ตอนที่ 15 ดอกไม้แห่งพฤษภา
คุณเที่ยงธรรมได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องไอซียูเร็วกว่ากำหนดเพราะฟื้นตัวเร็วเป็นที่น่าพอใจ ยิ่งอาการดีขึ้นไปอีกเมื่อท่านได้รับทราบเรื่องที่ธารากำลังจะเข้ามาช่วยกอบกู้ทวีกิจ คุณเที่ยงธรรมพยายามยิ้มเป็นเชิงบอกว่าลูกชายคนโตคิดถูกแล้ว
“ขอบใจลูก” ท่านกระซิบแผ่วเบา แทนดาวที่นั่งข้างๆกุมมือบิดามาแนบแก้ม
“วันจันทร์...ทางเรากับ ฝั่งนั้น จะเซ็นสัญญากัน ผมกับอาแท้ช่วยกันตรวจทานร่างสัญญาเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็รบกวนคุณพ่อมอบอำนาจให้ผมด้วยนะครับ” ลูกชายคนโตบอก สรรพนาม ‘ฝั่งนั้น’ แสดงถึงทิฐิที่มีต่อผู้ที่กำลังถูกกล่าวถึง คุณเที่ยงธรรมฝืนยิ้มเพลียๆให้บุตรชายคนโต ท่านไม่กังวลแล้วว่าทวีกิจจะเป็นอันตรายตราบใดที่ยังมีกำลังหลักอย่างเทียมภพอยู่ ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อประตูห้องพิเศษเปิดขึ้นอีกครั้งและผู้มาใหม่ก็ทำให้เทียมภพหน้าตึง
“สวัสดีค่ะคุณวารี” คุณดวงทิพย์ไหว้สตรีวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับบุตรชาย
“เพิ่งรู้ว่าคุณธรรมออกจากไอซียูแล้วก็เลยมาเยี่ยมค่ะ” แล้วบทสนทนาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เทียมภพพยายามมองหาหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าน่าจะมาด้วยกันแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“พี่แฟงไม่มาด้วยหรือคะ?” แทนดาวเอ่ยถามในที่สุด ซึ่งคนตั้งใจฟังคำตอบที่สุดเห็นจะเป็นเทียมภพที่พยายามยืนบังน้องสาวให้พ้นจากสายตาเยือกเย็นของผู้มาเยือน
“น้องแฟงของอาท่าทางจะป่วยอีกคนแล้วล่ะค่ะ” คุณวารีตอบ ‘คนตั้งใจฟัง’ ถึงกับใจหาย วูบ ความเป็นห่วงประหลาดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง
“แย่จัง...เมื่อกลางวันยังดูปกติอยู่เลยค่ะ”
“คงเป็นหวัดละมั้ง หนูก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ” แทนดาวพยักหน้า เทียมภพรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเสมือนไม่สนใจอยากจะฟังเรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับครอบครัวของศัตรู หากแต่ในใจนั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงท่วมท้น ที่รมณ์นลินมีอันต้องเจ็บป่วยคราวนี้ต้องมีตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุแน่ๆ
“อ้อ...อาได้ข่าวว่าน้องพลูแข่งเปียโนเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง?” คุณวารีถาม
“อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งไปออดิชั่นมาค่ะ พรุ่งนี้ถึงจะประกาศผลค่ะ” แทนดาวตอบด้วยดวงตาเป็นประกายแล้วมองไปที่บิดา “น้องพลูมั่นใจค่ะ...ว่าต้องผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศ” สาวน้อยพูดอวดๆ บิดายิ้มให้บางๆ
“มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะใบพลู?” ปลายเดือนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงฟังคล้ายเยาะหยัน หล่อนทำความเคารพคุณวารีก่อนจะหันไปคุยกับชลธีเสียงหวานเช่นเคย
“คุณชลมาเยี่ยมเกือบทุกวันเลย เกรงใจจัง” ร่างระหงนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขา เทียมภพมองอย่างไม่พอใจ
“มิได้ครับ ลุงธรรมก็เหมือนญาติของผม” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เหรอ...ฝ่ายไหนไม่ทราบ” คนชอบหาเรื่องสะบัดเสียงถามชนิดไม่เกรงใจใครในห้อง
นี้
“พี่หมาก...คุณลุงเพิ่งจะออกจากไอซียู อยากให้พ่อตัวเองกลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีกใช่มั้ยถึงได้พูดจาแบบนี้” ปลายเดือนดุพี่ชายเบาๆ เทียมภพเงียบกริบ ชลธีแอบสมน้ำหน้า
“คุณชล...” คุณเที่ยงธรรมเปล่งเสียงเรียกแผ่วเบา ชลธีรีบเดินไปยืนข้างๆเตียง
“ขอบใจนะ” ท่านบอกเพียงสั้นๆแค่นั้น แทนดาวที่นั่งอยู่อีกฟากเตียงมองหน้าคุณพ่อสลับกับแขกผู้มาเยือนอย่างสงสัยใคร่รู้
“ครับลุงธรรม ผมจะทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง” เขายิ้มอ่อนๆให้คนป่วยแล้วเลยมามองหน้าสาวน้อยที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง หล่อนดูสดใสขึ้นตามอาการของบิดาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วนี่แต่งตัวสวยจะไปไหน?” เทียมภพถามน้องสาวคนรอง
“พอดีว่า...จะไป The Prestige Thara ค่ะ ผึ้งนัดพบกับลูกค้าจากไต้หวันที่นั่นค่ะ” หล่อนตอบพี่ชายด้วยความร่าเริงพลางส่งยิ้มให้ชลธีที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
“แล้วทำไมต้องนัดไปที่นั่น?” พี่ชายถามโกรธๆ
“เอ๊ะ...พี่หมากจะอะไรนักหนา ก็ลูกค้าเราพักอยู่ที่นั่นนี่คะ” น้องสาวตอบกลับอย่างไม่สนใจนัก ชลธีนึกสนุก อยากรู้ว่าคู่แค้นจะว่าอย่างไรที่ลูกค้าตัวเองมาเปิดห้องพักที่โรงแรมของตน
“คุณชลเค้าอุตส่าห์ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกลูกค้าของเราอย่างดี พี่หมากควรจะต้องขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ” เทียมภพตาขวางทันที รู้สึกเสียหน้าขึ้นมากะทันหัน
“อย่าเพิ่งสำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ตอนนี้เลยค่ะ ผึ้งไปก่อนล่ะ...แล้วเจอกันที่โน่นนะคะคุณชล ” ปลายเดือนยิ้มสวยให้พลางมองน้องสาวอย่างกระหยิ่มใจที่ถือไพ่เหนือกว่า
“เฮ้ย...นี่ไปพบลูกค้าอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ?” พี่ชายโวยวาย คนอื่นมองสองพี่น้องเถียงกันตาปริบๆ
“คุณชลเชิญทั้งผึ้งกับลูกค้าทานข้าวเที่ยงด้วยค่ะ ชัดเจนนะคะ” น้องสาวบอกอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันเลี้ยงรับรองลูกค้าของฉัน นายเดือดร้อนตรงไหนหรือ? ในเมื่อค่าข้าวฉันก็เป็นคนจ่าย” ชลธีที่ยืนดูอยู่นานถามกลับเสียงเย็น คนเจ้าปัญหาเลยพูดไม่ออกได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้น แทนดาวแอบยิ้มขำที่พี่ชายถูกต้อนจนมุม
