http://ppantip.com/topic/33732078
บทที่ 14
อาจเป็นโชคดี โชคเข้าข้าง ฟ้าเป็นใจ หรือไม่ก็ถึงคราววิกฤติ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฤกษ์สุรัตน์ไม่อยากหยุมหยิมเมื่อภรรยาเหยื่อโอดครวญว่าปวดแขนปวดไหล่ อยากให้คุณหมอยามช่วยบีบนวดสักหน่อย
พยาบาลราศีไม่ค่อยเห็นด้วยนัก หล่อนพยายามสบตาทักท้วงอยู่หลายหน และทุกหนเจ้านายหนุ่มคู่ขาก็เห็นนะ แต่เขากลับไม่แยแส แถมยังบัญชานัยๆ ให้ตามออกไป แล้วทิ้งคุณหมอยามอุปโลกน์ไว้กับเหยื่อพิการตายยากเสียอีก
"เขาใจดี" พิมพ์เช้าปรารภส่อเสียด
"ท้องทะเลราบเรียบ" ชมทองก็เปรียบเปรยบ้างพลางลากเก้าอี้มานั่งหน้าเตียง
"สำบัดสำนวนจังนะ ถามจริงๆ เถอะ ตอนสัมภาษณ์น่ะ พี่นงไม่แปร่งหูหรือทักท้วงเอะอะบ้างหรือ ปกติพี่นงไม่ใจเย็นให้ใครต่อปากต่อคำได้หรอกนะ แต่เธอ.. "
"เอ้า ผมฉลาดนี่ รู้ว่าควรทำตัวยังไงกับใครและสถานการณ์ไหน"
พิมพ์เช้าเอียงหน้า เลิกคิ้ว สีหน้าดูไม่ค่อยมีปัญหา แต่แววตาวาวอย่างตั้งใจเอาเรื่องทีเดียว พ่อหนุ่มยามคนนี้ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่ เห็นเธอเป็นเพื่อนเล่นไปแล้วหรือ ถึงได้กล้าเจ้าคารี้สีคารมไม่ตกฟากเลย
"ผมชอบจังเวลาคุณพิมพ์ทำหน้าขึงขังแบบนี้" ชมทองเผยความรู้สึกผ่านรอยยิ้มนุ่ม แล้วค่อยหัวเราะเมื่อคนถูกชมตวัดค้อนกับเบะปากหมั่นไส้ "ท่าทางเหมือนเชื่อสนิทจัง ผมพูดเล่นเอง"
"นายชมทอง ประเดี๋ยวเถอะ" ไม่ละ พิมพ์เช้าผางเผียะเข้าให้แล้วละ แถวๆ ท่อนแขนนั่นแหละ หมั่นไส้เกินทน
"คุณพิมพ์"
ชมทองกลับหุบยิ้มทะเล้นฉับ ท่อนแขนระคายคมขึ้นเหมือนบอกกรายๆ ว่ามือข้างขวาของเธอใกล้จะกลับมาสมบูรณ์เทียบเท่าอีกข้างเต็มที
"ไหนลองหยิกสิครับ" เขายื่นท่อนแขนไปให้ แต่แล้วก็อดทะเล้นไม่ได้อีก จึงเอียงแก้มแทน "ตรงนี้ก็ได้ เนื้อนิ่มกว่า"
"ทะลึ่งเหลือเกินนะ ทะลึ่งเหลือเกิน"
พิมพ์เช้าก็สนองปรารถนาเต็มพลังหมั่นไส้ทีเดียว เธอลากเสียงลอดไรฟันไปด้วย หรี่ตาบิดเนื้อแก้มนิ่มๆ ไปด้วย อย่างแรงเลยนะ ชมทองหัวเราะแตกพร่าแต่หน้านิ่วคล้ายโอดครวญ มือก็ปัดๆ คล้ายทักท้วงว่า 'พอได้แล้ว'
"หยิกขาตัวเองสิครับ ข้างไหนก็ได้"
เขาลุกมาช่วยประคองหลังสิ้นวาจาแนะนำ เธอก็น่ารักนัก ให้ทำอะไรก็ทำหมด ไม่อิดออดหรือยโสว่าเป็นนาย แต่ดูท่าทางแตะๆ มากกว่าบิดแล้ว เขาขอทำเองดีกว่า
"โอ๊ย"
แล้วเมื่อเธอเจ็บ เสียงอุทานก็ห้ามยาก เจ้านายสาวปล่อยออกมาเสียดัง เขาก็ตกใจจึงรีบสกัดด้วยฝ่ามือชื้น จังหวะการทรงตัวไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นใจให้หนุ่มสาวได้ประชิดแนบเนื้อ พิมพ์เช้าซวนจวนล้มหงาย ชมทองก็ไม่คิดมากขณะรวบเอวแล้วตระกองกอดไว้อย่างปกป้อง เรื่องใจก็ไม่ต้องถามนะ ระทึกระรัวพอกันทั้งสองดวงนั่นเลย
อ้อ ไม่ใช่สองดวงสิ อีกดวงของพยาบาลแจ้วที่บังเอิญแง้มประตูแล้วเดินเบาๆ เข้ามาเห็นภาพถึงเนื้อถึงตัวในบ่วงกอดกันแบบจะจะก็พลอยตุ๊มต่อมพานถอยหลังกลับหุบประตูหนีกันแทบไม่ทัน หล่อนห่อปากตาโต ตบอกเสียงดังตึกๆ แล้วรีบสาวเท้ายาวๆ ผละไปโดยเร็ว พลางก็คิดรนๆ ใหญ่ว่า 'ตายแล้ว จะให้รายงานฤกษ์สุรัตน์ที่สั่งให้เข้ามาดูยังไงดี'
