ขณะที่ฉันกำลังนั่งดูรายงานข่าวช่วงเย็นอยู่นั้น อยู่ดีๆ น้องของฉันก็เดินออกมาจากห้อง แล้วชวนฉันไปเดินตลาดรอบเย็น
“ราตรีวันนี้กินอะไรดี ไปตลาดกัน” ฉันที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงเหนือทีวี ที่บอกเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
“ในตู้เย็นก็มีกับข้าวอยู่นะ เอามาอุ่นกินก่อนไหม แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกไป”
“ไม่อะ กูว่าไปวันนี้นี่แหละดีแล้ว แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอามาอุ่นกินแทนก็ได้ กูเบื่อๆ อยากออกไปข้างนอก” ฉันได้ยินก็พยักหน้ารับไม่ได้ขัดอะไร ลุกขึ้นไปปิดทีวี แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินตามออกไป
ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไป สายตาก็มองผ่านไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ข้างตัวบ้าน เห็นมีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีม่วงเข้มเดินผ่านข้างตัวบ้านไป ฉันตกใจ รีบวิ่งตามออกไปดูทันที ว่ามีใครเดินเข้ามาในบริเวณบ้านของฉัน แต่เมื่อวิ่งออกไปถึงด้านนอกข้างตัวบ้านแล้ว กลับไม่เห็นมีใครอยู่เลย ฉันเดินลึกเข้าไปด้านใน ดูจนสุดกำแพง ว่ามีใครอยู่ไหม แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ดี ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงหาไม่พบ ในเมื่อตะกี้นี้ ฉันยังเห็นคนเดินผ่านไปอยู่เลย
โครมมมมม….
“
โอ๊ยยยยยย” ฉันได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นลงมาเสียงดังมาก พร้อมกับเสียงร้องของไอ้ตะวัน ที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดังตามมาติดๆ
“
ตะวัน!!” ฉันตะโกนเรียกน้องของฉันด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านตามเสียงร้องนั้นทันที
เห็นตะวันมันกำลังนอนอยู่ใต้ประตูรั้วเหล็กบานใหญ่ ที่หล่นลงไปทับตัวของมันเอาไว้ แต่ไม่ได้ทับตัวของมันจังๆ เพราะมีรถมอเตอร์ไซค์ที่นอนล้มอยู่ข้างๆ คั่นประตูเอาไว้อยู่พอดี
“เป็นยังไงบ้างวะ!!” ฉันชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นตะวันมันนอนอยู่กับพื้นที่มีช่องว่างของประตูรั้วเหล็ก ที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์นั้นคั่นเอาไว้อยู่
“
ก็หนักอะดิ! ถามมาได้ ช่วยกูยกประตูออกหน่อยดิ๊ กูออกไปไม่ได้ ช่องมันแคบเกินไป” เมื่อน้องของฉันพูดจบ ฉันก็รีบเข้าไปช่วยยกประตูรั้วเหล็กนั้นขึ้นมาทันที ทำให้ช่องนั้นกว้างขึ้น จนตะวันที่นอนหงายอยู่นั้น สามารถคลานเอาหลังสีกับพื้นออกมาได้
“
ดีนะ! ที่มีรถกั้นเอาไว้อยู่ ไม่งั้นโดนประตูเหล็กทับตายแน่ๆ” ฉันพูดแล้วหันไปมองสำรวจไอ้ตะวันที่คลานออกมา ว่ามันมีแผลตรงไหนไหม แต่ที่เห็นโดยรวมก็ยังไม่เห็นแผลใหญ่อะไร มีแค่แผลที่เป็นรอยถลอก รอยแดง และได้เลือดนิดหน่อยเท่านั้น
“เออดิ! กูเพิ่งเปิดประตูออกมาได้แค่นิดเดียว ก็หลุดลงมาทับกูเลย”
