดคั้นเขา อยากให้เขาเป็นฝ่ายบอกเล่าออกมาเองเมื่อถึงเวลา
ทว่านางทำผิดพลาด จากที่คิดว่าจะรอด้วยใจอดทน กลับพลั้งพูดในสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน ไม่มีสิ่งใดกลับคืนมาได้อีกแล้ว
ถ้าหากนางบังคับฝืนใจเขา รู้จักพูดเอาแต่ใจ แสดงความรู้สึกในสิ่งที่ต้องการ เหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้เป็นสมบัติตนตลอดกาล วันนี้อาจไม่ต้องเสียใจ
ถ้าสามารถเปลี่ยนแปรอดีตได้ นางอยากเปลี่ยนบางสิ่งในวันนั้น
................
.......
“วันนี้มีอะไรพิเศษหรือครับ” เรมิเรสถามหลังจากเห็นว่าบรรยากาศมื้อค่ำแตกต่างไปจากเดิม
แต่สการ์เล็ตไม่คิดเช่นนั้น มันเหมือนว่าเคยผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง คืนที่นางฉลองวันเกิดให้เขาซึ่งไม่เคยรู้เวลาเกิดของตัวเอง
ทั้งสองมองออกไปนอกระเบียงอันกว้างขวาง เห็นวิวทะเลสาบ ระลอกคลื่นกำลังล้อแสงจันทร์นวลบนฟ้า สายลมเอื่อยพัดผ่านม่านผืนบางจนปลิวไสว เปลวไฟบนเชิงเทียนส่ายร่ายรำเคล้าเสียงเพลงที่แว่วมา
“วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับข้า” สการ์เล็ตตอบคำที่พ่อมดถามเมื่อครู่ ประโยคเดิมที่เหมือนเคยพูดไปแล้วเมื่อไม่นาน
เนื่องจากเรมิเรสไม่ดื่มสุราด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจเสียสติสัมปชัญญะได้ นางจึงยกแก้วน้ำผลไม้ผสมเหล้าอ่อน ๆ พอมีกลิ่นหอมที่สั่งพิเศษมาให้ เขารับแก้วไว้ มองชั่วครู่ก่อนยกขึ้นลองดื่ม
“เป็นวันที่คนสำคัญของข้าได้ถือกำเนิด” นางพูดต่อ แล้วดึงแขนพ่อมดมายืนข้างโต๊ะที่มีจานขนมอบราดครีมสีขาวนวล ประดับด้วยผลไม้สีแดงและม่วงสวยสดงดงาม มีเทียนสีแดงปักไว้ตรงกลางเล่มหนึ่ง
พ่อมดมองขนมก่อนเบนหน้ากลับมามองเจ้าหญิง แล้วดวงตาสีประหลาดหลังกรอบแว่นก็เบิกกว้าง
“สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดนะ”
เป็นดังที่นางคาดส่วนหนึ่ง เรมิเรสมีสีหน้าตกใจ เขาคงไม่คิดสืบสาวประวัติตัวเองเลยสินะ
ตอนที่นางพบเขาในวัยเยาว์ เรมิเรสยังเด็กมาก แต่ก็อยู่ตัวคนเดียวแล้ว ความลำบากอาจทำให้เขาไม่สนใจอะไรมากกว่าปากท้อง นางไม่ทราบว่าเขาจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวมากแค่ไหน เคยได้ใช้เวลาในช่วงนั้นมากน้อยเพียงไร ไม่รู้ว่าเขาสนใจการมีใครสักคนที่คอยห่วงหาอาทรทุกเวลาบ้างหรือเปล่า แต่นางมีสิ่งที่อยากให้เขาได้รับรู้
“ข้าสืบจากระเบียนด้วยสกุลเจ้า เพราะเจ้าเกิดในเรสทอเรียจึงมีประวัติอยู่” เจ้าหญิงแถลงไข แต่ไม่เอ่ยสิ่งที่รู้มากไปกว่านั้นเมื่อเห็นแววตาสั่นไหวหลังกรอบแว่น นางหยิบแก้วในมือเขาวางลงแล้วกุมมือนั้นไว้แทน
“เจ้าอาจคิดว่าไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการรู้ แต่ข้าอยากให้เจ้าได้รับรู้…” นางยกมือเขาขึ้นมาวางแนบอกและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินเจือม่วง “ข้ายินดีที่เจ้าเกิดมา ยินดีที่ได้พบและรักเจ้า ยินดีที่เราได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าจะรักและอยู่กับเจ้าตลอดไป”
