http://ppantip.com/topic/33419513
บทที่ 12
กลุ่มเจ้านายไปยืนกระซิบกระซาบกันตรงมุมเฉลียง พอเห็นเขาเดินออกมาก็หยุดเสียเฉยๆ ฤกษ์สุรัตน์แน่ะ เหลียวมาแวบหนึ่งแล้วสาวเท้าตรงมาหาเลย เดายากว่าเจ้านายหนุ่มจะพูดหรือสั่งอะไรอีก
"ฉันกับคุณหมอธานีจะไปหารือกับคุณหมอพัชวีร์หน่อย พยาบาลราศีจะตามลงไปฟังรายละเอียดด้วย ระหว่างนี้ก็ดูแลคุณเช้าให้ดี อ้อ จัดยาจัดของตามที่คุณหมอธานีสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง"
"ครับ"
เจ้านายหนุ่มพยักหน้า แม้จะดูว่าพอใจที่เขาอยู่ในโอวาท แต่ในแววตาก็ยังหลงเหลือความระแวงนิดๆ ให้เห็น หลังจากมองเขานิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง เจ้าตัวก็พาหุ่นเท่เก๋ผละไปสมทบกับกลุ่มของตนอีกครั้ง คุยกันเบาๆ สองสามคำ คุณหมอธานีก็เดินนำหน้าไปขึ้นรถตู้ พยาบาลราศีกลับเข้าข้างใน เขาเดาว่าคงไปหยิบกระเป๋าถือ อ้อ เจ้านายเดินย้อนกลับมาอีกแล้ว
"เดี๋ยวพอฉันไปแล้ว พาคุณเช้ากลับเข้าข้างใน อย่าให้ตากลมนานนัก แล้วก็ให้เริ่มกินยาชุดใหม่ที่คุณหมอธานีจัดให้วันนี้เลยนะ"
"ครับ เอ้อ ผมขออนุญาตถามสักเล็กน้อย ถ้าไม่ดูเป็นการก้าวก่ายหรือสอดรู้สอดเห็น"
"ว่ามา"
"เอ้อ คือยาใหม่ต่างจากยาเก่ายังไงบ้างครับ เอ้อ ที่ผมถามนี่ หมายถึงเผื่อๆ ไว้ว่าคุณเช้าอาจถาม ผมไม่อยากให้เธอสงสัยว่าทำไมหมอตอบอะไรไม่ค่อยกระจ่างเอาเสียเลย อย่างน้อย.. "
"อืม ฉันเข้าใจ"
ฤกษ์สุรัตน์ขัดตัดบทขึ้น หางตาเห็นพยาบาลคู่สวาทเดินกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าถือ หล่อนเดินไปขึ้นรถตู้พลางๆ ส่วนเขาก็กระดิกนิ้วสั่งพ่อหนุ่มยามรูปหล่อให้เดินตามมาหยุดตรงริมสนามหญ้า
"ถ้าคุณเช้าถามก็บอกไปว่ายาที่จัดให้ใหม่เน้นการบำรุงกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระตุ้นให้ระบบประสาทค่อยๆ กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นศัพท์ทางการแพทย์ตามที่คุณหมอธานีแนะนำน่ะ เธอฟังไม่รู้เรื่องหรอก"
"แล้วคุณฤกษ์รู้เรื่องหรือครับ"
"ไม่" เจ้านายหนุ่มยักไหล่กับหัวเราะเหมือนขบขัน "ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี่"
"น่าจะรู้เรื่องไว้บ้าง"
"นายว่ายังไงนะ"
ชมทองเม้มปากกับรีบส่ายหน้า เขาพลั้งปากไปเองละ ก็หมั่นไส้นี่นา ยักไหล่ยิ้มเย้ยหยันแบบนั้นเป็นกิริยาที่สามีไม่ควรแสดงออกต่อภรรยาไม่ใช่หรือ เจ้านายหนุ่มคนนี้ใจดำอำมหิตผิดวิสัยคนจริงๆ
"เอาละ ฉันต้องไปแล้ว ไม่อยากผิดนัด พักนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เจอแต่เรื่องพลิกโผซวยๆ เป็นบ้า"
"รวมที่คุณเช้ารู้สึกตัวด้วยน่ะหรือครับ"
"ฮื่อ"
ฤกษ์สุรัตน์เผลอทอดเสียงยอมรับผ่านสีหน้าเซ็งๆ แต่เหมือนฉุกคิดขึ้นได้อย่างไวเสียด้วย จึงรีบเหลียวไปถลึงตาดุใส่ แล้วเอ็ดเสียงเขียวขึ้นว่า
