ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 9,10)

ตอนที่ 9 ภาพสุดท้าย


            วันรุ่งขึ้นครอบครัวทวีกิจไพศาลก็จะต้องเดินทางกลับ ดังนั้นเย็นนี้ทางเจ้าภาพจึงจัดอาหารค่ำมื้อพิเศษเป็นการทิ้งทวนเพื่อไม่ให้เสียชื่อได้ มีแขกรับเชิญเป็นชายชราใจดีคือคุณลุงกระสินธุ์ผู้เป็นเจ้าของเกาะแสนสวย แทนดาวกับปลายเดือนสวมใส่แม็กซี่เดรสผ้าฝ้ายสีขาวพลิ้วไหวที่พี่ชายปากร้ายแต่ใจดีอย่างเทียมภพลงทุนซื้อให้เพื่อการณ์นี้ เจ้าตัวบอกว่าอยากให้สาวๆแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศชายทะเล แล้วก็เป็นที่ถูกอกถูกใจพี่ใหญ่เป็นอย่างยิ่งที่มีสาวสุดสวยสองคนนั่งขนาบข้างซ้ายขวา ได้โอกาสคอยส่งสายตาเยาะเย้ยให้คู่อริที่นั่งตรงข้ามอยู่เป็นระยะประมาณว่า ‘ข้าแน่กว่า’ อะไรทำนองนั้น
    “สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่...และ” ผู้มาใหม่ทำให้เทียมภพสำลักไวน์ขาวราคาแพงที่เจ้าภาพจัดมาเป็นของกำนัล งงกับสรรพนามที่หนุ่มหน้าละอ่อนใช้เรียกบุพการีอย่างสนิทชิดเชื้อ
    “เอ็ง..ไอ้น้อง...” เขาอ้าปากจะด่าแต่ก็ต้องยั้งไว้เพราะมีคนที่ไม่ใช่ญาตินั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยก็เลยได้แต่คิดถามอยู่ในใจว่า
         “ไอ้หน้าปลาหมึกบดมันจะเสนอหน้ามาทำไมกัน?”
    “ผึ้งชวนคุณเวมาเองแหละค่ะ เห็นว่าเป็นเพื่อนยัยพลู อีกอย่างพรุ่งนี้ก็จะกลับกันแล้ว ควรจะทานอาหารพร้อมกันอีกสักมื้อนะคะ” ปลายเดือนรีบออกตัวทำให้เทียมภพหันมามองน้องสาวเบอร์หนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก
    “อะไรกันสีผึ้ง ตั้งแต่เมื่อไหร่? นี่เราแอบไปนัดแนะเจอกับเจ้านี่เมื่อไหร่ฮึ?” เขาต่อว่าทันที จะอย่างไรก็เถอะ...สีผึ้งก็เป็นน้องสาว แม้จะไม่ใช่น้องแท้ๆแต่ก็ห่วงหวงไม่แพ้กัน
         “พี่หมากขา...แค่กินข้าวนะคะ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน” หล่อนเถียง
         “พี่เวบินคืนนี้ไม่ใช่เหรอคะ?  แล้วนี่ต้องไปสนามบินกี่โมง?” แทนดาวหันไปคุยกับรุ่นพี่บ้าง
    “พี่เปลี่ยนไฟลท์จ้ะ บินกลับพรุ่งนี้พร้อมน้องพลูเลย” เขาตอบด้วยความร่าเริงทำเอาเทียมภพหนวดกระตุก
    “เชิญพ่อหนุ่มนั่งเถอะ...ตามสบาย” เมื่อคุณลำเภาเชื้อเชิญก็เป็นอันว่าจบ เทียมภพยิ่งฟึดฟัดฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หนุ่มอ่อนวัยกว่าจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆแทนดาวแต่ก็ถูกยึดเก้าอี้ไว้
    “เฮ้ย! อย่ามานั่งตรงนี้นะ” เทียมภพตวาดพลางโอบบ่าน้องสาวไว้แน่น แทนดาวได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆ ก้มหน้าลงด้วยความอายเพราะว่าเสียงของพี่ชายนั้นดังขนาดทำให้คนโต๊ะข้างๆได้ยินและหันมามองอย่างสนใจ แอบชำเลืองมองคนฝั่งตรงข้ามที่ยิ้มตอบกลับมาอย่างขำๆ ส่วนเวทิวุฒิก็เริ่มรำคาญกับความบ้าไม่เลือกเวลาของเทียมภพ เลยจะเดินไปนั่งข้างปลายเดือนแทนแต่ก็ยังถูกกันท่าอีกอยู่ดี