ขณะที่พยาบาลใจเต้นตึกๆ ข้างนอกกำลังกลุ้มกับการหาคำตอบอยู่บนทางเดิน พ่อคุณหมออุปโลกน์กับเจ้านายสาวพิการกลับตกอยู่ในห้วงหวาม อ้อมกอดก็ลืมคลาย ตาสองคู่ประสานกันนิ่งนานแล้วก็ลืมเลื่อน ลมหายใจก็เป่ารดใส่กันจนทั่วหน้าอุ่นแล้วอุ่นอีก อ้อ นี่แน่ะ ตรงนี้สำคัญ เหมือนมีแรงดึงดูดประหลาดที่ทรงพลังมากกำลังลากปากสองฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ช้าๆ แต่ไม่สะดุด อุ๊ย อีกนิดแล้วนะ จวนจะ 'ชนแล้วละ'
ยังไงก็ไม่ชน เพราะพลังเจียมตนของชมทองมหาศาลไปหน่อย เขารู้สึกตัวก่อน ใจสั่นมือสั่นขณะผงะถอย แต่ก็ไม่ถึงกับปล่อยตัวเจ้านายสาวแบบหมดมือ เขากลืนน้ำลายว้าวุ่นขณะประคองเธอนอนลง ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ และตัวเธอเองก็อักอ่วนไม่น้อย จึงเอ่ยอนุญาตให้เขากลับออกมา
"นวดกันเสร็จแล้วหรือ"
ฝีเท้าสะดุดกันเองอีกเมื่อได้ยินเสียงของคุณพยาบาลจรรยาบรรณต่ำดังแทรกเข้ามาป่วนภวังค์สับสน ชมทองเม้มปากข่มความขุ่นในทรวง ตัวก็ซวนเล็กน้อย ตอนเจ้าของเสียงเดินกอดอกมาปั้นหน้าคลางแคลงแกมค้นหา
"คุณเช้าอ่อนเพลียน่ะครับ นวดไปได้นิดหน่อยก็บ่นว่าเหนื่อยๆ ผมก็เลย.. "
"เหนื่อยอะไร วันๆ ก็ไม่ต้องทำอะไรงกๆ เหมือนชาวบ้านเขาสักอย่าง"
"ไม่ทำก็เหนื่อยได้ครับ หรือคุณพยาบาลราศีจะลองพิการดูสักทีไหมละ"
"เอ๊ะ นายชมทอง จะมากไปแล้วนะ"
โดนยอกย้อนอ่อนหวานเข้า ทรวงก็เดือดปุดๆ ขึ้นมาเลย น้ำเสียงดูแคลนคนไข้ก็พลอยเปลี่ยนเป็นกระชากแหวอย่างลืมตัว หน้าสวยก็หงิกงอเสียจนจวักอาย
"ลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ลืมไปแล้วหรือไงว่าตำแหน่งหน้าที่ตัวก็แค่ยามเฝ้าบ้านภูไหม โดนยกย่องเป็นหมอเทียมๆ เข้าหน่อย กำเริบยอกย้อนกระทั่งฉันเชียวหรือ"
"ผมเปล่า" ชมทองพยายามอธิบายเสียงอ่อนหวานไปเรื่อย "ก็แค่อยากบอกว่าคนพิการน่ะเขาไม่ต้องทำอะไรงกๆ เหมือนชาวบ้านเขาก็จริง แต่เพราะไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนี่แหละที่ทำให้เหนื่อย ไม่ใช่ที่กาย ตรงนี้" เขาจิ้มอกประกอบ
"เรายังไม่เสร็จคดีหรอก" เถียงเรื่องนี้ไม่ขึ้น คุณพยาบาลจอมหาเรื่องก็แถไปอีกเรื่อง "ฉันเห็นกับตาว่าเธอไปโผล่ในหมู่บ้าน.. "
"เอาอีกแล้ว" ชมทองรีบขัด "จะกล่าวหาอะไรผมนักหนา อย่างผมจะลงไปเตร็ดเตร่ได้ยังไงครับ หลักฐานรูปถ่ายพวกนั้นก็เห็นไม่ค่อยชัดนักไม่ใช่หรือ แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าสมัยนี้คนหน้าเหมือนมันเยอะ"
"ผู้ร้ายปากแข็ง"
"นี่เจาะจงเลยใช่ไหม จะให้ผมยอมรับเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้าใช่หรือเปล่า อ้อ.. " หนุ่มยามรูปหล่อลากเสียงยาวทะเล้นๆ ทำตาโตๆ ด้วย ลีลาเขาเยอะเมื่อตั้งใจตอกหน้าอีกฝ่ายให้หงายเงิบ "จริงสิ คุณพยาบาลราศีก็ยังไม่ได้ตอบผมเหมือนกันนั่นแหละว่าไปทำอะไรที่นั่น ไปหาใคร"
"ฉัน.. " ตาวาวไปก็เท่านั้นแหละในเมื่อกิริยาอึกอักแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ถือว่ายกนี้แพ้ไปแล้ว ยกเว้นว่าอยากแถ "ทำไมล่ะ ก็ฉันมีเพื่อนเยอะแยะ" ใช่ แล้วคุณพยาบาลจอมเจ้าเล่ห์ก็แถจริงๆ "ฉันจะแวะไปเยี่ยมเยียนบ้างก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือฉันเห็นเธอที่นั่น นี่" ทิ้งเสียงหนักแล้วขยับเข้าไปจิ้มอกใหญ่อย่างหมั่นไส้ "แล้วไม่ต้องมาทำฉลาดหันเหประเด็นเสียให้ยากเลย คอยดูเถอะ ฉันเชื่อว่าฉันเห็นจริง เธอปากแข็งไปได้อีกไม่นานแน่นายชมทอง"
