ตอนที่ 3 ของขวัญ
“น้องพลูขา...คุณแม่ให้ไปพบที่ศาลาค่ะ” เสียงพี่เลี้ยงเคาะประตูห้องเรียกก็รู้ทันทีว่ามารดาคงจะตามตัวให้ไปช่วยงานการฝีมืออีกแน่
“ไปบอกแม่นะแป๋ม ว่าน้องพลูนอนหลับอยู่” สาวน้อยรีบบออกปัดเพราะไม่อยากไปนั่งหลังขดหลังแข็งแกะสลักผักผลไม้อีก สู้นอนเล่นแท็บเล็ตสบายๆบนเตียงนุ่มนิ่มจะดีกว่า
“แต่ว่า...เอ่อ...” สาวใช้ทำเสียงลังเลเพราะกลัวถูกคุณดวงทิพย์ดุ
“ไปเถอะน่า... ถ้าคุณแม่ว่าอะไรล่ะก็...น้องจะพลูรับผิดชอบเอง” หญิงสาวสัญญาเป็นมั่นเหมาะ โดยยังไม่ละสายตาจากอุปกรณ์ไฮเทคที่อยู่ในอุ้งมือ
“ออกมาซะดีๆนะแม่ลูกสาวจอมขี้เกียจ” ไม่ทันขาดคำเสียงมารดาก็แทรกเข้ามา คนถูกเรียกสะดุ้งสุดตัว
“คุณแม่ขา...น้องพลูไม่อยากไปนั่งแกะสลักนี่คะ น้องพลูเบื่อนี่นา” พอมารดาเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อน
“เรานี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เป็นผู้หญิงซะเปล่า ดูสีผึ้งสิ...ทำเป็นทุกอย่างแล้วลูกสาวแม่ทำอะไรเป็นมั่งเนี่ย” แม้จะบ่นบุตรสาวอย่างนั้นอย่างนี้แต่สายตาที่ทอดมองมาล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ที่แม่เรียกเพราะว่าจะมาตามให้ลูกไปพบคนๆนึง ต่อไปเค้าจะกลายเป็นแขกคนสำคัญของบ้านเรา หนูต้องรู้จักไว้เพราะว่าคุณพ่อกับพี่ชายเราต้องร่วมงานกับเค้านะคะ” แทนดาวสงสัยจริงๆว่ามารดาจะให้คนสำคัญคนนั้นมารู้จักกับเด็กอย่างตนไปทำไมกัน
“ไม่เอา...วันนี้น้องพลูไม่มีอารมณ์พบใคร” บุตรสาวบอกปัดดื้อๆอย่างเอาแต่ใจแล้วหยิบแท็บเล็ตอันเดิมที่เปิดหน้าแคตตาล็อกขายเครื่องดนตรีค้างไว้ คุณดวงทิพย์ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ จะมีสักวันไหมตั้งแต่ลูกสาวคนนี้เกิดมาที่จะไม่แผลงฤทธิ์ใส่คนรอบข้าง
“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องไปนะลูก...นี่เป็นคำสั่งของคุณย่าและแม่ด้วย ให้เวลาสิบนาทีแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปที่ศาลา ถ้าไม่ไปล่ะก็จะถูกตีนะ” มารดายื่นคำขาดแล้วออกจากห้องไป แทนดาวหน้ามุ่ยที่โดนบังคับความจริงก็ไม่กลัวหรอกที่จะต้องถูกตีเพราะว่ามีพี่ชายคอยคุ้มครองอยู่ รายนั้นไม่ยอมให้ใครมาลงโทษหล่อนง่ายๆหรอกแต่ว่าตอนนี้พี่ชายไม่อยู่เสียด้วย เอาเถอะ...ไปสักเดี๋ยวเพื่อแสดงตัวตนว่าบ้านนี้ยังมีลูกสาวอีกคนก็พอ
แทนดาวหยิบกระโปรงผ้านิ่มสีเขียวอ่อนมาเปลี่ยนแทนกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ในบ้านประจำ ขณะกำลังเดินเรื่อยๆผ่านต้นชมพู่สูงใหญ่ที่กำลังติดลูกเขียวใสน่ากินก็เลยปีนกิ่งเตี้ยๆเก็บชมพู่ลูกโต พอมองสูงขึ้นไปก็เกิดความโลภอีกเพราะกิ่งที่อยู่สูงๆนั้นเต็มไปด้วยผลโตๆน่ากินอีกมากมาย คนตัวเล็กถอดรองเท้าแล้วปีนสูงขึ้นไปอีกทั้งๆที่สวมกระโปรง ต่อจากนั้นก็สนุกสนานกับการเก็บผลไม้จนลืมเรื่องที่มารดาสั่งไว้เสียสนิท พอเก็บได้เต็มอ้อมแขนแล้วก็ค่อยๆไต่ลงมาโดยใช้ชายเสื้อยืดที่สวมอยู่ห่อผลชมพู่ไว้ พอถึงพื้นก็นึกถึงเรื่องที่คุณแม่สั่งขึ้นมาได้เลยรีบวิ่งเร็วที่สุดไปยังศาลาโดยไม่สนใจสภาพตัวเองแม้แต่น้อย
