[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1 - 2
http://ppantip.com/topic/31818116
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/31844798
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/31883899
บทที่ 5
ม่านแห่งรัตติกาลคลี่ตัวลงครอบคลุมผืนฟ้าเปลี่ยนนภาสีแดงส้มจนมืดมิดโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ภายใต้ชายคาซึ่งบดบังดวงดาราอันพร่างพราย หนึ่งหญิงและหนึ่งชายเดินตามกันไปอย่างเงียบงันราวกับเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านทางเดินเพียงวูบเดียวเท่านั้น
หากไม่รู้มาก่อนว่าคาอิลเดินตามอยู่ข้างหลัง สการ์เล็ตคงนึกว่าตัวเองอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็กับวิญญาณเสียอีก
คนอะไรเดินเร็วแล้วยังเงียบกริบอย่างกับนักย่องเบา...
ยามคาอิลเอ่ยปากนางรู้สึกว่าเขาช่างชวนโมโหและน่ารำคาญ แต่พอเงียบขึ้นมากลับทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือทน
เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียย่นคิ้วเมื่อเดินเลี้ยวมาถึงเส้นทางสายหนึ่งในปราสาท หากเป็นไปได้ต่อจากนี้นางอยากใช้เวลาอยู่เพียงลำพังมากกว่าจะมีองครักษ์กำมะลอคอยติดตาม
คิดดังนั้นจึงหยุดเดินแล้วหันไปทางพ่อมดก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรำคาญอย่างไม่ปิดบัง
“ไหนว่าไม่ต้องอยู่กับข้าก็สามารถคุ้มครองได้ยังไงล่ะ”
“ ข้าแค่บอกว่าถึงอยู่ห่างกันบ้างก็สามารถคุ้มครองได้ต่างหากล่ะครับ” คาอิลตอบพลางยกยิ้มมุมปาก “แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด อยู่ใกล้กันไว้ตลอดเวลาจะคุ้มครองง่ายกว่าใช่ไหมล่ะครับ”
“เจ้ากลับไปได้แล้ว วันนี้พอแล้วล่ะ”
“ข้ายังไม่เหนื่อยเลยครับ”
“ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว”
สการ์เล็ตพูดตามตรงหลังจากที่วิธีอ้อมค้อมไม่ได้ผล และยังคงไม่ได้ผลอยู่เช่นเดิมเมื่อพ่อมดยิ้มตอบ
“แต่ข้ายังไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบ่ายหน้ากลับไปเดินทางเดิม
เอาสิ...อย่างไรก็ปิดบังไม่ได้ตลอดไป ถึงให้พบกันตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก...กระมัง
เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เดินนำพ่อมดจอมกวนประสาทไปตามทางที่ทอดยาวสู่หอคอยซึ่งแยกตัวออกจากปราสาท มีทหารยามเฝ้าอยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคาอิลเป็นต้องจ้องมองอย่างระแวดระวังและเข้าขวางมิให้ผ่านทางต่อไปจนสการ์เล็ตต้องคอยอธิบายว่าเขาคือผู้ติดตามของนาง
ร่างระหงหยุดยืนที่หน้าประตูห้องชั้นบนสุดของหอคอยแล้วหันไปมองคาอิลอย่างชั่งใจ ดวงตาสีทับทิมทอประกายเศร้าหมองขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก
ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน โซฟาและเตียงซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องล้วนดูออกได้ในปราดเดียวว่าผ่านการคัดสรรค์แต่ของดีมีราคาแพงลิบลิ่วเกินกว่าคนธรรมดาจะมีปัญญาหามาประดับบารมีได้ ทว่าบนพื้นกลับมีแต่ของเล่นสำหรับเด็กวางเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
สาวใช้ซึ่งมีเส้นผมสีดำยาวสลวยตวัดดวงตาสีนิลมามองทั้งสองอย่างตกใจแล้วโอบกอดบุรุษร่างใหญ่เอาไว้อย่างปกป้อง มองแล้วก็ให้นึกถึงภาพแม่แมวสาวกำลังปกป้องลูกสุนัขหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น และแม่แมวดำตัวนั้นก็กำลังจ้องคาอิลอย่างหวาดระแวงก่อนจะทำสายตาราวกับอยากถามสการ์เล็ตว่าเขาเป็นใคร
“เขาเป็นผู้ติดตามของข้าเอง ไม่ต้องกังกวลหรอก” สการ์เล็ตบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาบุรุษร่างใหญ่ซึ่งหันมามองนางแล้วโผเข้ากอดทันที