    “ตรงนี้ก็ไม่ได้!” เวทิวุฒิถอนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี
    “พี่หมาก!” ปลายเดือนเรียกชื่อพี่ชายเสียงดุ จะเป็นผู้คุมให้ยัยพลูก็เป็นไปเถอะไม่ต้องเผื่อแผ่มาถึงหล่อนหรอก
    “นั่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ” รมณ์นลินต้องปิดเคสในที่สุด ชลธีแอบมองน้องสาวอย่างไม่พอใจนิดๆ ถึงจะเกลียดเทียมภพแค่ไหนแต่ก็เข้าใจดีว่าไอ้ความรู้สึก ‘หวง’ มันเป็นยังไง แต่จะไม่แสดงอาการบ้าระห่ำอย่างที่อีกฝ่ายทำไม่เลือกสถานการณ์หรอก
    “เออ...ตรงนั้นน่ะนั่งได้ เจ้าของที่เค้าเชิญแล้ว” เทียมภพปรายตามองไปทางรมณ์นลินอย่างเหยียดๆ คิดในใจว่าอีกฝ่ายช่างไม่รักนวลสงวนตัวเอาเสียเลยที่เชิญชวนผู้ชายมานั่งข้างๆหน้าตาเฉย ชลธีไม่พอใจที่เทียมภพว่ากระทบน้องสาวของตนเช่นนั้นจึงจะลุกไปเอาเรื่องแต่น้องสาวยืดมือไว้ คนถูกว่ากระทบรู้สึกขัดเคืองกับความคิดน่าอายและสายตาดูถูกของอีกฝ่ายที่ตั้งใจเหน็บแนมตนเอง พอจะรู้หรอกว่ามันพยายามจะสื่อว่าอะไรแต่ก็เลือกที่จะเฉยเสียไม่ต่อความให้เยิ่นเย้อ ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมเวลาผู้ชายคนนี้ไปที่ไหนถึงมีเรื่องได้ทุกครั้งไป
แทนดาวที่อาการดีขึ้นแล้วก็กลับมาตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารได้เหมือนเดิม คอยอ้อนพี่ชายให้คอยตักโน่นตักนี่ให้ไม่ขาด จะเงยหน้าขึ้นมาคุยบ้างเป็นครั้งคราวระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ คนอื่นๆพูดคุยกันสบายๆ
    “อืม...ผมว่าเราขาดอะไรไปอย่างนึงนะ” คุณเที่ยงธรรมกล่าวขณะที่การรับประทานอาหารเย็นดำเนินมาถึงช่วงเวลาของหวาน
    “อะไรหรือคะ?” คุณวารีถาม
    “เสียงเพลงไง” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย อาหารกับดนตรีเป็นของคู่กันอยู่แล้ว
    “อ๋อ..รู้สึกว่านักดนตรีที่เล่นประจำอยู่จะมาราวๆสองทุ่มค่ะ” คุณวารีตอบ
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมีนักดนตรีของผมมา” คุณเที่ยงธรรมมองไปที่ลูกสาวแล้วก็ยิ้ม
    “ว่าไงน้องพลู? เล่นเพลงเพราะๆให้พ่อฟังสักเพลงได้มั้ยลูกสาว” แทนดาวพยักหน้าทันที รีบเคี้ยวขนมกลืนลงท้อง เรื่องโชว์เพลงนี่ไม่เคยพลาด จะเล่นให้สุดฝีมือเลย
    “ถ้างั้น...ทางฝ่ายดิฉันก็ขอส่งหนูแฟงอีกคนนะคะ” ทั้งโต๊ะปรบมือเป็นกำลังใจให้นักดนตรีทั้งสองที่กำลังเดินไปยังเวทีที่เป็นยกพื้นไม่สูงนัก บนเวทีไม่มีเปียโนที่เคยเล่นประจำแต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค มีดิจิตอลอิเลคโทนยามาฮ่าอีกทั้งยังมีกีตาร์ กลองและเบส แทนดาวนั่งประจำที่ตรงอิเลคโทน ส่วนรมณ์นลินจะเล่นกีตาร์โปร่ง
    “เพลงอะไรดีคะพี่แฟง?” แทนดาวหันไปถามครูสาวหลังจากเลือกเสียงเปียโนจากฟังก์ชั่นเครื่องดนตรีบนแผงหน้าจอพลางลองกดนิ้วทดสอบเสียงสองสามครั้ง
    “Right here waiting ก็ได้ค่ะ” รมณ์นลินเสนอ
