http://ppantip.com/topic/33169108
บทที่ 4
คุณบวรมั่นแวะเข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวคนเล็ก ท่านกระแอมเบาๆ ส่งสัญญาณเตือนคุณพยาบาลแสนสวยให้รับรู้ หล่อนกำลังเพลิดเพลินกับนิตยสารเล่มหนึ่ง นั่งเอนหลังยืดขาตามสบายบนเก้าอี้ยาว
"คุณท่านแวะมาเยี่ยมคุณเช้าหรือคะ คงมีใครไปรายงานแล้วละสิ ปากไวจริงๆ "
"อย่าไปตำหนิพวกเขาเลย"
พยาบาลราศียิ้มขุ่นเล็กน้อยก่อนลุกมาประคองผู้ใหญ่ไปนั่งเก้าอี้หน้าเตียง ท่านแตะมือบุตรสาวอย่างนุ่มนวล ในแววตาก็อาทรนักหนา เหมือนว่าท่านต้องการพูดบางอย่าง แต่คงติดขัดว่าหล่อนอยู่ด้วย
"จะให้ฉันออกไปก่อนไหมคะ ท่าทางเหมือนว่าท่านอยากคุยกับคุณเช้าตามลำพังนะคะ"
"ถ้าไม่ลำบากก็รบกวนด้วยนะ"
"อ้อ ไม่ลำบากเลยค่ะ ดีเลย ฉันขอถือโอกาสนี้ลงไปหาอะไรดื่มสักหน่อย เอ้อ แล้วคุณท่านต้องการเครื่องดื่มไหมคะ"
คุณบวรมั่นส่ายหน้า หากแต่สายตายังคงตรึงวงหน้าขาวซีดของพิมพ์เช้าอย่างแน่วนิ่ง ท่านรอจนได้ยินเสียงประตูปิดลง จึงค่อยลุกไปนั่งชิดสีข้างพลางลูบเรือนผมด้วยความเวทนา
"ลูกพ่อ รู้สึกตัวเสียทีสิ เกือบปีแล้วนะที่ลูกนอนไม่รับรู้อะไรเลยอยู่แบบนี้ พ่อเห็นแล้วก็ปวดใจมาก"
ทว่า พยาบาลราศีไม่ได้ไปไหนเลย หล่อนยืนแอบฟังหลังผนังกั้นที่พรางด้วยผ้าม่านผืนบางซ้อนชั้นกันสามผืนอย่างตั้งใจ ยามได้ยินฝ่ายโน้นพรรณนาความระทม มุมปากก็พลันประดับรอยยิ้มเยาะหยันนิดๆ
"เชอะ พอเจอเข้ากับตัวก็ปวดใจหรือ แล้วตอนเห็นคนอื่นเจอทำไมใจด้านหยาบนักเล่า"
หล่อนงึมงำถากถาง สีหน้าแววตาไร้ความเวทนาประมุขอกระทมแม้แต่น้อยนิด ก็แน่ละสิ หล่อนเป็นสุดที่รักของฤกษ์สุรัตน์นี่ ในเมื่อประมุขสูงวัยท่านนี้ก่อความแค้นไว้กับชายหนุ่ม หล่อนในฐานะคนรักก็ต้องพยาบาทเคียงข้างเขาด้วย
"นายกงเล่าว่าถ้าไม่เพราะนายชมทองวิ่งไปขวางไว้ ลูกคงพุ่งลงสระไปแล้ว โถ ลูกพ่อ สภาพอนาถเหมือนตายไปครึ่งชีวิตเสียขนาดนี้แล้ว ทำไมยังเกิดเรื่องร้ายแบบนี้ขึ้นกับลูกอีก พ่อสงสารลูกเหลือเกิน จะมีทางไหนช่วยลูกของพ่อได้บ้างไหมนี่"
สำหรับมหาเศรษฐีอย่างท่าน หนทางชุบชีวิตพิการก็ต้องเปิดกว้างอยู่แล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ทางออกทุกสายนั้นถูกปิดกั้นหมดแล้ว ฤกษ์สุรัตน์ไม่ยอมให้พิมพ์เช้าหายเป็นปกติหรอก ก็เขาจงใจให้เธอตกอยู่ในสภาพนั้นเพื่อทรมานหัวใจท่านยังไงเล่า
แน่นอนว่าคุณบวรมั่นย่อมนึกไม่ถึงว่าบุตรเขยที่ภายนอกช่างแสนดีอย่างจอมปลอมนั้น ที่แท้ก็คือมัจจุราชในเงามืด กุมชีวิตของพิมพ์เช้าไว้ในมือด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เธอจะอยู่หรือตายก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาประกาศิต และสำหรับเวลานี้ เธอต้องอยู่ไปก่อนด้วยสภาพซากอันน่าสังเวชเช่นนั้นแหละ