“กูว่าวันนี้เราไม่ต้องออกไปไหนแล้วล่ะ ค่อยออกไปวันหลัง” ฉันพูดไปด้วยและช่วยตะวันมันดันประตูรั้วเหล็กไปด้วย ช่วยกันยกขึ้นมาวางตั้ง แล้วดันให้ตรงร่อง ให้ประตูรั้วเหล็กเข้าล็อกไปเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูแค่ถลอกเฉยๆ ก็รีบเข้าไปปิดประตูเถอะ จะได้ออกไปกันสักที” ในเมื่อไอ้ตะวันมันอยากจะไป ฉันก็เลยเดินเข้าไปปิดประตูบ้านแล้วเดินออกมาด้านนอก ล็อกประตูรั้วเหล็ก แต่ตาก็ยังคงมองผ่านช่องว่างของประตูรั้ว มองไปข้างตัวบ้านที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไป แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี นอกจากความว่างเปล่า
ขณะที่ไอ้ตะวันกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากซอย พวกเราก็เห็นบ้านหลังหนึ่ง ตรงปากทางออกซอย มีรถพยาบาลจอดอยู่คันหนึ่ง ผู้คนมามุงดูกันเต็มไปหมด มีทั้งรถใหญ่รถเล็ก จอดเรียงรายกันเต็มไปหมด จนปิดถนนทางเข้าออกจากซอย ทำให้พวกเราต้องจอดรถมอเตอร์ไซค์ออไว้ตรงนี้ตามคนอื่นเช่นกัน เพราะไม่สามารถออกไปจากตรงนี้ได้
“
นั่นคนเขามามุงดูอะไรกันวะ!!” ตะวันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แล้วชะโงกหน้าออกไปมอง
“
กูก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากรู้ก็เดินเข้าไปดูสิ” เมื่อฉันพูดจบไอ้ตะวันมันก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทันที
“สาระแนจริงๆ น้องกู แต่ก็พอกันกับกูแหละ”
ฉันเดินตามตะวันเข้าไปดูด้วยความสงสัย เห็นหลายคนกำลังยืนออมุงดูกันอยู่หน้าประตูบ้านของป้าคนหนึ่ง ฉันเคยเห็นป้าแกนะ แกชอบออกมาขายข้าวหมกไก่อยู่หน้าบ้านตอนเช้าๆ ทุกวัน แกค่อนข้างจะมีอายุแล้ว น่าจะสักห้าสิบปลายๆ ได้ ถ้าฉันกะไม่ผิด ฉันพยายามชะโงกหัวมองเพ่งเข้าไปด้านใน แต่มองอย่างไร ก็มองไม่เห็นอะไร นอกจากหลังของป้าๆ ลุงๆ ที่ยืนมุงดูกันอยู่ตรงนี้
ขณะที่ฉันกำลังยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกใครคนหนึ่งจ้องมอง และขนแขนข้างซ้ายของฉัน ก็ลุกขึ้นมาทั้งแถบ ฉันรู้สึกเหมือนมีไอเย็นบางอย่างมากระทบโดนตัวของฉัน เมื่อหันไปมองทางด้านซ้ายมือตามสัณชาตญาณ ฉันก็เห็นคุณป้าคนนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน มีหมาพันธ์ุบางแก้วสีขาวลายจุดสีเทาตัวใหญ่ นอนหมอบกระดิกหางมองคุณป้าเขาอยู่
เมื่อฉันมองไปรอบด้าน ก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจคุณป้าแกเลย ฉันเลยตัดสินใจแยกตัวเดินเข้าไปหาคุณป้า พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นหมาที่กำลังนอนหมอบตัวกระดิกหางอยู่นั้น ส่งเสียงร้องกระซิก คราง หงิงๆ ออกมาเบาๆ อย่างเศร้าสร้อย มันยกหัวหันขึ้นมามองฉันอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็ไม่สนใจ หันกลับไปมองคุณป้าตามเดิม
“
ป้าคะ! ป้าคะ! ป้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงไม่เข้าบ้าน แล้วที่บ้านป้ามีอะไรเหรอ ทำไมคนถึงมามุงดูกันเต็มไปหมด” ฉันถามคุณป้าที่กำลังนั่งเหม่อลอย มองหมาตัวนั้นอยู่ เมื่อคุณป้าได้ยินเสียงของฉัน ก็รีบหันกลับมามองที่ฉันทันที
“
หนู! หนูเห็นป้าด้วยเหรอ!” คุณป้าพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ ใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้นค่อยๆ แย้มยิ้มออกมา
“เห็นสิคะ ทำไมจะไม่เห็น หนูก็เห็นป้าออกมาขายข้าวหมกไก่ตอนเช้าๆ อยู่บ่อยๆ”
