ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 17,18)

ตอนที่ 17 ทั้งเล่ห์ทั้งกล
    

    “พี่หมาก...ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจนะคะ ฟังน้องพลูก่อน!” แทนดาวรีบถลาเข้าไปหาพี่ชายที่กำลังเตรียมกระโจนใส่คนที่มาส่งน้องสาวอยู่แล้ว
    “สีผึ้ง...พาน้องเข้าบ้านไป!” เทียมภพตะโกนสียงกร้าว ตายังคงจับนิ่งที่ศัตรู
    “แต่...ว่า...” ปลายเดือนเองก็กลัวเหมือนกันที่เห็นลูกผู้พี่เตรียมตัวลุยเต็มที่ หล่อนไม่อยากให้ชลธีต้องเจ็บตัวแค่อยากให้พี่ชายมาเห็นและลงโทษน้องสาวคนเล็กเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้คนนอกได้รับผลกระทบเลยสักนิด
    “พี่บอกให้พาน้องเข้าบ้านไง!” คราวนี้เขาหันมาตะคอกอย่างฉุนเฉียวเมื่อยังเห็นอีกฝ่ายอิดออด ปลายเดือนไม่รอให้พี่ชายต้องสั่งเป็นครั้งที่สาม รีบฉุดแขนน้องสาวเข้าบ้านแต่แทนดาวก็ยังพยายามขืนตัวไว้
    “ไปสิยัยพลู จะยืนอยู่ให้โดนลูกหลงหรือไง!”
    “ไม่! พี่หมากกำลังเข้าใจผิด พี่ชลเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” หล่อนอ้อนวอนแต่คนเป็นพี่ก็ไม่ยอมฟัง หันมามองน้องสาวนัยน์ตากร้าว ความโกรธพุ่งทะลุจุดเดือด ร้อยวันพันปี แทนดาวไม่เคยไปไหนคนเดียวโดยไม่รายงานเขา แต่ครั้งนี้...เพราะไอ้ผู้ชายคนนี้มันทำให้หล่อนเปลี่ยนไป

    “ใบพลู...พี่บอกให้เข้าบ้านไง!” เขาตวาดสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ปลายเดือนจะกึ่งลากกึ่งจูงน้องสาวกลับเข้าไปโดยที่ฝ่ายนั้นยังดีดดิ้นร้องตะโกนไม่หยุด พอน้องสาวทั้งสองคนเข้าบ้านไปแล้วเทียมภพก็กระโจนเข้าใส่ชลธีทันที ไม่มีการถาม ไม่การเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้น หมัดแรกที่ตั้งใจกะให้โดนจังๆหน้าพลาดไปถูกต้นแขนล่ำสันเพราะคู่ต่อสู้หลบทันแล้วสวนกลับได้แม่นยำกว่า กำปั้นหนาหนักกระทบข้างกกหูและปลายจมูกเต็มๆ เทียมภพเซไปข้างหลังก่อนจะยกมือป้ายจมูกที่เลือดกำเดาไหลรินออกมาทั้งสองข้าง พอเห็นเลือดเท่านั้นแหละ...ความระห่ำทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมา เขากระโจนเข้าบีบคอแน่นจนชลธีกำลังจะหายใจไม่ออก หนำซ้ำศีรษะยังถูกจับกระแทกกับขอบหน้าต่างรถอย่างแรง แม้จะไม่ถึงกับแตกแต่ก็ทำเอาปวดหนับจับใจ  เขารีบอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อจะประเคนหมัดมาให้พลิกกลับ ทำให้เทียมภพเสียหลักแล้วชลธีก็ซัดกำปั้นเข้าที่ท้องสองครั้งแต่ก็ถูกยันจนหงายหลังล้มลงจนได้ เทียมภพได้เปรียบขึ้นคร่อมบีบคออย่างแรง
    “กูบอกแล้วใช่มั้ย...ว่าอย่ามายุ่งกับน้องกู!” ว่าแล้วก็ประเคนหมัดใส่หน้าอีก คราวนี้ชลธีปากแตกเลือดไหลทันที
    “ทำกับปรางคนเดียวไม่พอใช่มั้ย? จะมาหลอกน้องกูอย่างที่หลอกปรางใช่มั้ย!” ชลธีหน้าสะบัดตามแรงกระแทกของหมัดขวาข้างถนัดของเทียมภพ ก่อนที่จะยันอีกฝ่ายออกไปได้ เขาทรงตัวลุกขึ้นปาดเลือดที่เลอะมุมปากออก เทียมภพเอามือกุมจมูกนึกในใจว่าดั้งคงหักแล้ว
    “กูไม่เคยหลอกปรางและที่สำคัญไม่เคยคิด ยิ้ม กับใบพลูอย่างที่กล่าวหาด้วย!” ชลธีอธิบายเหนื่อยหอบ ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างบอบช้ำด้วยฝีมือของกันและกัน
    “ถ้าจะฟังกูอธิบาย กูจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง” ชลธีต่อรองเพราะรู้ดีว่าต่างคนต่างไม่ไหวแล้ว เขาเองยังปวดตุบๆที่หัวตรงที่ถูกจับโขกกับรถเมื่อครู่ ส่วนเทียมภพก็ปวดจมูกและเลือดก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
    “ฮึ...ถ้ากูยอมฟังคนอย่างอธิบายก็บ้าไปแล้ว จำไว้นะ...กูไม่มีที่ว่างในสมองมากพอที่จะฟังพล่ามเรื่องโกหกทั้งเพนั่นหรอก เสียดายผู้หญิงดีๆอย่างปราง...ทำไมเขาต้องเจอด้วย ทำไมเขาไม่เจอกูก่อน! ทำไมเขาไม่เลือกกู!” เทียมภพยกมือชี้หน้า รู้สึกชาไปทั้งตัวเมื่อภาพเก่าๆลอยเข้ามาให้ห้วงคำนึง ภาพเปรมยุตาที่นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจากการตกเลือด!