"พ่อติดต่อหมอมาโนชได้แล้วนะ พี่นงก็ช่วยเต็มที่ เขาขอสะสางงานทางโน้นให้เรียบร้อยก่อน แล้วเขาจะเดินทางมาดูอาการของลูก อดทนไว้นะเช้า พ่อจะพยายามช่วยให้ลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้"
พยาบาลราศีหลังผนังกั้นเบิกตากว้างขึ้น ตื่นเต้นกับชื่อ 'คุณหมอมาโนช' ที่ประมุขสูงวัยเอ่ยถึง นี่หมายความว่าคุณบวรมั่นกับนงคราญร่วมมือกันเสาะหาหมอฝีมือดีมารักษาพิมพ์เช้าอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมว่าการไปติดต่องานที่เมืองนอกเป็นแค่ข้ออ้างบังหน้า แต่แท้จริงแล้วคือไปติดต่อคุณหมอมาโนชต่างหาก
ไม่ได้การเสียแล้ว หล่อนต้องรีบส่งข่าวให้ฤกษ์สุรัตน์รู้ตัวเพื่อให้เขาไปเร่ง 'คุณหมอธานี' ที่ซื้อตัวมาด้วยราคาแพงลิ่วให้รีบทำหน้าที่ของตัวเองให้คุ้มค่ากับค่าตัวเสียหน่อย
ตกเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง ชมทองก็ได้รับคำสั่งให้เริ่มต้นหน้าที่อย่างจริงจัง เขาช่วยขนสัมภาระจำเป็นของพิมพ์เช้าขึ้นรถตู้สีขาวโดยมีเจือแก้วช่วยอีกคน สีหน้าหล่อนแย่มาก แววตาเศร้า และไม่เจื้อยแจ้วดังเคย
"พี่ชมทอง ฉันฝากดูแลคุณเช้าด้วยนะจ๊ะ" หล่อนแอบมากระซิบก่อนเขาจะขึ้นรถ
"ฝากผมทำไมครับ ทำไมไม่ไปฝากคุณพยาบาลราศีโน่น หน้าที่ดูแลคุณพิมพ์เช้าก็เป็นของเธอโดยตรงอยู่แล้วนี่"
"แหม แล้วเพิ่มตาอีกคู่จะเป็นอะไรไปเล่า จะช่วยไม่ได้เลยหรือ น้ำใจน่ะมีไหม"
เจือแก้วหงุดหงิดด้วยแรงพะวงห่วงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาเจอวาจายอกย้อนแม้จะผ่านสุ้มเสียงสำรวมราบเรียบ แต่ยังไงก็ไม่วายระคายหูอยู่ดี จึงเผลอกระแทกเสียงประชดประชันออกไป
ชมทองก็ตั้งท่าโต้กลับ แต่ฤกษ์สุรัตน์ขับรถมาเทียบเสียก่อน เขาปรายตาแข็งๆ คล้ายขับไล่เจือแก้วกรายๆ หล่อนหมดหน้าที่แล้วก็ควรไปเสียที ฝ่ายโน้นก็ช่างฉลาด อ่านแววตานั้นออกแล้วรีบผละไปเองโดยไม่ต้องรอให้สั่ง
"ฉันจะตามไปดึกหน่อย ฝากนายเป็นธุระให้ด้วย ห้องหับต่างๆ ฉันส่งคนไปจัดไว้ให้หมดแล้ว แค่พาเข้าห้องนอนให้เรียบร้อย มีพยาบาลรออยู่ทางโน้นหนึ่งคนด้วย"
"ครับ"
"เอาละ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปได้ ฉันกับพยาบาลราศีต้องไปคุยเรื่องการรักษาคุณเช้าที่โรงพยาบาลก่อน เสร็จแล้วจะรีบตามไปทันที"
"ครับ"
ชมทองยังคงรับคำสั้นๆ สายตายามกวาดมองไปในรถก็เห็นพยาบาลราศีนั่งเชิดหน้ายโสแปลกๆ ทำราวกับตนเป็นคุณนาย หรือยาหยียาใจเจ้านายหนุ่มยังไงก็ไม่ทราบ เอ.. หรือจะเป็นเพราะฤกษ์สุรัตน์นั่นแหละตามใจให้ท้ายหรือเปล่า หล่อนถึงได้ชอบนักกับวางท่ากร่าง อวดเบ่งใส่คนในบ้านเหมือนไม่เห็นหัว จนบางทีก็เหมือนลืมไปว่าตนก็เป็น 'ลูกจ้าง'
