ตอนที่ 11 หวนคืนมา
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เทียมภพพร้อมทั้งบิดาและอาก็ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปรับลูกค้าชาวจีนที่ตั้งใจบินมาดูโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่อยุธยา แทนดาวอ่านข้อความในไลน์ที่พี่ชายส่งมาว่ากลางวันจะมารับไปรับประทานข้าว พอสายหน่อยก็มีเบอร์ไม่คุ้นโทรเข้ามา
“หวัดดีจ้ะน้องพลู พี่เวเองนะ”
“ค่ะพี่เว สวัสดีค่ะ” แทนดาวแปลกใจที่รุ่นพี่มีเบอร์ตนเอง คงจะเป็นพี่สาวแสนดีนั่นแหละที่ให้ไป
“วันนี้น้องพลูไปไหนหรือเปล่า? พี่อยากพาน้องพลูไปกินข้าวกลางวัน” เขาชวน
“คือ...วันนี้พี่หมากจะมารับไปกินข้าวเที่ยงพอดีค่ะ น้องพลูต้องรอ”
“งั้นหรือครับ งั้นเอาไว้ว่างๆพี่จะนัดใหม่นะ” เขาตอบเสียงอ่อยด้วยความผิดหวัง
“ก็ได้ค่ะ แต่...น้องพลูไม่รับปากนะคะว่าจะไปกับพี่เวได้มั้ย” แทนดาวเห็นใจเขาอยู่เหมือนกันแต่ความหวังดีที่อยากให้เขามีชีวิตรอดนั้นมีมากกว่า
“โอเค...พี่เข้าใจ แล้วเจอกันนะน้องพลู” แทนดาวไม่เคยมีเพื่อนชายจึงไม่รู้ว่าการตอบรับแบบนั้นทำให้อีกฝ่ายมีความหวังแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากเดินฮัมเพลงไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อรอครูสาวที่วันนี้จะมาสอนเพลงใหม่ให้ที่บ้าน
รมณ์นลินลุ้นว่าจะเจอมนุษย์ตกมันคนนั้นอีกหรือไม่แล้วก็โล่งใจที่วันนี้ไม่เจอ ‘ระเบิดชีวภาพ’ ร่องรอยที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้บนกลีบปากยังรงความร้อนรุมประทับอยู่ไม่หาย
“เอ่อ...แล้วพี่ชลไม่อยู่หลายวันอย่างนี้ พี่แฟงอยู่กับใครล่ะคะ?” แทนดาวก็ไม่ไม่กล้าเอ่ยปากถามถึงพี่ชายของครูสาวตรงๆ เลยได้แต่เลียบๆเคียงๆเอา
“แม่มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ เมื่อวานก็เฟสไทม์คุยกัน พี่ชลส่งรูปงานแข่งขันเชฟทำขนมมาให้ดูด้วย...ดูน่าสนุกมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องสอนเด็กๆ พี่คงขอตามไปดูด้วย”
“แล้วพี่ชล...เค้าไปคนเดียวเลยเหรอคะ?” แทนดาวก้มหน้างุดรู้ตัวว่าพลาดแล้ว
“คือ..หมายถึงพนักงานคนอื่นๆน่ะค่ะ ประมาณว่าไปดูงานไรงี้” คนถามขยายความเพิ่มพร้อมกับยิ้มอายๆ
“ถ้าเรื่องงานแบบนี้จะฉายเดี่ยวตลอด ก็พี่ชลยังโสดอยู่นี่คะ” รมณ์นลินตอบพร้อมกับยิ้มบางๆให้
“งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีมั้ย ขอทบทวนเพลงเก่าก่อนนะคะ” ครูสาวเบี่ยงเบนประเด็นการพูดคุยออกไปเพราะไม่อยากให้ลูกศิษย์สาวรู้สึกขัดเขิน รู้อยู่เต็มอกหรอกว่าพี่ชายตนเองคงไป ‘หยอด’ อะไรเอาไว้แน่ๆ
“อืม...แล้ววันนี้พี่แฟงมีธุระต่อที่ไหนหรือเปล่าคะ?”
“ไม่หรอกค่ะ เสร็จจากน้องพลูพี่ก็ต้องไปสอนที่โรงเรียนตอนบ่ายสาม”
“ดีเลยค่ะ...งั้นวันนี้เราไปทานกลางวันข้างนอกกัน”
“ได้สิคะ แล้วบอกคุณแม่หรือยัง?”