    “ได้เลยค่ะ” มือเรียวบางค่อยๆจรดปลายนิ้วลงบนคีย์โดยไม่ต้องดูโน้ต เสียงทำนองเพลงไพเราะนุ่มไหลลื่นสมกับเป็นเพลงรักแสนหวานในตำนาน รมณ์นลินเกลากีตาร์โปร่งและขับร้องเพลงอย่างไพเราะสะกดผู้คนที่กำลังรับประทานมื้อค่ำให้ตั้งใจมองดูการแสดงดนตรีสดของสองสาว คนที่ขี้สงสัยก็สะกิดถามบริกรว่าสองสาวนั้นเป็นใคร พอบริกรกระซิบบอกก็ยิ่งสร้างความน่าสนใจมากขึ้นเพราะคนหนึ่งเป็นญาติเจ้าของรีสอร์ทส่วนอีกคนก็เป็นถึงลูกสาวอดีตท่านทูต
           ชลธีมองสาวนัยน์ตาสวยที่กำลังบรรเลงเพลงอย่างตั้งใจแล้วก็เผลอยิ้มอุบอุ่นออกมา รอยยิ้มน้อยๆผลิออกมาตลอดการแสดงสร้างความสดชื่นให้คนรอบข้างจนต้องพลอยยิ้มตามไปด้วย ดูหล่อนมีความสุขมากเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝันเมื่อได้เล่นดนตรี พอเพลงจบเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง สองสาวยืนขึ้นโค้งให้ผู้ชมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มแผ่กระจายไปทั่ว เวทิวุฒิดึงกุหลาบสีแดงสองดอกในแจกันกลางโต๊ะเอาไปมอบให้สองสาวท่ามกลางเสียงปรบมือ แต่พอกลับมาถึงโต๊ะ เทียมภพก็แย่งกุหลาบดอกนั้นมาวางไว้ในจานใส่เศษอาหารทันที
    “เก่งมากจ้ะใบพลู น้องพี่เก่งจัง’” เทียมภพดึงตัวน้องสาวมากอดและหอมแก้มโชว์แขกเหรื่อราวกับจะประกาศให้รู้ว่า ‘นี่แหละน้องผม’
    “ศิษย์เอกของครูแฟงไงคะ” คุณดวงทิพย์ชมพลางหันไปมองรมณ์นลินที่ยิ้มรับ ชลธีแอบชูแก้วไวน์ให้นักดนตรีกิตติมศักดิ์ แทนดาวยิ้มหวานตอบอย่างไม่รู้ตัวและมื้อค่ำนี้ก็ผ่านพ้นไปด้วยความประทับใจ ทุกคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน เทียมภพก็เร่งให้น้องสาวรีบอาบน้ำกินยาและบังคับให้นอนตั้งแต่สามทุ่มครึ่ง     ส่วนตัวเองก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเช่นกันแต่ว่าไม่ได้เข้านอนอย่างคนอื่นๆเพราะว่าคืนนี้เขามีนัด ‘สั่งลา’ กับสาวรัสเซียคนเดิม ชายหนุ่มเร่งสปีดสุดชีวิตเพราะไม่อยากจะเสียเวลาแห่งความหฤหรรษ์ แต่ยังไม่ทันจะเสร็จเสียงน้องสาวตัวดีก็มาเคาะประตูเร่งให้เปิด
    “พี่หมากขา...ไม่ง่วงอ่ะ” พอเข้ามาได้ก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงกว้าง พลางก้มลงจ้องแท็บเล็ตที่เปิดค้างค้างไว้ที่คลิปวิดิโอคัฟเวอร์เพลง
    “อะไรอีกล่ะ? กินยาแล้วทำไมไม่นอนล่ะคะ”    
“ก็พี่ผึ้งเปิดโทรทัศน์เสียงดังนี่...พลูเลยนอนไม่ได้” เทียมภพเกาหัวแกรก จะอะไรกันนักหนานะคู่นี้
    “งั้นเดี๋ยวพี่ไปบอกสีผึ้งให้เปิดเบาๆแล้วกัน มาเร็ว...ไปนอน” เทียมภพฉุดแขนน้องสาวให้เดินกลับบ้านพัก
    “ไม่เอาอ่ะ...ไม่อยากนอนบ้านนู้นแล้ว พี่ผึ้งอยากดูทีวีก็ให้เขาดูไปเถอะค่ะ น้องพลูนอนห้องพี่หมากก็ได้” ว่าแล้วก็ล้มลงบนเตียงกว้าง เจ้าของห้องหน้าเหวอ มาง๊องแง๊งอะไรกันตอนนี้นะ
    “ไม่ได้...ไปเร็วไปนอนห้องตัวเอง พี่ง่วงแล้ว หรือจะไปนอนบ้านนู้นกับคุณย่า?” เขาดึงดันที่จะให้น้องสาวกลับไปเร็วๆ
