นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ตอนที่4

กระทู้สนทนา
พลุโอ่งพลุพลุโอ่งพลุ สวัสดีครับ ทุกคน สบายดีนะครับ  
นี่ก็เป็นตอนที่ 4 แล้วนะครับ สำหรับ นิยาย ซีรีย์เรื่องนี้  
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะครับที่ชอบอ่านนิยาย แนวผจญภัยแบบนี้ ค๊าฟๆ
ผมเองได้แต่งตอนนี้เพิ่งเสร็จมาไม่นาน เพราะ โดนเพื่อนๆบอกรีบแต่งๆเร็วๆจะอ่านๆ  555+ ( รู้สึกดีใจมาก )

ผมก็บอกไปว่าคนรู้จักรอ ย่อมจะได้ดี 55+  รีบไม่ได้หรอก แต่งนิยายนะเฟ้ย รีบแต่งไปเดียวมันจะออกมาไม่ดี
ใจเย็นๆ ประจวบกับ ผมเองก็ทำงานด้วยนะครับ เลยไม่ค่อยมีเวลามาลงให้ แต่วันนี้มาได้หัวค่ำหน่อย อิอิ
เมื่อวานวันแรงงาน ไง วันนี้เลยได้หยุด รู้สึกมีเวลาดีจัง อิอิ  เอาล่ะครับ ตอนที่ 4 พร้อมแล้ว ! ขอกำลังใจให้กับ
อาจารย์เวทมนต์ผ็มีดวงตาสีน้ำเงิน และ ลูกศิษย์ โจเซฟฟิน เชน กับ วิสนี่โอลรี่ ด้วยนะครับ พร้อมแล้ว ไปกับเลย ฟิ้วๆๆ......



นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ตอนที่4 ( ถ้ำมรณะ ) เจ้าคิกคัก

แสงในถ้ำเหลือน้อยเต็มที ความมืดเริ่มทำหน้าที่ของมันสะกดคาราวานน้อยๆเหล่านี้ให้ตกอยู่ในผวังถ้ำมรณะ
ในไม่ช้าทั้งสามคนก็เริ่มรู้สึกว่าหลงทางเพราะความมืดได้เดินทางไปทุกทิศทุกแห่งหนเปรียบเสมือนกับว่า
เรากำลังหลับตาเดินอยู่บนช่องแคบในหุบเขาอย่างไรอย่างนั้น แต่ จู่ๆ ก็มีดวงไฟเกิดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ !
และมีเสียงพูดขึ้นมาว่า ..


: ไม่ต้องแปลกใจ ข้ามาดี!
โจเซฟฟิน เชน และ วิสนี่ โอลรี่ ถึงกับตะลึงถึงเสียงที่เอ่ยดังออกมาจากดวงไฟ
ด้วยว่า เป็นเสียงของผุ้หญิงคนหนึ่งที่มีน้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนโยน ยิ่งนัก
หลังจากนั้นอีกไม่ถึงอึดใจ ดวงไฟนั่น ก็พูดขึ้นมาอีกว่า
: อ่อ ข้าเกือบลืมไป และข้าต้องขอขอบใจอาจารย์ของเจ้าด้วยนะ ที่เล่าเรื่องราวของข้าให้พวกเจ้าได้ฟัง
และข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าทั้งสองคน ชอบฟังเรื่องราวของข้า ถึงแม้ว่าเรื่องจริง
จะเจ็บปวดและทรมานกว่าคำพูดที่ได้เล่าเอ่ยไปหลายคนานับ!



