สวัสดีครับทุกคน พอดีผมตั้งใจเอานิยายที่ผมแต่งเองมาลงให้อ่านเล่นๆนะครับ หลังจากที่เทศกาล สงกรานต์ผ่านไป ไม่นาน หลายๆคนคงอยากจะหาอะไรๆอ่านยามว่าง หลังจากการทำงานบ้างนะครับ ผมก็เลยเอามาลงให้อ่านเล่นๆกันนะครับ ขออนุญาติทุกคนนะครับ ถ้านิยายมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ
หลายๆคนคงงงว่า เอ๊ะ ! ทำไหมให้ชื่อเริ่องว่า นิยายแห่งความฝัน 55+ ผมต้องขอบอกแบบนี้นะครับ มันตรงกับชื่อเลย เพราะผมเองในคืนหนึ่งนานแล้วนะ55+ผมได้ฝันถึงเรื่องราวๆต่างๆ ที่ในโลกแห่งความจริงมันไม่อาจจะเป็นจริงได้นะครับ แล้วฝันมันก็ดีมากด้วย 55 (คิดไปเอง ) ผมก็เลยกลัวลืมไงเลยมาแต่งไว้กันลืมเวลามาอ่านที่ไร นึกถึงความฝันนี้ทุกที แต่ต้องขอบอก บางเรื่องราวในนิยาย ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในความฝันบางส่วนนะครับ ที่เหลือ คือ จินตนาการ ล้วนๆ ผมเลย แต่งนิยายขึ้นมา จากความฝันของผมส่วนหนึ่ง และ ประสบการณ์ที่ผมชอบอ่านหนังสือนิยาย และนิทานกริมส์ หฤโหด แนวๆผจญภัย ต่างๆ เด็กๆ อะไรอย่างนี้นะครับ มารวบรวมเอาประสบการณ์อ่านแล้วก็จินตนาการส่วนตัวของผมเองมาทำเป็นเรื่องนิยายแห่งความฝัน ส่วนในเรื่อง นะครับ เป็นนิยายเด็กๆผจญภัย หากใครหลายๆ คนไม่ชอบแบบนี้ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ เรื่องราวก็ประมาณ มีอาจารย์และลูกศิษย์สามคนต้องเดินทางไปช่วย นกเชอรี่ที่ต้องคำสาป รเายแรง แต่ระหว่างการเดินทางนั้นไม่ง่ายเลย เจอ อุปสรรค ต่างๆมามาย ไงก็ผมขอฝากนิยาย ขอผมไว้ในอ่านเล่นๆแล้วกันนะครับ ผมพูดมายาวมากเลย ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมตื่นเต้นไง 555 + เอาล่ะต้องไปนี้คือ นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ตอนที่ 1 ครับ อ๊อ เดียว เวลาอ่าน บทที่อาจารย์พูดอ่ะ ให้นึกถึงเสียงพากย์ไทยของ แฮกริด ในเรื่องแฮรี่ พอดเตอร์นะ เพื่อเพิ่มอรรถรส ในการอ่านครับ มาๆ 555+
นิยายแห่งความฝัน
ตอน นกเชอรี่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนที่ห่างไกล ที่แห่งนี้ มีแต่พรรณไม้ป่าที่สวยงามพริ้วไสว ลึกเข้าไปในเซนด์? วิลตัน เอ๊ะ ! นั้นมันที่ไหนกัน อ่อ แน่นอนคงไม่ต้องสงสัยเลย มันคือดินแดนแห่งป่าเขียวชะอุ่ม ที่ๆเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์ ที่นี่ทุกๆอย่างย่อมเป็นจริงได้ และที่นี่ อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อน ไม้ดอกส่งกลิ่นหอมเย้ายวลชวนนึกฝันและพร้อมทั้งแสงแดดรุ่งอรุณยามเช้าบรรยากาศแบบนี้ข้าว่าน่าจะทำวาฟเฟิล กับรีดนมสดของวัว
แพรริสนะ ทันใดนั้น ! ก็มีเสียงใครสักคนดังขึ้น เอ๊ะ ! เสียงใครกันนะ ?