"คุณฤกษ์กวักมือเรียกผมอยู่ หลีกทางให้ผมได้หรือยัง"
พยาบาลหน้าสวยเหลียวกลับไปดูข้างหลัง ฤกษ์สุรัตน์พยักพเยิดเป็นเชิงไล่ให้หล่อนไปดูแลภรรยาง่อย หล่อนนิ่วหน้าตาขุ่นใส่แวบหนึ่งก่อนจะเหลียวกลับมาเชิดเย่อหยิ่งใส่ผู้ร้ายปากแข็ง หน้าก็นิ่งน่าตบ แล้วตัดบทอย่างไม่เต็มใจนักว่า
"ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ เธอคอยดูไปเถอะนายชมทอง"
หล่อนสะบัดหน้าไปแล้ว ทิ้งความมุ่งมั่นไว้ขู่ใจของพ่อหนุ่มยามให้ระทึกเล่น แววตาวาวดุเอาจริงเชียวละ ชะล่าใจไม่ได้เลย เฮ้อ แต่ละคนเสือสิงห์กระทิงแรดกันจริงๆ ชมทองถอนใจแผ่วพลางก็นึกเวทนาเจ้านายสาวจับใจ เธอเหมือนสาวน้อยท่ามกลางวงล้อมของฝูงอสรพิษ เขาเองก็ไม่ใช่พระเอกเสียด้วย ใจอยากช่วยเต็มร้อย แต่กำลังและฝีมือน่ะหรือ 'ครึ่งร้อยก็ไม่ถึง'
เจ้านายหนุ่มรูปหล่อใจเลวกำชับเสียงเข้มว่าให้เขาแบกภาระสองหน้าที่ให้ดีที่สุดตลอดสิบวันที่ตนไม่อยู่ นายแสและคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกตัวมารับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงด้วยเช่นกัน
"มีปัญหาด่วนอะไรก็บอกพยาบาลราศี การตัดสินใจของเธอก็เหมือนฉันตัดสินใจเอง หวังว่าทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจทำงานให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือดูแลคุณเช้าอย่าให้คลาดสายตา ฉันเป็นห่วงภรรยาของฉันมาก"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณฤกษ์ เราทุกคนที่นี่จะช่วยกันดูแลคุณเช้าเป็นอย่างดี ไปทำงานได้อย่างสบายใจครับ" นายแสในฐานะอาวุโสที่สุดก็เป็นตัวแทนส่งเสียงรับสนองบัญชาห่วงหาจอมปลอมเอง
"อ้อ แต่คราวนี้ธุระนานจังเลยนะคะ ตั้งสิบวัน ปกติคุณฤกษ์ไม่ค่อยหายไปทีละหลายวันอย่างนี้เลย คุณเช้าคงคิดถึงแย่เลย เธอชอบบ่นคิดถึงคุณฤกษ์ให้ป้าฟังบ่อยออกค่ะ"
"บ่อยหรือ จริงหรือ คุณเช้าเพิ่งจะเอะอะได้ไม่นานเลยนี่" ฤกษ์สุรัตน์เลิกคิ้วพลางย้อนถามคล้ายไม่อยากเชื่อที่แม่บ้านน้อยโอดครวญแทนเจ้าตัวนัก
"อุ๊ย ก็เพิ่งไม่นานนี่แหละค่ะ ป้าว่าคุณเช้าเธอรักคุณฤกษ์มากเลยนะคะ หายใจเข้าหายใจออกเป็นสามีแทบจะทุกลมหายใจ บ่นแต่ว่าเสียใจๆ "
"เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่ประสบอุบัติเหตุจนพิการทำให้การแต่งงานต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดน่ะสิคะ เธอบอกว่าเกรงใจคุณฤกษ์น่ะค่ะ โถ น่าสงสารเธอนะคะ"
"ผมก็สงสาร ถึงได้ไม่นิ่งนอนใจ ควานหาหมอเก่งๆ มารักษาเธอให้หายอยู่นี่ไง"
ชมทองรีบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเยาะที่ตนฝืนไว้ไม่ไหว เขาอนาถใจแทนเจ้านายสาวนัก ถ้าทุกถ้อยที่ได้ยินผ่านเสียงทุ้มนุ่มนั้นคือความรู้สึกผูกพันแท้จริงก็คงดีไม่น้อย แต่ความจริงก็คือพิมพ์เช้าต้องมากลายเป็นสาวพิการผู้น่าสงสารก็เพราะความรู้สึกทั้งปวงนั้นมัน 'จอมปลอม'
"เอาละ ฉันคงต้องไปแล้ว ป่านนี้ลูกค้าที่นัดกันไว้คงบ่นอุบแล้วละที่ฉันผิดเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว นึกแล้วก็เคืองพยาบาลราศีไม่หาย โทรเร่งยิกๆ ให้ฉันกลับมาตัดสินความบ้าบออะไรก็ไม่ทราบ ไร้สาระชะมัด"