คำพูดประโยคนี้ ทำเอาทั้ง โจเซฟฟิน เชน และ วิสนี่ โอลรี่ ถึงกับ งงเลยที่เดียวว่า
ได้เคยฟังเรื่องราวของดวงไฟพูดได้ตอนไหน ! ทันใดนั้นดวงไฟที่ลุกโชนเปล่งแสงราวกับความหวังในยามราตรี
ก็ได้แปรเปลี่ยนกายเป็นโฉมงามหญิงสาวผู้ที่มีดวงตาสีฟ้าครามจากพรของท้องทะเลริมฝีปากสีชมพูอ่อนหน้าตาเรียวคม
ประดุจดั่งเทพีเฮร่ามองดูโสภาอ่อนโยนยิ่งนักดั่งคำที่อาจารย์ได้เคยเล่าไว้ว่าผู้ใดที่ต้องสายตาหรือรูปโฉมของนางจักต้อง
ตกอยู่ในผวังสะกดจิตใจผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอา โจเซฟฟิน เชน ถึงกับเอ่ยปากออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
ท่านช่างงดงามราวกับเทพีนางฟ้านางสวรรค์



: ขอบใจเจ้ามากนะที่ชมข้า โจเซฟฟินเชน แต่สิ่งต่างๆที่เห็นมักไม่เป็นเช่นที่เห็นเสมอไป
นามของข้าคือ แฟรนเชีย ลอร์เรียน่า วิญญาณของข้าได้ผูกพันและสิงสถิตอยู่กับไฟ ณ ดินแดนแห่งนี้
เพลาที่ท่านอยากพบข้าให้ท่านลองมองไปยังดวงไฟที่ลุกโชนแล้วอฐิธาน ข้าจะมา .
ข้าได้ยินมาว่ามีคาราวานกลุ่มน้อยๆกลุ่มหนึ่งจะต้องเดินทางผ่านเข้าไปในถ้ำมรณะ
ซึ่งในที่แห่งนั้นมืดดำสนิทเสมือนกลับไม่มีอะไรจะหลุดรอดเข้าไปได้ ข้าขอถามเจ้าทั้งสามคนหน่อยได้ไหม
ว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องเดินทางผ่านเข้าไป ณ ที่นั่น




หลังจากที่เสียงของผู้ที่มีโฉมกายงดงามได้เงียบสงบลง ก็มีเสียงของเด็กหญิงผู้หนึ่งดังขึ้นมาว่า
: อ่อ.. เราจะต้องรีบเดินทางไปช่วยนกเชอรี่ผู้เคราะห์ร้าย เราจำเป็นจริงๆค่ะที่ต้องเดินทางผ่านรอดเข้าไปในถ้ำมรณะที่มืดมิด
: โฮ่ะๆ เสียงหัวเราะประหลาดดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งได้ตามหลังมาว่า
เด็กๆเอาล่ะนะ ฮืม..ที่นี้พวกเจ้าคงไม่สงสัยเรื่องที่ข้าได้เล่าให้ฟังแล้วสินะ ตำนานมีจริง !




ว่าแต่ท่าน แฟรนเชีย ลอร์เรียน่า อย่าถือสาเด็กน้อยทั้งสองคนนี้เลยนะ พวกเขาเป็นลูกศิษย์ข้า
ต้องขออภัยด้วยที่ข้าไม่ได้แนะนำให้ท่านได้รู้จักก่อนหน้านี้ เราทั้งสามคนจำเป็นต้องเดินทางผ่านถ้ำแห่งนี้
เข้าไปออกอีกฝั่งที่อยู่ทางด้านหลัง ท่านพอจะรู้เส้นทางหรือไหม ?
: แน่นอน ข้าเห็นความแน่วแน่และความมีไมตรีจิตของพวกท่านที่มีต่อนกน้อยผู้ต้องมนต์สาป
ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอเป็นแสงสว่างนำทางให้พวกท่านได้ไปถึงยังที่จุดหมาย แต่ข้าอยากจะขอพูดสักเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม?




: ตกลง ท่านอยากจะพูดถึงสิ่งใดกันเล่า ? น้ำเสียงของอาจารย์พูดโต้ตอบไปเสมือนกับมีความกังวลใดซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้น
: ตกลง ! ข้าอยากจะพูดว่า .. ณ ที่นั่นมีแต่ความชั่วร้าย เส้นทางมืดดำสนิท หนทางของถ้ำจะเปลี่ยนไปทุกๆครั้ง
ที่ท่านได้หลับหรือตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เช่นนั้นแล้ว ห้ามมีผู้ใดหลับระหว่างเดินทางก่อนที่จะได้ออกไปจากถ้ำแห่งนี้
ไม่เช่นนั้นท่านทั้งสามจะไม่มีวันได้ออกมาจากถ้ำมรณะอีกตลอดกาล ถ้าท่านทั้งสามตกลงว่าทำได้ ข้าเองก็จะนำทางให้พวกท่านเอง
เสียงของเด็กสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า