“งั้นรีบไปเถอะชล ต้องไปส่งแม่ที่บ้านอีก จะได้กลับไปดูยัยแฟงด้วย ถ้าอาการไม่ดีจะพาไปหาหมอ” คุณวารีตัดบทด้วยไม่อยากให้สองคนนี้มาทะเลาะกันต่อหน้าคนป่วย
“งั้นผมลาล่ะครับ พี่ไปก่อนนะน้องพลู” เขาหันมาบอกลาคนตัวเล็ก แทนดาวยิ้มให้น้อยๆขณะยกมือไหว้เขากับมารดา
“เดี๋ยวพี่จะซื้อขนมมาฝากนะน้องพลู เบเกอรี่ที่ธาราอร่อยมาก คุณชลพาพี่ไปชิมมาหลายครั้งแล้ว เสียดายที่เราต้องอยู่นี่ ไม่งั้นจะพาไปด้วย” ปลายเดือนพูดกับน้องสาวเสียงหวานแต่สายตาเชือดเฉือน ชลธียังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่อยากจะขัดให้เสียหน้าว่าไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแล้วก็ให้ลูกน้องพาไปต่างหาก
“อย่าลำบากเลยค่ะพี่ผึ้ง ทานหวานมากไปก็เลื่ยน เอียน พูดแล้วก็จะอาเจียนค่ะ” หล่อนตอบพี่สาวแบบประชด ปลายเดือนออกจะเคืองนิดๆแต่ก็ไม่แสดงอาการอะไร ชลธีแอบอมยิ้ม...รู้แหละว่าหล่อนว่ากระทบเขาด้วย
“น้องพลูพูดกับพี่ผึ้งดีๆสิคะ” คุณแม่เอ็ดแต่ก็ไม่ได้สลดเลย
เทียมภพผู้ร้อนรนทนไม่ไหวกับข่าวการล้มป่วยของรมณ์นลินไม่อาจทนนั่งกังวลอยู่ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจวางแผนสดๆไปดูให้เห็นกับตาว่าอาการของหล่อนเป็นหนักมากน้อยแค่ไหน หลังจากหันรีหันขวางอยู่ชั่วครู่ก็ฉวยเอาปิ่นโตที่คุณลำเภาใส่ขนมกล้วยบวดชีกับข้าวเหนียวมะม่วงสำหรับให้คนเฝ้าไข้ไว้รับประทาน
“นั่นพี่หมากจะเอาไปไหนเหรอคะ?” แทนดาวร้องถามพองพี่ชายหิ้วปิ่นโตขนมเตรียมจะออกไป
“อ๋อ..คือพี่เพิ่งนึกได้ว่าลืมของไว้ที่ออฟฟิศว่าจะกลับไปเอา ส่วนขนมนี่จะเอาไปกินด้วย” คำตอบแถสีข้างถลอกทำให้น้องสาวหน้าเหวอ
“กินหมดเหรอคะนั่น?” แทนดาวยิ่งงงหนัก ก็พี่ชายเกลียดขนมหวานจะตาย ขนาดดื่มกาแฟยังไม่ใส่น้ำตาลเลย
“หมดสิ พี่ชอบกินจะตาย คุณย่าทำทีไรพี่ก็ฟาดเรียบทุกทีแหละ” เขาอ้อมแอ้มตอบน้องสาวก่อนจะรีบเร่งออกไป แทนดาวมองตามพร้อมกับส่ายหน้า
“ทำไมช่วงนี้มีแต่คนชอบกินขนมหวาน ก็บอกแล้วไงว่ากินมากๆมันเลี่ยน!”
ชั่วโมงต่อมาเทียมภพก็มาอยู่ที่บ้านคู่อริ คุณวารีออกมาเปิดประตูให้ด้วยท่าทางงงๆ ที่อยู่ดีๆลูกชายคนโตของบ้านทวีกิจก็มายินยิ้มเผล่อยู่ที่นี่ทั้งๆที่เมื่อกี้ทำท่าจะวิวาทกับบุตรชายของนาง
“ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ลืมบอกไปเลยว่าคุณย่าทำขนมมาฝากด้วย พอท่านรู้ว่าคุณอาจะขึ้นมาก็เตรียมทำขนมไว้ให้ แหม...ลืมเสียสนิท พอนึกขึ้นได้คุณอาก็กลับมาเสียก่อน ผมเลยรีบขับรถตามเอามาให้” เขายืนยิ้มด้วยความภูมิใจที่ท่องบทได้แม่นเป๊ะ
“อ้อ..ขอบคุณมากเลยค่ะ เข้าบ้านก่อนสิคะ” คุณวารีเชื้อเชิญ เขาถือปิ่นโตเดินตามเข้าไป
“เอ่อ...อยู่ไหน? เอ้ย..วางไว้ตรงไหนดีครับ?” เขาหันซ้ายหันขวาหา ‘คนป่วย’ แต่กลบเกลื่อนด้วยการถามหาที่วางปิ่นโต
“เดี๋ยวอาจัดการเองค่ะ อ้อ...ส้มมาพอดี เอาขนมถ่ายใส่จานไว้นะแล้วล้างปิ่นโตมาคืนคุณหมาก” นางยื่นปิ่นโตให้แม่บ้าน