    “งั้นกูก็ไม่มีอะไรจะพูดต่ออีกแล้ว อยากจะอัดกูก็เชิญ...กูยังมีแรงพอที่จะสู้ไหว แต่อย่าลืม...ถึงกูจะกระอักเลือดตายก็ไม่มีวันทำตามที่บอก อีกอย่างนะ...ขอยืนยันคำเดิมว่ากูไม่เคยทำร้ายปราง” สายตาเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนช่วยหยุดยั้งไม่ให้เทียมภพเข้าไปซ้ำอย่างที่ตั้งใจ
    “ไปซะ! ถ้ายังเห็นหน้าเกินกว่าสองนาทีล่ะก็ กูอาจจะวิ่งเข้าบ้านไปเอาปืนมายิงทิ้งซะก็ได้” เทียมภพไล่ มิใช่ตั้งใจจะกลับเข้าไปเอาอาวุธจริงๆ หากแต่กลัวว่าการยังอยู่ของชลธีจะสะกิดต่อมความสงสัยบางอย่างของเขาให้ทำงาน จนต้องร้องขอให้อีกฝ่ายอธิบายเรื่องในอดีต เขาไม่อยากฟัง ไม่อยากรับรู้อีกต่อไปแล้ว
    “ในรถกูมี จะเอามั้ย?” ชลธีท้าทาย ถ้าคนตรงข้ามอยากจะฆ่าเขาจริงๆก็ยินดีที่จะหยิบยื่นอาวุธให้แต่เขารู้ว่าเทียมภพไม่กล้า ไม่ใช่ว่าเพราะขี้ขลาดแต่เขาเห็นแววไม่แน่ใจในดวงตาดุดันคู่นั้น ความไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ที่รบกวนทั้งตนเองและอดีตเพื่อนมานานแสนนาน
    “แต่บอกก่อนนะ...ถ้ากูตายก็จะติดคุก ใบพลูก็จะไม่มีคนดูแล แล้วทีนี้ล่ะก็...ไอ้พวกหลอกเด็กตัวจริงก็จะเข้ามาเกาะแกะเธอโดยที่ก็ทำอะไรไม่ได้” ชลธีกล่าวเยาะๆ ปาดเลือดที่ปากเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปขึ้นรถ ปิดประตูดังปังและออกรถไปอย่างรวดเร็ว

    เทียมภพยืนมองรถสีดำแล่นออกไปจนลับตา คอยอยู่สักประเดี๋ยวให้แน่ใจว่ามันจะไม่ย้อนกลีบมาอีกแล้วค่อยแบกหน้าช้ำๆของตัวเองเดินเข้าบ้าน คนต่อไปที่ต้องจัดการคือน้องสาวตัวดีที่แอบหนีเที่ยวไม่บอกไม่กล่าว แต่ก่อนอื่นเขาต้องล้างหน้าชำระคราบเลือดเสียก่อน ไม่อยากให้น้องสาวเห็นสภาพสยดสยองนี้เพราะแทนดาวค่อนข้างจะบอบบาง เห็นเลือดมากๆแล้วอาจจะเป็นลมได้ ถึงจะอยู่ในอารมณ์เดือดดาลสักแค่ไหนแต่ก็ยังใส่ใจความรู้สึกของน้องสาวเสมอ
    คนที่กำลังจะโดนชำระความนั้นยืนโต้เถียงอย่างรุนแรงกับพี่สาวโดยมีคุณย่ากับอารินนั่งมองโดยที่ไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ เพราะเวลาหลานสาวคนเล็กของบ้านนี้อารมณ์เสียขึ้นมาแล้วนั้นก็ไม่ต่างพายุทอนาโดขนาดย่อมที่พร้อมจะพังทลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
    “ปล่อยพลูนะ! พลูจะไปดูพี่ชล ป่านนี้แย่แล้วแน่ๆ” แทนดาวพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของสาวใช้สองคนที่กอดแขนหล่อนคนละข้างตามคำสั่งของปลายเดือน
    “เธอจะไปให้สถานการณ์มันแย่ลงทำไม คิดดูสิ...ถ้าพี่หมากเห็นเธอ ก็จะยิ่งโกรธคุณชลมากขึ้น ก่อเรื่องแล้วยังไม่รู้สึกตัวอีก!” ปลายเดือนต่อว่า หากแต่ในใจก็อยากไปดูเหมือนกันว่าชลธีจะเป็นอย่างไรบ้าง