: เชน นั้นเจ้ากำลังจะไปไหน ?
: อ่อ ! ข้าว่าจะไปหาอาจารย์ซักหน่อยหน่ะ เจ้าจะไปกับข้าไหม
: แปลกใจ ? ที่เจ้าขยันเรียนนะ โจเซฟฟิน เชน วันนี้นึกคึกคักอะไรขึ้นมากันหล่ะ !
: พอดีแม่ของข้าทำพายแอปเปิ้ลราดด้วยครีมองุ่น ข้าว่าจะนำมันไปให้อาจารย์ซักชิ้น เพื่อ จะได้เรียนมนต์ตราแปลกๆ กับอาจารย์อีกสักบทหนึ่ง
: แหม่ๆ เจ้านี่ ต้องติดสินบนตลอดเลยนะ
: อ่ะๆ มัวคุยกันอยู่แบบนี้เดียวไม่ทันอาจารย์หรอก รีบไปกันเถอะ วิสนี่ โอลรี่
ฟิ้วๆๆ แพล๊ะ โครม .. ! เอ๊ะ ! นั้นเสียงอะไรหน่ะ ?
: ว้า ข้าทำมันไม่สำเร็จอีกแล้วสิหน่ะ
เสียงคนแก่บ่นพรึมพรำๆ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า ..
ฮ่าๆ มาแล้วหรอลูกศิษย์ จอมดื้อของข้าทั้งสอง
นี่ โอลรี่ ! ข้าไม่อยากบอกเลยว่า ข้าเกลียดเสียงหัวเราะของอาจารย์ที่สุดเลย เจ้าอย่าไปบอกอาจารย์ล่ะ ! ข้าไม่อยากจะโดนเสกให้กลายเป็นช้างหูเดียวอีก
: ฮ่าๆ เชน เจ้านี่ มีอะไรตลกๆให้ข้าฟังตลอดเลยนะ บ้างทีข้าก็อดนึกไม่ได้ที่อยากจะเห็นเจ้ากลายเป็นช้างหูเดียว เอาล่ะ ! วางใจได้ ข้าไม่บอกอาจารย์หรอก
: เอ้าๆ โจเซฟฟิน เชน นั้นเจ้าถืออะไรมาล่ะหน่ะ !
: อ่อ อาจารย์ครับ แม่ของข้าทำพายแอปเปิ้ลราดด้วยครีมองุ่น ข้าเลยนำมาฝากท่านหน่ะครับอาจารย์
: ฮ่าๆๆ ขอบใจๆ ! เจ้ามากโจเซฟฟินเชน
: แต่ข้ารู้ในใจเจ้าว่าคิดถึงเรื่องใด
: เรื่องใดเล่า?
: จะให้ข้าสอนเวทมนต์ งั้นรึ?
: ห๊ะ ! ท่านรู้ได้อย่างไรกัน
: ฮ่าๆๆ เจ้าลูกศิษย์เอ้ย ! เจ้าไม่ต้องห่วง วันนี้ มีเรื่องอะไรให้เจ้าตกใจอีกเป็นแน่ !
: เรื่องอะไรหรอหรอค่ะ อาจารย์ วิสนี่โอลรี่ ถาม
: ข้าเคยได้ยินว่า ที่หลังภูเขาด้านนู้น ไกลออกไปจากดินแดนของเรา มีนกตัวหนึ่ง ป่วยด้วยคำสาป ฮอลเวลตัน !