“นึกว่าจะไม่มาหาอีกแล้ว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน พี่สาว”
“งานของข้ายุ่งมากไปหน่อยเท่านั้น” สการ์เล็ตพูดพร้อมกับลูบศีรษะคนตัวสูงกว่าอย่างอ่อนโยน “ให้ช้าอย่างไรก็ต้องมาหาอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางทิ้งท่านได้หรอก”
คาอิลเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะมีอายุมากกว่าคนที่ตนเรียกว่าพี่สาวอยู่หลายปี ใบหน้าคมคายมีส่วนคล้ายคลึงกับสการ์เล็ตอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีทับทิม จมูกเป็นสัน กระทั่งผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองซึ่งถูกรวบผูกโบว์ไว้ที่ด้านหลัง
“ถึงไม่ต้องบอกเจ้าก็คงพอจะเดาได้สินะ” สการ์เล็ตเบนสายตากลับมาสบกับพ่อมด “นี่แหละพี่ชายของข้า รัชทายาทซึ่งมีข่าวว่าป่วยด้วยโรคที่ยังไม่อาจมีใครรักษาหาย”
รัชทายาทอลันหันไปมองคนที่กำลังคุยกับพี่สาวของเขาด้วยท่าทางสนใจ เมื่อเห็นหน้าคาอิลแล้วเขาก็โดดเข้าใส่โดยแรง ร่างอันสูงใหญ่โถมน้ำหนักใส่พ่อมดโดยที่เขาไม่ได้ระวังตัว ทำให้คนทั้งคู่ล้มลงไปพร้อมกัน คาอิลจ้องอีกฝ่ายซึ่งกดทับอยู่บนตัวเขาจนลุกไม่ขึ้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงว่าบุรุษตัวโต ๆ จะมาเล่นอะไรอย่างนี้
“ข้าชอบเจ้า มาเล่นกันเถอะพี่ชาย”
ดวงตาใสแป๋วจ้องมองพ่อมดอย่างไร้เดียงสา ผู้ใช้อาคมจึงยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“เล่นก็ได้ แต่ถ้าเจ้าทับข้าอยู่อย่างนี้เห็นทีข้าคงเล่นด้วยไม่ไหวแน่ ๆ “
อลันยอมลงจากร่างพ่อมดอย่างว่าง่าย เขานั่งคุกเข่ารอพลางจ้องจอมเวทด้วยดวงตาวาววาม คาอิลลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบข้าง เขายิ้มออกมาแล้วจึงหยิบตุ๊กตาผ้ารูปเด็กชายตัวหนึ่งมาร่ายเวทมนตร์ใส่ ไม่นานมันก็เริ่มกระดุกกระดิก เมื่อเขาปล่อยมือจากตุ๊กตา มันก็ไปกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท
อลันจ้องมันด้วยสายตาตื่นเต้นและพยายามจะคว้าจับเอาไว้ แต่เจ้าตุ๊กตาก็กระโดดหลบแล้ววิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้องโดยมีเจ้าชายกึ่งวิ่งกึ่งคลานตามไปอย่างสนุกสนาน
หากมองในสายตาผู้อื่นแล้ว การที่บุรุษหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่มาวิ่งเล่นไล่ตามตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ อาจเป็นภาพที่น่ามองและน่าขันในคราวเดียวกัน แต่สำหรับสการ์เล็ตแล้วมันเป็นภาพที่น่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง พี่ชายของนางเคยสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งกว่าใคร
ทว่าเจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียก็ยังยิ้มได้เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยพี่ชายก็มีความสุข นางหันไปมองทางพ่อมดบ้างแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจ
ผ้าคลุมศีรษะของคาอิลเลื่อนหลุดลงไปกองที่ไหล่ จึงได้เห็นว่ามีสีดำแทรกแซมอยู่บริเวณโคนผมขาวยาวประมาณครึ่งนิ้ว
“ข้าก็นึกอยู่ว่าทำไมเจ้าจึงมีสีผมที่แปลกนัก ที่แท้ผมหงอกเองหรอกหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงขึ้นเข้าที่ก่อนเจ้าหญิงจะทันได้แตะ พ่อมดเสมองไปทางเจ้าชายแล้วเอ่ยถาม
“องค์รัชทายาทเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ”
คาอิลเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สการ์เล็ตจึงตระหนักว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้อง เจ้าหญิงไตร่ตรองแล้วคิดว่านั่นอาจเป็นจุดอ่อนหนึ่งของเขา ถ้าเช่นนั้นเอาไว้นางต้องหาโอกาสเลียบเลียงเคียงหลอกถามมาให้ได้ เผื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองสำหรับการปลดสถานะทาสของตน
“พี่ข้ากลายเป็นแบบนี้เมื่อราวหนึ่งปีก่อน อยู่มาวันหนึ่งเขาก็สูญเสียความทรงจำไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุและกลายเป็นคนที่มีหัวใจของเด็กไป พวกเราไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นคนเดิมได้ในไม่ช้า แต่แม้จะสรรหาแพทย์ฝีมือดีหรือมีชื่อเสียงว่าเป็นหมอเทวดาก็ไม่มีใครรักษาได้ ครั้งหนึ่งที่เคยคิดว่ารัชทายาทอาจถูกมนต์ดำ เราก็เชิญผู้ใช้อาคมมาตรวจสอบ แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าไม่พบกระแสแห่งเวทมนตร์ใดจากตัวเขา เราลองกันมาหลายวิธีจนตอนนี้ทุกคนเริ่มถอดใจแล้ว”
สการ์เล็ตเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้าและเงียบลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ในลำคอจนมิอาจเปล่งเสียง แต่เพียงครู่หนึ่งนางก็เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างระหงปราดไปยืนตรงหน้าคาอิลแล้วจ้องตาพ่อมดอย่างคาดหวัง
“ผู้ใช้เวทมนตร์ล้วนแต่เป็นผู้รอบรู้ เจ้าเป็นพ่อมดที่น่าจะเก่งกาจมากมิใช่หรือ จะช่วยพี่ชายของข้าได้ไหม”
“แล้วท่านยังมีอะไรตอบแทนให้ข้าล่ะ”
เพียงประโยคนั้นก็ทำให้เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียถึงกับชะงัก สการ์เล็ตพอจะรู้ว่าคาอิลไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงหรือเงินทอง และเขาก็พูดอยู่เสมอว่านางไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าการเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาแก้หน่าย สิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นอะไรที่ไม่อาจหามาหรือยอมให้กันได้อย่างง่ายดายนัก
ถ้าหากมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะช่วยเหลืออลันได้ ไม่ว่าอะไรก็จะทำ นางไม่อยากรู้สึกเสียใจที่ช่วยคนสำคัญไม่ได้อย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ข้าไม่มีอะไรจะให้ แต่ถ้าเจ้าต้องการ...ต่อให้ต้องตายข้าก็จะหามาให้ได้”
คาอิลมองดวงตาสีทับทิมที่สั่นระริกและมีอัสสุชลบาง ๆ คลอหน่วยแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ข้าเป็นพ่อมดนะครับ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าเก่งไปเสียหมดทุกอย่างคนอื่นก็ไม่มีงานทำกันพอดี”
ผู้ใช้มนตราย่อตัวลงนั่งแล้วใช้ตุ๊กตาหลอกล่อให้อลันเข้ามาหา เขาพูดกับสการ์เล็ตโดยที่คอยสังเกตเจ้าชายผู้มีหัวใจของเด็กไปด้วย
“แต่ข้าจะลองดูก็แล้วกัน แล้วท่านก็ช่วยเตรียมตัวรับคำเรียกร้องของข้าด้วยนะครับ”
พ่อมดหนุ่มขยับแว่นลงแล้วจ้องมองเจ้าชายรัชทายาทอย่างพิจารณา เขาหลับตาแล้วแตะฝ่ามือลงบนอกของอีกฝ่ายก่อนแผ่ขยายอาคมตรวจสอบออกไปทั่วร่าง ความเงียบงันเข้าปกคลุมรอบบริเวณเหมือนทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่งเป็นเวลาอันเนิ่นนาน หากแท้จริงนั้นแสนสั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจ
แม้มันจะเบาบางมาก...แต่ก็พอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปรกติ
ดวงตาของพ่อมดหนุ่มหรี่ปรือ เขาโคลงศีรษะและมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด กระนั้นชั่วขณะหนึ่งยังทันสังเกตเห็นว่าผู้ดูแลเจ้าชายกำลังจ้องมองการกระทำของเขาเขม็งและมีแววหวาดระแวงสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิล คาอิลจึงส่งยิ้มให้ แต่ก็ถูกสะบัดหน้าหนีในทันที เขาหรี่ตาลง แววบางอย่างสะท้อนเป็นประกายอยู่หลังกรอบแว่นกระจกหนา เสียงหัวเราะดังเพียงแผ่วในลำคอก่อนจะหันไปพูดกับสการ์เล็ต
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะครับ”
“เอ๊ะ! แต่ข้ายังไม่...”