: ข้าหน่ะ ..ไม่มีวันหลับได้ในความมืดมิดเช่นนั้นหรอก ! อาจารย์ได้โปรดไว้ใจข้าเถอะ
: ข้าเอง ก็จะไม่หลับอย่างแน่นอนครับอาจารย์ ข้าขอยอมอดอาหารมื้อเย็นดีกว่าที่จะไปหลับในที่แห่งนั้น
ขอท่านได้โปรดวางใจได้
: โฮ๊ะๆ พวกเจ้านี่สมกับเป็นลูกศิษย์ข้าจริงๆ ไม่กลัวกันเลยรึ ?
เสียงของพ่อมดและแม่มดน้อยดังขึ้นประสานเป็นเสียงเดียวกันออกมาว่า





: ไม่กลัว ! ครับ อาจารย์ ไม่กลัว ! ค่ะ อาจารย์
: เอาล่ะ! เอาล่ะ! ข้าเชื่อพวกเจ้าแล้ว ข้านี่นะ .. ตั้งแต่มาเป็นอาจารย์ยังไม่เคยเจอลูกศิษย์ผู้ใดจะกล้าและไม่กลัว
พร้อมไปกับข้าได้ทุกหนทุกแห่งแบบพวกเจ้าจริงๆ ข้าเนี่ยยอมพวกเจ้าจริงๆเลยนะ
เจ้าทั้งสองรู้ทั้งรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าไม่เหมือนกับเล่นอยู่ในสนามเด็กเล่นแต่พวกเจ้าก็ยังมีความมุ่งมั่น
ที่จะเข้าไปเพื่อช่วยเจ้านกเชอรี่ผู้เคราะห์ร้าย เอาล่ะข้าขอเดาเลยนะ ถ้าเจ้าทั้งสองผ่านบทพิสูจน์ในครั้งนี้ไปได้
เจ้าทั้งสองคนคงเป็นพ่อมดแม่มดที่ยิ่งใหญ่เก่งกล้าและโด่งดังมากเลยทีเดียว เอาล่ะ!  เรามาสัญญากันก่อนว่าเราจะไม่หลับ




: ทั้งโจเซฟฟิน เชน และ วิสนี่ โอลรี่ ต่างก็ผยักหน้าตอบตกลงกับอาจารย์ด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น
: ถ้าเป็นเช่นนี้ก็เข้าไปกันเถอะ!
คำพูดและปฏิกิริยาทั้งหมดนี้ทำให้ แฟรนเชีย ลอร์เรียน่า รู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
: หากพวกท่านทำตามที่ข้าขอได้แล้วเช่นนี้ ข้าก็สบายใจ ในนั้นยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ข้าเองก็ไม่อาจจะล่วงรู้ได้
ขอให้พวกท่านได้โปรดระวังไว้ให้มากด้วย  ข้าขอให้พวกท่านโชคดี ..
ทันทีที่เสียงพูดได้จบลง ร่างกายของเธอก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นไม้เท้าที่มีเพชรอัญมณีสีแดงเสมือนกับกลีบของดอกกุหลาบสีแดง




ที่ระยิบระยับแวววาวได้อยู่ตรงปลายด้าม ส่วนตัวด้ามของไม้เท้านั้นแปลงโฉมเป็นสีทองไสวงดงาม
เหมือนกับแสงแดดของพระอาทิตย์ที่เพิ่งจะตื่นและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
: เช่นนั้นแล้ว เราเข้าไปกันเถอะ เวลามีไม่มากแล้ว !
เสียงคนแก่พูดออกมาจากลำคอที่แห้งเหือดเพราะอากาศที่จำเป็นต้องหายใจนั้น
เต็มไปด้วยฝุ่นละอองของควันดำที่พวยพุ่งออกมาจากภายในถ้ำมรณะที่มืดมิด  