นายกงยืนเยื้องหลังประมุขแห่งคฤหาสน์ยุรวัฒน์อย่างสำรวม ตาเรียวในวัยชรายังเจิดจ้าสวนทางกับสังขารไม่น้อย แกทอดไปได้ไกลลิบและกระทบกับท้ายรถตู้ที่หายลับไปหลังกำแพงรั้ว ตรงนั้นโดนย้อมด้วยสีหม่นๆ ของแสงตะวันจวนพลบ
"ฉันไม่ค่อยไว้ใจคุณหมอธานีคนนั้นเลย จะเก่งจริงอย่างที่นายฤกษ์รับประกันหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"ก็ในระหว่างที่ทางเรารอคุณหมอมาโนชทางโน้น คงไม่มีหนทางอื่นนอกจากลองกับเขาทางนี้"
คุณบวรมั่นถอนใจเฮือกยาวก่อนจะสืบเท้าไปชิดราวหินอ่อนซึ่งอุ่นด้วยแสงบางจากตะวันจวนพลบ ท่านวางมือลงพลางเลื่อนลูบเรื่อยเปื่อย หัวใจร้อนรุ่มด้วยความพะวงห่วง ฤกษ์สุรัตน์พาบุตรสาวห่างหูห่างตาไปไกลเช่นนี้ ท่านยอมรับว่าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
"ทำใจให้สบายเถอะครับคุณท่าน คุณฤกษ์ก็อยู่ทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้ภรรยาตัวเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกครับ"
"ฉันเชื่อเขา แต่ไม่ค่อยไว้ใจพยาบาลราศีคนนั้นเลย เธอดูเหมือนว่า.. "
"เธอไม่ชอบคุณเช้าครับ ผมก็ดูออก ไม่อยากคิดไปในทางร้าย แต่ผมกล้ายื่นคอให้เชือดกันเลยว่าพยาบาลราศีต้องแอบมีใจให้คุณฤกษ์แน่ๆ "
นายกงวิเคราะห์ไปตามสายตาที่เฝ้าจับสังเกตอย่างเงียบๆ ใช่แต่ชมทองที่มาแค่วันสองวันก็แอบฉงนในใจกับพฤติกรรมเย็นชาพิลึกพิลั่นของคุณพยาบาลจอมกร่างหรอก เพราะนายกงน่ะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่หล่อนย่างเข้าห้องโถงกันเลยทีเดียว แค่ว่าในฐานะคนรับใช้คนสนิทของประมุขใหญ่ แกไม่สะดวกจะยื่นปากยื่นเสียงเท่านั้นเอง
ทว่า เวลานี้คุณท่านปรารภความในใจออกมาเองแล้วนี่ แกก็ควรผสมโรงตามที่คิดเสียด้วยเลย แล้วน้ำเสียงของแกก็มั่นอกมั่นใจเหลือหลายว่า 'ไม่ผิดแน่'
"แหม ฟังอย่างนี้แล้วฉันก็ยิ่งเป็นห่วงลูก ถ้ายามปกติก็ไม่น่าห่วงหรอก เช้าไม่ใช่ผู้หญิงเหยาะแหยะอ่อนแอที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้.. "
ประมุขชราไม่พูดต่อ และขอใช้เสียงทอดถอนใจสะท้อนความอัดอั้นตันใจแทนก็แล้วกัน ซึ่งนายกงก็พลอยปั้นหน้าหม่นตามเจ้านายไปด้วย แต่ก็แปลกนะที่จนถึงป่านนี้แล้ว แกก็ยังหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้เลยว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจพ่อหนุ่มยามรูปหล่อคนใหม่นัก ทั้งที่เจ้าตัวก็ค่อนไปทางปากเปราะ ต่อปากต่อคำไม่มีตกฟาก