“แล้วน้องแฟงเป็นไงมั่ง กินข้าวกินยาแล้วหรือยัง?” นางถามถึงบุตรสาวที่นอนพักอยู่บนห้อง เทียมภพพลอยตั้งใจฟังไปด้วย
“ตัวร้อนกว่าเดิมค่ะ ส้มต้มข้าวให้กินก็กินสามคำเอง บอกว่าเพลียกับมึนหัวอย่างเดียว” สาวใช้รายงาน คุณวารีมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวอาขึ้นไปดูลูกสักครู่นะคะ” นางรีบร้อนเดินขึ้นบันไดไป เขาเองก็อยากจะตามไปด้วยแต่ก็อาจจะดูไม่ค่อยดีนักก็เลยเดินวนไปวนมาโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะต้องมาวิตกกับการเจ็บไข้ได้ป่วยของน้องสาวศัตรูทำไมกัน
“คุณหมาก...มาช่วยหน่อยเถอะค่ะ!” เสียงคุณวารีร้องเรียกด้วยความร้อนใจทำให้เขาต้องรีบสาวเท้าวิ่งขึ้นบันไดตามไปทันที ในห้องนอน...ครูสอนเปียโนของน้องสาวนอนกระสับกระส่าย หน้าตาแดงก่ำเพราะพิษไข้
“ต้องพายัยแฟงไปหาหมอแล้วล่ะ แฟงลุกขึ้นสิลูก” คุณวารีพยายามประคองตัวลูกสาวให้ลุกขึ้นแต่ดูเหมือนคนป่วยจะไม่มีแรงเอาเสียเลย
“ผมช่วยดีกว่าครับ คุณอาลงไปรอผมที่รถได้เลย” เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่นอนซมแล้วช้อนตัวขึ้นมาอุ้มไว้ ทันที่ร่างกายสัมผัสกันเขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนรุมจากเนื้อตัวนุ่มนิ่ม รมณ์นลินรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมองคนที่กำลังโอบอุ้มตัวเองอยู่ก็ดิ้นแต่แรงแทบจะไม่มีเอาเสียเลย
“ปล่อย!” หล่อนประท้วงแม้จะไม่มีแรง
“คุณไม่สบายนะแฟง ผมกำลังจะพาคุณไปโรงพยาบาล อย่าดิ้นสิ! กำลังจะเดินลงบันไดเดี๋ยวก็ตกลงไปเดี้ยงกันทั้งคู่หรอก” เขาดุเมื่อหล่อนยังพยายามที่จะดิ้นรนหาอิสรภาพ
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” เขาบอกหล่อนขณะค่อยๆวางร่างคนป่วยตรงห้องโดยสารด้านหลังพร้อมกับหยิบเสื้อแจ็คเก็ตมาห่มให้ คุณวารีนั่งขนาบข้างลูกสาว
“ไปโรงพยาบาลประชาเวชนะคะ อยู่ไม่ไกล” เทียมภพพยักหน้ารับ
รมณ์นลินเจอไข้หวัดใหญ่เล่นงานเสียแล้วก็เลยต้องแอดมิทอยู่ที่นี่ เทียมภพยังคงเฝ้ารอดูอาการด้วยความเป็นห่วงระหว่างรอคุณวารีกลับไปเอาเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับการอยู่เฝ้าไข้ เขาส่งไลน์บอกน้องสาวซึ่งฝ่ายนั้นออกจะตกใจอยู่มากที่ครูสาวป่วยหนักแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย
-พี่หมากอยู่เป็นเพื่อนพี่แฟงไปก่อนนะคะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง นี่อารินกับคุณย่ามาถึงแล้ว กำลังคุยกันอยู่เลย เดี๋ยวน้องพลูไปบอกแม่ก่อนนะว่าพี่แฟงไม่สบาย- เขาอ่านข้อความสุดท้ายจากน้องสาวแล้วเดินไปหยุดยืนข้างเตียงพลางมองใบหน้าที่ซีดเผือดด้วยความกังวล หล่อนยังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาและฤทธิ์ไข้ ริมฝีปากที่ได้สัมผัสกันไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาก็ดูซีด เขาแตะมือที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นเบาๆ ตัวยังคงร้อนรุม