น้ำเสียงระแวงเต็มพิกัดแบบนั้นน่ะใช้ลวงหูคนอื่นได้ แต่กับเขาคงยากหน่อย แววตาที่เหลือบมาแลเขาแวบหนึ่งก็เช่นกัน คลางแคลงไม่เหลือพื้นที่เชื่อไว้สักครึ่งนิ้วเลยเชียว
เฮ้อ ทำไมหนุ่มหล่อระเบิดอย่างฤกษ์สุรัตน์ต้องอ่อนแอให้ความแค้นครอบงำจนสิ้นจิตสำนึกดีชั่วได้ถึงขนาดนี้หนอ บนเส้นทางเลวที่เจ้าตัวเดินอยู่ ร้อนเร่าไปด้วยเปลวไฟพยาบาทตลอดทั้งสาย แล้วจะรู้บ้างไหมว่า ณ ปลายทางของมันมีอะไรรออยู่ ถ้าไม่ใช่ 'เหวนรก'
แต่ก็ดีแล้ว เขาจะฉวยเวลาสิบวันนี้ไว้เป็นโอกาสทอง กับพยาบาลราศีเขารับมือได้อยู่แล้ว ต่อให้ต้องเสี่ยงถูกจับตามอง หรือฝ่ายโน้นระมัดระวังตัวเรื่องปากท้องมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม ทว่า เชื่อเถอะ คนคอยจ้องลงมือยังไงก็ได้เปรียบกว่า เอ.. แต่ข่าวดีๆ แบบนี้ ไม่แน่ใจว่าฤกษ์สุรัตน์จะป่าวประกาศสู่เจ้านายสาวแล้วหรือยัง
"เอาละ แยกย้ายไปทำงาน ส่วนนายก็อยู่คุยกับฉันก่อน"
ภวังค์ระเบิดตูมเลยกับคำสั่งตัดบทขรึมๆ ชมทองกระแอมเบาๆ พลางเลียปากที่แห้งปุบปับ คนอื่นสลายตัวไปหมดแล้ว เหลือก็แต่เขาที่ยืนห่างไปสามก้าว ประสานมือสำรวม ก้มหน้าดั่งว่านอบน้อม
"เอาเป็นว่าฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่อยากให้ถือสาพยาบาลราศี ภาระเธอเยอะ เธอค่อนข้างเครียดสักหน่อย"
"หมายความว่าคุณฤกษ์เชื่อผมใช่ไหมครับ" ชมทองเงยหน้าขึ้นถาม "ผมไม่ได้ลงไป.. "
"คิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกันนะ ฉันมีงานใหญ่กว่า สำคัญกว่า ให้ต้องปวดหัว ไม่อยากหยุมหยิมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยังไงก็ดูแลคุณเช้าให้ดีๆ ให้สมกับที่เธอไว้ใจยกย่องให้เป็นคุณหมอข้างตัว"
ชมทองก้มหน้าลงอีก ไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าตนฟังเสียง-ดันนั้นออก อ้อ ดูสิ ทำใจกว้างเดินมาตบบ่าเหมือนอยากให้กำลังใจเขาเสียด้วย ถ้าไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังละก็ เขาคงต้องซาบซึ้งใจหมดทรวงเป็นแน่
"อีกอย่างนะนายชมทอง ฉันขอย้ำว่าฉันรักคุณเช้า และเป็นห่วงเธอมาก จำไว้ให้ขึ้นใจเชียว ถ้าเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลจะดีร้ายแค่ไหน เช้าสายบ่ายค่ำหรือดึกดื่น นายต้องโทรรายงานฉันทันที เข้าใจไหม"
"คงไม่มีอะไรหรอกครับ"
"ครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดง่ายๆ แบบที่นายคิดนี่แหละ"
"แล้ว.. "
"แล้วฉันก็มีวันนี้ไง"
บ่าร้อนจัดขึ้นเมื่อเจ้านายหนุ่มบีบแรงขึ้นอีกนิด ตามด้วยตบหนักๆ ซ้ำลงอีกสองสามทีก่อนจะยิ้มเย็นแปลกๆ ตาหรี่ลึกคล้ายเย้ยหยัน จากนั้นก็ยักไหล่ทิ้งท้ายแล้วก้าวผละไป ชมทองเม้มปากกังขา เขาหรี่ตาบ้างขณะมองตามทุกฝีก้าวเนิบๆ นั้นไปจนถึงรถ แล้วไม่ถึงอึดใจ เจ้าตัวก็ขับออกไป
ตอนแรกก็สันหลังเย็นๆ และพยายามปลอบใจตัวเองว่าอาจระแวงมากเกินไป คนเลวก็มักจะมีวิธีพูดหรือแสดงกิริยาประหลาดๆ เพื่อรวนสมาธิให้แกว่งได้เสมอ แต่ครั้นพอหมุนตัวกลับแล้วพบว่าพยาบาลราศียืนกอดอกพิงเสาระเบียง ท่าทางก็เหมือนว่าตรึงอิริยาบถนั้นอยู่สักพักแล้ว อาจเห็นตั้งแต่แรกที่เขากับฤกษ์สุรัตน์เจรจากันกระทั่งฝ่ายโน้นผละไป
อะไรก็ช่างเถอะ แม้เขาจะทำทีว่าเหลือบไปเห็นเพียงแวบเดียวแล้วรีบหมุนตัวหันหลังให้ดั่งว่าไม่ใส่ใจก็ตามที ทว่า ก็เพียงแวบเดียวนั่นแหละที่เขาเห็นว่ารอยยิ้มที่หล่อนผุดขึ้นเยาะๆ นั้น ดูยังไงก็ 'ไม่เข้าที'