    “อยู่นี่แหละเจ้าพลู ย่าว่าคงไม่มีอะไรหนักหนาหรอก”  คุณลำเภาปลอบ จากที่ฟังคำบอกเล่าของหลานสาวทั้งสองนั้นน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเสียมากกว่า อารมณ์วู่วามของหลายชายคนโตนั้นเป็นที่รู้ๆกันว่าจัดอยู่ในประเภท ‘ต่อยก่อน ถามทีหลัง’
    “แต่พี่หมากต้องมีเรื่องกับพี่ชลแน่ๆ พี่หมากเข้าใจผิดนะคะ” คราวนี้คนตัวเล็กสะบัดตัวหลุดจากการพันธนาการจนได้
    “คอยดูนะ! จบเรื่องเมื่อไหร่พลูจะมาคิดบัญชีกับเธอทั้งคู่” แทนดาวคาดโทษสาวใช้สองคนที่มองตากันด้วยความหวาดหวั่น การไปทำให้คุณหนูคนเล็กโกรธนั้นเป็นเรื่องที่คนสิ้นคิดเท่านั้นที่ทำแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อคุณหนูใหญ่อย่างปลายเดือนเป็นคนสั่ง
    “น้อยๆนะแม่คุณ!” เทียมภพที่จัดการชำระคราบเลือดรวมทั้งเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เรียบร้อย แล้วก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยความโกรธขึ้ง แทนดาวหันไปมองพี่ชายหวาดๆกับหน้าตาถทึงแต่ก็เบากว่าตอนที่เจอกันหน้าบ้าน มีรอยจ้ำเขียวๆตรงแถวไรคาง ที่ปลายคิ้วมีพลาสเตอร์แปะอยู่
    “พี่หมากทำอะไรพี่ชลน่ะ” แทนดาวรีบวิ่งไปดักหน้าร้องถามพี่ชายเสียงห้วน เทียมภพเม้มปากแน่นที่น้องสาวเป็นห่วงเป็นใยศัตรู
    “มันก็ไม่ได้น่วมน้อยไปกว่าพี่หรอก รับรองได้”
    “พี่หมากบ้า! ไปทำพี่ชลทำไม เขาไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ” คนตัวเล็กร้องลั่นพร้อมกับระดมตีแขนคนเกืดก่อนไม่นับจนปลายเดือนต้องมาฉุดตัว
    “วันนี้น้องพลูของพี่ทำผิดมากรู้มั้ย หายไปโดยไม่บอกพี่ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ที่สำคัญ ไปกับ ‘มัน’ สองต่อสอง พี่โกรธและเสียใจมากที่น้องพลูทำตัวแบบนี้” เทียมภพหยุดนิดหนึ่งบังคับเสียงไม่ให้สั่นเพราะสิ่งที่คิดและกำลังจะบอกออกไปนั้นมันบั่นทอนความรู้สึกของตนมหาศาล
    “ถึงพี่จะรักเรามากแต่ถ้าทำผิด...ก็ต้องถูกทำโทษ” เขาเค้นเสียงลอดไรฟันพูดออกมาในที่สุดแล้วหันไปสั่งลูกผู้น้อง
        “ไปหาไม้ให้พี่หน่อย” น้ำเสียงเย็นชานั้นบาดลึกลงไปในหัวใจของของสาวแท้ๆถึงพี่ชายคนนี้จะรักและใจดีกับตนมากขนาดไหนแต่ถ้าถึงเวลาต้องดุแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร ในขณะเดียวกันความรู้สึกปิติยินดีวูบหนึ่งเกิดขึ้นกับปลายเดือน หากแต่ก็ยังไม่วายแสร้งคัดค้าน
    “พี่หมากคะ...น้องพลูแกคงไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ อย่าถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันเลยค่ะ ผึ้งสงสารน้อง...” หล่อนเดินไปเกาะแขนพี่ชาย พูดแกมขอร้องไปงั้นเอง รู้ดีว่าคราวนี้พี่ชายเอาจริงแน่ๆ