“กลับได้แล้วครับ วันนี้ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ” คาอิลกล่าวเสียงหนักตัดบทและส่งสายตาเชิงบังคับให้ทำตามคำสั่ง สการ์เล็ตจึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้
“ข้าต้องกลับแล้ว อย่าเป็นเด็กดื้อล่ะ” สการ์เล็ตบอกกับรัชทายาทพร้อมกับลูบศีรษะของเขาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กโข่งขี้อ้อนกำลังส่งสายตาเว้าวอนมิให้กลับ นางละมือจากอลันแล้วหันไปกล่าวกับสาวใช้ที่เข้ามารับช่วงปลอบคนขี้น้อยใจแทน
“ฝากพี่ของข้าด้วยนะ”
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นขณะก้าวตามให้ทันร่างสูงซึ่งเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจโดยไม่รอนางอย่างที่องครักษ์ควรจะทำ
“เจ้าละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้าเกินไปแล้วนะ จะให้ข้ารีบกลับตามเจ้าออกมาทำไมกัน” สการ์เล็ตพูดอย่างไม่พอใจ และยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีกเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย
“ข้าเห็นว่าท่านทำงานเหนื่อยกายและต้องเหนื่อยใจกับเจ้าชายแห่งเฮย์เดนมาทั้งวัน เลยอยากให้รีบพัก พรุ่งนี้จะได้ไม่ตื่นสาย ไม่ดีหรือครับ” คาอิลยิ้มก่อนหรี่ตาลง “ที่สำคัญข้าเหนื่อย...อยากพักแล้วล่ะ”
หากความร้อนในอารมณ์แปรเปลี่ยนเลือดในกายให้เป็นไอเดือดได้ คงจะเห็นว่ามีควันพุ่งออกมาจากหูของเจ้าหญิงลำดับแรกแห่งเรสทอเรียเป็นแน่แท้
“เจ้าคนเอาแต่ใจ คิดอยากบังคับให้คนอื่นทำอะไรก็ทำได้อย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตคำรามอย่างโกรธเคือง คาอิลมองดวงเนตรสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวแล้วขยับยิ้มมุมปาก
“ข้าก็เป็นอย่างนี้แหละ ท่านจะรับได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องใส่ใจ ดังนั้นช่วยกรุณาทำตัวให้ชินและทำตามสิ่งที่ข้าต้องการอย่างไม่กังขาเสียด้วย เข้าใจไหมครับ...เจ้าหญิง”
พ่อมดหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว เจ้าหญิงมองเรียวปากหยักบางซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ปลายนิ้วแล้วรีบหลับตาลงด้วยความตระหนก วรกายบอบบางแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลันจึงคิดหาทางหลบหลีกไม่ได้ ในใจนึกไปล่วงหน้าว่าอาจจะถูกล่วงเกินอะไรอีกแล้ว
“ข้าจะกลับแล้ว ท่านพักผ่อนให้สบายเถิด ขอรับรองว่าคืนนี้จะไม่มีภยันตรายใดไปแผ้วพานท่านได้อย่างแน่นอน”
เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 5
บทที่ 5
ม่านแห่งรัตติกาลคลี่ตัวลงครอบคลุมผืนฟ้าเปลี่ยนนภาสีแดงส้มจนมืดมิดโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ภายใต้ชายคาซึ่งบดบังดวงดาราอันพร่างพราย หนึ่งหญิงและหนึ่งชายเดินตามกันไปอย่างเงียบงันราวกับเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านทางเดินเพียงวูบเดียวเท่านั้น
หากไม่รู้มาก่อนว่าคาอิลเดินตามอยู่ข้างหลัง สการ์เล็ตคงนึกว่าตัวเองอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็กับวิญญาณเสียอีก
คนอะไรเดินเร็วแล้วยังเงียบกริบอย่างกับนักย่องเบา...