“กึกๆๆ” เสียงชมพู่ร่วงกราวบนพื้นไม้กระดานขัดมันกระจายไปคนละทิศละทาง ทั้งที่ใต้ตั่งของคุณย่าและปลายเท้าของแขกผู้มาเยือน สองมือน้อยพยายามไล่ตะครุบไม่ให้ชมพู่กลิ้งกระจายไปไกล ปากก็พร่ำบ่นกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“โอ๊ย...หมดกัน ตกพื้นแบบนี้ก็ช้ำหมดเลย”
“เจ้าพลู! ทำอะไรน่ะฮึ?” เสียงคุณย่าเอ็ดเอาเมื่อเห็นสภาพหลานสาวถนัดตา ตอนแรกก็คิดว่ายัยจอมดื้อจะไม่ยอมมาตามคำสั่งที่ฝากลูกสะใภ้คนโตไปบอกเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้...เจ้าหล่อนมาตามที่บอกแต่ว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องมาเสียยังจะดีกว่า ผมเปียหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงแถมยังมีเศษใบไม้แห้งๆติดไปทั่ว ในมือประคองชายเสื้อที่ห่อผลชมพู่ไว้ ท่อนขาที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาเห็นเป็นรอยดำด่างจากการปีนต้นไม้ คุณดวงทิพย์เห็นลูกสาวแล้วก็พาลจะหน้ามืดต้องขอยืมส้มโอมือจากแม่สามีมาดม ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ทำให้ขายหน้า ปลายเดือนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเหลือบตามองอย่างเหยียดๆ
“ที่มาช้าเพราะว่าน้องพลูแวะเก็บชมพู่ ลูกด๊ก...ดกค่ะ ว่าจะเอาไปให้แป๋มทำพริกกะเกลือ” หลานสาวคนเล็กรีบคลานเข้าไปหาคุณย่าทำให้ชมพู่ในอุ้งมือหลุดกลิ้งหลุนๆออกมาอีกสองลูก คนตัวเล็กก็คลานตามไปเก็บ
“เอ่อ...นี่แทนดาวหรือใบพลู ลูกสาวคนเล็กของป้าเองค่ะ” คุณดวงทิพย์แนะนำบุตรสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจื่อนๆ
“คุณอาธาราอีกแล้วหรือคะ?” คนถูกแนะนำมองไปที่ผู้มาเยือนแล้วก็ต้องยกมือทาบอกด้วยความตกใจปนขายหน้า
“หวัดดีครับ เจอกันอีกแล้วนะใบพลู” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มเรียกชื่อสาวน้อยตามที่คุณดวงทิพย์แนะนำ หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูกจนคุณแม่แอบหยิกให้ที่เอวเบาๆ
“เอ่อ...เอ่อ...สวัสดีค่ะ” หล่อนยกมือเย็นเฉียบประนมไหว้อย่างเกร็งๆ
“วันก่อนน้องพลูเจอคุณอาธาราที่ร้านอาหารด้วยค่ะ” แทนดาวบอกมารดา ทุกคนต่างก็ฉงนกับชื่อที่ได้ยิน
“ใครกันอาธารา?” คุณลำเภาถาม
“ใบพลูเข้าใจผิดน่ะครับ คิดว่าผมชื่อธารา” เจ้าของชื่อตอบให้แล้วหันไปมองสาวน้อยที่นั่งสงบเสงี่ยมเขี่ยลูกชมพู่กลิ้งไปกลิ้งมา
“พี่เค้าชื่อชลธีค่ะ น้องพลูต้องเรียกพี่ชลนะ พี่เค้าอายุเท่ากับพี่หมากของเราเลย” มารดาขยายความต่อทำให้ใครบางคนต้องต้องหน้าแตกดังเพล้ง! สาวน้อยยิ้มแห้งๆให้เขา ตาย...เงิบอีกแล้ว นี่จะปล่อยไก่ให้หมดเล้าเลยหรือ
“งั้นพี่เรียกน้องพลูเหมือนคนอื่นๆได้มั้ยครับ?”
