http://ppantip.com/topic/33283132
บทที่ 8
ไม่มีใครอยู่เลย แม่ครัวน้อยยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะตกบ่ายเช่นนี้ นางมักจะหลับอุตุบนเปลเชือกถักใต้ต้นทองกวาวสองต้นในลานสวนหลังห้องครัวนั่นแหละ
"ก่อนผมจะเข้ามา ผมแวะไปดูแล้ว แกหลับปุ๋ยเลย บนอกกางหนังสือทำครัวเล่มใหญ่ด้วย"
พิมพ์เช้ายิ้มบาง นึกภาพตามคำบอกเล่าของหนุ่มยามรูปหล่อ เขากุลีกุจอเคลื่อนย้ายเธอลงจากเตียง นั่งเก้าอี้รถเข็น แล้วพาออกมาชื่นชมแสงแดดเบาบางหน้าบ้าน
"เราเสี่ยงมากเลย" เธอปรารภพลางปรายตาไปยังถนนที่รถของฤกษ์สุรัตน์อาจแพลมโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้
"เราหนีช่วงเวลาแบบนี้ไม่พ้นหรอกครับนับแต่เราตัดสินใจลงมาเกิด"
เจ้านายสาวหัวเราะในลำคอ แหม หนุ่มยามคนนี้ช่างสรรหาถ้อยคำมายอกย้อนได้ขบขันดีแท้ ตัวเขาหอมดี เสื้อผ้าก็รีดเรียบกลีบคมกริบเชียว ท่าทางจะสำอางไม่เบา
"นายชมทอง" เธอเรียกขึ้นเบาๆ ขณะเขาพามาหยุดใต้ร่มทองกวาวด้านข้างห้องนั่งเล่น
"มีอะไรครับ" ชมทองไม่ขานรับแต่กลับย้อนถามพลางยองตัวลงข้างๆ ด้วยท่วงท่านอบน้อม
"ฉันอยากเดิน"
"อยากเดิน"
เสียงทุ้มที่เจ้าตัวเปล่งทวนออกมาไม่ลังเลกับการตัดสินใจรับข้อเสนอ หากแต่แววตาต่างหากที่ทำให้พิมพ์เช้าอ่านทะลุว่าเขากำลังครุ่นคิดหาวิธีการเหมาะๆ หรือว่าฟ้าส่งเขามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะใช่ไหม เหมือนว่าเขาไม่เคยขัดข้องใดๆ ในทุกความปรารถนาของเธอ เหมือนว่าเขาสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยกิริยาผงกศีรษะ หรือไม่ก็รับคำว่า 'ครับ'
"นั่นเธอทำอะไร"
ภวังค์ชุ่มชื่นใจหายวับไปทันทีที่เห็นเขาเดินไปเด็ดกุหลาบมาดอกหนึ่ง ส่วนก้านที่ประดับหนามแข็งคมยาวพอประมาณก็นำมากดบนหลังเท้า เธอสะดุ้งเพราะเจ็บหนึบๆ หัวแม่เท้ากระตุกนิดๆ แต่ก็ทุกครั้งที่เขาทำซ้ำเช่นเดิม
"รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ"
ชมทองเงยหน้าขึ้นถาม เขาหยุดทดสอบแล้ว และแน่ใจว่าถ้าได้รับการรักษาอย่างจริงจังต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหกเดือนละก็ ป่านนี้เธอคงเดินปร๋อดังเดิมแล้วละ เธอไม่ได้พิการสักนิด อุบัติเหตุก็แค่ชะงักการเคลื่อนไหวของเธอชั่วขณะเท่านั้น แต่ช่างน่าเวทนาไหมที่สามีกับพยาบาลคู่พิศวาสกลับรวมหัวกันพลิกวิกฤติฝ่ายเธอให้กลายเป็นโอกาสฝ่ายตัว