สการ์เล็ตมีอะไรที่อยากพูดมากกว่านั้น แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเรมิเรสรวบร่างนางมากอดแล้วโน้มศีรษะลง ประกบปากลงบนริมฝีปากนาง แนบแน่นเสียจนส่งเสียงไม่ได้ ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปาก ควานลึกราวจะล้วงสู่หัวใจหญิงสาว มือข้างหนึ่งของเขาประคองศีรษะนาง ส่วนอีกข้างโลมไล้ตั้งแต่ลำคอถึงแผ่นหลัง เลื่อนมาสัมผัสเอวก่อนจะเลื่อนขึ้น ความร้อนถ่ายทอดจากมือเขาผ่านเนื้อผ้า สร้างความวาบหวิวซาบซ่านที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน เมื่อร่างกายอ่อนระทวยแทบยืนไม่อยู่ สการ์เล็ตจึงปล่อยให้เขาประคองลงนอนบนเก้าอี้ยาว
พ่อมดจุมพิตเจ้าหญิงอย่างหน่วงหนักเรียกร้อง สัมผัสนางอย่างต้องการจะครอบครองจนแทบทนไม่ไหว เมื่อละจูบจากเรียวปากอวบอิ่มก็ไล้ชิมพวงแก้มและปลายคาง ขบเม้มลำคอลงเรื่อยไปจนถึงเนินอกแล้วจูบวนตรงวงเวทที่เขาเคยประทับไว้บนตำแหน่งของหัวใจ สูดดมลิ้มรสความหอมหวานอันอุ่นร้อนจากผิวเนื้อนาง เลื่อนไล้ปลายนิ้วสัมผัสเจ้าหญิงของตนทุกอณู
เขากระหายความรัก ปรารถนาให้ใครสักคนต้องการตนอยู่เสมอ เมื่อสตรีอันเป็นยอดดวงใจเอ่ยคำรัก กล่าวว่าเขาเป็นคนสำคัญ ต้องการอยู่ด้วยกันตลอดไป จึงหน้ามืดตามัวเกือบเผลอไผลล้วงล้ำเข้าไปแดนต้องห้ามเสียแล้ว
“เร…” เสียงหวานครางสั่น มือทั้งสองข้างวางบนศีรษะพ่อมดซึ่งซุกไซ้อยู่บนอกตน นางชอนนิ้วเข้าไปใต้เส้นผมหงอกขาวแล้วขยุ้มเบา ๆ “เรมิเรส”
เขาชะงัก ก่อนเงยขึ้นสบดวงตาสีทับทิมที่กำลังสั่นไหว ใบหน้านางแดงก่ำ เรียวปากเผยอหอบหายใจ นางไม่ได้ปราม แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้เขากระทำมากกว่านี้
พ่อมดซบหน้าลงกับทรวงอกเจ้าหญิงแล้วผ่อนลมหายใจ
ให้ตายเถอะ เขากำลังทำอะไร ทั้งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อปีก่อน ตอนที่ตัดสินใจไปพบนาง ว่าจะไม่ยอมปล่อยใจจนดึงนางลงมาให้เสื่อมทรามเพราะตัวเขา เป็นเรื่องเดียวที่ยินยอมให้เป็นไปไม่ได้ จนกว่าร่างกายนี้จะหลุดพ้นจากชะตาต้องสาป แม้ใจจริงจะปรารถนาสัมผัสรักจากนางมากเพียงใดก็ตาม
เรมิเรสกอดสการ์เล็ตแนบแน่นครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นนั่ง แล้วพยุงหญิงสาวให้ลุกตาม ช่วยจัดแจงแต่งเสื้อผ้าและทรงผมให้นางพลางกล่าว “ขอโทษครับ ข้าทำอะไรเกินเลยไป”
ใบหน้าสการ์เล็ตแดงก่ำราวผลแอปเปิลสุก นางไม่อาจตำหนิเขา เพราะใจส่วนหนึ่งก็ต้องการสัมผัสสิเน่หาจากคนรักไม่ต่างจากปุถุชนทั่วไป
“เป็นข้าที่ชักนำท่านไปเอง” เรมิเรสกล่าวเพื่อให้สตรีอันเป็นที่รักของตนสบายใจ แต่นางกลับมุ่นคิ้ว “ไม่ใช่แค่เจ้า ข้าเองก็คาดหวังเช่นกัน” สการ์เล็ตยอมรับ ถ้าให้แต่เด็กน้อยผู้นี้คอยออกหน้า นางจะเป็นที่พึ่งพาให้แก่เขาได้อย่างไร
พ่อมดเลิกคิ้วประหลาดใจ วันนี้เจ้าหญิงของเขาแปลกไปนัก