“ได้สิ...เธอก็แก่กว่าเจ้าพลูตั้งเป็นสิบปี นับเป็นพี่น้องกันได้” คุณลำเภาชิงตอบแทนเมื่อยังเห็นว่าหลานสาวเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยลูกชมพู่ ชลธียิ้มอ่อนอย่างแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณเที่ยงธรรมมีบุตรสาวอีกคนที่โตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้แต่ยังดูซุกซนไร้จริตจะก้าน หน้าหวานๆนั้นดูบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ผมยาวดำสลวยที่ถักเป็นเปียไว้ก่อนหน้านี้มันคงจะเรียบร้อยสวยงามแต่ตอนนี้กลับหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง เหงื่อเม็ดโตๆซึมออกมาตามไรผมในขณะที่ผู้เป็นมารดากำลังพยายามดึงเศษใบไม้แห้งออกไป
“คือหนู...น้องพลู...ดิฉัน...” แทนดาวเกิดอาการติดอ่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขนาดจะแทนตัวเองยังเลือกสรรพ นามไม่ถูกเลย
“เรียกตัวเองเหมือนกับที่ใช้อยู่ประจำก็ได้ครับ แล้วถ้าจะให้ดี...เรียกพี่ว่า ‘พี่ชล’ จะฟังดูเข้าท่ากว่าคุณอาธาราเยอะเลย” เขาบอกสาวน้อยที่ยังอึกๆอักๆ แทนดาวไม่กล้าสบตาของเขาเลยเพราะมันทำให้รู้สึกประหม่าอย่างไรก็ไม่รู้
“ตอนแรกน้องพลูคิดว่าคุณ...เอ้ย...พี่ชลเป็นเพื่อนคุณพ่อเหมือนคุณอาทั้งหลายนี่คะ” แทนดาวตอบซื่อๆ คนฟังยิ้มเบาๆแต่ก็แฝงไปด้วยมาดเคร่งขรึมอยู่ในที
“คุณชลอย่าถือสาแกเลยนะคะ ยัยพลูแกยังเด็กน่ะค่ะ” คุณดวงทิพย์แก้ตัวแทนลูกสาว ปลายเดือนแอบยิ้มเยาะที่ป้าสะใภ้มีลูกสาวที่ดีแต่จะทำให้ขายหน้า แม่รินโชคดีแล้วที่มีหล่อน ขืนมียัยพลูล่ะก็...มีหวังไปไหนต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัว
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า คราวนี้ก็เรียกถูกเสียที” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆไม่บ่งบอกอาการหงุดหงิดหรือรำคาญอะไร
“แล้วไหนบอกจะโชว์ฝีมือทำคุกกี้ ล้มเลิกแล้วเหรอคะ?” มารดาถามบุตรีขณะจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง
“ไม่ทำแล้วค่ะเพราะว่าพี่หมากไม่อยู่เดี๋ยวไม่มีใครกิน เจ้าซูโม่ก็เบื่อที่ต้องกินขนมของน้องพลูแล้ว” บุตรสาวตอบเสียงใส เจ้าซูโม่ที่พูดถึงก็คือสุนัขของบ้านตรงข้ามที่แทนดาวชอบไปเล่นด้วย เวลาทำขนมแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เจ้าซูโม่ตัวนี้ที่ช่วยจัดการ แต่พักหลังๆมันคงทนฝืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมินหน้าหนีทุกทีเวลาเอาขนมไปให้
“นั่นสิ...คนอื่นกินไม่ลงก็มีเจ้าหมากกับไอ้ซูโม่ที่กล้ำกลืนฝืนกิน” หญิงชราพูดไปขำไป