“แฟง...คุณต้องอดทนนะ เดี๋ยวก็หาย ผมอยากให้คุณหายเร็วๆ” เขาพูดกับร่างที่นอนหลับสนิท ทั้งห่วงทั้งรู้สึกผิดปนเปกันไป
ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 15,16)
คุณเที่ยงธรรมได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องไอซียูเร็วกว่ากำหนดเพราะฟื้นตัวเร็วเป็นที่น่าพอใจ ยิ่งอาการดีขึ้นไปอีกเมื่อท่านได้รับทราบเรื่องที่ธารากำลังจะเข้ามาช่วยกอบกู้ทวีกิจ คุณเที่ยงธรรมพยายามยิ้มเป็นเชิงบอกว่าลูกชายคนโตคิดถูกแล้ว
“ขอบใจลูก” ท่านกระซิบแผ่วเบา แทนดาวที่นั่งข้างๆกุมมือบิดามาแนบแก้ม
“วันจันทร์...ทางเรากับ ฝั่งนั้น จะเซ็นสัญญากัน ผมกับอาแท้ช่วยกันตรวจทานร่างสัญญาเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็รบกวนคุณพ่อมอบอำนาจให้ผมด้วยนะครับ” ลูกชายคนโตบอก สรรพนาม ‘ฝั่งนั้น’ แสดงถึงทิฐิที่มีต่อผู้ที่กำลังถูกกล่าวถึง คุณเที่ยงธรรมฝืนยิ้มเพลียๆให้บุตรชายคนโต ท่านไม่กังวลแล้วว่าทวีกิจจะเป็นอันตรายตราบใดที่ยังมีกำลังหลักอย่างเทียมภพอยู่ ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อประตูห้องพิเศษเปิดขึ้นอีกครั้งและผู้มาใหม่ก็ทำให้เทียมภพหน้าตึง
“สวัสดีค่ะคุณวารี” คุณดวงทิพย์ไหว้สตรีวัยกลางคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับบุตรชาย
“เพิ่งรู้ว่าคุณธรรมออกจากไอซียูแล้วก็เลยมาเยี่ยมค่ะ” แล้วบทสนทนาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เทียมภพพยายามมองหาหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าน่าจะมาด้วยกันแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“พี่แฟงไม่มาด้วยหรือคะ?” แทนดาวเอ่ยถามในที่สุด ซึ่งคนตั้งใจฟังคำตอบที่สุดเห็นจะเป็นเทียมภพที่พยายามยืนบังน้องสาวให้พ้นจากสายตาเยือกเย็นของผู้มาเยือน
“น้องแฟงของอาท่าทางจะป่วยอีกคนแล้วล่ะค่ะ” คุณวารีตอบ ‘คนตั้งใจฟัง’ ถึงกับใจหาย วูบ ความเป็นห่วงประหลาดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง
“แย่จัง...เมื่อกลางวันยังดูปกติอยู่เลยค่ะ”
“คงเป็นหวัดละมั้ง หนูก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ” แทนดาวพยักหน้า เทียมภพรีบเบือนหน้าไปทางอื่นเสมือนไม่สนใจอยากจะฟังเรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับครอบครัวของศัตรู หากแต่ในใจนั้นอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิดและเป็นห่วงท่วมท้น ที่รมณ์นลินมีอันต้องเจ็บป่วยคราวนี้ต้องมีตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุแน่ๆ
“อ้อ...อาได้ข่าวว่าน้องพลูแข่งเปียโนเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง?” คุณวารีถาม
“อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งไปออดิชั่นมาค่ะ พรุ่งนี้ถึงจะประกาศผลค่ะ” แทนดาวตอบด้วยดวงตาเป็นประกายแล้วมองไปที่บิดา “น้องพลูมั่นใจค่ะ...ว่าต้องผ่านเข้ารอบไปชิงชนะเลิศ” สาวน้อยพูดอวดๆ บิดายิ้มให้บางๆ
“มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะใบพลู?” ปลายเดือนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพูดแทรกขึ้น น้ำเสียงฟังคล้ายเยาะหยัน หล่อนทำความเคารพคุณวารีก่อนจะหันไปคุยกับชลธีเสียงหวานเช่นเคย
“คุณชลมาเยี่ยมเกือบทุกวันเลย เกรงใจจัง” ร่างระหงนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขา เทียมภพมองอย่างไม่พอใจ
“มิได้ครับ ลุงธรรมก็เหมือนญาติของผม” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เหรอ...ฝ่ายไหนไม่ทราบ” คนชอบหาเรื่องสะบัดเสียงถามชนิดไม่เกรงใจใครในห้อง
นี้
“พี่หมาก...คุณลุงเพิ่งจะออกจากไอซียู อยากให้พ่อตัวเองกลับเข้าไปอยู่ในนั้นอีกใช่มั้ยถึงได้พูดจาแบบนี้” ปลายเดือนดุพี่ชายเบาๆ เทียมภพเงียบกริบ ชลธีแอบสมน้ำหน้า
“คุณชล...” คุณเที่ยงธรรมเปล่งเสียงเรียกแผ่วเบา ชลธีรีบเดินไปยืนข้างๆเตียง
“ขอบใจนะ” ท่านบอกเพียงสั้นๆแค่นั้น แทนดาวที่นั่งอยู่อีกฟากเตียงมองหน้าคุณพ่อสลับกับแขกผู้มาเยือนอย่างสงสัยใคร่รู้
“ครับลุงธรรม ผมจะทำตามที่พูดไว้ทุกอย่าง” เขายิ้มอ่อนๆให้คนป่วยแล้วเลยมามองหน้าสาวน้อยที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง หล่อนดูสดใสขึ้นตามอาการของบิดาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วนี่แต่งตัวสวยจะไปไหน?” เทียมภพถามน้องสาวคนรอง
“พอดีว่า...จะไป The Prestige Thara ค่ะ ผึ้งนัดพบกับลูกค้าจากไต้หวันที่นั่นค่ะ” หล่อนตอบพี่ชายด้วยความร่าเริงพลางส่งยิ้มให้ชลธีที่ยังยืนนิ่งอยู่ข้างเตียง
“แล้วทำไมต้องนัดไปที่นั่น?” พี่ชายถามโกรธๆ
“เอ๊ะ...พี่หมากจะอะไรนักหนา ก็ลูกค้าเราพักอยู่ที่นั่นนี่คะ” น้องสาวตอบกลับอย่างไม่สนใจนัก ชลธีนึกสนุก อยากรู้ว่าคู่แค้นจะว่าอย่างไรที่ลูกค้าตัวเองมาเปิดห้องพักที่โรงแรมของตน
“คุณชลเค้าอุตส่าห์ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกลูกค้าของเราอย่างดี พี่หมากควรจะต้องขอบคุณเค้าด้วยซ้ำ” เทียมภพตาขวางทันที รู้สึกเสียหน้าขึ้นมากะทันหัน
“อย่าเพิ่งสำแดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ตอนนี้เลยค่ะ ผึ้งไปก่อนล่ะ...แล้วเจอกันที่โน่นนะคะคุณชล ” ปลายเดือนยิ้มสวยให้พลางมองน้องสาวอย่างกระหยิ่มใจที่ถือไพ่เหนือกว่า
“เฮ้ย...นี่ไปพบลูกค้าอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ?” พี่ชายโวยวาย คนอื่นมองสองพี่น้องเถียงกันตาปริบๆ
“คุณชลเชิญทั้งผึ้งกับลูกค้าทานข้าวเที่ยงด้วยค่ะ ชัดเจนนะคะ” น้องสาวบอกอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันเลี้ยงรับรองลูกค้าของฉัน นายเดือดร้อนตรงไหนหรือ? ในเมื่อค่าข้าวฉันก็เป็นคนจ่าย” ชลธีที่ยืนดูอยู่นานถามกลับเสียงเย็น คนเจ้าปัญหาเลยพูดไม่ออกได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตรงนั้น แทนดาวแอบยิ้มขำที่พี่ชายถูกต้อนจนมุม