"อย่าตีตนไปก่อนไข้เลยครับคุณท่าน ผมกำชับนายชมทองไว้แล้ว ถ้ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นก็ให้รีบส่งข่าวรายงานเป็นการด่วน ดึกดื่นก็ไม่ละเว้น ผมคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้น่าจะพอไว้ใจได้ครับ"
"ฮื่อ ฉันก็คิดเหมือนนายกง อย่าถามละว่าดูจากตรงไหน หรือวัดจากอะไร ฉันก็บอกไม่ถูกหรอก"
"ส่วนหนึ่งผมก็เชื่อสายตาแหลมคมของคุณนงครับ เธอมองคนไม่ค่อยพลาด"
"ก็น่าจะจริงนะ วันนั้นฉันได้สบตากับพ่อหนุ่มด้วยแวบหนึ่ง รู้ไหมนายกง จู่ๆ ใจมันก็ชื้นๆ ขึ้นอย่างประหลาดทีเดียว มิน่าเล่าแม่นงของฉันถึงได้ติดอกติดใจนัก รับประกันเสร็จสรรพว่าทั้งหล่อทั้งซื่อ"
ตอนท้ายคุณท่านหัวใจระทมก็หัวเราะแผ่วคล้ายขบขันบุตรสาวคนโตที่ป่านนี้คงกำลังง่วนอยู่กับงานกองโตทางหนึ่ง ติดต่อคุณหมอมาโนชทางหนึ่ง ได้ยินว่า
"ยโสที่สุดค่ะ เป็นคนไทยใจอเมริกันเกินครึ่งดวง"
"ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของเรานะลูก น้อง.. "
"ค่ะ นงก็รู้ ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพาอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของเขาละก็ นงก็ไม่ตามจิกตามง้อให้เหนื่อยหรอก"
"เหนื่อยหน่อยนะนง"
"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณพ่อ นงไม่ได้ทำเพื่อใครนี่คะ นงทำเพื่อเราทุกคนในครอบครัว ขอเพียงทุกคนมีความสุข นงทำมากกว่านี้ก็ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ"
ท่านโชคดีนักมีบุตรสาวสองคนที่แสนกตัญญู คนโตแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจของท่านได้ทุกอย่างและอย่างเก่ง คนน้องแม้จะอ่อนโยนกว่าแต่ก็บริหารจัดการงานทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ ทว่า ในขณะที่คนโตมีแววครองโสดไปจนแก่ตาย คนน้องก็เจอเนื้อคู่วิศวกรหนุ่มรูปงาม ตึกอาคารสวยๆ หลายต่อหลายแห่งคือผลงานรับประกันฝีมือจนท่านเองยังต้องยกนิ้วให้
ไม่น่าเลย ทุกอย่างไปได้สวยแล้วไม่ใช่หรือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณก้าวหน้าอย่างไร้ขีดจำกัดนับแต่รับฤกษ์สุรัตน์เข้ามาเป็นเขยขวัญ ด้วยผลงานชั้นเอกอุของเขานั่นเองที่ดึงดูดนักลงทุนมากมายมาเข้าร่วมโครงการเด่นๆ ของบริษัทหลายต่อหลายโครงการ
จริงอยู่ แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลให้พิมพ์เช้ากลายเป็นสาวพิการไปชั่วข้ามคืนอาจไม่กระทบกับงาน แต่ว่าด้วยหัวใจของบิดาแล้ว ท่านไม่ปลาบปลื้มยินดีกับทรัพย์สมบัติที่งอกเงยขึ้นอย่างรวดเร็วแม้แต่น้อย เพราะตระหนักแล้วว่าเงินทองเพิ่มพูนมหาศาลแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยฉุดพิมพ์เช้ากลับขึ้นมาจากซากพิการตลอดชีวิตได้