: ห่ะ ! คำสาป ฮอลเวลตัน ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
: แต่ข้าเคยได้ยิน มันเป็นคำสาปที่ร้ายแรงที่สุด ในดินแดนของเราเลย เขาว่ากันว่า ใครโดนเข้าไปแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
: ฮ่าๆ เจ้าพูดถูกแล้ว โจเซฟฟินเชน ! เป็นจริงดั่งตาเห็น
: แล้วเรา จะช่วยถอนคำสาป ให้เจ้านกโชคร้ายตัวนี้ได้ไหมค่ะ วิสนี่ โอลรี่ ถามด้วยสีหน้า ครุ่นคิด?
: เจ้าไม่ต้องห่วงวิสนี่ โอลรี่ เราจะไปหาคำตอบด้วยกัน ก่อนอื่นเลย พวกเจ้าทั้งสองต้องรีบกลับไปเอาหมวกเวทมนต์ มาก่อน และอยากลืม สิ่งที่ข้าให้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา คือ ความกล้า !
: แอ่มๆ ! ข้าดูเป็นไงบ้างโอลรี่
: เจ้าก็ดูเหมือนพ่อมด น้อยจอมดื้อไงล่ะ ฮ่าๆ
: แล้วข้าละ ดูเป็นอย่างไรบ้างเวลาใส่หมวกเวทมนต์
: ข้าว่า เจ้าควรจะกินพายแอปเปิ้ลราดซอสองุ่น ที่แม่ข้าทำนะ จะได้ตัวโตกว่านี้ขึ้นมาหน่อย
วิสนี่ โอลรี่ ทำหน้างงๆ ! และแลบลิ้นใส่ เชน หลังจากนั้น ทั้งสองก็รีบเดินทางกลับไปหาอาจารย์
: พวกเจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ?
: พร้อมแล้วครับอาจารย์
: พร้อมค่ะอาจารย์
: ฮ่าๆ งั้นก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย แต่อยากลืมสิ่งที่ข้าให้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลาล่ะ ! นั้นคือ ความกล้า
หลังจากสิ้นเสียง การผจญภัยของทั้งสามคนก็เริ่มต้นขึ้น มุ่งหน้าไปยังดินแดนลึกลับ ณ ที่แห่งนั้น ทุกสิ่ง ก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนว่าเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างทำให้สื่อถึงว่า ดินแดนที่ทั้งสามคนกำลังจะก้าวย่างผ่านเข้าไปต้องคำสาปอย่างแท้จริง ! ทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่มเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีดำ ท้องฟ้าที่เคยมีแสงแดดสีเหลืองอ่อนเสียงนกแพรริสร้องยามเช้ากลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องท้องฟ้าเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิทเหมือนกับไม่มีสิ่งใดจะก้าวผ่านเข้ามาได้ ฝนที่ตกลงมาโดนผิวหนังทำให้ วิสนี่ โอลรี่ และ โจเซฟฟิน เชน แสบร้อนผิวหนัง ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง คงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเสียงหัวเราะของใคร ?
: ฮ่าๆ เขาเรียกว่าฝนกรด นี่ล่ะนะ ! ที่ข้าบอกให้เตรียมหมวกเวทมนต์มาด้วย ไม่งั้นเจ้าทั้งสองคนได้แสบหน้าแสบตากันน่าดู เอ้านี่! น้ำลายเมือกของกบเพรสซี่ ทาตามผิวหนังเร็วเข้า เจ้าจะได้ไม่แสบตัว
: อาจารย์ ค่ะ ท่านนี่ มีเรื่องแปลกๆมาเซอร์ไพรส์ ให้พวกเราแปลกใจตลอดเลยนะ ตกลงท่านให้เราเอาหมวกเวทมนต์มาใส่เพื่อกันฝนกรดงั้นรึ ?