“งั้นรีบไปเถอะชล ต้องไปส่งแม่ที่บ้านอีก จะได้กลับไปดูยัยแฟงด้วย ถ้าอาการไม่ดีจะพาไปหาหมอ” คุณวารีตัดบทด้วยไม่อยากให้สองคนนี้มาทะเลาะกันต่อหน้าคนป่วย
“งั้นผมลาล่ะครับ พี่ไปก่อนนะน้องพลู” เขาหันมาบอกลาคนตัวเล็ก แทนดาวยิ้มให้น้อยๆขณะยกมือไหว้เขากับมารดา
“เดี๋ยวพี่จะซื้อขนมมาฝากนะน้องพลู เบเกอรี่ที่ธาราอร่อยมาก คุณชลพาพี่ไปชิมมาหลายครั้งแล้ว เสียดายที่เราต้องอยู่นี่ ไม่งั้นจะพาไปด้วย” ปลายเดือนพูดกับน้องสาวเสียงหวานแต่สายตาเชือดเฉือน ชลธียังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่อยากจะขัดให้เสียหน้าว่าไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแล้วก็ให้ลูกน้องพาไปต่างหาก
“อย่าลำบากเลยค่ะพี่ผึ้ง ทานหวานมากไปก็เลื่ยน เอียน พูดแล้วก็จะอาเจียนค่ะ” หล่อนตอบพี่สาวแบบประชด ปลายเดือนออกจะเคืองนิดๆแต่ก็ไม่แสดงอาการอะไร ชลธีแอบอมยิ้ม...รู้แหละว่าหล่อนว่ากระทบเขาด้วย
“น้องพลูพูดกับพี่ผึ้งดีๆสิคะ” คุณแม่เอ็ดแต่ก็ไม่ได้สลดเลย
เทียมภพผู้ร้อนรนทนไม่ไหวกับข่าวการล้มป่วยของรมณ์นลินไม่อาจทนนั่งกังวลอยู่ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจวางแผนสดๆไปดูให้เห็นกับตาว่าอาการของหล่อนเป็นหนักมากน้อยแค่ไหน หลังจากหันรีหันขวางอยู่ชั่วครู่ก็ฉวยเอาปิ่นโตที่คุณลำเภาใส่ขนมกล้วยบวดชีกับข้าวเหนียวมะม่วงสำหรับให้คนเฝ้าไข้ไว้รับประทาน
“นั่นพี่หมากจะเอาไปไหนเหรอคะ?” แทนดาวร้องถามพองพี่ชายหิ้วปิ่นโตขนมเตรียมจะออกไป
“อ๋อ..คือพี่เพิ่งนึกได้ว่าลืมของไว้ที่ออฟฟิศว่าจะกลับไปเอา ส่วนขนมนี่จะเอาไปกินด้วย” คำตอบแถสีข้างถลอกทำให้น้องสาวหน้าเหวอ
“กินหมดเหรอคะนั่น?” แทนดาวยิ่งงงหนัก ก็พี่ชายเกลียดขนมหวานจะตาย ขนาดดื่มกาแฟยังไม่ใส่น้ำตาลเลย
“หมดสิ พี่ชอบกินจะตาย คุณย่าทำทีไรพี่ก็ฟาดเรียบทุกทีแหละ” เขาอ้อมแอ้มตอบน้องสาวก่อนจะรีบเร่งออกไป แทนดาวมองตามพร้อมกับส่ายหน้า
“ทำไมช่วงนี้มีแต่คนชอบกินขนมหวาน ก็บอกแล้วไงว่ากินมากๆมันเลี่ยน!”
ชั่วโมงต่อมาเทียมภพก็มาอยู่ที่บ้านคู่อริ คุณวารีออกมาเปิดประตูให้ด้วยท่าทางงงๆ ที่อยู่ดีๆลูกชายคนโตของบ้านทวีกิจก็มายินยิ้มเผล่อยู่ที่นี่ทั้งๆที่เมื่อกี้ทำท่าจะวิวาทกับบุตรชายของนาง
“ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ลืมบอกไปเลยว่าคุณย่าทำขนมมาฝากด้วย พอท่านรู้ว่าคุณอาจะขึ้นมาก็เตรียมทำขนมไว้ให้ แหม...ลืมเสียสนิท พอนึกขึ้นได้คุณอาก็กลับมาเสียก่อน ผมเลยรีบขับรถตามเอามาให้” เขายืนยิ้มด้วยความภูมิใจที่ท่องบทได้แม่นเป๊ะ
“อ้อ..ขอบคุณมากเลยค่ะ เข้าบ้านก่อนสิคะ” คุณวารีเชื้อเชิญ เขาถือปิ่นโตเดินตามเข้าไป
“เอ่อ...อยู่ไหน? เอ้ย..วางไว้ตรงไหนดีครับ?” เขาหันซ้ายหันขวาหา ‘คนป่วย’ แต่กลบเกลื่อนด้วยการถามหาที่วางปิ่นโต
“เดี๋ยวอาจัดการเองค่ะ อ้อ...ส้มมาพอดี เอาขนมถ่ายใส่จานไว้นะแล้วล้างปิ่นโตมาคืนคุณหมาก” นางยื่นปิ่นโตให้แม่บ้าน
“แล้วน้องแฟงเป็นไงมั่ง กินข้าวกินยาแล้วหรือยัง?” นางถามถึงบุตรสาวที่นอนพักอยู่บนห้อง เทียมภพพลอยตั้งใจฟังไปด้วย