"ตอนฟื้นใหม่ๆ ฉันก็รู้สึกแล้ว แต่ยังพูดไม่ได้ เพราะต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ฉันพยายามจะบอกกับทุกคน แต่ไม่มีใครสนใจฟังฉันหรอก เพราะ.. "
เพราะฤกษ์สุรัตน์กรอกหูทุกคนว่าเธอพิการ หมอที่ผ่าตัดให้เธอถูกเขาซื้อตัวและหัวใจไปแล้วด้วยสนนราคาเรือนล้าน ดังนั้น ทุกคำรายงานทางการแพทย์จึงน่าเชื่อถือได้เมื่อหลุดจากปากของคุณหมอใจทรามคนนั้น แล้วจากนั้น ทุกคนก็พากันหมดอาลัยตายอยาก เปิดช่องให้ฤกษ์สุรัตน์ครอบงำความอ่อนแอนั้น กระทั่งกดขี่ข่มเหงยังไงก็ได้กับร่างนอนนิ่งบนเตียงของเธอ
"เขาโหดร้ายจังเลย" ชมทองปรารภอย่างผิดหวังหลังสิ้นเสียงเล่าเนือยๆ ของเจ้านายสาว "ผมอุตส่าห์ชอบเขามาก ตอนเจอเขาครั้งแรก ผมประทับใจว่าเขาพูดเพราะ รูปหล่อ ท่าทางเก่ง"
"เขาเก่ง" พิมพ์เช้ายืนยัน "เก่งมากที่ทำให้คุณพ่อไว้วางใจได้ภายในเวลาอันสั้น คุณพ่อน่ะคร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มาทั้งชีวิต มีทั้งเพื่อนและศัตรูเยอะพอๆ กัน ท่านจึงระมัดระวังและรอบคอบมากกับการไว้ใจใครสักคน"
"แต่คุณฤกษ์ก็ทำสำเร็จ" ชมทองช่วยเสริม
"อืม"
"เคยลองขยับตัวหรือลุกขึ้นเองบ้างหรือเปล่าครับ" เขาเปลี่ยนเรื่องมาถามอาการคนป่วยแทน
"เคย แต่ไม่ถนัด เหมือนว่ากล้ามเนื้อมันอ่อนแรง คล้ายรถที่จอดทิ้งไว้นานโดยไม่ติดเครื่องไง"
"คงต้องกระตุ้นก่อน ผมก็ไม่รู้นะ แต่จะลองดู"
"จะทำอะไรหรือ"
"ลองผิดลองถูกไง ผมเคยไปเรียนนวดแผนโบราณมาพักหนึ่ง ทำมาหากินได้ด้วยนะ"
"น่าเชื่อจัง"
"เชื่อได้ เดี๋ยวผมจะลองทดสอบจากมือก่อนก็แล้วกันนะครับ ถ้าได้ผลก็ค่อยขยับขยาย"
พิมพ์เช้าใจเต้นแรงตอนเขาพามือเล็กไปวางบนใจกลางฝ่ามือใหญ่ เขาลูบแผ่วๆ อยู่สองสามครั้ง คลึงนิ้วทุกนิ้วอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มทดสอบด้วยวิธีบีบนวดตามความรู้ที่เจ้าตัวโม้ๆ มาเมื่อสักครู่นี้
"รู้สึกยังไง" เขาถามเบาๆ ขณะที่การนวดยังรุดหน้าไปอย่างอ่อนโยน แววตาที่เขาประสานด้วยขณะถามก็อ่อนโยนยิ่ง
"เอ้อ คล้ายๆ จะรู้สึกอยู่นะ เหมือนว่ามันจะ เอ้อ ร้อนวูบๆ วาบๆ "
"ผมเคยเห็นคุณทำท่าเหมือนจะยกเหยือกน้ำ" ชมทองดึงข้อสังเกตที่ตนพบออกมาเผย
"ข้างนี้ไง" พิมพ์เช้าขยับมือซ้ายให้ดู "ข้างนี้แข็งแรง ทำอะไรได้มากกว่าส่วนอื่นๆ ฉันใช้มันบ่อย"