ในที่แห่งดูเหมือนว่าจะสมคำล่ำลือดั่งที่ได้มีผู้คนกล่าวขานไว้เสียจริง ยิ่งลึกเข้าไปข้างในเท่าใด
อากาศก็เริ่มเบาบางลงจนแมลงที่บินอยู่ในถ้ำร่วงหล่นลงบนพื้นดินเต็มไปหมดเพราะอากาศที่พวกมันใช้หายใจ
ไม่เพียงพอจนทั้งสามคนได้ยินเสียงตัวเอง เหยียบซากแมลงที่ดูเหมือนเพิ่งจะตายได้ไม่นานดัง แกล๊บ! แกล๊บ!
เป็นเสียงที่ชั่งน่าสยดสยองยิ่งนัก !





ผ่านไปได้สักพักหนึ่ง คาราวานน้อยๆเริ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก เหมือนกับว่าเรากำลังถูกโจรจากดินแดน โวรโดร่า
กดหมอนลงบนใบหน้าอย่างไรอย่างนั้น ช่องทางคับแคบบวกกับความมืดดำสนิทที่เสมือนจะไม่มีสิ่งใดผ่านเข้ามาได้
  มีเพียงแสงสีแดงจากเพชรอัญมณีบนยอดของไม้เท้าอาจารย์เท่านั้น ที่พอเป็นแสงร่ำไรให้ความหวังไปได้ช่วงระยะหนี่ง
: อาจารย์ครับ ท่านดูนี่สิ บนผนังถ้ำ มีอักษรแปลกๆ และ ลูกศรชี้ไป ให้เลี้ยวทางด้านซ้าย
และทันใดนั้นเสียงของเด็กผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น !
: อาจารย์ค่ะ  ท่านดูนี่สิ  บนผนังถ้ำ มีอักษรแปลกๆ และ ลูกศรชี้ไป ให้เลี้ยวทางด้านขวา
: เอาล่ะเจ้าทั้งสองไม่ต้องตกใจไป ไหนๆ ข้าขอดูหน่อยสิ ฮืม.. นี่มันภาษามรณะนี่ มีเพียงปีศาจถ้ำมรณะเท่านั้นที่เขียนภาษาแบบนี้ได้  ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้น  ตึม.... ตึม....  ตึม....เจ้าคิกคักเม่านอนไม่หลับ




: อาจารย์ค่ะ นั้นเสียงอะไร? เสียงของ วิสนี่ โอลรี่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แทบกระซิบ
จนแม้แต่แมลงในถ้ำก็อาจจะได้ยินไม่ถนัด
: เอ๊ะ ถ้าข้าจำไม่ผิดนะ นั่นคือ เสียงของปีศาจถ้ำมรณะ พวกเจ้าระวังตัวนะ
มันร้ายกาจเอามากเลยทีเดียวเชียว เอ้า เร็วเข้า !! ลูกศิษย์ข้าอยากส่งเสียงดังไป รีบย่องตามข้ามา เร็วเข้า !!
หลังจากนั้น ทั้งสามคนได้ไปหลบอยู่ตรงซอกช่องเขาแห่งหนึ่ง
ซึ่งคล้ายกับว่าจะเป็นบ้านชั้นดีที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้วในดินแดนที่น่าสะพรึงแห่งนี้





: จำไว้นะลูกศิษย์ข้า ห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเราทั้งสามคนคงกลายเป็นมื้อค้ำให้เจ้าปีศาจนี่เป็นแน่แท้ !
: อาจารย์ครับ เสียงของโจเซฟฟิน เชน พูดด้วยน้ำเสียงปานกระซิบว่า ข้าว่าเราควรให้แสงไฟสีแดงบนไม้เท้าดับลงก่อนดีไหม
ข้าว่ามันเดินตามแสงไฟสีแดงตามมาทางนี้แล้ว ตึม.... ตึม.... ตึม....