    “ไม่เอาอ่ะ...พลูจะนอนนี่” เมื่อน้องสาวไม่ยอมก็ไม่อยากจะขัดใจ เดี๋ยวแม่คุณจะสงสัยเอา
    “งั้นนอนไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ออกไปโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ” เขาพยายามหาข้ออ้างออกไปโทรเลื่อนเวลานัดกับสาวคู่ขา
    “อย่าเพิ่งไป...มาเกาหัวให้ก่อน” แทนดาวดึงแขนพี่ชายลงมานั่งข้างๆ เอาศีรษะเกยตักในท่าเตรียมพร้อม
    “เฮ้อ...เมื่อไหร่จะโตสักทีนะ นี่พี่ต้องเลี้ยงเราอย่างนี้ไปจนแก่ตายมั้ยเนี่ย” เทียมภพมองหน้าน้องสาวที่หลับตาพริ้ม อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มใสๆนั้นด้วยความมันเขี้ยวแล้วลูบผมยาวดำขลับนุ่มมือที่แผ่กระจายอยู่บนตัก แทรกนิ้วลงไปเกาศีรษะให้ตามคำขอ
    “ซ้ายหน่อยๆ นั่นแหละ” คนหนุนตักสั่งพลางครางงึมงำอย่างพอใจสักพักก็เคลิ้มหลับ
          “ทำตัวอย่างกับลูกหมา ต้องให้เกาหัวเกาพุงก่อนนอน” คนเป็นพี่บ่นแต่ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วจึงค่อยๆยกศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มดุจไหมออกจากตัก จัดท่าทางนอนให้เรียบร้อยและดึงผ้าห่มคลุมให้
    “ฝันดีค่ะ นางฟ้าของพี่” เขาก้มลงจูบหน้าผากน้องสาวแผ่วเบาก่อนจะย่องออกจากห้องอย่างเงียบกริบและล็อกประตูให้อย่างดี พลิกดูนาฬิกาข้อมือที่ชี้บอกเวลาห้าทุ่มกว่า ป่านนี้แม่สาวผมบลอนด์คนนั้นคงจะรอเขาแย่แล้ว

    เทียมภพเดินผิวปากมุ่งหน้าไปยังร้านเหล้าร้านเดิม เวลายามวิกาลเช่นนี้ทำให้เขาสามารถปล่อยตัวตามสบายไม่ต้องกังวลใจว่าจะเจอคนรู้จักหรือมีใครแอบจับตามองอยู่หรือเปล่า แต่โชคก็ไม่เข้าข้างนักเมื่อต้องเจอคนที่ ‘ไม่อยากรู้จัก’ จะเลี่ยงไปก็ไม่ทันเพราะฝ่ายนั้นเห็นเข้าเสียแล้ว
    “สวัสดียามดึกค่ะคุณหมาก จะไปไหนเหรอคะ?” รมณ์นลินร้องทักเสียงใสเมื่อเห็นพี่ชายของลูกศิษย์สาวกำลังเดินผ่านมา
    “อ้อ...เจอตัวสักที” คนถูกทักหยุดยืนใกล้ๆน้องสาวศัตรู
    “จะบอกว่าวันนี้คุณร้องเพลงได้เพราะมากนะ ค่อยคุ้มค่าหน่อยที่จ้างมาแพง” เทียมภพพูดอย่างเย็นชา คนฟังถึงกับหน้าถอดสี เขาเห็นหล่อนเป็นตัวหิวเงินหรือไร
    “ขอบคุณที่ชมค่ะ ที่แฟงมาสอนน้องพลูไม่ใช่เพราะเห็นว่าให้ค่าจ้างสูงเป็นอันดับแรกหรอกนะคะ” หญิงสาวตอบเสียงเย็นเช่นกัน
    “งั้นถ้าให้สอนฟรีไม่ต้องจ่ายค่าจ้างจะเอามั้ยล่ะ?  มีพี่รวยอยู่แล้วนี่ ไอ้ค่าจ้างไม่กี่หมื่นคงไม่มีความหมายอะไรกับคุณนักหรอกมั้ง” น้ำเสียงของเขาฟังดูหยันจนคนฟังรู้สึกได้
    “คุณหมาก!” รมณ์นลินอึ้ง ไม่คิดว่าจะโดนดูถูกแบบนี้ ใจก็อยากตบปากเสียๆให้เลือดกลบ
    “ความจริงผมน่าจะสืบประวัติคุณก่อนจะจ้างมาสอนน้องสาวผมนะ ถ้าได้รู้ก่อนว่าเป็นญาติกับไอ้ชลล่ะก็...ผมไม่เอาแน่! คุณเป็นคนชักนำพี่ชายให้เข้ามาวุ่นวายกับครอบครัวผม คอยดูนะ...กลับกรุงเทพเมื่อไหร่ผมจะหาครูให้ใบพลูใหม่ทันที” เทียมภพพูดใส่หน้าอย่างไม่เกรงใจ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่