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอโลภมากอีกสักนิดได้ไหม” เขายิ้มมุมปาก “ขอให้ข้าได้กอดท่านนานกว่านี้ได้หรือเปล่า”
“วันนี้ข้าฉลองให้เจ้า ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” สการ์เล็ตยิ้มตอบแล้วเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใช้สองมือโน้มคอชายหนุ่มเข้ามา ประกบปากลงบนริมฝีปากเขา ไล้เล็มอย่างเรียกร้อง ล้วงลึกอย่างต้องการ
ดวงใจในอกเจ้าหญิงสั่น อยากครอบครองพ่อมดจนทนไม่ไหว หวาดกลัวเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะหายไปจากตรงหน้าตนตลอดกาล จึงไม่รักษากิริยา วางท่าเป็นพี่สาวหรือเทพธิดาอันสูงส่งอีกต่อไป
เรมิเรสมีท่าทีตกใจที่สการ์เล็ตเป็นฝ่ายรุกล้ำตน แต่ก็เพียงชั่วเวลาหนึ่ง เมื่อความวาบหวานของสตรีอันเป็นที่รักครอบงำดวงใจ ความปราถรถดุจไฟโหมกระหน่ำก็เข้ามาแทนความอดทนยับยั้ง เขาโอบกอดตอบรับนาง สอดลิ้นประสานสัมพันธ์สิเน่หา ลูบไล้เรือนกายใต้เนื้อผ้ากันและกัน
“สการ์เล็ต...” เขาพร่ำเอ่ยชื่อนางด้วยเสียงสั่นพร่าพลางจูบซับสัมผัสร้อนจากผิวกายที่ไร้อาภรณ์บดบัง ดูดดื่มความหวานลึกล้ำปานน้ำผึ้งอย่างหิวกระหาย
“ข้ารักท่าน” เขาเอ่ยเสียงปร่าขณะสอดประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกับนาง มันอึดอัดทรมาน ทว่าสุขสมในเวลาเดียวกัน
“ข้ารักเจ้า” นางบอกพลางลูบไล้ใบหน้าชื้นเหงื่อของเขา เกาะกระหวัดร่างเขามิให้เคลื่อนห่างออกไป
ดวงตาสีทับทิมสบประสานกับดวงตาสีประหลาด ส่งผ่านความรู้สึกที่อัดแน่นในหัวใจ มันสวยงาม วาบไหว รุ่มร้อนและรุนแรงดุจดอกไม้ไฟที่ปะทุพร่างพรายบนฟากฟ้า เขาจุมพิตนาง มอบมนตราแห่งรักแสนอบอุ่นแก่นางจนหมดใจ
“เจ้าเป็นของข้า” เจ้าหญิงกล่าวกระซิบข้างหูพ่อมด โอบกอดเขาที่หอบสั่นไว้แนบกาย
“ข้าเป็นของท่านมานานแล้ว” เรมิเรสตอบเสียงแผ่ว เขาแนบริมฝีปากบนวงเวทกลางอกนาง
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไป... อย่าหายจากสายตาข้าไปอีก” สการ์เล็ตกระชับอ้อมกอด ยังคงกลัวเหลือเกินว่าเรมิเรสจะหายไป
“ข้าจะไม่ไปไหน” พ่อมดคลี่ยิ้มบาง ขยับยันตัวขึ้นมาด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วสอดมืออีกข้างประคองศีรษะเจ้าหญิง ก่อนก้มลงจุมพิตริมฝีปากอวบอิ่มอย่างลึกล้ำราวจะย้ำวาจา “ข้าจะอยู่กับท่านนับจากนี้จนนิรันดร์”
ถ้อยคำเขาย้ำดวงใจให้เป็นสุข น้ำตานางเอ่อล้นจนเห็นใบหน้าเขาเป็นเพียงภาพพร่าเลือน
ทั้งที่ใกล้กันเพียงนี้ ทั้งที่กายบางส่วนยังแนบสัมผัสกัน ทว่าเมื่อยื่นมือออกไปกลับคว้าได้เพียงอากาศ
แล้วในที่สุดนางก็นึกได้
ว่าตนยังอยู่ในค่ำคืนแห่งนิทรา หลังจากพบว่าตนสูญเสียสิ่งใดไป ค่ำคืนนี้ที่น้ำตายังรินไหลในหัวใจไม่ขาดสาย
ไม่ว่าจะอ้อมกอดอบอุ่น สัมผัสรักแสนหวานซาบซ่านหัวใจ หรือถ้อยสัญญาที่ว่าจะอยู่เคียงข้างกัน
ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่คืนฝันนิรันดร์ลวง