“คุณแม่รู้ก่อนน้องพลูอีกค่ะเพราะว่าวันนี้พี่หมากเป็นเจ้ามือ” รมณ์นลินชะงักมือที่กำลังพลิกสมุดโน้ต ตอนแรกคิดว่าลูกศิษย์สาวจะชวนไปกันแค่สองคนเลยตกปากรับคำ เจ็บใจตัวเองที่ใจร้อนไม่ยอมสอบถามให้เรียบร้อยก่อนว่ามีใครไปบ้าง
“พี่แฟงเป็นอะไรคะ? ใจลอยเชียว” ลูกศิษย์ถามเมื่อเห็นครูสาวยังคงค้างมือที่กำลังจะพลิกโน้ตเพลง รมณ์นลินรีบส่ายหน้า
“งั้นน้องพลูเริ่มเลยนะ” แทนดาวนั่งประจำที่แล้วเล่นทบทวนเพลงเก่าอย่างที่คุณครูบอก รมณ์นลินมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ต้องไปรับประทานอาหารกลางวันจึงไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงเพลงที่ลูกศิษย์สาวกำลังบรรเลง ไม่รู้เลยสักนิดว่าคนที่จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวได้มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องสักพักแล้ว พอน้องสาวเล่นเพลงคลาสสิกจบอย่างถูกต้องไพเราะเขาก็ปรบมือให้สองสามครั้งแล้วก้าวเข้ามาด้วยมาดนิ่งขรึม
“เก่งมากจ้ะใบพลู ไม่รู้ว่าครูของเราจะได้ฟังหรือเปล่าว่าเพลงเพราะขนาดไหน?” เทียมภพเดินมายืนข้างน้องสาวแต่ตายังจับจ้องอยู่ที่สตรีอีกคนไม่วางตา คำพูดนั้นจะว่าชมน้องสาวจริงๆก็ไม่เชิงนักดูคล้อยไปทางประชดประชันเสียมากกว่า รมณ์นลินตัวแข็งทื่อด้วยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอเขาเร็วขนาดนี้ ความรู้สึกร้อนวูบแล่นตั้งแต่ปลายผมสู่ปลายเท้า ยิ่งสบตากระด้างดุดันนั่นด้วยแล้วยิ่งทำให้ตัวสั่นและเผลอเม้มริมฝีปากแน่น
“คุณหมาก...มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” หล่อนละล่ำละลักถาม
“ก็มาทันได้ฟังเพลงเมื่อกี้แล้วก็เห็นคุณยืนเหม่อ เป็นครูประสาอะไรฮะ? ถึงไม่สนใจนักเรียนอย่างนี้” เทียมภพใส่เป็นชุด ก็เห็นยืนใจลอยอยู่เป็นนาน ขนาดน้องสาวเล่นเพลงจบแล้วยังยืนเฉยจนเขาต้องปรบมือเรียกสติ
“พี่หมากเนี่ย...พี่แฟงเค้าก็ฟังอยู่แล้ว อย่ามาหาเรื่องนะ แล้วไหนว่าจะมาเที่ยง...นี่ยังไม่ทันเที่ยงเลย” แทนดาวรีบห้ามทัพเพราะรู้ว่าพี่ชายกำลังอยู่ในอารมณ์พาล
“ก็งานพี่เสร็จก่อนเวลาเลยกลับมาบ้านเร็ว แล้วหนูคิดหรือยังล่ะคะ...ว่าอยากกินอะไร?” เทียมภพก้มหน้าลงไปถามน้องสาวอย่างเอาใจแล้วเลยหอมแก้มใสๆนั้นหนึ่งฟอด รมณ์นลินมองแล้วก็หมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
‘‘ทีกับน้องล่ะเปลี่ยนเป็นคนละคน น้องพลูจะรู้บ้างมั้ยว่าพี่ตัวเองน่ะจอมหาเรื่องชัดๆ’’
“ไม่น่าถาม...ต้องอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว” แทนดาวตอบทันควัน เทียมภพขยี้หัวน้องสาวเบาๆพลางคิดในใจว่าคงต้องกินอะไรรองท้องไปก่อนเพราะไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเอามากๆ
“อ้อ...น้องพลูชวนพี่แฟงไปด้วยค่ะ พี่แฟงตกลงแล้วด้วย” รมณ์นลินมองหน้าลูกศิษย์เลิกลั่ก คงหมดโอกาสปฏิเสธหรือเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม โธ่!...ถ้ารู้ว่าจะได้ไปกับคนอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้ล่ะก็ปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว
“เหรอ...งั้นก็เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวเที่ยงก็ออกไปกันเลย” เขาตอบสั้นๆแล้วก็เดินผิวปากจากไปอย่างสบายอารมณ์ รมณ์นลินมองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างไม่รู้ตัว
“พี่แฟง...พี่แฟงขา...” แทนดาวต้องร้องเรียกคุณครูถึงสองครั้งกว่าที่อีกฝ่ายจะหันมา
“คะ...อะไรเหรอ?” คนถูกเรียกหันมายิ้มเก้อๆให้ลูกศิษย์
“มาต่อกันเถอะค่ะ ไม่ต้องใจลอยนักหรอก เดี๋ยวกลางวันนี้ก็ได้ทานข้าวด้วยกันแล้ว” แทนดาวพูดจบก็อมยิ้มแล้วหันไปสนใจเปียโนต่อ รมณ์นลินอายจนหน้าแดง
ร้านอาหารยามเที่ยงนั้นแน่นเกือบทุกร้าน คนที่ปรารถนาจะได้ฟาดอาหารญี่ปุ่นให้ฉ่ำใจเป็นอันต้องเดินงุ่นง่านระหว่างรอเรียกคิวด้วยความหิว นี่ก็ปาเข้าเที่ยงครึ่งแล้วยังไม่ได้กินเลย แม้พี่ชายจะเสนอให้ไปร้านอื่นก็ไม่ยอม ยืนยันว่าตั้งใจมาแล้วก็ต้องรอได้ไม่อย่างนั้นจะเสียความตั้งใจอย่างแรง เทียมภพเกาหัวแกรก เขาน่ะไม่เป็นไรเพราะว่ากินรองท้องมาจากบ้านส่วนไอ้น้องสาวนั้นออกอาการโมโหหิวเต็มที่ ผิดกับครูสาวที่นั่งนิ่งไม่ปริปากใดๆ ความจริงหล่อนก็ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ถึงน้องสาวจะชวนคุยด้วยก็เอาแต่ถามคำตอบคำ จนเขานึกหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆว่า
‘‘กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไงกันแม่คุณ’’
“ถ้าอีกห้านาทียังไม่ได้เข้าไปล่ะก็...พลูจะถล่มร้านให้เละเชียว” แทนดาวเดินไปเดินมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ บ่นกระปอดกระแปดจนพี่ชายชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“หยุดเดินได้แล้ว...ก็พี่บอกให้ไปร้านอื่นก็ไม่เอา ป่ะ...เดี๋ยวพี่พาไปอีกร้านนึง”
“ไม่เอา! น้องพลูจะกินซูชิ ถ้าวันนี้ไม่ได้กินก็จะไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งวัน” พอน้องหนูเริ่มออกอาการดื้อแพ่ง พี่ใหญ่อย่างเขาก็ต้องเกาหัวเป็นรอบที่สิบ
“เอางี้มั้ยคะน้องพลู...พี่รู้จักร้านอาหารไทยอีกร้านที่นี่ มีอาหารญี่ปุ่นขายด้วย อาจจะน้อยกว่าร้านนี้แต่ก็อร่อยดีเหมือนกันนะคะ” รมณ์นลินเสนอ แทนดาวลังเลนิดหนึ่งก็ยอมไปแต่โดยดี นั่นทำให้พี่ชายอย่างเทียมภพทั้งงงทั้งแปลกใจและเสียความมั่นใจไปอย่างมาก ก็น้องสาวคนนี้น่ะ...เวลาดื้อขึ้นมาแล้วจะเชื่อฟังใครง่ายๆเสียที่ไหน ถ้าลองอยากจะได้ก็ต้องได้แต่กลับยอมเชื่อครูสาวที่กำลังเดินนำไปยังร้านอาหารที่ว่า