ยามคาอิลเอ่ยปากนางรู้สึกว่าเขาช่างชวนโมโหและน่ารำคาญ แต่พอเงียบขึ้นมากลับทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือทน
เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียย่นคิ้วเมื่อเดินเลี้ยวมาถึงเส้นทางสายหนึ่งในปราสาท หากเป็นไปได้ต่อจากนี้นางอยากใช้เวลาอยู่เพียงลำพังมากกว่าจะมีองครักษ์กำมะลอคอยติดตาม
คิดดังนั้นจึงหยุดเดินแล้วหันไปทางพ่อมดก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรำคาญอย่างไม่ปิดบัง
“ไหนว่าไม่ต้องอยู่กับข้าก็สามารถคุ้มครองได้ยังไงล่ะ”
“ ข้าแค่บอกว่าถึงอยู่ห่างกันบ้างก็สามารถคุ้มครองได้ต่างหากล่ะครับ” คาอิลตอบพลางยกยิ้มมุมปาก “แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด อยู่ใกล้กันไว้ตลอดเวลาจะคุ้มครองง่ายกว่าใช่ไหมล่ะครับ”
“เจ้ากลับไปได้แล้ว วันนี้พอแล้วล่ะ”
“ข้ายังไม่เหนื่อยเลยครับ”
“ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว”
สการ์เล็ตพูดตามตรงหลังจากที่วิธีอ้อมค้อมไม่ได้ผล และยังคงไม่ได้ผลอยู่เช่นเดิมเมื่อพ่อมดยิ้มตอบ
“แต่ข้ายังไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบ่ายหน้ากลับไปเดินทางเดิม
เอาสิ...อย่างไรก็ปิดบังไม่ได้ตลอดไป ถึงให้พบกันตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก...กระมัง
เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เดินนำพ่อมดจอมกวนประสาทไปตามทางที่ทอดยาวสู่หอคอยซึ่งแยกตัวออกจากปราสาท มีทหารยามเฝ้าอยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคาอิลเป็นต้องจ้องมองอย่างระแวดระวังและเข้าขวางมิให้ผ่านทางต่อไปจนสการ์เล็ตต้องคอยอธิบายว่าเขาคือผู้ติดตามของนาง
ร่างระหงหยุดยืนที่หน้าประตูห้องชั้นบนสุดของหอคอยแล้วหันไปมองคาอิลอย่างชั่งใจ ดวงตาสีทับทิมทอประกายเศร้าหมองขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก
ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน โซฟาและเตียงซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องล้วนดูออกได้ในปราดเดียวว่าผ่านการคัดสรรค์แต่ของดีมีราคาแพงลิบลิ่วเกินกว่าคนธรรมดาจะมีปัญญาหามาประดับบารมีได้ ทว่าบนพื้นกลับมีแต่ของเล่นสำหรับเด็กวางเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
สาวใช้ซึ่งมีเส้นผมสีดำยาวสลวยตวัดดวงตาสีนิลมามองทั้งสองอย่างตกใจแล้วโอบกอดบุรุษร่างใหญ่เอาไว้อย่างปกป้อง มองแล้วก็ให้นึกถึงภาพแม่แมวสาวกำลังปกป้องลูกสุนัขหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น และแม่แมวดำตัวนั้นก็กำลังจ้องคาอิลอย่างหวาดระแวงก่อนจะทำสายตาราวกับอยากถามสการ์เล็ตว่าเขาเป็นใคร
“เขาเป็นผู้ติดตามของข้าเอง ไม่ต้องกังกวลหรอก” สการ์เล็ตบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาบุรุษร่างใหญ่ซึ่งหันมามองนางแล้วโผเข้ากอดทันที
“นึกว่าจะไม่มาหาอีกแล้ว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน พี่สาว”
“งานของข้ายุ่งมากไปหน่อยเท่านั้น” สการ์เล็ตพูดพร้อมกับลูบศีรษะคนตัวสูงกว่าอย่างอ่อนโยน “ให้ช้าอย่างไรก็ต้องมาหาอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางทิ้งท่านได้หรอก”
คาอิลเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะมีอายุมากกว่าคนที่ตนเรียกว่าพี่สาวอยู่หลายปี ใบหน้าคมคายมีส่วนคล้ายคลึงกับสการ์เล็ตอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีทับทิม จมูกเป็นสัน กระทั่งผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองซึ่งถูกรวบผูกโบว์ไว้ที่ด้านหลัง