: ฮ่าๆ บ้างที ของที่ดูเป็นต้องใช้เวทมนต์ บ้างครั้ง ก็ไม่ต้องไปใช้ แบบวิศงวิเศษอะไรกันหร๊อก เขาเรียก การเอาตัวรอด ! แต่ที่ข้าจะบอก เราต้องใช้ของที่เรามีให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ยิ่งในดินแดนแบบนี้ ใช้แบบธรรมดาๆในสถานการณ์แบบนี้ไงล่ะ ! ทำให้เจ้าทั้งสองคนไม่แสบหน้าแสบตา ไงลูกศิษย์ข้า พอพูดจบเสียงหัวเราะ ก็เริ่มเบาลง แต่กลับมีเสียงฝนตกหนักขึ้นอีก ครึ้มๆๆ เปรี๊ยง ! เปรี๊ยง !
: อาจารย์ครับ ! ฟ้าผ่า แรงจนหัวใจข้าสะเทือนเหมือนจะหลุดออกมาจากร่างเลย !
: เอ๊าๆๆ ไม่ต้องตกใจไป ข้าว่า เราไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นกันก่อนดีกว่า เอ้า ! เร็วเข้า รีบวิ่งตามมา
หลังจากที่ทั้งสามคนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ ฝนที่ตกหนักกับเสียงฟ้าร้อง ก็เริ่มเบาบางลงอย่างทันตาเห็น คล้ายกับ ไส้เทียนในตะเกียง ที่ไหม้และดับลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจารย์ต้องค่อยเปลี่ยนเอาไส้อันใหม่ใส่อยู่ตลอดเวลา
ฟิกๆ ฟิกๆ ! ชี่ .... เอาล่ะ คงสว่างได้ทั้งคืน เสียงคนแก่จุดไม้ขีดไฟเพื่อต่อแสงไฟในตะเกียง
: อ่า ลูกศิษย์ข้า คืนนี้ เราจะพักกันที่นี่ เพื่อหลบฝน พอ พรุ่งนี้ยามเช้า เราจะออกเดินทางกันต่อ
: อาจารย์ค่ะ ที่บินๆวนๆ ไปมารอบรอบตะเกียงนี่มันคือตัวอะไรหรอค่ะ
: ฮ่าๆ อ่อ นี่คือตัว แทรมกิส ! มันชอบอยู่กับไฟ แต่ไม่มีอันตราย
: เอ๊ะ! อาจารย์ครับ บนตนไม้นั้นเหมือนจะมีบ้านของใครอยู่บนนั้นเลย ถ้าข้าตาไม่ฝาดนะ โจเซฟฟิน เชน ร้องด้วยความแปลกใจ !
: ข้าว่าเจ้าตาไม่ฝาดนะ เชน แต่บ้านมันผุพังหมดแล้วนี่ นั้นสิ เอ้ ! .. ข้าว่ามันแปลกๆนะ ? อาจารย์ค่ะ ดินแดนอันตรายแบบนี้ ยังมีมนุษย์มาสร้างบ้านบนต้นไม้อีกหรอ?
: เอาล่ะ ลูกศิษย์ข้า ความจริงก็คือ มีบ้านอยู่หนทุกแห่งเลย เพียงแต่พวกเจ้าคิดไม่ถึงหน่ะสิ ว่าที่นี่จะมีบ้านคน จริงๆแล้ว ! ไม่ว่าจะที่ใด ซอกใด มุมใด ก็มักจะมีบ้านมนุษย์ทั้งนั้น แม้กระทั้ง ที่นี่ เจ้าว่าอันตรายไหม อันตราย ! ทั้ง โจเซฟฟิน เชน และ วิสนี่ โอลรี่ ต่างพูดประสานเป็นเสียงเดียวกัน ! แต่เราทั้งสามคนก็ยังเข้ามาได้ แสดงว่าคนอื่นๆ ก็ต้องเข้ามาได้เช่นเดียวกัน จริงมั๊ย ! เอาล่ะ ไหนๆเจ้าทั้งสองคนก็สงสัยเรื่องของบ้านที่ผุๆพังๆ อยู่บนต้นไม้ ต้นนี้ แล้ว ! งั้นข้าจะเล่า ตำนานของบ้านหลังนี้ให้เจ้าทั้งสองฟังแล้วกัน !
ลงแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ เอาไว้ถ้ามีคนชอบผมจะมาขออนุญาติลงให้อ่านอีกครังนะครับผม ขอบคุณครับ
นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ตอนที่1
หลายๆคนคงงงว่า เอ๊ะ ! ทำไหมให้ชื่อเริ่องว่า นิยายแห่งความฝัน 55+ ผมต้องขอบอกแบบนี้นะครับ มันตรงกับชื่อเลย เพราะผมเองในคืนหนึ่งนานแล้วนะ55+ผมได้ฝันถึงเรื่องราวๆต่างๆ ที่ในโลกแห่งความจริงมันไม่อาจจะเป็นจริงได้นะครับ แล้วฝันมันก็ดีมากด้วย 55 (คิดไปเอง ) ผมก็เลยกลัวลืมไงเลยมาแต่งไว้กันลืมเวลามาอ่านที่ไร นึกถึงความฝันนี้ทุกที แต่ต้องขอบอก บางเรื่องราวในนิยาย ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในความฝันบางส่วนนะครับ ที่เหลือ คือ จินตนาการ ล้วนๆ ผมเลย แต่งนิยายขึ้นมา จากความฝันของผมส่วนหนึ่ง และ ประสบการณ์ที่ผมชอบอ่านหนังสือนิยาย และนิทานกริมส์ หฤโหด แนวๆผจญภัย ต่างๆ เด็กๆ อะไรอย่างนี้นะครับ มารวบรวมเอาประสบการณ์อ่านแล้วก็จินตนาการส่วนตัวของผมเองมาทำเป็นเรื่องนิยายแห่งความฝัน ส่วนในเรื่อง นะครับ เป็นนิยายเด็กๆผจญภัย หากใครหลายๆ คนไม่ชอบแบบนี้ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ เรื่องราวก็ประมาณ มีอาจารย์และลูกศิษย์สามคนต้องเดินทางไปช่วย นกเชอรี่ที่ต้องคำสาป รเายแรง แต่ระหว่างการเดินทางนั้นไม่ง่ายเลย เจอ อุปสรรค ต่างๆมามาย ไงก็ผมขอฝากนิยาย ขอผมไว้ในอ่านเล่นๆแล้วกันนะครับ ผมพูดมายาวมากเลย ต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมตื่นเต้นไง 555 + เอาล่ะต้องไปนี้คือ นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ตอนที่ 1 ครับ อ๊อ เดียว เวลาอ่าน บทที่อาจารย์พูดอ่ะ ให้นึกถึงเสียงพากย์ไทยของ แฮกริด ในเรื่องแฮรี่ พอดเตอร์นะ เพื่อเพิ่มอรรถรส ในการอ่านครับ มาๆ 555+
นิยายแห่งความฝัน
ตอน นกเชอรี่
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนที่ห่างไกล ที่แห่งนี้ มีแต่พรรณไม้ป่าที่สวยงามพริ้วไสว ลึกเข้าไปในเซนด์? วิลตัน เอ๊ะ ! นั้นมันที่ไหนกัน อ่อ แน่นอนคงไม่ต้องสงสัยเลย มันคือดินแดนแห่งป่าเขียวชะอุ่ม ที่ๆเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์ ที่นี่ทุกๆอย่างย่อมเป็นจริงได้ และที่นี่ อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อน ไม้ดอกส่งกลิ่นหอมเย้ายวลชวนนึกฝันและพร้อมทั้งแสงแดดรุ่งอรุณยามเช้าบรรยากาศแบบนี้ข้าว่าน่าจะทำวาฟเฟิล กับรีดนมสดของวัว
แพรริสนะ ทันใดนั้น ! ก็มีเสียงใครสักคนดังขึ้น เอ๊ะ ! เสียงใครกันนะ ?
: เชน นั้นเจ้ากำลังจะไปไหน ?