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีทั้งหมดก็มายืนอยู่ร้านอาหารไทยที่ค่อนข้างกว้างขวางโอ่โถง ภายนอกและภายในตกแต่งด้วยผ้าไหมและภาพลายไทย คนแน่นร้านพอสมควรแต่ก็ยังพอมีที่นั่งเหลือ รมณ์นลินเดินนำเข้าไปก่อน เทียมภพเลื่อนเก้าอี้ให้ทั้งสองสาวนั่งจนเรียบร้อยก่อนจะนั่งลงข้างๆน้องสาว จากนั้นรอให้ทั้งคู่สั่งอาหารที่ชอบก่อนแล้วตัวเองจึงสั่งทีหลัง รมณ์นลินนึกชื่นชมในมารยาทที่สุภาพบุรุษพึงกระทำของเขา แม้ว่าในบางครั้งบางคราจะทำตัวไม่น่ารักแต่ยามที่อยู่ในสถานการณ์ปกติแบบนี้เขาก็ปฏิบัติตัวดีตามลักษณะนิสัยส่วนตัวอย่างแท้จริง
“น้องพลูไม่เคยเข้าร้านนี้มาก่อนเลยค่ะ ได้แต่ผ่านๆ” เมื่อแทนดาวสั่งของโปรดเสร็จก็เริ่มพูดคุยอย่างอารมณ์ดี
“ความจริงพี่ก็ไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ แต่คุณแม่ชอบมาเวลาขึ้นมากรุงเทพฯ” รมณ์นลินตอบแล้วก็หันไปรับโทรศัพท์
“พี่ชลเหรอคะ...เป็นไงมั่ง?” ชื่อจากปลายสายที่หญิงสาวเรียกดึงให้สองคนพี่น้องเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยฝังกลบคำว่ามารยาทเสียมิด เทียมภพทำเป็นอ่านเมนูไม่สนใจแต่หูน่ะไม่กระดิกเชียว ส่วนน้องสาวนั้นไม่ยอมเก็บอาการ ทำตาโตจ้องหน้ารมณ์นลินราวกับจะบันทึกทุกคำพูดเอาไว้ในหน่วยความจำ
“คุณแม่มาแล้ว ตอนนี้มาทานข้าวกับน้องพลู ละ...และคุณหมากค่ะ” แล้วบทสนทนาต่อจากนั้นก็จับความอะไรไม่ได้เลยเพราะคนพูดเอาแต่ ‘ค่ะ’ อย่างเดียวจนจบ แทนดาวลอบผ่อนลมหายใจด้วยความเสียดาย
“เอ้า...จะเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย? เห็นสั่งไปแค่อย่างเดียวเอง” เทียมภพกระตุ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่งเฉย
“พอแล้วค่ะ...แฟงยังไม่ค่อยหิว” หล่อนตอบอย่างเกรงใจ ก็จะว่าอย่างไรได้ล่ะ...พอพี่ชายรู้ว่าออกมากับเทียมภพก็บ่นเป็นชุด จะเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะคู่กรณีนั่งอยู่ใกล้ๆ
“อย่าเรื่องเยอะ ให้กินก็กินเข้าไปเถอะ!” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ดิฉันไม่ได้เยอะ แต่ไม่หิวจริงๆนี่คะ” หล่อนเถียง
“เอางี้ค่ะ...พี่แฟงกินกับน้องพลูก็แล้วกัน สั่งมาหลายอย่าง...มาช่วยกันสวาปามให้เตียนดีกว่าค่ะ” แทนดาวสรุปให้
“พูดอะไรน่ะฮึ? ไปจำคำพูดไม่น่ารักแบบนั้นมาจากไหน?” เทียมภพดุน้องสาวที่ใช้ศัพท์แสงฟังดูไม่ค่อยสุภาพนัก
“น้องพลูเคยได้ยินพี่หมากพูดนี่นา” น้องสาวตอบอุบอิบ รมณ์นลินที่นิ่งอยู่นานเผลอหลุดขำจนเทียมภพเสียฟอร์ม
“นี่...ห้ามพูดอีกนะคะ เราเป็นผู้หญิงต้องพูดจาเพราะๆ ใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าพี่ไม่สั่งสอน” เขาสอนน้องแต่ตามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างเคืองที่บังอาจหัวเราะเยาะเขา
“พี่หมากแกะปลาให้พี่ผึ้งด้วยสิ น้องพลูได้แล้ว” น้องสาวสั่งเสียงใสขณะที่พี่ชายพยายามเลาะก้างออกจากเนื้อปลาทอดให้น้องสาว เทียมภพทำหน้าตาเหรอหราจนคนนั่งตรงข้ามอดแอบยิ้มไม่ได้
“ฮึ่ม...” เขาส่งเสียงงึมงำในลำคอแต่ก็ยอมทำตาม วางชิ้นปลาลงในจานของรมณ์นลินอย่างเสียมิได้