"เอ๊ะ นายนี่ปากมากนะขมทอง ซักโน่นซักนี่ ไปทำงานได้แล้ว อ้อ เดี๋ยว" เขาเดินตามไปเปล่งพลังงานอำมหิตผ่านแววตาดุลึก "จำไว้ให้ดี ฉันสั่งให้ทำอะไรแค่ไหนก็ปฏิบัติไปตามนั้น อย่านอกเหนือ อย่าฝ่าฝืน และ.. " เขาหยุดเพื่อชี้กำราบ "ตรงนี้สำคัญนะ อย่าให้ฉันจับได้ภายหลัง เพราะโทษที่นายได้รับจะไม่มีให้เลือกว่าเบาหรือหนัก มันมีแค่อย่างเดียวคือหนักที่สุด"
ชมทองลอบขนลุกซู่ เกิดอาการเสียวแปลบกับพรั่นพรึงลึกขึ้นในทรวง ก็ที่ตนกำลังสบอยู่ด้วยตอนนี้น่ะ เขาเรียกว่าแววตาฆาตกรชัดๆ แหม ยิ่งฝ่ายโน้นเผยเจตนามุ่งมั่นอยากหักดิบชีวิตของพิมพ์เช้าให้จงได้มากเท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากสืบเสาะค้นควานไปให้ถึงต้นตอโดยเร็วเพื่อให้ตนได้กระจ่างแจ้งเสียทีว่าอะไรหนอที่เป็น 'สาเหตุแห่งความแค้น'
พยาบาลแจ้วถูกไล่ออกจากห้องผ่านเสียงแสร้งเฉียบของเจ้านายสาวบนเก้าอี้รถเข็น เธอต้องการสนทนากับเขาโดยไม่มีคนอื่นมาคอยส่ายหูฟังส่ายตาดู เพราะหัวข้อพวกนั้นค่อนข้างลับเฉพาะและแพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด
ชมทองนั่งยองพลางลูบขาขาวที่ตนอุ่นใจว่ายังไม่ลีบ เจ้านายสาวเล่าว่าเมื่อเธอรู้สึกตัว และรับรู้ชะตากรรมที่เกิดขึ้น แม้จะหวาดกลัวและพรั่นพรึงต่อแรงแค้นซึ่งตนยังไม่ทราบที่มาที่ไปของสามีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องอดกลั้นอดทนด้วยจิตใจที่เข้มแข็งอย่างไม่มีทางเลือก
"ฉันใช้ความพยายามอย่างไม่ยอมแพ้ ขยับเขยื้อนตัวเองอยู่ตลอดเวลา เกร็งกำลังแขนขาเท่าที่จะมีโอกาสเปิดช่อง"
เธอเล่าเนิบอย่างนั้น และตอนนั้นเขาก็หมั่นสังเกตว่าแววตาของเธอมุ่งมั่นไม่ย่อท้อแม้แต่น้อย หากแต่บางทีก็กลืนน้ำลายขมขื่นให้เขาเห็นอย่างสะทกสะท้อนหัวใจไปด้วย
"ฉันเริ่มสังเกตว่าหลังฉีดยาเข้าเส้นทีไร เนื้อตัวก็จะกะปลกกะเปลี้ย ไร้เรี่ยวแรง และง่วงมากจนฝืนไม่ไหว ฉันหลับได้นานในแต่ละครั้ง เคยตกใจตอนตื่นเพราะยังจำได้ว่าหลับตอนสิบโมงเช้า แล้วไปตื่นอีกทีตอนห้าทุ่มนิดๆ "
"วางยากันน่ากลัวนะครับ" เขาแสดงความเห็นส่วนตัว แต่ก็ด้วยน้ำเสียงสยองให้เธอผุดยิ้มคับแค้น
"ใช่ พวกเขาต้องการให้ฉันนอนเป็นซาก ตื่นแต่ก็เหมือนหลับ ถ้าคุณพ่อถามก็จะอธิบายว่าเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุ ต้องอาศัยเวลาในการรักษา แถไปเรื่อยอย่างบ้าบอคอแตก แล้วคุณพ่อก็คงเชื่อ เพราะท่านไว้ใจลูกเขยมาก"
"ตำหนิท่านก็ไม่ได้หรอกครับ คุณฤกษ์เขาแสนดีได้เนียนออก" เขาหมั่นแทรกความเห็นเพื่อไม่ให้กลายเป็นว่าเธอสนทนาอยู่ฝ่ายเดียว
"นั่นน่ะสิ ก็อย่าว่าแต่คุณพ่อเลย แม้แต่ฉันที่ถูกกระทำก็เถอะ ตอนแรกไม่รู้สักนิด ไม่เอะใจอะไรด้วย แต่พอบ่อยเข้า ก็เริ่มผิดสังเกต เริ่มเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมตัวเอง พอมั่นใจขึ้นก็เริ่มต่อต้านยาพวกนั้นด้วยวิธีอะไรก็ได้เท่าที่จะนึกได้"