เงาอลวน - บทที่ 4 - รักษ์คำ
บทที่ 4
คุณบวรมั่นแวะเข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวคนเล็ก ท่านกระแอมเบาๆ ส่งสัญญาณเตือนคุณพยาบาลแสนสวยให้รับรู้ หล่อนกำลังเพลิดเพลินกับนิตยสารเล่มหนึ่ง นั่งเอนหลังยืดขาตามสบายบนเก้าอี้ยาว
"คุณท่านแวะมาเยี่ยมคุณเช้าหรือคะ คงมีใครไปรายงานแล้วละสิ ปากไวจริงๆ "
"อย่าไปตำหนิพวกเขาเลย"
พยาบาลราศียิ้มขุ่นเล็กน้อยก่อนลุกมาประคองผู้ใหญ่ไปนั่งเก้าอี้หน้าเตียง ท่านแตะมือบุตรสาวอย่างนุ่มนวล ในแววตาก็อาทรนักหนา เหมือนว่าท่านต้องการพูดบางอย่าง แต่คงติดขัดว่าหล่อนอยู่ด้วย
"จะให้ฉันออกไปก่อนไหมคะ ท่าทางเหมือนว่าท่านอยากคุยกับคุณเช้าตามลำพังนะคะ"
"ถ้าไม่ลำบากก็รบกวนด้วยนะ"
"อ้อ ไม่ลำบากเลยค่ะ ดีเลย ฉันขอถือโอกาสนี้ลงไปหาอะไรดื่มสักหน่อย เอ้อ แล้วคุณท่านต้องการเครื่องดื่มไหมคะ"
คุณบวรมั่นส่ายหน้า หากแต่สายตายังคงตรึงวงหน้าขาวซีดของพิมพ์เช้าอย่างแน่วนิ่ง ท่านรอจนได้ยินเสียงประตูปิดลง จึงค่อยลุกไปนั่งชิดสีข้างพลางลูบเรือนผมด้วยความเวทนา
"ลูกพ่อ รู้สึกตัวเสียทีสิ เกือบปีแล้วนะที่ลูกนอนไม่รับรู้อะไรเลยอยู่แบบนี้ พ่อเห็นแล้วก็ปวดใจมาก"
ทว่า พยาบาลราศีไม่ได้ไปไหนเลย หล่อนยืนแอบฟังหลังผนังกั้นที่พรางด้วยผ้าม่านผืนบางซ้อนชั้นกันสามผืนอย่างตั้งใจ ยามได้ยินฝ่ายโน้นพรรณนาความระทม มุมปากก็พลันประดับรอยยิ้มเยาะหยันนิดๆ
"เชอะ พอเจอเข้ากับตัวก็ปวดใจหรือ แล้วตอนเห็นคนอื่นเจอทำไมใจด้านหยาบนักเล่า"
หล่อนงึมงำถากถาง สีหน้าแววตาไร้ความเวทนาประมุขอกระทมแม้แต่น้อยนิด ก็แน่ละสิ หล่อนเป็นสุดที่รักของฤกษ์สุรัตน์นี่ ในเมื่อประมุขสูงวัยท่านนี้ก่อความแค้นไว้กับชายหนุ่ม หล่อนในฐานะคนรักก็ต้องพยาบาทเคียงข้างเขาด้วย
"นายกงเล่าว่าถ้าไม่เพราะนายชมทองวิ่งไปขวางไว้ ลูกคงพุ่งลงสระไปแล้ว โถ ลูกพ่อ สภาพอนาถเหมือนตายไปครึ่งชีวิตเสียขนาดนี้แล้ว ทำไมยังเกิดเรื่องร้ายแบบนี้ขึ้นกับลูกอีก พ่อสงสารลูกเหลือเกิน จะมีทางไหนช่วยลูกของพ่อได้บ้างไหมนี่"
สำหรับมหาเศรษฐีอย่างท่าน หนทางชุบชีวิตพิการก็ต้องเปิดกว้างอยู่แล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ทางออกทุกสายนั้นถูกปิดกั้นหมดแล้ว ฤกษ์สุรัตน์ไม่ยอมให้พิมพ์เช้าหายเป็นปกติหรอก ก็เขาจงใจให้เธอตกอยู่ในสภาพนั้นเพื่อทรมานหัวใจท่านยังไงเล่า