“ใช่ๆ ป้าเอง นั่นแหละป้าเอง” คุณป้าพูดออกมาทั้งน้ำตา
“แล้วนี่ป้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ แล้วที่บ้านป้ามีอะไรเหรอ ทำไมคนถึงมามุงดูกันเต็มไปหมด”
“
ป้า…ป้าฝากหนูดูแลเจ้านมสดหน่อยได้ไหมลูก”
“
นมสด! หมายถึงเจ้าหมาตัวนี้เหรอคะป้า” ฉันพูดแล้วชี้ไปที่หมาตัวนั้น ที่นอนหมอบหัวลงไปกับพื้น มองไปที่เจ้าของมัน แล้วร้องกระซิก ครางหงิงๆ ออกมา ตาทั้งสองข้างของมันมีน้ำตาไหลเอ่อล้นออกมา
“
ใช่ลูก มันชื่อนมสด เป็นหมาตัวเมีย ป้าเป็นห่วงมัน ถ้าป้าไม่อยู่แล้ว กลัวจะไม่มีใครดูแลมัน”
“ป้าจะไปไหนคะ? เอามันไปด้วยสิ หนูว่ามันรักป้ามากๆ เลยนะ” ป้าที่ได้ยินก็ส่งยิ้มกลับมาให้ฉันทั้งน้ำตา
“ป้าก็รักมันมากลูก แต่ป้าคงเอามันไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอก ถือว่าเป็นคำขอสุดท้ายของป้าแก่คนนี้ หนูช่วยเอามันไปดูแลหน่อยได้ไหมลูก” คุณป้าพูดและมองมาที่ฉันอย่างคาดหวังในคำตอบ
“หนูว่ามันคงไม่อยากไปอยู่กับหนูหรอกค่ะป้า ป้าเอามันไปด้วยเถอะ หรือไม่งั้นก็เอามันไปให้ลูกหลานป้าเลี้ยงก็ได้นะ หนูว่ามันคงจะคุ้นชินกับพวกเขามากกว่าหนู” ป้าที่ได้ยินก็ส่ายหน้าตอบ
“ป้าไม่มีลูกมีหลานหรอกลูก ถ้าให้คนรู้จักป้าเลี้ยงมัน เขาก็จะเลี้ยงมันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่สนใจมันหรอกลูกเอ๋ยยยย”
“เออ…แต่หนูว่า”
“ป้ายกให้หนู รับมันไปเถอะนะลูกนะ ป้าเชื่อว่าหนูจะดูแลมันได้อย่างดี”
“แต่ว่ามันอาจจะอยากอยู่กับป้า ไม่ได้อยากอยู่กับหนูก็ได้นะคะ”
“เชื่อป้าไหม เดี๋ยวมันก็จะไปอยู่กับหนู ป้าขออย่างเดียวอย่าทิ้งมันนะลูก จะไปไหนหนูก็เอามันไปด้วยนะลูกนะ ถือว่าสงสารมัน เดี๋ยวป้าจะให้กระดิ่งกับหนูอันหนึ่ง เวลาจะเรียกมัน หรือกล่อมให้มันนอน หนูก็สั่นกระดิ่งนั้นนะลูก มันชอบฟังเสียงกระดิ่งก่อนนอน มันฉลาดมากนะลูก แล้วหนูจะรักมันเหมือนที่ป้ารัก ป้าฝากด้วยนะลูก”
“จะดีเหรอคะป้า คือที่บ้านหนูอยู่กันแค่สองคนพี่น้องเองนะคะ แล้วเจ้านมสดก็โตแล้ว มันอาจจะไม่ชอบหนูก็ได้”
“เชื่อป้าสิ ว่ามันจะชอบหนู ใช่ไหมนมสด แม่ต้องไปแล้วนะลูก เอ็งก็ไปอยู่กับพี่เขา อย่าดื้ออย่าซนเข้าใจไหม เป็นเด็กดี แม่คงทำเพื่อเอ็งได้เพียงเท่านี้” เมื่อคุณป้าพูดจบก็โน้มตัวลงไปลูบที่หัวของเจ้านมสดแล้วก้มลงไปจูบมันทั้งน้ำตา หมาตัวนั้นเหมือนมันจะรู้อะไรบางอย่าง หางของมันลู่ลง และมองไปที่เจ้าของของมันทั้งน้ำตาแล้วร้องออกมาเสียงเศร้าสร้อย
“ป้าหมดห่วงแล้ว ขอบคุณหนูมากนะลูก ที่ช่วยรับเจ้านมสดไปดูแล” คุณป้าพูดจบก็เดินออกไปทันที ป้าเดินตรงผ่านทุกคนที่มามุงดูอยู่เข้าไปในบ้าน
ฉันเดินตามหลังคุณป้า ที่เดินเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น แต่ฉันก็ไม่สามารถเดินเข้าไปด้านใน ได้เหมือนที่คุณป้าเดินเข้าไปได้เลย ได้แต่ชะเง้อมองตามไปที่ประตูบานนั้น ที่คุณป้าเดินเข้าไปด้านในแล้วเท่านั้น
ฉันเห็นรถเข็นที่กำลังเข็นร่างของคนป่วยออกมาจากบ้าน กำลังจะเข็นผ่านหน้าฉันไป ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นคือ