“อ้ำเร็ว...” ทีนี้น้องสาวส่งเนื้อแซลมอนจ่อที่ปากพี่ชายบ้าง
ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 11,12)
ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่เทียมภพพร้อมทั้งบิดาและอาก็ต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปรับลูกค้าชาวจีนที่ตั้งใจบินมาดูโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่อยุธยา แทนดาวอ่านข้อความในไลน์ที่พี่ชายส่งมาว่ากลางวันจะมารับไปรับประทานข้าว พอสายหน่อยก็มีเบอร์ไม่คุ้นโทรเข้ามา
“หวัดดีจ้ะน้องพลู พี่เวเองนะ”
“ค่ะพี่เว สวัสดีค่ะ” แทนดาวแปลกใจที่รุ่นพี่มีเบอร์ตนเอง คงจะเป็นพี่สาวแสนดีนั่นแหละที่ให้ไป
“วันนี้น้องพลูไปไหนหรือเปล่า? พี่อยากพาน้องพลูไปกินข้าวกลางวัน” เขาชวน
“คือ...วันนี้พี่หมากจะมารับไปกินข้าวเที่ยงพอดีค่ะ น้องพลูต้องรอ”
“งั้นหรือครับ งั้นเอาไว้ว่างๆพี่จะนัดใหม่นะ” เขาตอบเสียงอ่อยด้วยความผิดหวัง
“ก็ได้ค่ะ แต่...น้องพลูไม่รับปากนะคะว่าจะไปกับพี่เวได้มั้ย” แทนดาวเห็นใจเขาอยู่เหมือนกันแต่ความหวังดีที่อยากให้เขามีชีวิตรอดนั้นมีมากกว่า
“โอเค...พี่เข้าใจ แล้วเจอกันนะน้องพลู” แทนดาวไม่เคยมีเพื่อนชายจึงไม่รู้ว่าการตอบรับแบบนั้นทำให้อีกฝ่ายมีความหวังแค่ไหน แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากเดินฮัมเพลงไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อรอครูสาวที่วันนี้จะมาสอนเพลงใหม่ให้ที่บ้าน
รมณ์นลินลุ้นว่าจะเจอมนุษย์ตกมันคนนั้นอีกหรือไม่แล้วก็โล่งใจที่วันนี้ไม่เจอ ‘ระเบิดชีวภาพ’ ร่องรอยที่อีกฝ่ายฝากฝังไว้บนกลีบปากยังรงความร้อนรุมประทับอยู่ไม่หาย
“เอ่อ...แล้วพี่ชลไม่อยู่หลายวันอย่างนี้ พี่แฟงอยู่กับใครล่ะคะ?” แทนดาวก็ไม่ไม่กล้าเอ่ยปากถามถึงพี่ชายของครูสาวตรงๆ เลยได้แต่เลียบๆเคียงๆเอา
“แม่มาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ เมื่อวานก็เฟสไทม์คุยกัน พี่ชลส่งรูปงานแข่งขันเชฟทำขนมมาให้ดูด้วย...ดูน่าสนุกมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องสอนเด็กๆ พี่คงขอตามไปดูด้วย”
“แล้วพี่ชล...เค้าไปคนเดียวเลยเหรอคะ?” แทนดาวก้มหน้างุดรู้ตัวว่าพลาดแล้ว
“คือ..หมายถึงพนักงานคนอื่นๆน่ะค่ะ ประมาณว่าไปดูงานไรงี้” คนถามขยายความเพิ่มพร้อมกับยิ้มอายๆ
“ถ้าเรื่องงานแบบนี้จะฉายเดี่ยวตลอด ก็พี่ชลยังโสดอยู่นี่คะ” รมณ์นลินตอบพร้อมกับยิ้มบางๆให้
“งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยดีมั้ย ขอทบทวนเพลงเก่าก่อนนะคะ” ครูสาวเบี่ยงเบนประเด็นการพูดคุยออกไปเพราะไม่อยากให้ลูกศิษย์สาวรู้สึกขัดเขิน รู้อยู่เต็มอกหรอกว่าพี่ชายตนเองคงไป ‘หยอด’ อะไรเอาไว้แน่ๆ
“อืม...แล้ววันนี้พี่แฟงมีธุระต่อที่ไหนหรือเปล่าคะ?”
“ไม่หรอกค่ะ เสร็จจากน้องพลูพี่ก็ต้องไปสอนที่โรงเรียนตอนบ่ายสาม”
“ดีเลยค่ะ...งั้นวันนี้เราไปทานกลางวันข้างนอกกัน”
“ได้สิคะ แล้วบอกคุณแม่หรือยัง?”