: อ่อ ! อย่างงั้น รึ ! ขอบใจเจ้ามาก โจเซฟฟิน เชน ข้าเกือบลืมไป  
ทันใดนั้นอาจารย์ก็เริ่ม รายคาถา บทหนึ่งขึ้นมาว่า เวลเฮย์ โฮวินเฟรด้า  ฟู่ๆๆ  .....  
หลังจากที่เสียงร่ายคาถาบทนี้สิ้นสุดลง ดวงไฟสีแดงจากไม้เท้าก็เริ่มเบาบางลงจนดับสนิท
และแน่นอนความมืดเริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง บรรยากาศในถ้ำมรณะมืดดำสนิทจนแม้แต่จะพยายามมองเสื้อโค้ดของตัวเอง
ก็จะถูกปฏิเสธจากความมืดโดยสิ้นเชิง  




: อาจารย์ค่ะมันมืดมากเลย ข้ามองอะไรไม่เห็นเลย ! เสียงกระซิบของเด็กสาวดังขึ้นอีกครั้ง !
: เอาล่ะ ไม่ต้องตกใจไป เจ้าทั้งสองจับมือข้าไว้ ห้ามปล่อยเด็ดขาดนะ !
ตึม.... ตีม.... ตีม.... ตีม....  ทันใดนั้นเสียงก็เริ่ม ดังขึ้น ! ดังขึ้น ! ดังขึ้น !  เรื่อยๆ .... จนคาราวานน้อยๆรู้สึกได้ว่า
เสียงมฤตยูนั้น ได้มาหยุดอยู่ตรงซอกช่องหน้าผาที่ทั้งสามคนใช้หลบซ่อนตัวอยู่
: ชู่ว์ๆ ชู่ว์ๆ เงียบไว้ลูกศิษย์ข้า อย่าตกใจ !  ค่อยๆถอยหลังเข้าไปในซอกผาเร็ว




แกล๊บ !  และแล้ว เสียงของซากแมลงที่ถูกเหยียบ ก็ดังขึ้น โดยเท้าของ ทั้งสามคน
ที่เผลอไปเหยียบอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผลที่ตามมานั้นเกินกว่าที่จะบรรยายได้คณานับ  
เพราะเสียงที่ดังเมื่อสักครู่นี่ส่งผลให้เปิดเผยตัวตนของคาราวานน้อยๆทั้งสามคนอย่างชัดเจน
และเสียงคลั่งของปีศาจถ้ำมรณะก็ดังขึ้นจนสะเทือนไปทั่วทั้งร่างของทั้งสามคน โฮ๊กกกกกวววววว เม่าตกใจเม่าในกองไฟโกรธโกรธ!!!!!!!!!!




: วิ่งลูกศิษย์ข้า ! อย่าหันกลับไปมองสายตาของมันเด็ดขาด เราจะถูกสาปให้เลือดออกจากตาจนหมดตัว
แล้วหลับโดยทีไม่มีวันตื่นทันทีที่มอง วิ่งๆ ! ขณะที่อาจารย์วิ่งไปก็มีเสียงดังขึ้นว่า !!  เวลเฮย์ วาล เฟรด้า  พริ้งงงงง....
. ก็บังเกิดแสงไฟสีแดงได้พวยพุงออกมาจากไม้เท้าอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำทาง !   จบ ตอนที่ 4




หว้า จบซ่ะ และ 555+ ครับ เอาไว้โอกาสหน้า ..  ผมจะมาลงต่อให้อีกนะครับ ขอบคุณทุกๆกำลังใจมากๆเลยครับ
พบกันใหม่ในเรื่องราวที่กำลังเข็มข้น จะมีใคร เป็นไรไหมนะ เอ๊ะ อันนี้ไม่แน่ใจ  ผมแนะนำนะครับ
ถ้าหากท่านไม่ชอบความสูญเสีย ท่านควรหานิยายเรื่องอื่นอ่านดีกว่า หึหึหึ.....  เชื่อข้าเถอะ เพราะ เรื่องนี้ ท่านจะรักใครได้ไม่นาน
คนนั้นอาจจะตายก็เป็นได้ 555+ พบกันใหม่โอกาสหน้า กับ นิยายแห่งความฝัน ตอน นกเชอรี่ ในตอนหน้า....

ฟิ้วๆๆ........  จบตอนที่ 4
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่