แน่นอนว่าคุณบวรมั่นย่อมนึกไม่ถึงว่าบุตรเขยที่ภายนอกช่างแสนดีอย่างจอมปลอมนั้น ที่แท้ก็คือมัจจุราชในเงามืด กุมชีวิตของพิมพ์เช้าไว้ในมือด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เธอจะอยู่หรือตายก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาประกาศิต และสำหรับเวลานี้ เธอต้องอยู่ไปก่อนด้วยสภาพซากอันน่าสังเวชเช่นนั้นแหละ
"พ่อติดต่อหมอมาโนชได้แล้วนะ พี่นงก็ช่วยเต็มที่ เขาขอสะสางงานทางโน้นให้เรียบร้อยก่อน แล้วเขาจะเดินทางมาดูอาการของลูก อดทนไว้นะเช้า พ่อจะพยายามช่วยให้ลูกกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้"
พยาบาลราศีหลังผนังกั้นเบิกตากว้างขึ้น ตื่นเต้นกับชื่อ 'คุณหมอมาโนช' ที่ประมุขสูงวัยเอ่ยถึง นี่หมายความว่าคุณบวรมั่นกับนงคราญร่วมมือกันเสาะหาหมอฝีมือดีมารักษาพิมพ์เช้าอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไปได้ไหมว่าการไปติดต่องานที่เมืองนอกเป็นแค่ข้ออ้างบังหน้า แต่แท้จริงแล้วคือไปติดต่อคุณหมอมาโนชต่างหาก
ไม่ได้การเสียแล้ว หล่อนต้องรีบส่งข่าวให้ฤกษ์สุรัตน์รู้ตัวเพื่อให้เขาไปเร่ง 'คุณหมอธานี' ที่ซื้อตัวมาด้วยราคาแพงลิ่วให้รีบทำหน้าที่ของตัวเองให้คุ้มค่ากับค่าตัวเสียหน่อย
ตกเย็นของวันเดียวกันนั้นเอง ชมทองก็ได้รับคำสั่งให้เริ่มต้นหน้าที่อย่างจริงจัง เขาช่วยขนสัมภาระจำเป็นของพิมพ์เช้าขึ้นรถตู้สีขาวโดยมีเจือแก้วช่วยอีกคน สีหน้าหล่อนแย่มาก แววตาเศร้า และไม่เจื้อยแจ้วดังเคย
"พี่ชมทอง ฉันฝากดูแลคุณเช้าด้วยนะจ๊ะ" หล่อนแอบมากระซิบก่อนเขาจะขึ้นรถ
"ฝากผมทำไมครับ ทำไมไม่ไปฝากคุณพยาบาลราศีโน่น หน้าที่ดูแลคุณพิมพ์เช้าก็เป็นของเธอโดยตรงอยู่แล้วนี่"
"แหม แล้วเพิ่มตาอีกคู่จะเป็นอะไรไปเล่า จะช่วยไม่ได้เลยหรือ น้ำใจน่ะมีไหม"
เจือแก้วหงุดหงิดด้วยแรงพะวงห่วงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาเจอวาจายอกย้อนแม้จะผ่านสุ้มเสียงสำรวมราบเรียบ แต่ยังไงก็ไม่วายระคายหูอยู่ดี จึงเผลอกระแทกเสียงประชดประชันออกไป
ชมทองก็ตั้งท่าโต้กลับ แต่ฤกษ์สุรัตน์ขับรถมาเทียบเสียก่อน เขาปรายตาแข็งๆ คล้ายขับไล่เจือแก้วกรายๆ หล่อนหมดหน้าที่แล้วก็ควรไปเสียที ฝ่ายโน้นก็ช่างฉลาด อ่านแววตานั้นออกแล้วรีบผละไปเองโดยไม่ต้องรอให้สั่ง
"ฉันจะตามไปดึกหน่อย ฝากนายเป็นธุระให้ด้วย ห้องหับต่างๆ ฉันส่งคนไปจัดไว้ให้หมดแล้ว แค่พาเข้าห้องนอนให้เรียบร้อย มีพยาบาลรออยู่ทางโน้นหนึ่งคนด้วย"
"ครับ"
"เอาละ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ไปได้ ฉันกับพยาบาลราศีต้องไปคุยเรื่องการรักษาคุณเช้าที่โรงพยาบาลก่อน เสร็จแล้วจะรีบตามไปทันที"
"ครับ"