“ตัวร้อนกว่าเดิมค่ะ ส้มต้มข้าวให้กินก็กินสามคำเอง บอกว่าเพลียกับมึนหัวอย่างเดียว” สาวใช้รายงาน คุณวารีมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวอาขึ้นไปดูลูกสักครู่นะคะ” นางรีบร้อนเดินขึ้นบันไดไป เขาเองก็อยากจะตามไปด้วยแต่ก็อาจจะดูไม่ค่อยดีนักก็เลยเดินวนไปวนมาโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะต้องมาวิตกกับการเจ็บไข้ได้ป่วยของน้องสาวศัตรูทำไมกัน
“คุณหมาก...มาช่วยหน่อยเถอะค่ะ!” เสียงคุณวารีร้องเรียกด้วยความร้อนใจทำให้เขาต้องรีบสาวเท้าวิ่งขึ้นบันไดตามไปทันที ในห้องนอน...ครูสอนเปียโนของน้องสาวนอนกระสับกระส่าย หน้าตาแดงก่ำเพราะพิษไข้
“ต้องพายัยแฟงไปหาหมอแล้วล่ะ แฟงลุกขึ้นสิลูก” คุณวารีพยายามประคองตัวลูกสาวให้ลุกขึ้นแต่ดูเหมือนคนป่วยจะไม่มีแรงเอาเสียเลย
“ผมช่วยดีกว่าครับ คุณอาลงไปรอผมที่รถได้เลย” เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างบางที่นอนซมแล้วช้อนตัวขึ้นมาอุ้มไว้ ทันที่ร่างกายสัมผัสกันเขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนรุมจากเนื้อตัวนุ่มนิ่ม รมณ์นลินรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมองคนที่กำลังโอบอุ้มตัวเองอยู่ก็ดิ้นแต่แรงแทบจะไม่มีเอาเสียเลย
“ปล่อย!” หล่อนประท้วงแม้จะไม่มีแรง
“คุณไม่สบายนะแฟง ผมกำลังจะพาคุณไปโรงพยาบาล อย่าดิ้นสิ! กำลังจะเดินลงบันไดเดี๋ยวก็ตกลงไปเดี้ยงกันทั้งคู่หรอก” เขาดุเมื่อหล่อนยังพยายามที่จะดิ้นรนหาอิสรภาพ
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” เขาบอกหล่อนขณะค่อยๆวางร่างคนป่วยตรงห้องโดยสารด้านหลังพร้อมกับหยิบเสื้อแจ็คเก็ตมาห่มให้ คุณวารีนั่งขนาบข้างลูกสาว
“ไปโรงพยาบาลประชาเวชนะคะ อยู่ไม่ไกล” เทียมภพพยักหน้ารับ
รมณ์นลินเจอไข้หวัดใหญ่เล่นงานเสียแล้วก็เลยต้องแอดมิทอยู่ที่นี่ เทียมภพยังคงเฝ้ารอดูอาการด้วยความเป็นห่วงระหว่างรอคุณวารีกลับไปเอาเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับการอยู่เฝ้าไข้ เขาส่งไลน์บอกน้องสาวซึ่งฝ่ายนั้นออกจะตกใจอยู่มากที่ครูสาวป่วยหนักแบบไม่มีปีไม่มีขลุ่ย
-พี่หมากอยู่เป็นเพื่อนพี่แฟงไปก่อนนะคะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง นี่อารินกับคุณย่ามาถึงแล้ว กำลังคุยกันอยู่เลย เดี๋ยวน้องพลูไปบอกแม่ก่อนนะว่าพี่แฟงไม่สบาย- เขาอ่านข้อความสุดท้ายจากน้องสาวแล้วเดินไปหยุดยืนข้างเตียงพลางมองใบหน้าที่ซีดเผือดด้วยความกังวล หล่อนยังหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาและฤทธิ์ไข้ ริมฝีปากที่ได้สัมผัสกันไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาก็ดูซีด เขาแตะมือที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นเบาๆ ตัวยังคงร้อนรุม
“แฟง...คุณต้องอดทนนะ เดี๋ยวก็หาย ผมอยากให้คุณหายเร็วๆ” เขาพูดกับร่างที่นอนหลับสนิท ทั้งห่วงทั้งรู้สึกผิดปนเปกันไป