เงาอลวน - บทที่ 14 - รักษ์คำ
บทที่ 14
อาจเป็นโชคดี โชคเข้าข้าง ฟ้าเป็นใจ หรือไม่ก็ถึงคราววิกฤติ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฤกษ์สุรัตน์ไม่อยากหยุมหยิมเมื่อภรรยาเหยื่อโอดครวญว่าปวดแขนปวดไหล่ อยากให้คุณหมอยามช่วยบีบนวดสักหน่อย
พยาบาลราศีไม่ค่อยเห็นด้วยนัก หล่อนพยายามสบตาทักท้วงอยู่หลายหน และทุกหนเจ้านายหนุ่มคู่ขาก็เห็นนะ แต่เขากลับไม่แยแส แถมยังบัญชานัยๆ ให้ตามออกไป แล้วทิ้งคุณหมอยามอุปโลกน์ไว้กับเหยื่อพิการตายยากเสียอีก
"เขาใจดี" พิมพ์เช้าปรารภส่อเสียด
"ท้องทะเลราบเรียบ" ชมทองก็เปรียบเปรยบ้างพลางลากเก้าอี้มานั่งหน้าเตียง
"สำบัดสำนวนจังนะ ถามจริงๆ เถอะ ตอนสัมภาษณ์น่ะ พี่นงไม่แปร่งหูหรือทักท้วงเอะอะบ้างหรือ ปกติพี่นงไม่ใจเย็นให้ใครต่อปากต่อคำได้หรอกนะ แต่เธอ.. "
"เอ้า ผมฉลาดนี่ รู้ว่าควรทำตัวยังไงกับใครและสถานการณ์ไหน"
พิมพ์เช้าเอียงหน้า เลิกคิ้ว สีหน้าดูไม่ค่อยมีปัญหา แต่แววตาวาวอย่างตั้งใจเอาเรื่องทีเดียว พ่อหนุ่มยามคนนี้ชักจะเลอะเทอะไปกันใหญ่ เห็นเธอเป็นเพื่อนเล่นไปแล้วหรือ ถึงได้กล้าเจ้าคารี้สีคารมไม่ตกฟากเลย
"ผมชอบจังเวลาคุณพิมพ์ทำหน้าขึงขังแบบนี้" ชมทองเผยความรู้สึกผ่านรอยยิ้มนุ่ม แล้วค่อยหัวเราะเมื่อคนถูกชมตวัดค้อนกับเบะปากหมั่นไส้ "ท่าทางเหมือนเชื่อสนิทจัง ผมพูดเล่นเอง"
"นายชมทอง ประเดี๋ยวเถอะ" ไม่ละ พิมพ์เช้าผางเผียะเข้าให้แล้วละ แถวๆ ท่อนแขนนั่นแหละ หมั่นไส้เกินทน
"คุณพิมพ์"
ชมทองกลับหุบยิ้มทะเล้นฉับ ท่อนแขนระคายคมขึ้นเหมือนบอกกรายๆ ว่ามือข้างขวาของเธอใกล้จะกลับมาสมบูรณ์เทียบเท่าอีกข้างเต็มที
"ไหนลองหยิกสิครับ" เขายื่นท่อนแขนไปให้ แต่แล้วก็อดทะเล้นไม่ได้อีก จึงเอียงแก้มแทน "ตรงนี้ก็ได้ เนื้อนิ่มกว่า"
"ทะลึ่งเหลือเกินนะ ทะลึ่งเหลือเกิน"
พิมพ์เช้าก็สนองปรารถนาเต็มพลังหมั่นไส้ทีเดียว เธอลากเสียงลอดไรฟันไปด้วย หรี่ตาบิดเนื้อแก้มนิ่มๆ ไปด้วย อย่างแรงเลยนะ ชมทองหัวเราะแตกพร่าแต่หน้านิ่วคล้ายโอดครวญ มือก็ปัดๆ คล้ายทักท้วงว่า 'พอได้แล้ว'
"หยิกขาตัวเองสิครับ ข้างไหนก็ได้"
เขาลุกมาช่วยประคองหลังสิ้นวาจาแนะนำ เธอก็น่ารักนัก ให้ทำอะไรก็ทำหมด ไม่อิดออดหรือยโสว่าเป็นนาย แต่ดูท่าทางแตะๆ มากกว่าบิดแล้ว เขาขอทำเองดีกว่า
"โอ๊ย"
แล้วเมื่อเธอเจ็บ เสียงอุทานก็ห้ามยาก เจ้านายสาวปล่อยออกมาเสียดัง เขาก็ตกใจจึงรีบสกัดด้วยฝ่ามือชื้น จังหวะการทรงตัวไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นใจให้หนุ่มสาวได้ประชิดแนบเนื้อ พิมพ์เช้าซวนจวนล้มหงาย ชมทองก็ไม่คิดมากขณะรวบเอวแล้วตระกองกอดไว้อย่างปกป้อง เรื่องใจก็ไม่ต้องถามนะ ระทึกระรัวพอกันทั้งสองดวงนั่นเลย
อ้อ ไม่ใช่สองดวงสิ อีกดวงของพยาบาลแจ้วที่บังเอิญแง้มประตูแล้วเดินเบาๆ เข้ามาเห็นภาพถึงเนื้อถึงตัวในบ่วงกอดกันแบบจะจะก็พลอยตุ๊มต่อมพานถอยหลังกลับหุบประตูหนีกันแทบไม่ทัน หล่อนห่อปากตาโต ตบอกเสียงดังตึกๆ แล้วรีบสาวเท้ายาวๆ ผละไปโดยเร็ว พลางก็คิดรนๆ ใหญ่ว่า 'ตายแล้ว จะให้รายงานฤกษ์สุรัตน์ที่สั่งให้เข้ามาดูยังไงดี'