"ยังไงบ้างครับ"
แล้วเธอก็อาจหาญแบะอกเสื้อให้เห็นรอยแผลเส้นเล็กบางบ้างยาวบ้างสั้น เขาเลิกคิ้วและมองตาเจ้าของรอยแผลเหล่านั้นด้วยแววลังเล ซึ่งเธอก็ฉลาดที่อ่านออกพร้อมกับพยักหน้ายอมรับ
"ใช่ เธอคิดไม่ผิดหรอกนายชมทอง ฉันกรีดมันเอง เคยอ่านเจอว่าพิษยาต่างๆ จะสลายฤทธิ์ไปพร้อมกับเลือด จริงไม่จริงฉันก็ไม่ยืนยันหรอก แค่เคยเห็นในหนัง"
"ในหนัง"
"ฮื่อ จำได้ว่าเคยดูหนังเรื่องหนึ่งนานมาแล้ว นางเอกถูกฉีดยา หมายถึงยาเสพติดน่ะ แล้วเธอก็กรีดแขนตัวเองให้เลือดออก เธอไม่เป็นไร แต่เพื่อนของเธอถูกมอมเมาจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายก็ถูกรุมย่ำยี ส่วนเธอก็หนีรอดไปได้"
"คุณช่างน่าสงสาร"
เขาเผยความรู้สึกจากใจผ่านเสียงหดหู่ เพราะดูไปแล้ว เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวบางคนหนึ่ง ฤกษ์สุรัตน์แค้นเคืองอะไรเธอนักหนาถึงได้ทารุณร่างกายของเธอประหนึ่งว่าตนคือเจ้าชะตาที่นึกอยากลิขิตให้เลวร้ายผิดวิสัยที่คนคนหนึ่งจะรับได้ยังไงก็ได้ และเมื่อเขาปรารภเช่นนั้นออกไป เธอก็บอกกับเขาว่า
"ฉันก็คิดแบบเธอ และเคยนอนฟังเขาระบายความเคียดแค้นที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ก็แค่จับความได้อย่างกระท่อนกระแท่น ฉันรู้เพียงว่าเขาเคียดแค้น พยาบาท และแรงอาฆาตของเขาก็อำมหิตน่าสะพรึงกลัว"
"ผมก็ว่าอย่างนั้น"
"ที่ฉันจะทำเป็นสิ่งแรกนะนายชมทอง ทันทีที่ฉันลุกจากเก้าอี้รถเข็นตัวนี้ได้เมื่อไหร่ พยาบาลราศีตัวแสบต้องโดนฉันเอาคืนแบบแสนสันหมดทรวง"
"คงตบไม่เลี้ยง" เขาคะเนกลั้วยิ้มสยองอีก
"เป็นเธอจะเลี้ยงไหมล่ะ"
แล้วเขาก็หัวเราะขบขันแกมละเหี่ยใจออกมาหลังสิ้นเสียงยอกย้อนฉุนๆ อ้อ ตอนนี้ก็เผลอหัวเราะออกมานิดหน่อยด้วย เธอซึ่งยังคงนั่งประสานมือบนตักอย่างสำรวมค่อยเลิกคิ้วโน้มหน้าลงมองอย่างสงสัย
"อ้อ ไม่มีอะไรครับ" เขาเงยหน้าพลางรีบบอก "ผมนึกถึงเรื่องที่เราเคยคุยกัน เอ้อ หมายถึงคุณเช้าจะตบคุณพยาบาลราศีแบบไม่เลี้ยงนะครับ"
เธอหายสงสัยด้วยกิริยาห่อปากคล้ายร้องว่า 'อ้อ' แล้วตามด้วยพยักหน้าหงึกๆ ย้ายสองมือบนตักมาทุบต้นขาเบาๆ เขาสังเกตเห็นว่ามือข้างขวาดูจะแข็งแรงขึ้นตามลำดับแล้ว
"ใช่" เธอยอมรับเมื่อเขาเปรยออกมา "ดีขึ้นเยอะ ต้องขอบใจเธอกับไอ้ลูกบอลที่เธอแอบซื้อมาให้บีบๆ นั่นแหละ ขอบใจนะนายชมทอง แล้วจะนั่งลูบขาฉันอีกนานไหม" ตอนท้ายประโยคก็กระทุ้งถามคล้ายรำคาญขึ้น
"อ้อ" ชมทองค่อยรู้สึกตัว เขาหัวเราะเก้อๆ ย้ายจากท่านั่งยองลงทรุดขัดสมาธิ "ผมก็กำลังจะถามอยู่พอดีว่ารู้สึกอะไรบ้างหรือยัง อย่างเช่นกำลังวังชากลับคืนมา ย่างได้เต็มฝ่าเท้า หรือยกได้เองโดยไม่ต้องใช้มือช่วย"