“ถึงไม่ต้องบอกเจ้าก็คงพอจะเดาได้สินะ” สการ์เล็ตเบนสายตากลับมาสบกับพ่อมด “นี่แหละพี่ชายของข้า รัชทายาทซึ่งมีข่าวว่าป่วยด้วยโรคที่ยังไม่อาจมีใครรักษาหาย”
รัชทายาทอลันหันไปมองคนที่กำลังคุยกับพี่สาวของเขาด้วยท่าทางสนใจ เมื่อเห็นหน้าคาอิลแล้วเขาก็โดดเข้าใส่โดยแรง ร่างอันสูงใหญ่โถมน้ำหนักใส่พ่อมดโดยที่เขาไม่ได้ระวังตัว ทำให้คนทั้งคู่ล้มลงไปพร้อมกัน คาอิลจ้องอีกฝ่ายซึ่งกดทับอยู่บนตัวเขาจนลุกไม่ขึ้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงว่าบุรุษตัวโต ๆ จะมาเล่นอะไรอย่างนี้
“ข้าชอบเจ้า มาเล่นกันเถอะพี่ชาย”
ดวงตาใสแป๋วจ้องมองพ่อมดอย่างไร้เดียงสา ผู้ใช้อาคมจึงยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“เล่นก็ได้ แต่ถ้าเจ้าทับข้าอยู่อย่างนี้เห็นทีข้าคงเล่นด้วยไม่ไหวแน่ ๆ “
อลันยอมลงจากร่างพ่อมดอย่างว่าง่าย เขานั่งคุกเข่ารอพลางจ้องจอมเวทด้วยดวงตาวาววาม คาอิลลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบข้าง เขายิ้มออกมาแล้วจึงหยิบตุ๊กตาผ้ารูปเด็กชายตัวหนึ่งมาร่ายเวทมนตร์ใส่ ไม่นานมันก็เริ่มกระดุกกระดิก เมื่อเขาปล่อยมือจากตุ๊กตา มันก็ไปกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท
อลันจ้องมันด้วยสายตาตื่นเต้นและพยายามจะคว้าจับเอาไว้ แต่เจ้าตุ๊กตาก็กระโดดหลบแล้ววิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้องโดยมีเจ้าชายกึ่งวิ่งกึ่งคลานตามไปอย่างสนุกสนาน
หากมองในสายตาผู้อื่นแล้ว การที่บุรุษหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่มาวิ่งเล่นไล่ตามตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ อาจเป็นภาพที่น่ามองและน่าขันในคราวเดียวกัน แต่สำหรับสการ์เล็ตแล้วมันเป็นภาพที่น่าสังเวชใจเป็นอย่างยิ่ง พี่ชายของนางเคยสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งกว่าใคร
ทว่าเจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียก็ยังยิ้มได้เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยพี่ชายก็มีความสุข นางหันไปมองทางพ่อมดบ้างแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจ
ผ้าคลุมศีรษะของคาอิลเลื่อนหลุดลงไปกองที่ไหล่ จึงได้เห็นว่ามีสีดำแทรกแซมอยู่บริเวณโคนผมขาวยาวประมาณครึ่งนิ้ว
“ข้าก็นึกอยู่ว่าทำไมเจ้าจึงมีสีผมที่แปลกนัก ที่แท้ผมหงอกเองหรอกหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงขึ้นเข้าที่ก่อนเจ้าหญิงจะทันได้แตะ พ่อมดเสมองไปทางเจ้าชายแล้วเอ่ยถาม
“องค์รัชทายาทเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ”
คาอิลเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สการ์เล็ตจึงตระหนักว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้อง เจ้าหญิงไตร่ตรองแล้วคิดว่านั่นอาจเป็นจุดอ่อนหนึ่งของเขา ถ้าเช่นนั้นเอาไว้นางต้องหาโอกาสเลียบเลียงเคียงหลอกถามมาให้ได้ เผื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองสำหรับการปลดสถานะทาสของตน
“พี่ข้ากลายเป็นแบบนี้เมื่อราวหนึ่งปีก่อน อยู่มาวันหนึ่งเขาก็สูญเสียความทรงจำไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุและกลายเป็นคนที่มีหัวใจของเด็กไป พวกเราไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นคนเดิมได้ในไม่ช้า แต่แม้จะสรรหาแพทย์ฝีมือดีหรือมีชื่อเสียงว่าเป็นหมอเทวดาก็ไม่มีใครรักษาได้ ครั้งหนึ่งที่เคยคิดว่ารัชทายาทอาจถูกมนต์ดำ เราก็เชิญผู้ใช้อาคมมาตรวจสอบ แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าไม่พบกระแสแห่งเวทมนตร์ใดจากตัวเขา เราลองกันมาหลายวิธีจนตอนนี้ทุกคนเริ่มถอดใจแล้ว”
สการ์เล็ตเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้าและเงียบลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ในลำคอจนมิอาจเปล่งเสียง แต่เพียงครู่หนึ่งนางก็เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างระหงปราดไปยืนตรงหน้าคาอิลแล้วจ้องตาพ่อมดอย่างคาดหวัง
“ผู้ใช้เวทมนตร์ล้วนแต่เป็นผู้รอบรู้ เจ้าเป็นพ่อมดที่น่าจะเก่งกาจมากมิใช่หรือ จะช่วยพี่ชายของข้าได้ไหม”
“แล้วท่านยังมีอะไรตอบแทนให้ข้าล่ะ”
เพียงประโยคนั้นก็ทำให้เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียถึงกับชะงัก สการ์เล็ตพอจะรู้ว่าคาอิลไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงหรือเงินทอง และเขาก็พูดอยู่เสมอว่านางไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าการเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาแก้หน่าย สิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นอะไรที่ไม่อาจหามาหรือยอมให้กันได้อย่างง่ายดายนัก
ถ้าหากมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะช่วยเหลืออลันได้ ไม่ว่าอะไรก็จะทำ นางไม่อยากรู้สึกเสียใจที่ช่วยคนสำคัญไม่ได้อย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ข้าไม่มีอะไรจะให้ แต่ถ้าเจ้าต้องการ...ต่อให้ต้องตายข้าก็จะหามาให้ได้”
คาอิลมองดวงตาสีทับทิมที่สั่นระริกและมีอัสสุชลบาง ๆ คลอหน่วยแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา
“ข้าเป็นพ่อมดนะครับ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าเก่งไปเสียหมดทุกอย่างคนอื่นก็ไม่มีงานทำกันพอดี”
ผู้ใช้มนตราย่อตัวลงนั่งแล้วใช้ตุ๊กตาหลอกล่อให้อลันเข้ามาหา เขาพูดกับสการ์เล็ตโดยที่คอยสังเกตเจ้าชายผู้มีหัวใจของเด็กไปด้วย
“แต่ข้าจะลองดูก็แล้วกัน แล้วท่านก็ช่วยเตรียมตัวรับคำเรียกร้องของข้าด้วยนะครับ”
พ่อมดหนุ่มขยับแว่นลงแล้วจ้องมองเจ้าชายรัชทายาทอย่างพิจารณา เขาหลับตาแล้วแตะฝ่ามือลงบนอกของอีกฝ่ายก่อนแผ่ขยายอาคมตรวจสอบออกไปทั่วร่าง ความเงียบงันเข้าปกคลุมรอบบริเวณเหมือนทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่งเป็นเวลาอันเนิ่นนาน หากแท้จริงนั้นแสนสั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจ
แม้มันจะเบาบางมาก...แต่ก็พอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปรกติ
ดวงตาของพ่อมดหนุ่มหรี่ปรือ เขาโคลงศีรษะและมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด กระนั้นชั่วขณะหนึ่งยังทันสังเกตเห็นว่าผู้ดูแลเจ้าชายกำลังจ้องมองการกระทำของเขาเขม็งและมีแววหวาดระแวงสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิล คาอิลจึงส่งยิ้มให้ แต่ก็ถูกสะบัดหน้าหนีในทันที เขาหรี่ตาลง แววบางอย่างสะท้อนเป็นประกายอยู่หลังกรอบแว่นกระจกหนา เสียงหัวเราะดังเพียงแผ่วในลำคอก่อนจะหันไปพูดกับสการ์เล็ต
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะครับ”
“เอ๊ะ! แต่ข้ายังไม่...”