“คุณแม่รู้ก่อนน้องพลูอีกค่ะเพราะว่าวันนี้พี่หมากเป็นเจ้ามือ” รมณ์นลินชะงักมือที่กำลังพลิกสมุดโน้ต ตอนแรกคิดว่าลูกศิษย์สาวจะชวนไปกันแค่สองคนเลยตกปากรับคำ เจ็บใจตัวเองที่ใจร้อนไม่ยอมสอบถามให้เรียบร้อยก่อนว่ามีใครไปบ้าง
“พี่แฟงเป็นอะไรคะ? ใจลอยเชียว” ลูกศิษย์ถามเมื่อเห็นครูสาวยังคงค้างมือที่กำลังจะพลิกโน้ตเพลง รมณ์นลินรีบส่ายหน้า
“งั้นน้องพลูเริ่มเลยนะ” แทนดาวนั่งประจำที่แล้วเล่นทบทวนเพลงเก่าอย่างที่คุณครูบอก รมณ์นลินมัวแต่คิดถึงเรื่องที่ต้องไปรับประทานอาหารกลางวันจึงไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงเพลงที่ลูกศิษย์สาวกำลังบรรเลง ไม่รู้เลยสักนิดว่าคนที่จะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวได้มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องสักพักแล้ว พอน้องสาวเล่นเพลงคลาสสิกจบอย่างถูกต้องไพเราะเขาก็ปรบมือให้สองสามครั้งแล้วก้าวเข้ามาด้วยมาดนิ่งขรึม
“เก่งมากจ้ะใบพลู ไม่รู้ว่าครูของเราจะได้ฟังหรือเปล่าว่าเพลงเพราะขนาดไหน?” เทียมภพเดินมายืนข้างน้องสาวแต่ตายังจับจ้องอยู่ที่สตรีอีกคนไม่วางตา คำพูดนั้นจะว่าชมน้องสาวจริงๆก็ไม่เชิงนักดูคล้อยไปทางประชดประชันเสียมากกว่า รมณ์นลินตัวแข็งทื่อด้วยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอเขาเร็วขนาดนี้ ความรู้สึกร้อนวูบแล่นตั้งแต่ปลายผมสู่ปลายเท้า ยิ่งสบตากระด้างดุดันนั่นด้วยแล้วยิ่งทำให้ตัวสั่นและเผลอเม้มริมฝีปากแน่น
“คุณหมาก...มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” หล่อนละล่ำละลักถาม
“ก็มาทันได้ฟังเพลงเมื่อกี้แล้วก็เห็นคุณยืนเหม่อ เป็นครูประสาอะไรฮะ? ถึงไม่สนใจนักเรียนอย่างนี้” เทียมภพใส่เป็นชุด ก็เห็นยืนใจลอยอยู่เป็นนาน ขนาดน้องสาวเล่นเพลงจบแล้วยังยืนเฉยจนเขาต้องปรบมือเรียกสติ
“พี่หมากเนี่ย...พี่แฟงเค้าก็ฟังอยู่แล้ว อย่ามาหาเรื่องนะ แล้วไหนว่าจะมาเที่ยง...นี่ยังไม่ทันเที่ยงเลย” แทนดาวรีบห้ามทัพเพราะรู้ว่าพี่ชายกำลังอยู่ในอารมณ์พาล
“ก็งานพี่เสร็จก่อนเวลาเลยกลับมาบ้านเร็ว แล้วหนูคิดหรือยังล่ะคะ...ว่าอยากกินอะไร?” เทียมภพก้มหน้าลงไปถามน้องสาวอย่างเอาใจแล้วเลยหอมแก้มใสๆนั้นหนึ่งฟอด รมณ์นลินมองแล้วก็หมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
‘‘ทีกับน้องล่ะเปลี่ยนเป็นคนละคน น้องพลูจะรู้บ้างมั้ยว่าพี่ตัวเองน่ะจอมหาเรื่องชัดๆ’’
“ไม่น่าถาม...ต้องอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว” แทนดาวตอบทันควัน เทียมภพขยี้หัวน้องสาวเบาๆพลางคิดในใจว่าคงต้องกินอะไรรองท้องไปก่อนเพราะไม่ชอบอาหารญี่ปุ่นเอามากๆ
“อ้อ...น้องพลูชวนพี่แฟงไปด้วยค่ะ พี่แฟงตกลงแล้วด้วย” รมณ์นลินมองหน้าลูกศิษย์เลิกลั่ก คงหมดโอกาสปฏิเสธหรือเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม โธ่!...ถ้ารู้ว่าจะได้ไปกับคนอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้ล่ะก็ปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว
“เหรอ...งั้นก็เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวเที่ยงก็ออกไปกันเลย” เขาตอบสั้นๆแล้วก็เดินผิวปากจากไปอย่างสบายอารมณ์ รมณ์นลินมองตามแผ่นหลังเขาไปอย่างไม่รู้ตัว
“พี่แฟง...พี่แฟงขา...” แทนดาวต้องร้องเรียกคุณครูถึงสองครั้งกว่าที่อีกฝ่ายจะหันมา
“คะ...อะไรเหรอ?” คนถูกเรียกหันมายิ้มเก้อๆให้ลูกศิษย์
“มาต่อกันเถอะค่ะ ไม่ต้องใจลอยนักหรอก เดี๋ยวกลางวันนี้ก็ได้ทานข้าวด้วยกันแล้ว” แทนดาวพูดจบก็อมยิ้มแล้วหันไปสนใจเปียโนต่อ รมณ์นลินอายจนหน้าแดง
ร้านอาหารยามเที่ยงนั้นแน่นเกือบทุกร้าน คนที่ปรารถนาจะได้ฟาดอาหารญี่ปุ่นให้ฉ่ำใจเป็นอันต้องเดินงุ่นง่านระหว่างรอเรียกคิวด้วยความหิว นี่ก็ปาเข้าเที่ยงครึ่งแล้วยังไม่ได้กินเลย แม้พี่ชายจะเสนอให้ไปร้านอื่นก็ไม่ยอม ยืนยันว่าตั้งใจมาแล้วก็ต้องรอได้ไม่อย่างนั้นจะเสียความตั้งใจอย่างแรง เทียมภพเกาหัวแกรก เขาน่ะไม่เป็นไรเพราะว่ากินรองท้องมาจากบ้านส่วนไอ้น้องสาวนั้นออกอาการโมโหหิวเต็มที่ ผิดกับครูสาวที่นั่งนิ่งไม่ปริปากใดๆ ความจริงหล่อนก็ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ถึงน้องสาวจะชวนคุยด้วยก็เอาแต่ถามคำตอบคำ จนเขานึกหมั่นไส้ขึ้นมานิดๆว่า
‘‘กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไงกันแม่คุณ’’
“ถ้าอีกห้านาทียังไม่ได้เข้าไปล่ะก็...พลูจะถล่มร้านให้เละเชียว” แทนดาวเดินไปเดินมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ บ่นกระปอดกระแปดจนพี่ชายชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“หยุดเดินได้แล้ว...ก็พี่บอกให้ไปร้านอื่นก็ไม่เอา ป่ะ...เดี๋ยวพี่พาไปอีกร้านนึง”
“ไม่เอา! น้องพลูจะกินซูชิ ถ้าวันนี้ไม่ได้กินก็จะไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งวัน” พอน้องหนูเริ่มออกอาการดื้อแพ่ง พี่ใหญ่อย่างเขาก็ต้องเกาหัวเป็นรอบที่สิบ
“เอางี้มั้ยคะน้องพลู...พี่รู้จักร้านอาหารไทยอีกร้านที่นี่ มีอาหารญี่ปุ่นขายด้วย อาจจะน้อยกว่าร้านนี้แต่ก็อร่อยดีเหมือนกันนะคะ” รมณ์นลินเสนอ แทนดาวลังเลนิดหนึ่งก็ยอมไปแต่โดยดี นั่นทำให้พี่ชายอย่างเทียมภพทั้งงงทั้งแปลกใจและเสียความมั่นใจไปอย่างมาก ก็น้องสาวคนนี้น่ะ...เวลาดื้อขึ้นมาแล้วจะเชื่อฟังใครง่ายๆเสียที่ไหน ถ้าลองอยากจะได้ก็ต้องได้แต่กลับยอมเชื่อครูสาวที่กำลังเดินนำไปยังร้านอาหารที่ว่า