"ก็นิดหน่อย" เธอโน้มตัวลงลูบๆ แถวหน้าขา "เสียดายถ้าได้ฝึกเดินอย่างต่อเนื่อง ป่านนี้ก็คง.. "
"อดทนหน่อยนะครับ ผมก็กำลังหาวิธีอยู่"
"ไม่ต้องมาสำทับฉันหรอก เตือนตัวเองดีกว่า หรือไม่ก็ถามตัวเองว่าจะอดทนช่วยฉันไปได้อีกนานแค่ไหนท่ามกลางภาวะกดดันและอันตรายตายได้ทุกเมื่อแบบนี้"
"ผมไม่เชิงทำเพื่อตัวเองทั้งหมดหรอกครับ ครึ่งหนึ่งก็เพื่อคนอื่น"
ชมทองยิ้มขณะสบตาคนฟัง ให้เผยละเอียดไม่ได้ในตอนนี้หรอกว่าคนอื่นที่เขาพาดพิงถึงก็คือชมทองหนุ่มยามของแท้ที่โชคชะตาลิขิตให้มาตายในอ้อมกอดของเขา เหมือนเปิดช่องให้เขายืมเงามาสวมรอย กระทั่งมาปะเข้ากับเหตุฆาตกรรมพิศวาสชวนอลเวงของสามีภรรยาคู่นี้ที่นี่
พิมพ์เช้าเอียงหน้าด้วยว่าไม่ค่อยเข้าใจคำตอบกำกวมเช่นนั้นนัก ตงิดๆ ไปเองว่าเขายังตอบไม่หมด เหมือนกั๊กส่วนที่สำคัญที่สุดเอาไว้ และท่าทางก็ไม่น่าจะยอมเปิดเผยแม้ว่าเธอจะคาดคั้นก็ตาม
"หมายถึงการไม่เชิงทำเพื่อตัวเองทั้งหมดคือเหตุผลที่เธอต้องอดทนให้ถึงที่สุดอย่างนั้นใช่ไหม" ใช่ ในเมื่อไม่อยากคาดคั้นให้กระจ่าง เธอก็ขอเปลี่ยนเป็นย้อนศรก็แล้วกัน
"เปิดเผยได้ครับ แต่ขอประวิงเวลาให้ถึงที่สุดก่อนก็แล้วกัน อ้อ ยาพวกนี้กินได้นะ ผมเปลี่ยนให้แล้ว"
เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพยักพเยิดไปยังถาดแก้วที่วางถ้วยยาทรงกลมสองสามถ้วย ในนั้นก็มียาก่อนและหลังอาหารพร้อมสรรพถ้วยละหนึ่งเม็ดบ้างสองถึงสามเม็ดบ้าง ยังมียาน้ำอีกถ้วยวางข้างกัน อันนั้นเป็นยาระบายอ่อนๆ
"เธอเปลี่ยนยาเองได้ด้วยหรือ" พิมพ์เช้าถามพลางลอบฉงน
"เปลี่ยนได้ ผมจำแม่นออก ถึงจะหยุดเรียนกลางคันแต่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งอยู่เฉย ผมขวนขวายนะจะบอกให้ ตำรี้ตำราใหม่ๆ น่ะ ผมสรรหามาเปิดหูเปิดตาเป็นประจำสม่ำเสมอนั่นแหละ"
"ตำรี้ตำราอะไร"
"อ้อ เอ้อ.. "
เจ้านายสาวหรี่ตา แววระแวงปะปนกับประกายฉงนไม่สร่าง แต่ดูจากทีท่าอ้ำอึ้งไม่พร้อมเผยอย่างนั้นก็เข้าใจอีกละว่าพ่อหนุ่มยามคงอยากประวิงความลับให้ถึงที่สุดก่อนอีกตามเคย เฮ้อ ดวงเธอเฮงซวยแท้ พักนี้เจอแต่คนรอบข้างซุกเหน็บความลับไว้ข้างหลังกันทั้งนั้น แล้วสภาพของเธอก็อัตคัดพละกำลังเกินกว่าจะเขยื้อนย้ายไปสืบเสาะเลาะสาวให้กระจ่าง
แต่จะเป็นความลับอะไรก็ช่างเถอะ ขอเพียงว่ามันไม่ใช่อาวุธประหารให้ชีวิตเธอดับสูญ เธอก็รับได้ทั้งนั้น อย่างเช่นความลับของพ่อหนุ่มยามชมทองคนนี้ เธอพอจะสัมผัสได้ว่าเขาปกปิดเพราะมีความจำเป็นบางอย่างแต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ซึ่งต่างจากความลับอำมหิตที่มีต้นตอมาจากแรงแค้นอะไรก็ไม่รู้ของฤกษ์สุรัตน์ และเป็นที่น่าเสียดายว่ากว่าจะสัมผัสได้ ชีวิตของเธอก็เกือบถูกคร่าอย่างไม่ยุติธรรมกระทั่งต้องมาตกอยู่ในสภาพพิการทุเรศทุรังเช่นนี้ยังไงเล่า