: อ่อ ! ข้าว่าจะไปหาอาจารย์ซักหน่อยหน่ะ เจ้าจะไปกับข้าไหม
: แปลกใจ ? ที่เจ้าขยันเรียนนะ โจเซฟฟิน เชน วันนี้นึกคึกคักอะไรขึ้นมากันหล่ะ !
: พอดีแม่ของข้าทำพายแอปเปิ้ลราดด้วยครีมองุ่น ข้าว่าจะนำมันไปให้อาจารย์ซักชิ้น เพื่อ จะได้เรียนมนต์ตราแปลกๆ กับอาจารย์อีกสักบทหนึ่ง
: แหม่ๆ เจ้านี่ ต้องติดสินบนตลอดเลยนะ
: อ่ะๆ มัวคุยกันอยู่แบบนี้เดียวไม่ทันอาจารย์หรอก รีบไปกันเถอะ วิสนี่ โอลรี่
ฟิ้วๆๆ แพล๊ะ โครม .. ! เอ๊ะ ! นั้นเสียงอะไรหน่ะ ?
: ว้า ข้าทำมันไม่สำเร็จอีกแล้วสิหน่ะ
เสียงคนแก่บ่นพรึมพรำๆ แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า ..
ฮ่าๆ มาแล้วหรอลูกศิษย์ จอมดื้อของข้าทั้งสอง
นี่ โอลรี่ ! ข้าไม่อยากบอกเลยว่า ข้าเกลียดเสียงหัวเราะของอาจารย์ที่สุดเลย เจ้าอย่าไปบอกอาจารย์ล่ะ ! ข้าไม่อยากจะโดนเสกให้กลายเป็นช้างหูเดียวอีก
: ฮ่าๆ เชน เจ้านี่ มีอะไรตลกๆให้ข้าฟังตลอดเลยนะ บ้างทีข้าก็อดนึกไม่ได้ที่อยากจะเห็นเจ้ากลายเป็นช้างหูเดียว เอาล่ะ ! วางใจได้ ข้าไม่บอกอาจารย์หรอก
: เอ้าๆ โจเซฟฟิน เชน นั้นเจ้าถืออะไรมาล่ะหน่ะ !
: อ่อ อาจารย์ครับ แม่ของข้าทำพายแอปเปิ้ลราดด้วยครีมองุ่น ข้าเลยนำมาฝากท่านหน่ะครับอาจารย์
: ฮ่าๆๆ ขอบใจๆ ! เจ้ามากโจเซฟฟินเชน
: แต่ข้ารู้ในใจเจ้าว่าคิดถึงเรื่องใด
: เรื่องใดเล่า?
: จะให้ข้าสอนเวทมนต์ งั้นรึ?
: ห๊ะ ! ท่านรู้ได้อย่างไรกัน
: ฮ่าๆๆ เจ้าลูกศิษย์เอ้ย ! เจ้าไม่ต้องห่วง วันนี้ มีเรื่องอะไรให้เจ้าตกใจอีกเป็นแน่ !
: เรื่องอะไรหรอหรอค่ะ อาจารย์ วิสนี่โอลรี่ ถาม
: ข้าเคยได้ยินว่า ที่หลังภูเขาด้านนู้น ไกลออกไปจากดินแดนของเรา มีนกตัวหนึ่ง ป่วยด้วยคำสาป ฮอลเวลตัน !
: ห่ะ ! คำสาป ฮอลเวลตัน ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน
: แต่ข้าเคยได้ยิน มันเป็นคำสาปที่ร้ายแรงที่สุด ในดินแดนของเราเลย เขาว่ากันว่า ใครโดนเข้าไปแล้ว ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
: ฮ่าๆ เจ้าพูดถูกแล้ว โจเซฟฟินเชน ! เป็นจริงดั่งตาเห็น
: แล้วเรา จะช่วยถอนคำสาป ให้เจ้านกโชคร้ายตัวนี้ได้ไหมค่ะ วิสนี่ โอลรี่ ถามด้วยสีหน้า ครุ่นคิด?