“คุณย่าอ่ะ...บางทีมันก็กินได้นะคะ ช่วงนี้ซูโม่มันติดหญิงอาจจะกำลังไดเอทอยู่ก็ได้” หลานสาวเถียงงอนๆด้วยไม่อยากพูดถึงฝีมือการทำขนมสุดหลอนของตัวเอง ชลธีนึกภาพเด็กสาวตรงหน้ากำลังง่วนหน้าเตาอบขนมหน้าตาเป็นมันแล้วก็เผลอยิ้มออกมา แทนดาวนึกว่าเขาหัวเราะเยาะก็เลยตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่หมากอีก...เห็นบอกว่าจะไปรับยัยสิตาหน้าโบท็อกซ์” คนตัวเล็กเบ้ปากพอเอ่ยชื่อชุสิตาแฟนสาวของพี่ชายเลยถูกคุณแม่ตีเพี๊ยะ
“พูดไม่น่ารักเลยนะน้องพลู ไปเรียกเค้ายังงั้นได้ไง” แทนดาวหน้าจ๋อยปนอายที่ถูกตีต่อหน้าแขกผู้มาเยือน ปลายเดือนรู้สึกอายแทนน้องสาวจริงๆ
“คุณแม่อ่ะ...น้องพลูแค่เรียกด้วยความสนิทสนม อีกหน่อยชี...เอ้ย...พี่สิตาก็อาจจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ จะได้คุ้นเคยกันไงคะ” คนช่างเถียงยังพูดเอาแต่ใจ
“เอาล่ะ...แล้วนี่จะทำอะไร เก็บชมพู่มาเยอะแยะ” คุณย่าถามหลานสาวที่ยังคงกลิ้งผลชมพูไปมาราวกับมันเป็นของเล่นที่ถูกใจ
“จะเอาให้แป๋มทำพริกกะเกลือค่ะ งั้นน้องพลูไปก่อนนะคะ” คนพูดรีบคลานตามไปเก็บชมพู่กลิ้งไปหยุดตรงอยู่ตรงหน้าหนุ่มหน้าคมมารวมไว้ในห่อเสื้ออย่างเดิมก่อนจะวิ่งออกไป ซ้ำยังเตะเอากระถางกุหลาบหินที่ตั้งตรงทางเดินล้มคว่ำไปอีก
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณย่า มันคงไม่เป็นหรอกค่ะ ชื่อมันก็บอกแล้วว่ากุหลาบหินเพราะฉะนั้นมันต้องแข็งแรงทนทานเป็นหินอยู่แล้ว” สาวน้อยหยิบกระถางตั้งขึ้นเหมือนเดิม เจ้ากุหลาบเคราะห์ร้ายกิ่งหักไปสองสามกิ่ง ชายหนุ่มแอบขันกับคำบรรยายสรรพคุณพันธุ์ไม้ที่อีกฝ่ายคิดขึ้นมาเอง ทุกคนมองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุณดวงทิพย์สูดยาดมเข้าปอดอีกครั้ง
“อยากกินชมพู่บ้างมั้ยล่ะ ย่าปลูกไว้เอง...หวานกรอบถูกใจเจ้าพลูมันล่ะ” เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่มองตามคนก่อเรื่องกันตาค้าง คุณลำเภาก็ทำลายความเงียบนั้นด้วยการเชิญชวนผู้มาเยือนให้ลิ้มรสผลไม้ที่ปลูกไว้ในบ้าน ชลธีเพียงแต่กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพเพราะรู้ว่าเจตนาจริงๆของหญิงชรานั้นไม่ได้ต้องการให้กินชมพู่จริงๆหรอก เพียงแค่อยากทำลายบรรยากาศพิลึกๆที่หลานสาวคนเล็กมาก่อไว้ก็เท่านั้นเอง
“ถ้างั้นคุณชลรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวผึ้งให้เด็กยกชาร้อนๆมาให้ เมื่อวานผึ้งทำเค้กชาไทยเอาไว้ ทานกับชาร้อนแล้วเข้ากันดีค่ะ” ปลายเดือนหันมาเอาใจเขาบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายได้เปรียบเทียบว่าระหว่างตนกับลูกผู้น้องนั้น ใครกันที่ควรให้ความสนใจ