ขณะที่พยาบาลใจเต้นตึกๆ ข้างนอกกำลังกลุ้มกับการหาคำตอบอยู่บนทางเดิน พ่อคุณหมออุปโลกน์กับเจ้านายสาวพิการกลับตกอยู่ในห้วงหวาม อ้อมกอดก็ลืมคลาย ตาสองคู่ประสานกันนิ่งนานแล้วก็ลืมเลื่อน ลมหายใจก็เป่ารดใส่กันจนทั่วหน้าอุ่นแล้วอุ่นอีก อ้อ นี่แน่ะ ตรงนี้สำคัญ เหมือนมีแรงดึงดูดประหลาดที่ทรงพลังมากกำลังลากปากสองฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ช้าๆ แต่ไม่สะดุด อุ๊ย อีกนิดแล้วนะ จวนจะ 'ชนแล้วละ'
ยังไงก็ไม่ชน เพราะพลังเจียมตนของชมทองมหาศาลไปหน่อย เขารู้สึกตัวก่อน ใจสั่นมือสั่นขณะผงะถอย แต่ก็ไม่ถึงกับปล่อยตัวเจ้านายสาวแบบหมดมือ เขากลืนน้ำลายว้าวุ่นขณะประคองเธอนอนลง ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ และตัวเธอเองก็อักอ่วนไม่น้อย จึงเอ่ยอนุญาตให้เขากลับออกมา
"นวดกันเสร็จแล้วหรือ"
ฝีเท้าสะดุดกันเองอีกเมื่อได้ยินเสียงของคุณพยาบาลจรรยาบรรณต่ำดังแทรกเข้ามาป่วนภวังค์สับสน ชมทองเม้มปากข่มความขุ่นในทรวง ตัวก็ซวนเล็กน้อย ตอนเจ้าของเสียงเดินกอดอกมาปั้นหน้าคลางแคลงแกมค้นหา
"คุณเช้าอ่อนเพลียน่ะครับ นวดไปได้นิดหน่อยก็บ่นว่าเหนื่อยๆ ผมก็เลย.. "
"เหนื่อยอะไร วันๆ ก็ไม่ต้องทำอะไรงกๆ เหมือนชาวบ้านเขาสักอย่าง"
"ไม่ทำก็เหนื่อยได้ครับ หรือคุณพยาบาลราศีจะลองพิการดูสักทีไหมละ"
"เอ๊ะ นายชมทอง จะมากไปแล้วนะ"
โดนยอกย้อนอ่อนหวานเข้า ทรวงก็เดือดปุดๆ ขึ้นมาเลย น้ำเสียงดูแคลนคนไข้ก็พลอยเปลี่ยนเป็นกระชากแหวอย่างลืมตัว หน้าสวยก็หงิกงอเสียจนจวักอาย
"ลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ลืมไปแล้วหรือไงว่าตำแหน่งหน้าที่ตัวก็แค่ยามเฝ้าบ้านภูไหม โดนยกย่องเป็นหมอเทียมๆ เข้าหน่อย กำเริบยอกย้อนกระทั่งฉันเชียวหรือ"
"ผมเปล่า" ชมทองพยายามอธิบายเสียงอ่อนหวานไปเรื่อย "ก็แค่อยากบอกว่าคนพิการน่ะเขาไม่ต้องทำอะไรงกๆ เหมือนชาวบ้านเขาก็จริง แต่เพราะไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างนี่แหละที่ทำให้เหนื่อย ไม่ใช่ที่กาย ตรงนี้" เขาจิ้มอกประกอบ
"เรายังไม่เสร็จคดีหรอก" เถียงเรื่องนี้ไม่ขึ้น คุณพยาบาลจอมหาเรื่องก็แถไปอีกเรื่อง "ฉันเห็นกับตาว่าเธอไปโผล่ในหมู่บ้าน.. "
"เอาอีกแล้ว" ชมทองรีบขัด "จะกล่าวหาอะไรผมนักหนา อย่างผมจะลงไปเตร็ดเตร่ได้ยังไงครับ หลักฐานรูปถ่ายพวกนั้นก็เห็นไม่ค่อยชัดนักไม่ใช่หรือ แล้วผมก็บอกไปแล้วว่าสมัยนี้คนหน้าเหมือนมันเยอะ"
"ผู้ร้ายปากแข็ง"
"นี่เจาะจงเลยใช่ไหม จะให้ผมยอมรับเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้าใช่หรือเปล่า อ้อ.. " หนุ่มยามรูปหล่อลากเสียงยาวทะเล้นๆ ทำตาโตๆ ด้วย ลีลาเขาเยอะเมื่อตั้งใจตอกหน้าอีกฝ่ายให้หงายเงิบ "จริงสิ คุณพยาบาลราศีก็ยังไม่ได้ตอบผมเหมือนกันนั่นแหละว่าไปทำอะไรที่นั่น ไปหาใคร"
"ฉัน.. " ตาวาวไปก็เท่านั้นแหละในเมื่อกิริยาอึกอักแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ถือว่ายกนี้แพ้ไปแล้ว ยกเว้นว่าอยากแถ "ทำไมล่ะ ก็ฉันมีเพื่อนเยอะแยะ" ใช่ แล้วคุณพยาบาลจอมเจ้าเล่ห์ก็แถจริงๆ "ฉันจะแวะไปเยี่ยมเยียนบ้างก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือฉันเห็นเธอที่นั่น นี่" ทิ้งเสียงหนักแล้วขยับเข้าไปจิ้มอกใหญ่อย่างหมั่นไส้ "แล้วไม่ต้องมาทำฉลาดหันเหประเด็นเสียให้ยากเลย คอยดูเถอะ ฉันเชื่อว่าฉันเห็นจริง เธอปากแข็งไปได้อีกไม่นานแน่นายชมทอง"