“กลับได้แล้วครับ วันนี้ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ” คาอิลกล่าวเสียงหนักตัดบทและส่งสายตาเชิงบังคับให้ทำตามคำสั่ง สการ์เล็ตจึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้
“ข้าต้องกลับแล้ว อย่าเป็นเด็กดื้อล่ะ” สการ์เล็ตบอกกับรัชทายาทพร้อมกับลูบศีรษะของเขาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กโข่งขี้อ้อนกำลังส่งสายตาเว้าวอนมิให้กลับ นางละมือจากอลันแล้วหันไปกล่าวกับสาวใช้ที่เข้ามารับช่วงปลอบคนขี้น้อยใจแทน
“ฝากพี่ของข้าด้วยนะ”
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นขณะก้าวตามให้ทันร่างสูงซึ่งเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจโดยไม่รอนางอย่างที่องครักษ์ควรจะทำ
“เจ้าละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้าเกินไปแล้วนะ จะให้ข้ารีบกลับตามเจ้าออกมาทำไมกัน” สการ์เล็ตพูดอย่างไม่พอใจ และยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีกเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย
“ข้าเห็นว่าท่านทำงานเหนื่อยกายและต้องเหนื่อยใจกับเจ้าชายแห่งเฮย์เดนมาทั้งวัน เลยอยากให้รีบพัก พรุ่งนี้จะได้ไม่ตื่นสาย ไม่ดีหรือครับ” คาอิลยิ้มก่อนหรี่ตาลง “ที่สำคัญข้าเหนื่อย...อยากพักแล้วล่ะ”
หากความร้อนในอารมณ์แปรเปลี่ยนเลือดในกายให้เป็นไอเดือดได้ คงจะเห็นว่ามีควันพุ่งออกมาจากหูของเจ้าหญิงลำดับแรกแห่งเรสทอเรียเป็นแน่แท้
“เจ้าคนเอาแต่ใจ คิดอยากบังคับให้คนอื่นทำอะไรก็ทำได้อย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตคำรามอย่างโกรธเคือง คาอิลมองดวงเนตรสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวแล้วขยับยิ้มมุมปาก
“ข้าก็เป็นอย่างนี้แหละ ท่านจะรับได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องใส่ใจ ดังนั้นช่วยกรุณาทำตัวให้ชินและทำตามสิ่งที่ข้าต้องการอย่างไม่กังขาเสียด้วย เข้าใจไหมครับ...เจ้าหญิง”
พ่อมดหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว เจ้าหญิงมองเรียวปากหยักบางซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ปลายนิ้วแล้วรีบหลับตาลงด้วยความตระหนก วรกายบอบบางแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลันจึงคิดหาทางหลบหลีกไม่ได้ ในใจนึกไปล่วงหน้าว่าอาจจะถูกล่วงเกินอะไรอีกแล้ว
“ข้าจะกลับแล้ว ท่านพักผ่อนให้สบายเถิด ขอรับรองว่าคืนนี้จะไม่มีภยันตรายใดไปแผ้วพานท่านได้อย่างแน่นอน”