"ก็แน่ละสิ มันเป็นส่วนเดียวที่ใช้ได้นี่"
"จ้ะ"
ชมทองสะอึกเล็กน้อย แต่ก็ผุดยิ้มกว้างกึ่งฉิวกึ่งขบขันออกมา แหม เจ้านายสาวช่างประชดประชันจัง แม้จะด้วยหนึ่งวลีนั้น แต่ใจเขาเหมือนโดนอุกกาบาตพุ่งเข้าชนจังเบ้อเร่อเลยนะ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็ตรงที่พลังดึงดูดของหนึ่งวลีนั้นทรงอานุภาพน่าดูชม เพราะมันดึงสายตาเขาขึ้นประสานกับแววหมั่นไสนิดๆ ในตาเรียวของเธอได้อย่างนิ่ง
"อ้าว ทำไมหยุดนวดเสียแล้วล่ะ กำลังเพลินอยู่เชียว"
เธอประท้วงเสียงอุ่นๆ หากแต่คนถูกประท้วงกลับเกิดอาการใจหนาวๆ พิกล ชมทองเลิกคิ้วพลางกระแอมกลบเกลื่อนอาการกระดากกระเดื่อง ใต้ผิวแก้มหนุ่มเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเบาๆ จนรู้สึกได้ถึงอาการเห่อร้อนวูบๆ วาบๆ
เรื่องนี้คงสารภาพลำบาก เพราะประสานแววตาหมั่นไส้ของเธอนั่นแหละคือสาเหตุ เหมือนว่าในนั้นลอยวนด้วยมนตราประหลาดบทยาวๆ เหมือนว่าได้ยินเสียงจากหัวใจเธอกำลังร่ายมันเบาๆ แต่ชวนขลังยิ่ง แล้วเขาก็ถูกเสียงเบาๆ นั้นครอบงำ ทั่วร่างคล้ายประท้วงขอหยุดการเคลื่อนไหวทุกส่วน เขาต่อต้านไม่ได้ จึงพานหยุดทุกอย่างลงจริงๆ หยุดแม้กระทั่ง 'นวด'
เงาอลวน - บทที่ 8 - รักษ์คำ
บทที่ 8
ไม่มีใครอยู่เลย แม่ครัวน้อยยิ่งไม่ต้องกังวล เพราะตกบ่ายเช่นนี้ นางมักจะหลับอุตุบนเปลเชือกถักใต้ต้นทองกวาวสองต้นในลานสวนหลังห้องครัวนั่นแหละ
"ก่อนผมจะเข้ามา ผมแวะไปดูแล้ว แกหลับปุ๋ยเลย บนอกกางหนังสือทำครัวเล่มใหญ่ด้วย"
พิมพ์เช้ายิ้มบาง นึกภาพตามคำบอกเล่าของหนุ่มยามรูปหล่อ เขากุลีกุจอเคลื่อนย้ายเธอลงจากเตียง นั่งเก้าอี้รถเข็น แล้วพาออกมาชื่นชมแสงแดดเบาบางหน้าบ้าน
"เราเสี่ยงมากเลย" เธอปรารภพลางปรายตาไปยังถนนที่รถของฤกษ์สุรัตน์อาจแพลมโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้
"เราหนีช่วงเวลาแบบนี้ไม่พ้นหรอกครับนับแต่เราตัดสินใจลงมาเกิด"
เจ้านายสาวหัวเราะในลำคอ แหม หนุ่มยามคนนี้ช่างสรรหาถ้อยคำมายอกย้อนได้ขบขันดีแท้ ตัวเขาหอมดี เสื้อผ้าก็รีดเรียบกลีบคมกริบเชียว ท่าทางจะสำอางไม่เบา
"นายชมทอง" เธอเรียกขึ้นเบาๆ ขณะเขาพามาหยุดใต้ร่มทองกวาวด้านข้างห้องนั่งเล่น
"มีอะไรครับ" ชมทองไม่ขานรับแต่กลับย้อนถามพลางยองตัวลงข้างๆ ด้วยท่วงท่านอบน้อม
"ฉันอยากเดิน"
"อยากเดิน"