: เจ้าไม่ต้องห่วงวิสนี่ โอลรี่ เราจะไปหาคำตอบด้วยกัน ก่อนอื่นเลย พวกเจ้าทั้งสองต้องรีบกลับไปเอาหมวกเวทมนต์ มาก่อน และอยากลืม สิ่งที่ข้าให้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลา คือ ความกล้า !
: แอ่มๆ ! ข้าดูเป็นไงบ้างโอลรี่
: เจ้าก็ดูเหมือนพ่อมด น้อยจอมดื้อไงล่ะ ฮ่าๆ
: แล้วข้าละ ดูเป็นอย่างไรบ้างเวลาใส่หมวกเวทมนต์
: ข้าว่า เจ้าควรจะกินพายแอปเปิ้ลราดซอสองุ่น ที่แม่ข้าทำนะ จะได้ตัวโตกว่านี้ขึ้นมาหน่อย
วิสนี่ โอลรี่ ทำหน้างงๆ ! และแลบลิ้นใส่ เชน หลังจากนั้น ทั้งสองก็รีบเดินทางกลับไปหาอาจารย์
: พวกเจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ?
: พร้อมแล้วครับอาจารย์
: พร้อมค่ะอาจารย์
: ฮ่าๆ งั้นก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย แต่อยากลืมสิ่งที่ข้าให้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลาล่ะ ! นั้นคือ ความกล้า
หลังจากสิ้นเสียง การผจญภัยของทั้งสามคนก็เริ่มต้นขึ้น มุ่งหน้าไปยังดินแดนลึกลับ ณ ที่แห่งนั้น ทุกสิ่ง ก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนว่าเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่างทำให้สื่อถึงว่า ดินแดนที่ทั้งสามคนกำลังจะก้าวย่างผ่านเข้าไปต้องคำสาปอย่างแท้จริง ! ทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่มเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีดำ ท้องฟ้าที่เคยมีแสงแดดสีเหลืองอ่อนเสียงนกแพรริสร้องยามเช้ากลับกลายเป็นเสียงกรีดร้องท้องฟ้าเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิทเหมือนกับไม่มีสิ่งใดจะก้าวผ่านเข้ามาได้ ฝนที่ตกลงมาโดนผิวหนังทำให้ วิสนี่ โอลรี่ และ โจเซฟฟิน เชน แสบร้อนผิวหนัง ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง คงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเสียงหัวเราะของใคร ?
: ฮ่าๆ เขาเรียกว่าฝนกรด นี่ล่ะนะ ! ที่ข้าบอกให้เตรียมหมวกเวทมนต์มาด้วย ไม่งั้นเจ้าทั้งสองคนได้แสบหน้าแสบตากันน่าดู เอ้านี่! น้ำลายเมือกของกบเพรสซี่ ทาตามผิวหนังเร็วเข้า เจ้าจะได้ไม่แสบตัว
: อาจารย์ ค่ะ ท่านนี่ มีเรื่องแปลกๆมาเซอร์ไพรส์ ให้พวกเราแปลกใจตลอดเลยนะ ตกลงท่านให้เราเอาหมวกเวทมนต์มาใส่เพื่อกันฝนกรดงั้นรึ ?
: ฮ่าๆ บ้างที ของที่ดูเป็นต้องใช้เวทมนต์ บ้างครั้ง ก็ไม่ต้องไปใช้ แบบวิศงวิเศษอะไรกันหร๊อก เขาเรียก การเอาตัวรอด ! แต่ที่ข้าจะบอก เราต้องใช้ของที่เรามีให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ยิ่งในดินแดนแบบนี้ ใช้แบบธรรมดาๆในสถานการณ์แบบนี้ไงล่ะ ! ทำให้เจ้าทั้งสองคนไม่แสบหน้าแสบตา ไงลูกศิษย์ข้า พอพูดจบเสียงหัวเราะ ก็เริ่มเบาลง แต่กลับมีเสียงฝนตกหนักขึ้นอีก ครึ้มๆๆ เปรี๊ยง ! เปรี๊ยง !