เงาอลวน - บทที่ 12 - รักษ์คำ
บทที่ 12
กลุ่มเจ้านายไปยืนกระซิบกระซาบกันตรงมุมเฉลียง พอเห็นเขาเดินออกมาก็หยุดเสียเฉยๆ ฤกษ์สุรัตน์แน่ะ เหลียวมาแวบหนึ่งแล้วสาวเท้าตรงมาหาเลย เดายากว่าเจ้านายหนุ่มจะพูดหรือสั่งอะไรอีก
"ฉันกับคุณหมอธานีจะไปหารือกับคุณหมอพัชวีร์หน่อย พยาบาลราศีจะตามลงไปฟังรายละเอียดด้วย ระหว่างนี้ก็ดูแลคุณเช้าให้ดี อ้อ จัดยาจัดของตามที่คุณหมอธานีสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง"
"ครับ"
เจ้านายหนุ่มพยักหน้า แม้จะดูว่าพอใจที่เขาอยู่ในโอวาท แต่ในแววตาก็ยังหลงเหลือความระแวงนิดๆ ให้เห็น หลังจากมองเขานิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง เจ้าตัวก็พาหุ่นเท่เก๋ผละไปสมทบกับกลุ่มของตนอีกครั้ง คุยกันเบาๆ สองสามคำ คุณหมอธานีก็เดินนำหน้าไปขึ้นรถตู้ พยาบาลราศีกลับเข้าข้างใน เขาเดาว่าคงไปหยิบกระเป๋าถือ อ้อ เจ้านายเดินย้อนกลับมาอีกแล้ว
"เดี๋ยวพอฉันไปแล้ว พาคุณเช้ากลับเข้าข้างใน อย่าให้ตากลมนานนัก แล้วก็ให้เริ่มกินยาชุดใหม่ที่คุณหมอธานีจัดให้วันนี้เลยนะ"
"ครับ เอ้อ ผมขออนุญาตถามสักเล็กน้อย ถ้าไม่ดูเป็นการก้าวก่ายหรือสอดรู้สอดเห็น"
"ว่ามา"
"เอ้อ คือยาใหม่ต่างจากยาเก่ายังไงบ้างครับ เอ้อ ที่ผมถามนี่ หมายถึงเผื่อๆ ไว้ว่าคุณเช้าอาจถาม ผมไม่อยากให้เธอสงสัยว่าทำไมหมอตอบอะไรไม่ค่อยกระจ่างเอาเสียเลย อย่างน้อย.. "
"อืม ฉันเข้าใจ"
ฤกษ์สุรัตน์ขัดตัดบทขึ้น หางตาเห็นพยาบาลคู่สวาทเดินกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าถือ หล่อนเดินไปขึ้นรถตู้พลางๆ ส่วนเขาก็กระดิกนิ้วสั่งพ่อหนุ่มยามรูปหล่อให้เดินตามมาหยุดตรงริมสนามหญ้า
"ถ้าคุณเช้าถามก็บอกไปว่ายาที่จัดให้ใหม่เน้นการบำรุงกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระตุ้นให้ระบบประสาทค่อยๆ กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นศัพท์ทางการแพทย์ตามที่คุณหมอธานีแนะนำน่ะ เธอฟังไม่รู้เรื่องหรอก"
"แล้วคุณฤกษ์รู้เรื่องหรือครับ"
"ไม่" เจ้านายหนุ่มยักไหล่กับหัวเราะเหมือนขบขัน "ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี่"
"น่าจะรู้เรื่องไว้บ้าง"
"นายว่ายังไงนะ"
ชมทองเม้มปากกับรีบส่ายหน้า เขาพลั้งปากไปเองละ ก็หมั่นไส้นี่นา ยักไหล่ยิ้มเย้ยหยันแบบนั้นเป็นกิริยาที่สามีไม่ควรแสดงออกต่อภรรยาไม่ใช่หรือ เจ้านายหนุ่มคนนี้ใจดำอำมหิตผิดวิสัยคนจริงๆ
"เอาละ ฉันต้องไปแล้ว ไม่อยากผิดนัด พักนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เจอแต่เรื่องพลิกโผซวยๆ เป็นบ้า"
"รวมที่คุณเช้ารู้สึกตัวด้วยน่ะหรือครับ"
"ฮื่อ"
ฤกษ์สุรัตน์เผลอทอดเสียงยอมรับผ่านสีหน้าเซ็งๆ แต่เหมือนฉุกคิดขึ้นได้อย่างไวเสียด้วย จึงรีบเหลียวไปถลึงตาดุใส่ แล้วเอ็ดเสียงเขียวขึ้นว่า