เสียงทุ้มที่เจ้าตัวเปล่งทวนออกมาไม่ลังเลกับการตัดสินใจรับข้อเสนอ หากแต่แววตาต่างหากที่ทำให้พิมพ์เช้าอ่านทะลุว่าเขากำลังครุ่นคิดหาวิธีการเหมาะๆ หรือว่าฟ้าส่งเขามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะใช่ไหม เหมือนว่าเขาไม่เคยขัดข้องใดๆ ในทุกความปรารถนาของเธอ เหมือนว่าเขาสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยกิริยาผงกศีรษะ หรือไม่ก็รับคำว่า 'ครับ'
"นั่นเธอทำอะไร"
ภวังค์ชุ่มชื่นใจหายวับไปทันทีที่เห็นเขาเดินไปเด็ดกุหลาบมาดอกหนึ่ง ส่วนก้านที่ประดับหนามแข็งคมยาวพอประมาณก็นำมากดบนหลังเท้า เธอสะดุ้งเพราะเจ็บหนึบๆ หัวแม่เท้ากระตุกนิดๆ แต่ก็ทุกครั้งที่เขาทำซ้ำเช่นเดิม
"รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วครับ"
ชมทองเงยหน้าขึ้นถาม เขาหยุดทดสอบแล้ว และแน่ใจว่าถ้าได้รับการรักษาอย่างจริงจังต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหกเดือนละก็ ป่านนี้เธอคงเดินปร๋อดังเดิมแล้วละ เธอไม่ได้พิการสักนิด อุบัติเหตุก็แค่ชะงักการเคลื่อนไหวของเธอชั่วขณะเท่านั้น แต่ช่างน่าเวทนาไหมที่สามีกับพยาบาลคู่พิศวาสกลับรวมหัวกันพลิกวิกฤติฝ่ายเธอให้กลายเป็นโอกาสฝ่ายตัว
"ตอนฟื้นใหม่ๆ ฉันก็รู้สึกแล้ว แต่ยังพูดไม่ได้ เพราะต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ฉันพยายามจะบอกกับทุกคน แต่ไม่มีใครสนใจฟังฉันหรอก เพราะ.. "
เพราะฤกษ์สุรัตน์กรอกหูทุกคนว่าเธอพิการ หมอที่ผ่าตัดให้เธอถูกเขาซื้อตัวและหัวใจไปแล้วด้วยสนนราคาเรือนล้าน ดังนั้น ทุกคำรายงานทางการแพทย์จึงน่าเชื่อถือได้เมื่อหลุดจากปากของคุณหมอใจทรามคนนั้น แล้วจากนั้น ทุกคนก็พากันหมดอาลัยตายอยาก เปิดช่องให้ฤกษ์สุรัตน์ครอบงำความอ่อนแอนั้น กระทั่งกดขี่ข่มเหงยังไงก็ได้กับร่างนอนนิ่งบนเตียงของเธอ
"เขาโหดร้ายจังเลย" ชมทองปรารภอย่างผิดหวังหลังสิ้นเสียงเล่าเนือยๆ ของเจ้านายสาว "ผมอุตส่าห์ชอบเขามาก ตอนเจอเขาครั้งแรก ผมประทับใจว่าเขาพูดเพราะ รูปหล่อ ท่าทางเก่ง"
"เขาเก่ง" พิมพ์เช้ายืนยัน "เก่งมากที่ทำให้คุณพ่อไว้วางใจได้ภายในเวลาอันสั้น คุณพ่อน่ะคร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มาทั้งชีวิต มีทั้งเพื่อนและศัตรูเยอะพอๆ กัน ท่านจึงระมัดระวังและรอบคอบมากกับการไว้ใจใครสักคน"
"แต่คุณฤกษ์ก็ทำสำเร็จ" ชมทองช่วยเสริม
"อืม"