"คุณฤกษ์กวักมือเรียกผมอยู่ หลีกทางให้ผมได้หรือยัง"
พยาบาลหน้าสวยเหลียวกลับไปดูข้างหลัง ฤกษ์สุรัตน์พยักพเยิดเป็นเชิงไล่ให้หล่อนไปดูแลภรรยาง่อย หล่อนนิ่วหน้าตาขุ่นใส่แวบหนึ่งก่อนจะเหลียวกลับมาเชิดเย่อหยิ่งใส่ผู้ร้ายปากแข็ง หน้าก็นิ่งน่าตบ แล้วตัดบทอย่างไม่เต็มใจนักว่า
"ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ เธอคอยดูไปเถอะนายชมทอง"
หล่อนสะบัดหน้าไปแล้ว ทิ้งความมุ่งมั่นไว้ขู่ใจของพ่อหนุ่มยามให้ระทึกเล่น แววตาวาวดุเอาจริงเชียวละ ชะล่าใจไม่ได้เลย เฮ้อ แต่ละคนเสือสิงห์กระทิงแรดกันจริงๆ ชมทองถอนใจแผ่วพลางก็นึกเวทนาเจ้านายสาวจับใจ เธอเหมือนสาวน้อยท่ามกลางวงล้อมของฝูงอสรพิษ เขาเองก็ไม่ใช่พระเอกเสียด้วย ใจอยากช่วยเต็มร้อย แต่กำลังและฝีมือน่ะหรือ 'ครึ่งร้อยก็ไม่ถึง'
เจ้านายหนุ่มรูปหล่อใจเลวกำชับเสียงเข้มว่าให้เขาแบกภาระสองหน้าที่ให้ดีที่สุดตลอดสิบวันที่ตนไม่อยู่ นายแสและคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกตัวมารับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงด้วยเช่นกัน
"มีปัญหาด่วนอะไรก็บอกพยาบาลราศี การตัดสินใจของเธอก็เหมือนฉันตัดสินใจเอง หวังว่าทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจทำงานให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญคือดูแลคุณเช้าอย่าให้คลาดสายตา ฉันเป็นห่วงภรรยาของฉันมาก"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณฤกษ์ เราทุกคนที่นี่จะช่วยกันดูแลคุณเช้าเป็นอย่างดี ไปทำงานได้อย่างสบายใจครับ" นายแสในฐานะอาวุโสที่สุดก็เป็นตัวแทนส่งเสียงรับสนองบัญชาห่วงหาจอมปลอมเอง
"อ้อ แต่คราวนี้ธุระนานจังเลยนะคะ ตั้งสิบวัน ปกติคุณฤกษ์ไม่ค่อยหายไปทีละหลายวันอย่างนี้เลย คุณเช้าคงคิดถึงแย่เลย เธอชอบบ่นคิดถึงคุณฤกษ์ให้ป้าฟังบ่อยออกค่ะ"
"บ่อยหรือ จริงหรือ คุณเช้าเพิ่งจะเอะอะได้ไม่นานเลยนี่" ฤกษ์สุรัตน์เลิกคิ้วพลางย้อนถามคล้ายไม่อยากเชื่อที่แม่บ้านน้อยโอดครวญแทนเจ้าตัวนัก
"อุ๊ย ก็เพิ่งไม่นานนี่แหละค่ะ ป้าว่าคุณเช้าเธอรักคุณฤกษ์มากเลยนะคะ หายใจเข้าหายใจออกเป็นสามีแทบจะทุกลมหายใจ บ่นแต่ว่าเสียใจๆ "
"เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่ประสบอุบัติเหตุจนพิการทำให้การแต่งงานต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดน่ะสิคะ เธอบอกว่าเกรงใจคุณฤกษ์น่ะค่ะ โถ น่าสงสารเธอนะคะ"
"ผมก็สงสาร ถึงได้ไม่นิ่งนอนใจ ควานหาหมอเก่งๆ มารักษาเธอให้หายอยู่นี่ไง"
ชมทองรีบก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเยาะที่ตนฝืนไว้ไม่ไหว เขาอนาถใจแทนเจ้านายสาวนัก ถ้าทุกถ้อยที่ได้ยินผ่านเสียงทุ้มนุ่มนั้นคือความรู้สึกผูกพันแท้จริงก็คงดีไม่น้อย แต่ความจริงก็คือพิมพ์เช้าต้องมากลายเป็นสาวพิการผู้น่าสงสารก็เพราะความรู้สึกทั้งปวงนั้นมัน 'จอมปลอม'
"เอาละ ฉันคงต้องไปแล้ว ป่านนี้ลูกค้าที่นัดกันไว้คงบ่นอุบแล้วละที่ฉันผิดเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว นึกแล้วก็เคืองพยาบาลราศีไม่หาย โทรเร่งยิกๆ ให้ฉันกลับมาตัดสินความบ้าบออะไรก็ไม่ทราบ ไร้สาระชะมัด"