ชมทองยังคงรับคำสั้นๆ สายตายามกวาดมองไปในรถก็เห็นพยาบาลราศีนั่งเชิดหน้ายโสแปลกๆ ทำราวกับตนเป็นคุณนาย หรือยาหยียาใจเจ้านายหนุ่มยังไงก็ไม่ทราบ เอ.. หรือจะเป็นเพราะฤกษ์สุรัตน์นั่นแหละตามใจให้ท้ายหรือเปล่า หล่อนถึงได้ชอบนักกับวางท่ากร่าง อวดเบ่งใส่คนในบ้านเหมือนไม่เห็นหัว จนบางทีก็เหมือนลืมไปว่าตนก็เป็น 'ลูกจ้าง'
นายกงยืนเยื้องหลังประมุขแห่งคฤหาสน์ยุรวัฒน์อย่างสำรวม ตาเรียวในวัยชรายังเจิดจ้าสวนทางกับสังขารไม่น้อย แกทอดไปได้ไกลลิบและกระทบกับท้ายรถตู้ที่หายลับไปหลังกำแพงรั้ว ตรงนั้นโดนย้อมด้วยสีหม่นๆ ของแสงตะวันจวนพลบ
"ฉันไม่ค่อยไว้ใจคุณหมอธานีคนนั้นเลย จะเก่งจริงอย่างที่นายฤกษ์รับประกันหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"ก็ในระหว่างที่ทางเรารอคุณหมอมาโนชทางโน้น คงไม่มีหนทางอื่นนอกจากลองกับเขาทางนี้"
คุณบวรมั่นถอนใจเฮือกยาวก่อนจะสืบเท้าไปชิดราวหินอ่อนซึ่งอุ่นด้วยแสงบางจากตะวันจวนพลบ ท่านวางมือลงพลางเลื่อนลูบเรื่อยเปื่อย หัวใจร้อนรุ่มด้วยความพะวงห่วง ฤกษ์สุรัตน์พาบุตรสาวห่างหูห่างตาไปไกลเช่นนี้ ท่านยอมรับว่าวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
"ทำใจให้สบายเถอะครับคุณท่าน คุณฤกษ์ก็อยู่ทั้งคน เขาไม่ปล่อยให้ภรรยาตัวเป็นอะไรไปง่ายๆ หรอกครับ"
"ฉันเชื่อเขา แต่ไม่ค่อยไว้ใจพยาบาลราศีคนนั้นเลย เธอดูเหมือนว่า.. "
"เธอไม่ชอบคุณเช้าครับ ผมก็ดูออก ไม่อยากคิดไปในทางร้าย แต่ผมกล้ายื่นคอให้เชือดกันเลยว่าพยาบาลราศีต้องแอบมีใจให้คุณฤกษ์แน่ๆ "
นายกงวิเคราะห์ไปตามสายตาที่เฝ้าจับสังเกตอย่างเงียบๆ ใช่แต่ชมทองที่มาแค่วันสองวันก็แอบฉงนในใจกับพฤติกรรมเย็นชาพิลึกพิลั่นของคุณพยาบาลจอมกร่างหรอก เพราะนายกงน่ะสัมผัสได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่หล่อนย่างเข้าห้องโถงกันเลยทีเดียว แค่ว่าในฐานะคนรับใช้คนสนิทของประมุขใหญ่ แกไม่สะดวกจะยื่นปากยื่นเสียงเท่านั้นเอง
ทว่า เวลานี้คุณท่านปรารภความในใจออกมาเองแล้วนี่ แกก็ควรผสมโรงตามที่คิดเสียด้วยเลย แล้วน้ำเสียงของแกก็มั่นอกมั่นใจเหลือหลายว่า 'ไม่ผิดแน่'
"แหม ฟังอย่างนี้แล้วฉันก็ยิ่งเป็นห่วงลูก ถ้ายามปกติก็ไม่น่าห่วงหรอก เช้าไม่ใช่ผู้หญิงเหยาะแหยะอ่อนแอที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้.. "
ประมุขชราไม่พูดต่อ และขอใช้เสียงทอดถอนใจสะท้อนความอัดอั้นตันใจแทนก็แล้วกัน ซึ่งนายกงก็พลอยปั้นหน้าหม่นตามเจ้านายไปด้วย แต่ก็แปลกนะที่จนถึงป่านนี้แล้ว แกก็ยังหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้เลยว่าทำไมถึงเกิดความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจพ่อหนุ่มยามรูปหล่อคนใหม่นัก ทั้งที่เจ้าตัวก็ค่อนไปทางปากเปราะ ต่อปากต่อคำไม่มีตกฟาก