"เอ๊ะ นายนี่ปากมากนะขมทอง ซักโน่นซักนี่ ไปทำงานได้แล้ว อ้อ เดี๋ยว" เขาเดินตามไปเปล่งพลังงานอำมหิตผ่านแววตาดุลึก "จำไว้ให้ดี ฉันสั่งให้ทำอะไรแค่ไหนก็ปฏิบัติไปตามนั้น อย่านอกเหนือ อย่าฝ่าฝืน และ.. " เขาหยุดเพื่อชี้กำราบ "ตรงนี้สำคัญนะ อย่าให้ฉันจับได้ภายหลัง เพราะโทษที่นายได้รับจะไม่มีให้เลือกว่าเบาหรือหนัก มันมีแค่อย่างเดียวคือหนักที่สุด"
ชมทองลอบขนลุกซู่ เกิดอาการเสียวแปลบกับพรั่นพรึงลึกขึ้นในทรวง ก็ที่ตนกำลังสบอยู่ด้วยตอนนี้น่ะ เขาเรียกว่าแววตาฆาตกรชัดๆ แหม ยิ่งฝ่ายโน้นเผยเจตนามุ่งมั่นอยากหักดิบชีวิตของพิมพ์เช้าให้จงได้มากเท่าไหร่ ก็เหมือนยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากสืบเสาะค้นควานไปให้ถึงต้นตอโดยเร็วเพื่อให้ตนได้กระจ่างแจ้งเสียทีว่าอะไรหนอที่เป็น 'สาเหตุแห่งความแค้น'
พยาบาลแจ้วถูกไล่ออกจากห้องผ่านเสียงแสร้งเฉียบของเจ้านายสาวบนเก้าอี้รถเข็น เธอต้องการสนทนากับเขาโดยไม่มีคนอื่นมาคอยส่ายหูฟังส่ายตาดู เพราะหัวข้อพวกนั้นค่อนข้างลับเฉพาะและแพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด
ชมทองนั่งยองพลางลูบขาขาวที่ตนอุ่นใจว่ายังไม่ลีบ เจ้านายสาวเล่าว่าเมื่อเธอรู้สึกตัว และรับรู้ชะตากรรมที่เกิดขึ้น แม้จะหวาดกลัวและพรั่นพรึงต่อแรงแค้นซึ่งตนยังไม่ทราบที่มาที่ไปของสามีมากแค่ไหน แต่ก็ต้องอดกลั้นอดทนด้วยจิตใจที่เข้มแข็งอย่างไม่มีทางเลือก
"ฉันใช้ความพยายามอย่างไม่ยอมแพ้ ขยับเขยื้อนตัวเองอยู่ตลอดเวลา เกร็งกำลังแขนขาเท่าที่จะมีโอกาสเปิดช่อง"
เธอเล่าเนิบอย่างนั้น และตอนนั้นเขาก็หมั่นสังเกตว่าแววตาของเธอมุ่งมั่นไม่ย่อท้อแม้แต่น้อย หากแต่บางทีก็กลืนน้ำลายขมขื่นให้เขาเห็นอย่างสะทกสะท้อนหัวใจไปด้วย
"ฉันเริ่มสังเกตว่าหลังฉีดยาเข้าเส้นทีไร เนื้อตัวก็จะกะปลกกะเปลี้ย ไร้เรี่ยวแรง และง่วงมากจนฝืนไม่ไหว ฉันหลับได้นานในแต่ละครั้ง เคยตกใจตอนตื่นเพราะยังจำได้ว่าหลับตอนสิบโมงเช้า แล้วไปตื่นอีกทีตอนห้าทุ่มนิดๆ "
"วางยากันน่ากลัวนะครับ" เขาแสดงความเห็นส่วนตัว แต่ก็ด้วยน้ำเสียงสยองให้เธอผุดยิ้มคับแค้น
"ใช่ พวกเขาต้องการให้ฉันนอนเป็นซาก ตื่นแต่ก็เหมือนหลับ ถ้าคุณพ่อถามก็จะอธิบายว่าเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุ ต้องอาศัยเวลาในการรักษา แถไปเรื่อยอย่างบ้าบอคอแตก แล้วคุณพ่อก็คงเชื่อ เพราะท่านไว้ใจลูกเขยมาก"
"ตำหนิท่านก็ไม่ได้หรอกครับ คุณฤกษ์เขาแสนดีได้เนียนออก" เขาหมั่นแทรกความเห็นเพื่อไม่ให้กลายเป็นว่าเธอสนทนาอยู่ฝ่ายเดียว
"นั่นน่ะสิ ก็อย่าว่าแต่คุณพ่อเลย แม้แต่ฉันที่ถูกกระทำก็เถอะ ตอนแรกไม่รู้สักนิด ไม่เอะใจอะไรด้วย แต่พอบ่อยเข้า ก็เริ่มผิดสังเกต เริ่มเฝ้าจับตาดูพฤติกรรมตัวเอง พอมั่นใจขึ้นก็เริ่มต่อต้านยาพวกนั้นด้วยวิธีอะไรก็ได้เท่าที่จะนึกได้"