คุณป้าที่คุยอยู่กับฉันเมื่อตะกี้นี้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันเห็นมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวนั้นโผล่ออกมา ในมือของคุณป้านั้นมีกระดิ่งอยู่
กริ๊งงงงงง
เมื่อเสียงกระดิ่งดังแว่วขึ้นมา เจ้านมสดก็วิ่งเข้าไปเลียที่มือของคุณป้าทันที มันคาบเอากระดิ่งที่ถูกร้อยด้วยสร้อยสีเงินออกมาจากมือนั้น แล้วเดินตรงเข้ามาหาฉัน มันเอาปากชนที่มือของฉัน แล้วร้องครางหงิงๆ ออกมาอย่างเศร้าสร้อย
‘
รับไปสิลูก’ เสียงของคุณป้าดังแว่วเข้ามาในหู ฉันก้มลงไปมองเจ้านมสดอีกครั้ง ก่อนที่จะโน้มมือลงไปรับกระดิ่งที่มันคาบเอาไว้อยู่นั้นขึ้นมา ‘ป้าฝากด้วยนะลูก’ เมื่อเสียงนั้นจบลง ฉันก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านร่างของฉันไป รู้สึกเหมือนใจมันหวิวๆ เหมือนอยากจะร้องไห้
“
ราตรี! ราตรี! เหม่ออะไรของเนี่ย เรียกตั้งนาน ได้ยินไหม” ไอ้ตะวันเขย่าตัวของฉันอย่างแรง
“
เออๆ ได้ยินแล้ว” ฉันรีบตอบกลับไปทันที
“มัวแต่เหม่ออะไรอยู่วะ ไปได้แล้ว คนเริ่มทยอยกันออกไปหมดแล้ว” ไอ้ตะวันหันมาเรียกฉันอีกครั้ง เมื่อเห็นฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“
ปะ ไปกันเถอะนมสด” ฉันหันไปพูดกับเจ้านมสด แล้วรีบเดินตามตะวันออกไปทันที
“
โฮ่ง โฮ่งงง” เจ้านมสดขานรับแล้ววิ่งตามฉันออกมาทันที
“
เฮ้ยยย นั่นมันหมาใครอะราตรี ทำไมมันถึงวิ่งตามมาวะ” ตะวันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเจ้านมสดมันวิ่งตามฉันมา
“
หมากูเองแหละ วิ่งตามกูมา ก็ต้องเป็นหมากูสิ นี่เจ้านมสด นมสดนี่ตะวันน้องของพี่เอง” ฉันพูดแนะนำเจ้านมสดกับไอ้ตะวัน ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้านมสดต่อ
“
โฮ่ง โฮ่งงง” เจ้านมสดขานรับเหมือนจะบอกว่าเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
“
เป็นไง หมากูฉลาดไหม”
“
กูไม่ตลก ไปเอาหมาใครมาราตรี” ตะวันยืนเท้าเอวพูดขึ้น
“
เออน่า เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง วันนี้ไม่ต้องไปแล้วนะตลาดอะ กลับไปอุ่นกับข้าวในตู้เย็นกินเถอะ พรุ่งนี้ค่อยออก”
“
เออๆ กลับก็ดี กูก็ไม่มีอารมณ์จะไปละตลาดอะ วุ่นวายชะมัดวันนี้” ฉันพยักหน้ารับ แล้วเดินไปซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ทันที
“
ไปเร็ว! นมสดตามมา”
กริ๊ง กริ๊งงง กริ๊งงงงง
พอฉันพูดจบก็สั่นกระดิ่งในมือทันที เพื่อเรียกให้เจ้านมสดวิ่งตามรถของฉันมา ฉันเห็นเจ้านมสดหันไปมองที่บ้านของคุณป้าสักพักหนึ่ง แล้วก็หันกลับมามองที่รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเราที่กำลังวิ่งออกมาช้าๆ ก่อนที่เจ้านมสดมันจะออกตัววิ่งตามรถของพวกเรามา
เว็บไซด์ 👇🏻👇🏻👇🏻
ReadAWrite รี้ดอะไร้ต์ 👉🏻
https://www.readawrite.com/a/b6ca1eb7a44f3d831f37294f45d81dda
Dek-D เด็กดี 👉🏻
https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=2255352
Fictionlog ฟิกชั่นล็อก 👉🏻
https://fictionlog.co/b/614c904feda9af001c2f65f0
📌ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะคะ 😘 อ่านแล้วเป็นยังไงมาพูดคุยกันได้นะจ๊ะ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก 👇🏻