: อาจารย์ครับ ! ฟ้าผ่า แรงจนหัวใจข้าสะเทือนเหมือนจะหลุดออกมาจากร่างเลย !
: เอ๊าๆๆ ไม่ต้องตกใจไป ข้าว่า เราไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่นั้นกันก่อนดีกว่า เอ้า ! เร็วเข้า รีบวิ่งตามมา
หลังจากที่ทั้งสามคนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ ฝนที่ตกหนักกับเสียงฟ้าร้อง ก็เริ่มเบาบางลงอย่างทันตาเห็น คล้ายกับ ไส้เทียนในตะเกียง ที่ไหม้และดับลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจารย์ต้องค่อยเปลี่ยนเอาไส้อันใหม่ใส่อยู่ตลอดเวลา
ฟิกๆ ฟิกๆ ! ชี่ .... เอาล่ะ คงสว่างได้ทั้งคืน เสียงคนแก่จุดไม้ขีดไฟเพื่อต่อแสงไฟในตะเกียง
: อ่า ลูกศิษย์ข้า คืนนี้ เราจะพักกันที่นี่ เพื่อหลบฝน พอ พรุ่งนี้ยามเช้า เราจะออกเดินทางกันต่อ
: อาจารย์ค่ะ ที่บินๆวนๆ ไปมารอบรอบตะเกียงนี่มันคือตัวอะไรหรอค่ะ
: ฮ่าๆ อ่อ นี่คือตัว แทรมกิส ! มันชอบอยู่กับไฟ แต่ไม่มีอันตราย
: เอ๊ะ! อาจารย์ครับ บนตนไม้นั้นเหมือนจะมีบ้านของใครอยู่บนนั้นเลย ถ้าข้าตาไม่ฝาดนะ โจเซฟฟิน เชน ร้องด้วยความแปลกใจ !
: ข้าว่าเจ้าตาไม่ฝาดนะ เชน แต่บ้านมันผุพังหมดแล้วนี่ นั้นสิ เอ้ ! .. ข้าว่ามันแปลกๆนะ ? อาจารย์ค่ะ ดินแดนอันตรายแบบนี้ ยังมีมนุษย์มาสร้างบ้านบนต้นไม้อีกหรอ?
: เอาล่ะ ลูกศิษย์ข้า ความจริงก็คือ มีบ้านอยู่หนทุกแห่งเลย เพียงแต่พวกเจ้าคิดไม่ถึงหน่ะสิ ว่าที่นี่จะมีบ้านคน จริงๆแล้ว ! ไม่ว่าจะที่ใด ซอกใด มุมใด ก็มักจะมีบ้านมนุษย์ทั้งนั้น แม้กระทั้ง ที่นี่ เจ้าว่าอันตรายไหม อันตราย ! ทั้ง โจเซฟฟิน เชน และ วิสนี่ โอลรี่ ต่างพูดประสานเป็นเสียงเดียวกัน ! แต่เราทั้งสามคนก็ยังเข้ามาได้ แสดงว่าคนอื่นๆ ก็ต้องเข้ามาได้เช่นเดียวกัน จริงมั๊ย ! เอาล่ะ ไหนๆเจ้าทั้งสองคนก็สงสัยเรื่องของบ้านที่ผุๆพังๆ อยู่บนต้นไม้ ต้นนี้ แล้ว ! งั้นข้าจะเล่า ตำนานของบ้านหลังนี้ให้เจ้าทั้งสองฟังแล้วกัน !
ลงแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ เอาไว้ถ้ามีคนชอบผมจะมาขออนุญาติลงให้อ่านอีกครังนะครับผม ขอบคุณครับ