น้ำเสียงระแวงเต็มพิกัดแบบนั้นน่ะใช้ลวงหูคนอื่นได้ แต่กับเขาคงยากหน่อย แววตาที่เหลือบมาแลเขาแวบหนึ่งก็เช่นกัน คลางแคลงไม่เหลือพื้นที่เชื่อไว้สักครึ่งนิ้วเลยเชียว
เฮ้อ ทำไมหนุ่มหล่อระเบิดอย่างฤกษ์สุรัตน์ต้องอ่อนแอให้ความแค้นครอบงำจนสิ้นจิตสำนึกดีชั่วได้ถึงขนาดนี้หนอ บนเส้นทางเลวที่เจ้าตัวเดินอยู่ ร้อนเร่าไปด้วยเปลวไฟพยาบาทตลอดทั้งสาย แล้วจะรู้บ้างไหมว่า ณ ปลายทางของมันมีอะไรรออยู่ ถ้าไม่ใช่ 'เหวนรก'
แต่ก็ดีแล้ว เขาจะฉวยเวลาสิบวันนี้ไว้เป็นโอกาสทอง กับพยาบาลราศีเขารับมือได้อยู่แล้ว ต่อให้ต้องเสี่ยงถูกจับตามอง หรือฝ่ายโน้นระมัดระวังตัวเรื่องปากท้องมากขึ้นแค่ไหนก็ตาม ทว่า เชื่อเถอะ คนคอยจ้องลงมือยังไงก็ได้เปรียบกว่า เอ.. แต่ข่าวดีๆ แบบนี้ ไม่แน่ใจว่าฤกษ์สุรัตน์จะป่าวประกาศสู่เจ้านายสาวแล้วหรือยัง
"เอาละ แยกย้ายไปทำงาน ส่วนนายก็อยู่คุยกับฉันก่อน"
ภวังค์ระเบิดตูมเลยกับคำสั่งตัดบทขรึมๆ ชมทองกระแอมเบาๆ พลางเลียปากที่แห้งปุบปับ คนอื่นสลายตัวไปหมดแล้ว เหลือก็แต่เขาที่ยืนห่างไปสามก้าว ประสานมือสำรวม ก้มหน้าดั่งว่านอบน้อม
"เอาเป็นว่าฉันไม่อยากให้นายคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่อยากให้ถือสาพยาบาลราศี ภาระเธอเยอะ เธอค่อนข้างเครียดสักหน่อย"
"หมายความว่าคุณฤกษ์เชื่อผมใช่ไหมครับ" ชมทองเงยหน้าขึ้นถาม "ผมไม่ได้ลงไป.. "
"คิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกันนะ ฉันมีงานใหญ่กว่า สำคัญกว่า ให้ต้องปวดหัว ไม่อยากหยุมหยิมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยังไงก็ดูแลคุณเช้าให้ดีๆ ให้สมกับที่เธอไว้ใจยกย่องให้เป็นคุณหมอข้างตัว"
ชมทองก้มหน้าลงอีก ไม่อยากให้ถูกจับได้ว่าตนฟังเสียง-ดันนั้นออก อ้อ ดูสิ ทำใจกว้างเดินมาตบบ่าเหมือนอยากให้กำลังใจเขาเสียด้วย ถ้าไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังละก็ เขาคงต้องซาบซึ้งใจหมดทรวงเป็นแน่
"อีกอย่างนะนายชมทอง ฉันขอย้ำว่าฉันรักคุณเช้า และเป็นห่วงเธอมาก จำไว้ให้ขึ้นใจเชียว ถ้าเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลจะดีร้ายแค่ไหน เช้าสายบ่ายค่ำหรือดึกดื่น นายต้องโทรรายงานฉันทันที เข้าใจไหม"
"คงไม่มีอะไรหรอกครับ"
"ครั้งหนึ่งฉันก็เคยคิดง่ายๆ แบบที่นายคิดนี่แหละ"
"แล้ว.. "
"แล้วฉันก็มีวันนี้ไง"
บ่าร้อนจัดขึ้นเมื่อเจ้านายหนุ่มบีบแรงขึ้นอีกนิด ตามด้วยตบหนักๆ ซ้ำลงอีกสองสามทีก่อนจะยิ้มเย็นแปลกๆ ตาหรี่ลึกคล้ายเย้ยหยัน จากนั้นก็ยักไหล่ทิ้งท้ายแล้วก้าวผละไป ชมทองเม้มปากกังขา เขาหรี่ตาบ้างขณะมองตามทุกฝีก้าวเนิบๆ นั้นไปจนถึงรถ แล้วไม่ถึงอึดใจ เจ้าตัวก็ขับออกไป
ตอนแรกก็สันหลังเย็นๆ และพยายามปลอบใจตัวเองว่าอาจระแวงมากเกินไป คนเลวก็มักจะมีวิธีพูดหรือแสดงกิริยาประหลาดๆ เพื่อรวนสมาธิให้แกว่งได้เสมอ แต่ครั้นพอหมุนตัวกลับแล้วพบว่าพยาบาลราศียืนกอดอกพิงเสาระเบียง ท่าทางก็เหมือนว่าตรึงอิริยาบถนั้นอยู่สักพักแล้ว อาจเห็นตั้งแต่แรกที่เขากับฤกษ์สุรัตน์เจรจากันกระทั่งฝ่ายโน้นผละไป
อะไรก็ช่างเถอะ แม้เขาจะทำทีว่าเหลือบไปเห็นเพียงแวบเดียวแล้วรีบหมุนตัวหันหลังให้ดั่งว่าไม่ใส่ใจก็ตามที ทว่า ก็เพียงแวบเดียวนั่นแหละที่เขาเห็นว่ารอยยิ้มที่หล่อนผุดขึ้นเยาะๆ นั้น ดูยังไงก็ 'ไม่เข้าที'