“ขอบคุณครับ พูดถึงงานเลี้ยงของคุณย่า แม่ผมฝากขอโทษที่มาไม่ได้เพราะติดอีกงานนึงแต่ผมจะมาแน่นอนครับ” เขาบอกหญิงชรา
“ไม่เป็นไร คราวหน้าคงได้เจอกัน” คุณลำเภาพยักหน้าเข้าใจแล้วได้เชื้อเชิญชายหนุ่มให้อยู่รับประทานอาหารด้วยแต่ว่าเขาต้องปฏิเสธเพราะมีงานเร่งด่วนที่ยังค้างคาอยู่ ถ้าจะว่ากันไปตามจริงแล้วสาเหตุที่เขามาบ้านทวีกิจไพศาลวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญเลย แค่เพียงอยากมาดู ‘ผลงาน’ ที่ทำไว้ก็เท่านั้น อยากเห็นหน้าแม่หนูน้อยเสียหน่อยว่าหลังจากได้ ‘ของขวัญ’ แล้วจะเป็นอย่างไร พอดีมารดาฝากของมาเยี่ยมเยียนด้วยทุกอย่างก็เลยลงล็อก
ปลูกรักในรั้วใจ โดย อิสวารายา (ตอนที่ 3,4)
“น้องพลูขา...คุณแม่ให้ไปพบที่ศาลาค่ะ” เสียงพี่เลี้ยงเคาะประตูห้องเรียกก็รู้ทันทีว่ามารดาคงจะตามตัวให้ไปช่วยงานการฝีมืออีกแน่
“ไปบอกแม่นะแป๋ม ว่าน้องพลูนอนหลับอยู่” สาวน้อยรีบบออกปัดเพราะไม่อยากไปนั่งหลังขดหลังแข็งแกะสลักผักผลไม้อีก สู้นอนเล่นแท็บเล็ตสบายๆบนเตียงนุ่มนิ่มจะดีกว่า
“แต่ว่า...เอ่อ...” สาวใช้ทำเสียงลังเลเพราะกลัวถูกคุณดวงทิพย์ดุ
“ไปเถอะน่า... ถ้าคุณแม่ว่าอะไรล่ะก็...น้องจะพลูรับผิดชอบเอง” หญิงสาวสัญญาเป็นมั่นเหมาะ โดยยังไม่ละสายตาจากอุปกรณ์ไฮเทคที่อยู่ในอุ้งมือ
“ออกมาซะดีๆนะแม่ลูกสาวจอมขี้เกียจ” ไม่ทันขาดคำเสียงมารดาก็แทรกเข้ามา คนถูกเรียกสะดุ้งสุดตัว
“คุณแม่ขา...น้องพลูไม่อยากไปนั่งแกะสลักนี่คะ น้องพลูเบื่อนี่นา” พอมารดาเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปอ้อน
“เรานี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เป็นผู้หญิงซะเปล่า ดูสีผึ้งสิ...ทำเป็นทุกอย่างแล้วลูกสาวแม่ทำอะไรเป็นมั่งเนี่ย” แม้จะบ่นบุตรสาวอย่างนั้นอย่างนี้แต่สายตาที่ทอดมองมาล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ที่แม่เรียกเพราะว่าจะมาตามให้ลูกไปพบคนๆนึง ต่อไปเค้าจะกลายเป็นแขกคนสำคัญของบ้านเรา หนูต้องรู้จักไว้เพราะว่าคุณพ่อกับพี่ชายเราต้องร่วมงานกับเค้านะคะ” แทนดาวสงสัยจริงๆว่ามารดาจะให้คนสำคัญคนนั้นมารู้จักกับเด็กอย่างตนไปทำไมกัน
“ไม่เอา...วันนี้น้องพลูไม่มีอารมณ์พบใคร” บุตรสาวบอกปัดดื้อๆอย่างเอาแต่ใจแล้วหยิบแท็บเล็ตอันเดิมที่เปิดหน้าแคตตาล็อกขายเครื่องดนตรีค้างไว้ คุณดวงทิพย์ส่ายหน้าด้วยความระอาใจ จะมีสักวันไหมตั้งแต่ลูกสาวคนนี้เกิดมาที่จะไม่แผลงฤทธิ์ใส่คนรอบข้าง