https://www.facebook.com/pkm.tongchan 🥰
#มหาภัยพิบัติ7วันล้างโลก
#กัมปนาทต้องจันทร์
#pkmtongchan
มหาภัยพิบัติ 7 วันล้างโลก 📍ตอนที่ ๗ เจ้านมสด📍
“ราตรีวันนี้กินอะไรดี ไปตลาดกัน” ฉันที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงเหนือทีวี ที่บอกเป็นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว
“ในตู้เย็นก็มีกับข้าวอยู่นะ เอามาอุ่นกินก่อนไหม แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกไป”
“ไม่อะ กูว่าไปวันนี้นี่แหละดีแล้ว แล้วพรุ่งนี้ค่อยเอามาอุ่นกินแทนก็ได้ กูเบื่อๆ อยากออกไปข้างนอก” ฉันได้ยินก็พยักหน้ารับไม่ได้ขัดอะไร ลุกขึ้นไปปิดทีวี แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินตามออกไป
ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไป สายตาก็มองผ่านไปที่หน้าต่างบานใหญ่ ข้างตัวบ้าน เห็นมีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีม่วงเข้มเดินผ่านข้างตัวบ้านไป ฉันตกใจ รีบวิ่งตามออกไปดูทันที ว่ามีใครเดินเข้ามาในบริเวณบ้านของฉัน แต่เมื่อวิ่งออกไปถึงด้านนอกข้างตัวบ้านแล้ว กลับไม่เห็นมีใครอยู่เลย ฉันเดินลึกเข้าไปด้านใน ดูจนสุดกำแพง ว่ามีใครอยู่ไหม แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ดี ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ถึงหาไม่พบ ในเมื่อตะกี้นี้ ฉันยังเห็นคนเดินผ่านไปอยู่เลย
โครมมมมม….
“โอ๊ยยยยยย” ฉันได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นลงมาเสียงดังมาก พร้อมกับเสียงร้องของไอ้ตะวัน ที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดังตามมาติดๆ
“ตะวัน!!” ฉันตะโกนเรียกน้องของฉันด้วยความตกใจ แล้วรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านตามเสียงร้องนั้นทันที
เห็นตะวันมันกำลังนอนอยู่ใต้ประตูรั้วเหล็กบานใหญ่ ที่หล่นลงไปทับตัวของมันเอาไว้ แต่ไม่ได้ทับตัวของมันจังๆ เพราะมีรถมอเตอร์ไซค์ที่นอนล้มอยู่ข้างๆ คั่นประตูเอาไว้อยู่พอดี
“เป็นยังไงบ้างวะ!!” ฉันชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นตะวันมันนอนอยู่กับพื้นที่มีช่องว่างของประตูรั้วเหล็ก ที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์นั้นคั่นเอาไว้อยู่
“ก็หนักอะดิ! ถามมาได้ ช่วยกูยกประตูออกหน่อยดิ๊ กูออกไปไม่ได้ ช่องมันแคบเกินไป” เมื่อน้องของฉันพูดจบ ฉันก็รีบเข้าไปช่วยยกประตูรั้วเหล็กนั้นขึ้นมาทันที ทำให้ช่องนั้นกว้างขึ้น จนตะวันที่นอนหงายอยู่นั้น สามารถคลานเอาหลังสีกับพื้นออกมาได้
“ดีนะ! ที่มีรถกั้นเอาไว้อยู่ ไม่งั้นโดนประตูเหล็กทับตายแน่ๆ” ฉันพูดแล้วหันไปมองสำรวจไอ้ตะวันที่คลานออกมา ว่ามันมีแผลตรงไหนไหม แต่ที่เห็นโดยรวมก็ยังไม่เห็นแผลใหญ่อะไร มีแค่แผลที่เป็นรอยถลอก รอยแดง และได้เลือดนิดหน่อยเท่านั้น
“เออดิ! กูเพิ่งเปิดประตูออกมาได้แค่นิดเดียว ก็หลุดลงมาทับกูเลย”