"อย่าตีตนไปก่อนไข้เลยครับคุณท่าน ผมกำชับนายชมทองไว้แล้ว ถ้ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นก็ให้รีบส่งข่าวรายงานเป็นการด่วน ดึกดื่นก็ไม่ละเว้น ผมคิดว่าพ่อหนุ่มคนนี้น่าจะพอไว้ใจได้ครับ"
"ฮื่อ ฉันก็คิดเหมือนนายกง อย่าถามละว่าดูจากตรงไหน หรือวัดจากอะไร ฉันก็บอกไม่ถูกหรอก"
"ส่วนหนึ่งผมก็เชื่อสายตาแหลมคมของคุณนงครับ เธอมองคนไม่ค่อยพลาด"
"ก็น่าจะจริงนะ วันนั้นฉันได้สบตากับพ่อหนุ่มด้วยแวบหนึ่ง รู้ไหมนายกง จู่ๆ ใจมันก็ชื้นๆ ขึ้นอย่างประหลาดทีเดียว มิน่าเล่าแม่นงของฉันถึงได้ติดอกติดใจนัก รับประกันเสร็จสรรพว่าทั้งหล่อทั้งซื่อ"
ตอนท้ายคุณท่านหัวใจระทมก็หัวเราะแผ่วคล้ายขบขันบุตรสาวคนโตที่ป่านนี้คงกำลังง่วนอยู่กับงานกองโตทางหนึ่ง ติดต่อคุณหมอมาโนชทางหนึ่ง ได้ยินว่า
"ยโสที่สุดค่ะ เป็นคนไทยใจอเมริกันเกินครึ่งดวง"
"ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของเรานะลูก น้อง.. "
"ค่ะ นงก็รู้ ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพาอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของเขาละก็ นงก็ไม่ตามจิกตามง้อให้เหนื่อยหรอก"
"เหนื่อยหน่อยนะนง"
"ไม่เหนื่อยหรอกค่ะคุณพ่อ นงไม่ได้ทำเพื่อใครนี่คะ นงทำเพื่อเราทุกคนในครอบครัว ขอเพียงทุกคนมีความสุข นงทำมากกว่านี้ก็ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ"
ท่านโชคดีนักมีบุตรสาวสองคนที่แสนกตัญญู คนโตแข็งแกร่งต่อยอดธุรกิจของท่านได้ทุกอย่างและอย่างเก่ง คนน้องแม้จะอ่อนโยนกว่าแต่ก็บริหารจัดการงานทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ ทว่า ในขณะที่คนโตมีแววครองโสดไปจนแก่ตาย คนน้องก็เจอเนื้อคู่วิศวกรหนุ่มรูปงาม ตึกอาคารสวยๆ หลายต่อหลายแห่งคือผลงานรับประกันฝีมือจนท่านเองยังต้องยกนิ้วให้
ไม่น่าเลย ทุกอย่างไปได้สวยแล้วไม่ใช่หรือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณก้าวหน้าอย่างไร้ขีดจำกัดนับแต่รับฤกษ์สุรัตน์เข้ามาเป็นเขยขวัญ ด้วยผลงานชั้นเอกอุของเขานั่นเองที่ดึงดูดนักลงทุนมากมายมาเข้าร่วมโครงการเด่นๆ ของบริษัทหลายต่อหลายโครงการ
จริงอยู่ แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้วส่งผลให้พิมพ์เช้ากลายเป็นสาวพิการไปชั่วข้ามคืนอาจไม่กระทบกับงาน แต่ว่าด้วยหัวใจของบิดาแล้ว ท่านไม่ปลาบปลื้มยินดีกับทรัพย์สมบัติที่งอกเงยขึ้นอย่างรวดเร็วแม้แต่น้อย เพราะตระหนักแล้วว่าเงินทองเพิ่มพูนมหาศาลแค่ไหนก็ไม่อาจช่วยฉุดพิมพ์เช้ากลับขึ้นมาจากซากพิการตลอดชีวิตได้