"เคยลองขยับตัวหรือลุกขึ้นเองบ้างหรือเปล่าครับ" เขาเปลี่ยนเรื่องมาถามอาการคนป่วยแทน
"เคย แต่ไม่ถนัด เหมือนว่ากล้ามเนื้อมันอ่อนแรง คล้ายรถที่จอดทิ้งไว้นานโดยไม่ติดเครื่องไง"
"คงต้องกระตุ้นก่อน ผมก็ไม่รู้นะ แต่จะลองดู"
"จะทำอะไรหรือ"
"ลองผิดลองถูกไง ผมเคยไปเรียนนวดแผนโบราณมาพักหนึ่ง ทำมาหากินได้ด้วยนะ"
"น่าเชื่อจัง"
"เชื่อได้ เดี๋ยวผมจะลองทดสอบจากมือก่อนก็แล้วกันนะครับ ถ้าได้ผลก็ค่อยขยับขยาย"
พิมพ์เช้าใจเต้นแรงตอนเขาพามือเล็กไปวางบนใจกลางฝ่ามือใหญ่ เขาลูบแผ่วๆ อยู่สองสามครั้ง คลึงนิ้วทุกนิ้วอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็เริ่มทดสอบด้วยวิธีบีบนวดตามความรู้ที่เจ้าตัวโม้ๆ มาเมื่อสักครู่นี้
"รู้สึกยังไง" เขาถามเบาๆ ขณะที่การนวดยังรุดหน้าไปอย่างอ่อนโยน แววตาที่เขาประสานด้วยขณะถามก็อ่อนโยนยิ่ง
"เอ้อ คล้ายๆ จะรู้สึกอยู่นะ เหมือนว่ามันจะ เอ้อ ร้อนวูบๆ วาบๆ "
"ผมเคยเห็นคุณทำท่าเหมือนจะยกเหยือกน้ำ" ชมทองดึงข้อสังเกตที่ตนพบออกมาเผย
"ข้างนี้ไง" พิมพ์เช้าขยับมือซ้ายให้ดู "ข้างนี้แข็งแรง ทำอะไรได้มากกว่าส่วนอื่นๆ ฉันใช้มันบ่อย"
"ก็แน่ละสิ มันเป็นส่วนเดียวที่ใช้ได้นี่"
"จ้ะ"
ชมทองสะอึกเล็กน้อย แต่ก็ผุดยิ้มกว้างกึ่งฉิวกึ่งขบขันออกมา แหม เจ้านายสาวช่างประชดประชันจัง แม้จะด้วยหนึ่งวลีนั้น แต่ใจเขาเหมือนโดนอุกกาบาตพุ่งเข้าชนจังเบ้อเร่อเลยนะ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็ตรงที่พลังดึงดูดของหนึ่งวลีนั้นทรงอานุภาพน่าดูชม เพราะมันดึงสายตาเขาขึ้นประสานกับแววหมั่นไสนิดๆ ในตาเรียวของเธอได้อย่างนิ่ง
"อ้าว ทำไมหยุดนวดเสียแล้วล่ะ กำลังเพลินอยู่เชียว"
เธอประท้วงเสียงอุ่นๆ หากแต่คนถูกประท้วงกลับเกิดอาการใจหนาวๆ พิกล ชมทองเลิกคิ้วพลางกระแอมกลบเกลื่อนอาการกระดากกระเดื่อง ใต้ผิวแก้มหนุ่มเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตเบาๆ จนรู้สึกได้ถึงอาการเห่อร้อนวูบๆ วาบๆ
เรื่องนี้คงสารภาพลำบาก เพราะประสานแววตาหมั่นไส้ของเธอนั่นแหละคือสาเหตุ เหมือนว่าในนั้นลอยวนด้วยมนตราประหลาดบทยาวๆ เหมือนว่าได้ยินเสียงจากหัวใจเธอกำลังร่ายมันเบาๆ แต่ชวนขลังยิ่ง แล้วเขาก็ถูกเสียงเบาๆ นั้นครอบงำ ทั่วร่างคล้ายประท้วงขอหยุดการเคลื่อนไหวทุกส่วน เขาต่อต้านไม่ได้ จึงพานหยุดทุกอย่างลงจริงๆ หยุดแม้กระทั่ง 'นวด'