“กูว่าวันนี้เราไม่ต้องออกไปไหนแล้วล่ะ ค่อยออกไปวันหลัง” ฉันพูดไปด้วยและช่วยตะวันมันดันประตูรั้วเหล็กไปด้วย ช่วยกันยกขึ้นมาวางตั้ง แล้วดันให้ตรงร่อง ให้ประตูรั้วเหล็กเข้าล็อกไปเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกน่า กูแค่ถลอกเฉยๆ ก็รีบเข้าไปปิดประตูเถอะ จะได้ออกไปกันสักที” ในเมื่อไอ้ตะวันมันอยากจะไป ฉันก็เลยเดินเข้าไปปิดประตูบ้านแล้วเดินออกมาด้านนอก ล็อกประตูรั้วเหล็ก แต่ตาก็ยังคงมองผ่านช่องว่างของประตูรั้ว มองไปข้างตัวบ้านที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านไป แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็มองไม่เห็นอะไรอยู่ดี นอกจากความว่างเปล่า
ขณะที่ไอ้ตะวันกำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากซอย พวกเราก็เห็นบ้านหลังหนึ่ง ตรงปากทางออกซอย มีรถพยาบาลจอดอยู่คันหนึ่ง ผู้คนมามุงดูกันเต็มไปหมด มีทั้งรถใหญ่รถเล็ก จอดเรียงรายกันเต็มไปหมด จนปิดถนนทางเข้าออกจากซอย ทำให้พวกเราต้องจอดรถมอเตอร์ไซค์ออไว้ตรงนี้ตามคนอื่นเช่นกัน เพราะไม่สามารถออกไปจากตรงนี้ได้
“นั่นคนเขามามุงดูอะไรกันวะ!!” ตะวันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แล้วชะโงกหน้าออกไปมอง
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน อยากรู้ก็เดินเข้าไปดูสิ” เมื่อฉันพูดจบไอ้ตะวันมันก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทันที
“สาระแนจริงๆ น้องกู แต่ก็พอกันกับกูแหละ”
ฉันเดินตามตะวันเข้าไปดูด้วยความสงสัย เห็นหลายคนกำลังยืนออมุงดูกันอยู่หน้าประตูบ้านของป้าคนหนึ่ง ฉันเคยเห็นป้าแกนะ แกชอบออกมาขายข้าวหมกไก่อยู่หน้าบ้านตอนเช้าๆ ทุกวัน แกค่อนข้างจะมีอายุแล้ว น่าจะสักห้าสิบปลายๆ ได้ ถ้าฉันกะไม่ผิด ฉันพยายามชะโงกหัวมองเพ่งเข้าไปด้านใน แต่มองอย่างไร ก็มองไม่เห็นอะไร นอกจากหลังของป้าๆ ลุงๆ ที่ยืนมุงดูกันอยู่ตรงนี้
ขณะที่ฉันกำลังยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั้น อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกใครคนหนึ่งจ้องมอง และขนแขนข้างซ้ายของฉัน ก็ลุกขึ้นมาทั้งแถบ ฉันรู้สึกเหมือนมีไอเย็นบางอย่างมากระทบโดนตัวของฉัน เมื่อหันไปมองทางด้านซ้ายมือตามสัณชาตญาณ ฉันก็เห็นคุณป้าคนนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างบ้าน มีหมาพันธ์ุบางแก้วสีขาวลายจุดสีเทาตัวใหญ่ นอนหมอบกระดิกหางมองคุณป้าเขาอยู่
เมื่อฉันมองไปรอบด้าน ก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจคุณป้าแกเลย ฉันเลยตัดสินใจแยกตัวเดินเข้าไปหาคุณป้า พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นหมาที่กำลังนอนหมอบตัวกระดิกหางอยู่นั้น ส่งเสียงร้องกระซิก คราง หงิงๆ ออกมาเบาๆ อย่างเศร้าสร้อย มันยกหัวหันขึ้นมามองฉันอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็ไม่สนใจ หันกลับไปมองคุณป้าตามเดิม
“ป้าคะ! ป้าคะ! ป้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมถึงไม่เข้าบ้าน แล้วที่บ้านป้ามีอะไรเหรอ ทำไมคนถึงมามุงดูกันเต็มไปหมด” ฉันถามคุณป้าที่กำลังนั่งเหม่อลอย มองหมาตัวนั้นอยู่ เมื่อคุณป้าได้ยินเสียงของฉัน ก็รีบหันกลับมามองที่ฉันทันที
“หนู! หนูเห็นป้าด้วยเหรอ!” คุณป้าพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ ใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้นค่อยๆ แย้มยิ้มออกมา