"ยังไงบ้างครับ"
แล้วเธอก็อาจหาญแบะอกเสื้อให้เห็นรอยแผลเส้นเล็กบางบ้างยาวบ้างสั้น เขาเลิกคิ้วและมองตาเจ้าของรอยแผลเหล่านั้นด้วยแววลังเล ซึ่งเธอก็ฉลาดที่อ่านออกพร้อมกับพยักหน้ายอมรับ
"ใช่ เธอคิดไม่ผิดหรอกนายชมทอง ฉันกรีดมันเอง เคยอ่านเจอว่าพิษยาต่างๆ จะสลายฤทธิ์ไปพร้อมกับเลือด จริงไม่จริงฉันก็ไม่ยืนยันหรอก แค่เคยเห็นในหนัง"
"ในหนัง"
"ฮื่อ จำได้ว่าเคยดูหนังเรื่องหนึ่งนานมาแล้ว นางเอกถูกฉีดยา หมายถึงยาเสพติดน่ะ แล้วเธอก็กรีดแขนตัวเองให้เลือดออก เธอไม่เป็นไร แต่เพื่อนของเธอถูกมอมเมาจนไม่เป็นตัวของตัวเอง สุดท้ายก็ถูกรุมย่ำยี ส่วนเธอก็หนีรอดไปได้"
"คุณช่างน่าสงสาร"
เขาเผยความรู้สึกจากใจผ่านเสียงหดหู่ เพราะดูไปแล้ว เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวบางคนหนึ่ง ฤกษ์สุรัตน์แค้นเคืองอะไรเธอนักหนาถึงได้ทารุณร่างกายของเธอประหนึ่งว่าตนคือเจ้าชะตาที่นึกอยากลิขิตให้เลวร้ายผิดวิสัยที่คนคนหนึ่งจะรับได้ยังไงก็ได้ และเมื่อเขาปรารภเช่นนั้นออกไป เธอก็บอกกับเขาว่า
"ฉันก็คิดแบบเธอ และเคยนอนฟังเขาระบายความเคียดแค้นที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ก็แค่จับความได้อย่างกระท่อนกระแท่น ฉันรู้เพียงว่าเขาเคียดแค้น พยาบาท และแรงอาฆาตของเขาก็อำมหิตน่าสะพรึงกลัว"
"ผมก็ว่าอย่างนั้น"
"ที่ฉันจะทำเป็นสิ่งแรกนะนายชมทอง ทันทีที่ฉันลุกจากเก้าอี้รถเข็นตัวนี้ได้เมื่อไหร่ พยาบาลราศีตัวแสบต้องโดนฉันเอาคืนแบบแสนสันหมดทรวง"
"คงตบไม่เลี้ยง" เขาคะเนกลั้วยิ้มสยองอีก
"เป็นเธอจะเลี้ยงไหมล่ะ"
แล้วเขาก็หัวเราะขบขันแกมละเหี่ยใจออกมาหลังสิ้นเสียงยอกย้อนฉุนๆ อ้อ ตอนนี้ก็เผลอหัวเราะออกมานิดหน่อยด้วย เธอซึ่งยังคงนั่งประสานมือบนตักอย่างสำรวมค่อยเลิกคิ้วโน้มหน้าลงมองอย่างสงสัย
"อ้อ ไม่มีอะไรครับ" เขาเงยหน้าพลางรีบบอก "ผมนึกถึงเรื่องที่เราเคยคุยกัน เอ้อ หมายถึงคุณเช้าจะตบคุณพยาบาลราศีแบบไม่เลี้ยงนะครับ"
เธอหายสงสัยด้วยกิริยาห่อปากคล้ายร้องว่า 'อ้อ' แล้วตามด้วยพยักหน้าหงึกๆ ย้ายสองมือบนตักมาทุบต้นขาเบาๆ เขาสังเกตเห็นว่ามือข้างขวาดูจะแข็งแรงขึ้นตามลำดับแล้ว
"ใช่" เธอยอมรับเมื่อเขาเปรยออกมา "ดีขึ้นเยอะ ต้องขอบใจเธอกับไอ้ลูกบอลที่เธอแอบซื้อมาให้บีบๆ นั่นแหละ ขอบใจนะนายชมทอง แล้วจะนั่งลูบขาฉันอีกนานไหม" ตอนท้ายประโยคก็กระทุ้งถามคล้ายรำคาญขึ้น
"อ้อ" ชมทองค่อยรู้สึกตัว เขาหัวเราะเก้อๆ ย้ายจากท่านั่งยองลงทรุดขัดสมาธิ "ผมก็กำลังจะถามอยู่พอดีว่ารู้สึกอะไรบ้างหรือยัง อย่างเช่นกำลังวังชากลับคืนมา ย่างได้เต็มฝ่าเท้า หรือยกได้เองโดยไม่ต้องใช้มือช่วย"