    “นั่นสิ...อย่าถึงขั้นต้องตีกันเลยนะ ย่าขอเถอะ” คุณลำเภาช่วยไกล่เกลี่ยอีกคน เทียมภพสูดหายใจลึกๆเข้าปอดอีกครั้ง แม้จะฝืนใจแต่ก็ต้องทำ นานแสนนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เคยลงโทษน้องสาวรุนแรงอย่างนี้ จะมีก็แต่เวลาหล่อนดื้อเอาแต่ใจจนเกินพอดีที่อาจจะต้องลงมือสั่งสอนกันบ้าง แต่อย่างมากก็แค่ใช้มือฟาดเพี๊ยะให้ไม่เคยเกินสามที ไม่เคยต้องใช้ไม้เรียวหวดเป็นเรื่องเป็นราว ดีแต่เอามาถือกวัดแกว่งขู่เท่านั้นเอง
    “ไม่ได้หรอกครับคุณย่า เราเลี้ยงยัยพลูมาแบบตามใจเกินไปถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้” เทียมภพพยายามพูดให้ฟังดูเย็นชาที่สุดแต่ก็ยังอดสั่นไม่ได้ คุณลำเภาลอบมองหลานชายแล้วก็ถอนใจ นางรู้ตัวว่าคงไม่อาจปกป้องหลานสาวคนเล็กได้อีกต่อไป
    “ดูสิครับ...หนีออกไปเที่ยวกับผู้ชาย ไปถึงไหน ทำอะไรกันบ้างก็ไม่รู้ นี่ขนาดว่าดูแลกันไม่ให้คลาดสายตาแล้วนะ แต่เรื่องแบบนี้จะไปโทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ บางทีคนของเรามันก็คงจะอยากรู้อยากเห็น คงอยากจะมีผัวกับเค้าแล้วกระมัง!” น้ำเสียงเย็นชาที่พ่นคำบริภาษออกมาทำให้พยานในห้องต้องปิดปากอุทาน แทนดาวน้ำตาร่วงเผาะทันทีไม่คิดว่าพี่ชายจะดุด่าตนเองแรงขนาดนี้
    “หมาก...ใจเย็นๆนะลูก เดี๋ยวพี่ธรรมรู้แกจะเครียดขึ้นมาอีกนะ” คุณระรินผู้เป็นอาสะใภ้ช่วยพูดเรียกสติ
    “เค้าอยากตีก็ให้เค้าตีไปเถอะค่ะ พลูไม่ผิดซักนิดเดียวเพราะงั้นก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัว” คนตัวเล็กกลั้นน้ำตาพูดเสียงแข็ง น้อยใจพี่ชายที่ไม่ยอมฟังคำอธิบายเรื่องทั้งหมดสักนิด ทำไมคนที่รักที่สุดกลับไม่เชื่อใจหล่อนเลย
     เทียมภพมองมาหน้าน้องสาวที่รักปานดวงใจอย่างร้าวราน ปรกติแล้วถ้ารู้ว่าจะถูกลงโทษล่ะก็จะต้องวิ่งมากอดแขนกอดขา อ้อนวอนจนเขาใจอ่อนยอมลดให้หรือไม่ก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย แต่นี่...กลับทำท่าชูคอเสียงแข็ง ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยจนกระทั่งได้รู้จักกับชลธี
    “ไปเอาไม้มาสีผึ้ง!” เขาสั่งเฉียบขาดอีกครั้ง ปลายเดือนก้มหน้ารับคำทำหน้าเศร้าเดินออกไปแต่พอผ่านหน้าน้องสาวก็ส่งให้อย่างเลือดเย็น หล่อนไปหากิ่งไม้ในสวนที่คิดว่าเหนียวพอที่จะฟาดลงบนเนื้อขาวๆของน้องสาวโดยที่ไม่ด่วนหักไปเสียก่อน หล่อนเฝ้ารอเวลานี้มาตลอดเวลา รอคอยที่จะได้เห็นน้องสาวเจ็บปวด นับว่าเป็นโชคดีที่วันนี้หล่อนตัดสินใจกลับเข้าบริษัทในตอนเย็นเลยได้ทราบว่าแทนดาวออกไปกับชลธีก็เลยโทรไปบอกพี่ชาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่