“ไม่ได้ค่ะ หนูต้องไปนะลูก...นี่เป็นคำสั่งของคุณย่าและแม่ด้วย ให้เวลาสิบนาทีแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วไปที่ศาลา ถ้าไม่ไปล่ะก็จะถูกตีนะ” มารดายื่นคำขาดแล้วออกจากห้องไป แทนดาวหน้ามุ่ยที่โดนบังคับความจริงก็ไม่กลัวหรอกที่จะต้องถูกตีเพราะว่ามีพี่ชายคอยคุ้มครองอยู่ รายนั้นไม่ยอมให้ใครมาลงโทษหล่อนง่ายๆหรอกแต่ว่าตอนนี้พี่ชายไม่อยู่เสียด้วย เอาเถอะ...ไปสักเดี๋ยวเพื่อแสดงตัวตนว่าบ้านนี้ยังมีลูกสาวอีกคนก็พอ
แทนดาวหยิบกระโปรงผ้านิ่มสีเขียวอ่อนมาเปลี่ยนแทนกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ในบ้านประจำ ขณะกำลังเดินเรื่อยๆผ่านต้นชมพู่สูงใหญ่ที่กำลังติดลูกเขียวใสน่ากินก็เลยปีนกิ่งเตี้ยๆเก็บชมพู่ลูกโต พอมองสูงขึ้นไปก็เกิดความโลภอีกเพราะกิ่งที่อยู่สูงๆนั้นเต็มไปด้วยผลโตๆน่ากินอีกมากมาย คนตัวเล็กถอดรองเท้าแล้วปีนสูงขึ้นไปอีกทั้งๆที่สวมกระโปรง ต่อจากนั้นก็สนุกสนานกับการเก็บผลไม้จนลืมเรื่องที่มารดาสั่งไว้เสียสนิท พอเก็บได้เต็มอ้อมแขนแล้วก็ค่อยๆไต่ลงมาโดยใช้ชายเสื้อยืดที่สวมอยู่ห่อผลชมพู่ไว้ พอถึงพื้นก็นึกถึงเรื่องที่คุณแม่สั่งขึ้นมาได้เลยรีบวิ่งเร็วที่สุดไปยังศาลาโดยไม่สนใจสภาพตัวเองแม้แต่น้อย
“กึกๆๆ” เสียงชมพู่ร่วงกราวบนพื้นไม้กระดานขัดมันกระจายไปคนละทิศละทาง ทั้งที่ใต้ตั่งของคุณย่าและปลายเท้าของแขกผู้มาเยือน สองมือน้อยพยายามไล่ตะครุบไม่ให้ชมพู่กลิ้งกระจายไปไกล ปากก็พร่ำบ่นกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง
“โอ๊ย...หมดกัน ตกพื้นแบบนี้ก็ช้ำหมดเลย”
“เจ้าพลู! ทำอะไรน่ะฮึ?” เสียงคุณย่าเอ็ดเอาเมื่อเห็นสภาพหลานสาวถนัดตา ตอนแรกก็คิดว่ายัยจอมดื้อจะไม่ยอมมาตามคำสั่งที่ฝากลูกสะใภ้คนโตไปบอกเสียแล้ว แต่ที่ไหนได้...เจ้าหล่อนมาตามที่บอกแต่ว่าอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องมาเสียยังจะดีกว่า ผมเปียหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงแถมยังมีเศษใบไม้แห้งๆติดไปทั่ว ในมือประคองชายเสื้อที่ห่อผลชมพู่ไว้ ท่อนขาที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมาเห็นเป็นรอยดำด่างจากการปีนต้นไม้ คุณดวงทิพย์เห็นลูกสาวแล้วก็พาลจะหน้ามืดต้องขอยืมส้มโอมือจากแม่สามีมาดม ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ทำให้ขายหน้า ปลายเดือนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเหลือบตามองอย่างเหยียดๆ