“เห็นสิคะ ทำไมจะไม่เห็น หนูก็เห็นป้าออกมาขายข้าวหมกไก่ตอนเช้าๆ อยู่บ่อยๆ”
“ใช่ๆ ป้าเอง นั่นแหละป้าเอง” คุณป้าพูดออกมาทั้งน้ำตา
“แล้วนี่ป้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ แล้วที่บ้านป้ามีอะไรเหรอ ทำไมคนถึงมามุงดูกันเต็มไปหมด”
“ป้า…ป้าฝากหนูดูแลเจ้านมสดหน่อยได้ไหมลูก”
“นมสด! หมายถึงเจ้าหมาตัวนี้เหรอคะป้า” ฉันพูดแล้วชี้ไปที่หมาตัวนั้น ที่นอนหมอบหัวลงไปกับพื้น มองไปที่เจ้าของมัน แล้วร้องกระซิก ครางหงิงๆ ออกมา ตาทั้งสองข้างของมันมีน้ำตาไหลเอ่อล้นออกมา
“ใช่ลูก มันชื่อนมสด เป็นหมาตัวเมีย ป้าเป็นห่วงมัน ถ้าป้าไม่อยู่แล้ว กลัวจะไม่มีใครดูแลมัน”
“ป้าจะไปไหนคะ? เอามันไปด้วยสิ หนูว่ามันรักป้ามากๆ เลยนะ” ป้าที่ได้ยินก็ส่งยิ้มกลับมาให้ฉันทั้งน้ำตา
“ป้าก็รักมันมากลูก แต่ป้าคงเอามันไปอยู่ด้วยไม่ได้หรอก ถือว่าเป็นคำขอสุดท้ายของป้าแก่คนนี้ หนูช่วยเอามันไปดูแลหน่อยได้ไหมลูก” คุณป้าพูดและมองมาที่ฉันอย่างคาดหวังในคำตอบ
“หนูว่ามันคงไม่อยากไปอยู่กับหนูหรอกค่ะป้า ป้าเอามันไปด้วยเถอะ หรือไม่งั้นก็เอามันไปให้ลูกหลานป้าเลี้ยงก็ได้นะ หนูว่ามันคงจะคุ้นชินกับพวกเขามากกว่าหนู” ป้าที่ได้ยินก็ส่ายหน้าตอบ
“ป้าไม่มีลูกมีหลานหรอกลูก ถ้าให้คนรู้จักป้าเลี้ยงมัน เขาก็จะเลี้ยงมันแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่สนใจมันหรอกลูกเอ๋ยยยย”
“เออ…แต่หนูว่า”
“ป้ายกให้หนู รับมันไปเถอะนะลูกนะ ป้าเชื่อว่าหนูจะดูแลมันได้อย่างดี”
“แต่ว่ามันอาจจะอยากอยู่กับป้า ไม่ได้อยากอยู่กับหนูก็ได้นะคะ”
“เชื่อป้าไหม เดี๋ยวมันก็จะไปอยู่กับหนู ป้าขออย่างเดียวอย่าทิ้งมันนะลูก จะไปไหนหนูก็เอามันไปด้วยนะลูกนะ ถือว่าสงสารมัน เดี๋ยวป้าจะให้กระดิ่งกับหนูอันหนึ่ง เวลาจะเรียกมัน หรือกล่อมให้มันนอน หนูก็สั่นกระดิ่งนั้นนะลูก มันชอบฟังเสียงกระดิ่งก่อนนอน มันฉลาดมากนะลูก แล้วหนูจะรักมันเหมือนที่ป้ารัก ป้าฝากด้วยนะลูก”
“จะดีเหรอคะป้า คือที่บ้านหนูอยู่กันแค่สองคนพี่น้องเองนะคะ แล้วเจ้านมสดก็โตแล้ว มันอาจจะไม่ชอบหนูก็ได้”
“เชื่อป้าสิ ว่ามันจะชอบหนู ใช่ไหมนมสด แม่ต้องไปแล้วนะลูก เอ็งก็ไปอยู่กับพี่เขา อย่าดื้ออย่าซนเข้าใจไหม เป็นเด็กดี แม่คงทำเพื่อเอ็งได้เพียงเท่านี้” เมื่อคุณป้าพูดจบก็โน้มตัวลงไปลูบที่หัวของเจ้านมสดแล้วก้มลงไปจูบมันทั้งน้ำตา หมาตัวนั้นเหมือนมันจะรู้อะไรบางอย่าง หางของมันลู่ลง และมองไปที่เจ้าของของมันทั้งน้ำตาแล้วร้องออกมาเสียงเศร้าสร้อย
“ป้าหมดห่วงแล้ว ขอบคุณหนูมากนะลูก ที่ช่วยรับเจ้านมสดไปดูแล” คุณป้าพูดจบก็เดินออกไปทันที ป้าเดินตรงผ่านทุกคนที่มามุงดูอยู่เข้าไปในบ้าน
ฉันเดินตามหลังคุณป้า ที่เดินเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น แต่ฉันก็ไม่สามารถเดินเข้าไปด้านใน ได้เหมือนที่คุณป้าเดินเข้าไปได้เลย ได้แต่ชะเง้อมองตามไปที่ประตูบานนั้น ที่คุณป้าเดินเข้าไปด้านในแล้วเท่านั้น
ฉันเห็นรถเข็นที่กำลังเข็นร่างของคนป่วยออกมาจากบ้าน กำลังจะเข็นผ่านหน้าฉันไป ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นคือ คุณป้าที่คุยอยู่กับฉันเมื่อตะกี้นี้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันเห็นมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวนั้นโผล่ออกมา ในมือของคุณป้านั้นมีกระดิ่งอยู่