"ก็นิดหน่อย" เธอโน้มตัวลงลูบๆ แถวหน้าขา "เสียดายถ้าได้ฝึกเดินอย่างต่อเนื่อง ป่านนี้ก็คง.. "
"อดทนหน่อยนะครับ ผมก็กำลังหาวิธีอยู่"
"ไม่ต้องมาสำทับฉันหรอก เตือนตัวเองดีกว่า หรือไม่ก็ถามตัวเองว่าจะอดทนช่วยฉันไปได้อีกนานแค่ไหนท่ามกลางภาวะกดดันและอันตรายตายได้ทุกเมื่อแบบนี้"
"ผมไม่เชิงทำเพื่อตัวเองทั้งหมดหรอกครับ ครึ่งหนึ่งก็เพื่อคนอื่น"
ชมทองยิ้มขณะสบตาคนฟัง ให้เผยละเอียดไม่ได้ในตอนนี้หรอกว่าคนอื่นที่เขาพาดพิงถึงก็คือชมทองหนุ่มยามของแท้ที่โชคชะตาลิขิตให้มาตายในอ้อมกอดของเขา เหมือนเปิดช่องให้เขายืมเงามาสวมรอย กระทั่งมาปะเข้ากับเหตุฆาตกรรมพิศวาสชวนอลเวงของสามีภรรยาคู่นี้ที่นี่
พิมพ์เช้าเอียงหน้าด้วยว่าไม่ค่อยเข้าใจคำตอบกำกวมเช่นนั้นนัก ตงิดๆ ไปเองว่าเขายังตอบไม่หมด เหมือนกั๊กส่วนที่สำคัญที่สุดเอาไว้ และท่าทางก็ไม่น่าจะยอมเปิดเผยแม้ว่าเธอจะคาดคั้นก็ตาม
"หมายถึงการไม่เชิงทำเพื่อตัวเองทั้งหมดคือเหตุผลที่เธอต้องอดทนให้ถึงที่สุดอย่างนั้นใช่ไหม" ใช่ ในเมื่อไม่อยากคาดคั้นให้กระจ่าง เธอก็ขอเปลี่ยนเป็นย้อนศรก็แล้วกัน
"เปิดเผยได้ครับ แต่ขอประวิงเวลาให้ถึงที่สุดก่อนก็แล้วกัน อ้อ ยาพวกนี้กินได้นะ ผมเปลี่ยนให้แล้ว"
เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพยักพเยิดไปยังถาดแก้วที่วางถ้วยยาทรงกลมสองสามถ้วย ในนั้นก็มียาก่อนและหลังอาหารพร้อมสรรพถ้วยละหนึ่งเม็ดบ้างสองถึงสามเม็ดบ้าง ยังมียาน้ำอีกถ้วยวางข้างกัน อันนั้นเป็นยาระบายอ่อนๆ
"เธอเปลี่ยนยาเองได้ด้วยหรือ" พิมพ์เช้าถามพลางลอบฉงน
"เปลี่ยนได้ ผมจำแม่นออก ถึงจะหยุดเรียนกลางคันแต่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งอยู่เฉย ผมขวนขวายนะจะบอกให้ ตำรี้ตำราใหม่ๆ น่ะ ผมสรรหามาเปิดหูเปิดตาเป็นประจำสม่ำเสมอนั่นแหละ"
"ตำรี้ตำราอะไร"
"อ้อ เอ้อ.. "
เจ้านายสาวหรี่ตา แววระแวงปะปนกับประกายฉงนไม่สร่าง แต่ดูจากทีท่าอ้ำอึ้งไม่พร้อมเผยอย่างนั้นก็เข้าใจอีกละว่าพ่อหนุ่มยามคงอยากประวิงความลับให้ถึงที่สุดก่อนอีกตามเคย เฮ้อ ดวงเธอเฮงซวยแท้ พักนี้เจอแต่คนรอบข้างซุกเหน็บความลับไว้ข้างหลังกันทั้งนั้น แล้วสภาพของเธอก็อัตคัดพละกำลังเกินกว่าจะเขยื้อนย้ายไปสืบเสาะเลาะสาวให้กระจ่าง
แต่จะเป็นความลับอะไรก็ช่างเถอะ ขอเพียงว่ามันไม่ใช่อาวุธประหารให้ชีวิตเธอดับสูญ เธอก็รับได้ทั้งนั้น อย่างเช่นความลับของพ่อหนุ่มยามชมทองคนนี้ เธอพอจะสัมผัสได้ว่าเขาปกปิดเพราะมีความจำเป็นบางอย่างแต่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ซึ่งต่างจากความลับอำมหิตที่มีต้นตอมาจากแรงแค้นอะไรก็ไม่รู้ของฤกษ์สุรัตน์ และเป็นที่น่าเสียดายว่ากว่าจะสัมผัสได้ ชีวิตของเธอก็เกือบถูกคร่าอย่างไม่ยุติธรรมกระทั่งต้องมาตกอยู่ในสภาพพิการทุเรศทุรังเช่นนี้ยังไงเล่า