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีทั้งหมดก็มายืนอยู่ร้านอาหารไทยที่ค่อนข้างกว้างขวางโอ่โถง ภายนอกและภายในตกแต่งด้วยผ้าไหมและภาพลายไทย คนแน่นร้านพอสมควรแต่ก็ยังพอมีที่นั่งเหลือ รมณ์นลินเดินนำเข้าไปก่อน เทียมภพเลื่อนเก้าอี้ให้ทั้งสองสาวนั่งจนเรียบร้อยก่อนจะนั่งลงข้างๆน้องสาว จากนั้นรอให้ทั้งคู่สั่งอาหารที่ชอบก่อนแล้วตัวเองจึงสั่งทีหลัง รมณ์นลินนึกชื่นชมในมารยาทที่สุภาพบุรุษพึงกระทำของเขา แม้ว่าในบางครั้งบางคราจะทำตัวไม่น่ารักแต่ยามที่อยู่ในสถานการณ์ปกติแบบนี้เขาก็ปฏิบัติตัวดีตามลักษณะนิสัยส่วนตัวอย่างแท้จริง
“น้องพลูไม่เคยเข้าร้านนี้มาก่อนเลยค่ะ ได้แต่ผ่านๆ” เมื่อแทนดาวสั่งของโปรดเสร็จก็เริ่มพูดคุยอย่างอารมณ์ดี
“ความจริงพี่ก็ไม่ค่อยได้มาหรอกค่ะ แต่คุณแม่ชอบมาเวลาขึ้นมากรุงเทพฯ” รมณ์นลินตอบแล้วก็หันไปรับโทรศัพท์
“พี่ชลเหรอคะ...เป็นไงมั่ง?” ชื่อจากปลายสายที่หญิงสาวเรียกดึงให้สองคนพี่น้องเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยฝังกลบคำว่ามารยาทเสียมิด เทียมภพทำเป็นอ่านเมนูไม่สนใจแต่หูน่ะไม่กระดิกเชียว ส่วนน้องสาวนั้นไม่ยอมเก็บอาการ ทำตาโตจ้องหน้ารมณ์นลินราวกับจะบันทึกทุกคำพูดเอาไว้ในหน่วยความจำ
“คุณแม่มาแล้ว ตอนนี้มาทานข้าวกับน้องพลู ละ...และคุณหมากค่ะ” แล้วบทสนทนาต่อจากนั้นก็จับความอะไรไม่ได้เลยเพราะคนพูดเอาแต่ ‘ค่ะ’ อย่างเดียวจนจบ แทนดาวลอบผ่อนลมหายใจด้วยความเสียดาย
“เอ้า...จะเอาอะไรเพิ่มอีกมั้ย? เห็นสั่งไปแค่อย่างเดียวเอง” เทียมภพกระตุ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยังนิ่งเฉย
“พอแล้วค่ะ...แฟงยังไม่ค่อยหิว” หล่อนตอบอย่างเกรงใจ ก็จะว่าอย่างไรได้ล่ะ...พอพี่ชายรู้ว่าออกมากับเทียมภพก็บ่นเป็นชุด จะเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะคู่กรณีนั่งอยู่ใกล้ๆ
“อย่าเรื่องเยอะ ให้กินก็กินเข้าไปเถอะ!” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ดิฉันไม่ได้เยอะ แต่ไม่หิวจริงๆนี่คะ” หล่อนเถียง
“เอางี้ค่ะ...พี่แฟงกินกับน้องพลูก็แล้วกัน สั่งมาหลายอย่าง...มาช่วยกันสวาปามให้เตียนดีกว่าค่ะ” แทนดาวสรุปให้
“พูดอะไรน่ะฮึ? ไปจำคำพูดไม่น่ารักแบบนั้นมาจากไหน?” เทียมภพดุน้องสาวที่ใช้ศัพท์แสงฟังดูไม่ค่อยสุภาพนัก
“น้องพลูเคยได้ยินพี่หมากพูดนี่นา” น้องสาวตอบอุบอิบ รมณ์นลินที่นิ่งอยู่นานเผลอหลุดขำจนเทียมภพเสียฟอร์ม
“นี่...ห้ามพูดอีกนะคะ เราเป็นผู้หญิงต้องพูดจาเพราะๆ ใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าพี่ไม่สั่งสอน” เขาสอนน้องแต่ตามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างเคืองที่บังอาจหัวเราะเยาะเขา
“พี่หมากแกะปลาให้พี่ผึ้งด้วยสิ น้องพลูได้แล้ว” น้องสาวสั่งเสียงใสขณะที่พี่ชายพยายามเลาะก้างออกจากเนื้อปลาทอดให้น้องสาว เทียมภพทำหน้าตาเหรอหราจนคนนั่งตรงข้ามอดแอบยิ้มไม่ได้
“ฮึ่ม...” เขาส่งเสียงงึมงำในลำคอแต่ก็ยอมทำตาม วางชิ้นปลาลงในจานของรมณ์นลินอย่างเสียมิได้
“อ้ำเร็ว...” ทีนี้น้องสาวส่งเนื้อแซลมอนจ่อที่ปากพี่ชายบ้าง