กริ๊งงงงงง
เมื่อเสียงกระดิ่งดังแว่วขึ้นมา เจ้านมสดก็วิ่งเข้าไปเลียที่มือของคุณป้าทันที มันคาบเอากระดิ่งที่ถูกร้อยด้วยสร้อยสีเงินออกมาจากมือนั้น แล้วเดินตรงเข้ามาหาฉัน มันเอาปากชนที่มือของฉัน แล้วร้องครางหงิงๆ ออกมาอย่างเศร้าสร้อย
‘รับไปสิลูก’ เสียงของคุณป้าดังแว่วเข้ามาในหู ฉันก้มลงไปมองเจ้านมสดอีกครั้ง ก่อนที่จะโน้มมือลงไปรับกระดิ่งที่มันคาบเอาไว้อยู่นั้นขึ้นมา ‘ป้าฝากด้วยนะลูก’ เมื่อเสียงนั้นจบลง ฉันก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านร่างของฉันไป รู้สึกเหมือนใจมันหวิวๆ เหมือนอยากจะร้องไห้
“ราตรี! ราตรี! เหม่ออะไรของเนี่ย เรียกตั้งนาน ได้ยินไหม” ไอ้ตะวันเขย่าตัวของฉันอย่างแรง
“เออๆ ได้ยินแล้ว” ฉันรีบตอบกลับไปทันที
“มัวแต่เหม่ออะไรอยู่วะ ไปได้แล้ว คนเริ่มทยอยกันออกไปหมดแล้ว” ไอ้ตะวันหันมาเรียกฉันอีกครั้ง เมื่อเห็นฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“ปะ ไปกันเถอะนมสด” ฉันหันไปพูดกับเจ้านมสด แล้วรีบเดินตามตะวันออกไปทันที
“โฮ่ง โฮ่งงง” เจ้านมสดขานรับแล้ววิ่งตามฉันออกมาทันที
“เฮ้ยยย นั่นมันหมาใครอะราตรี ทำไมมันถึงวิ่งตามมาวะ” ตะวันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเจ้านมสดมันวิ่งตามฉันมา
“หมากูเองแหละ วิ่งตามกูมา ก็ต้องเป็นหมากูสิ นี่เจ้านมสด นมสดนี่ตะวันน้องของพี่เอง” ฉันพูดแนะนำเจ้านมสดกับไอ้ตะวัน ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้านมสดต่อ
“โฮ่ง โฮ่งงง” เจ้านมสดขานรับเหมือนจะบอกว่าเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
“เป็นไง หมากูฉลาดไหม”
“กูไม่ตลก ไปเอาหมาใครมาราตรี” ตะวันยืนเท้าเอวพูดขึ้น
“เออน่า เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง วันนี้ไม่ต้องไปแล้วนะตลาดอะ กลับไปอุ่นกับข้าวในตู้เย็นกินเถอะ พรุ่งนี้ค่อยออก”
“เออๆ กลับก็ดี กูก็ไม่มีอารมณ์จะไปละตลาดอะ วุ่นวายชะมัดวันนี้” ฉันพยักหน้ารับ แล้วเดินไปซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ทันที
“ไปเร็ว! นมสดตามมา”
กริ๊ง กริ๊งงง กริ๊งงงงง
พอฉันพูดจบก็สั่นกระดิ่งในมือทันที เพื่อเรียกให้เจ้านมสดวิ่งตามรถของฉันมา ฉันเห็นเจ้านมสดหันไปมองที่บ้านของคุณป้าสักพักหนึ่ง แล้วก็หันกลับมามองที่รถมอเตอร์ไซค์ของพวกเราที่กำลังวิ่งออกมาช้าๆ ก่อนที่เจ้านมสดมันจะออกตัววิ่งตามรถของพวกเรามา
เว็บไซด์ 👇🏻👇🏻👇🏻
ReadAWrite รี้ดอะไร้ต์ 👉🏻 https://www.readawrite.com/a/b6ca1eb7a44f3d831f37294f45d81dda
Dek-D เด็กดี 👉🏻 https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=2255352
Fictionlog ฟิกชั่นล็อก 👉🏻 https://fictionlog.co/b/614c904feda9af001c2f65f0
📌ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะคะ 😘 อ่านแล้วเป็นยังไงมาพูดคุยกันได้นะจ๊ะ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก 👇🏻 https://www.facebook.com/pkm.tongchan 🥰