“ที่มาช้าเพราะว่าน้องพลูแวะเก็บชมพู่ ลูกด๊ก...ดกค่ะ ว่าจะเอาไปให้แป๋มทำพริกกะเกลือ” หลานสาวคนเล็กรีบคลานเข้าไปหาคุณย่าทำให้ชมพู่ในอุ้งมือหลุดกลิ้งหลุนๆออกมาอีกสองลูก คนตัวเล็กก็คลานตามไปเก็บ
“เอ่อ...นี่แทนดาวหรือใบพลู ลูกสาวคนเล็กของป้าเองค่ะ” คุณดวงทิพย์แนะนำบุตรสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจื่อนๆ
“คุณอาธาราอีกแล้วหรือคะ?” คนถูกแนะนำมองไปที่ผู้มาเยือนแล้วก็ต้องยกมือทาบอกด้วยความตกใจปนขายหน้า
“หวัดดีครับ เจอกันอีกแล้วนะใบพลู” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มเรียกชื่อสาวน้อยตามที่คุณดวงทิพย์แนะนำ หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งอย่างทำตัวไม่ถูกจนคุณแม่แอบหยิกให้ที่เอวเบาๆ
“เอ่อ...เอ่อ...สวัสดีค่ะ” หล่อนยกมือเย็นเฉียบประนมไหว้อย่างเกร็งๆ
“วันก่อนน้องพลูเจอคุณอาธาราที่ร้านอาหารด้วยค่ะ” แทนดาวบอกมารดา ทุกคนต่างก็ฉงนกับชื่อที่ได้ยิน
“ใครกันอาธารา?” คุณลำเภาถาม
“ใบพลูเข้าใจผิดน่ะครับ คิดว่าผมชื่อธารา” เจ้าของชื่อตอบให้แล้วหันไปมองสาวน้อยที่นั่งสงบเสงี่ยมเขี่ยลูกชมพู่กลิ้งไปกลิ้งมา
“พี่เค้าชื่อชลธีค่ะ น้องพลูต้องเรียกพี่ชลนะ พี่เค้าอายุเท่ากับพี่หมากของเราเลย” มารดาขยายความต่อทำให้ใครบางคนต้องต้องหน้าแตกดังเพล้ง! สาวน้อยยิ้มแห้งๆให้เขา ตาย...เงิบอีกแล้ว นี่จะปล่อยไก่ให้หมดเล้าเลยหรือ
“งั้นพี่เรียกน้องพลูเหมือนคนอื่นๆได้มั้ยครับ?”
“ได้สิ...เธอก็แก่กว่าเจ้าพลูตั้งเป็นสิบปี นับเป็นพี่น้องกันได้” คุณลำเภาชิงตอบแทนเมื่อยังเห็นว่าหลานสาวเอาแต่ก้มหน้าเขี่ยลูกชมพู่ ชลธียิ้มอ่อนอย่างแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณเที่ยงธรรมมีบุตรสาวอีกคนที่โตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้แต่ยังดูซุกซนไร้จริตจะก้าน หน้าหวานๆนั้นดูบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ผมยาวดำสลวยที่ถักเป็นเปียไว้ก่อนหน้านี้มันคงจะเรียบร้อยสวยงามแต่ตอนนี้กลับหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง เหงื่อเม็ดโตๆซึมออกมาตามไรผมในขณะที่ผู้เป็นมารดากำลังพยายามดึงเศษใบไม้แห้งออกไป
“คือหนู...น้องพลู...ดิฉัน...” แทนดาวเกิดอาการติดอ่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ขนาดจะแทนตัวเองยังเลือกสรรพ นามไม่ถูกเลย
“เรียกตัวเองเหมือนกับที่ใช้อยู่ประจำก็ได้ครับ แล้วถ้าจะให้ดี...เรียกพี่ว่า ‘พี่ชล’ จะฟังดูเข้าท่ากว่าคุณอาธาราเยอะเลย” เขาบอกสาวน้อยที่ยังอึกๆอักๆ แทนดาวไม่กล้าสบตาของเขาเลยเพราะมันทำให้รู้สึกประหม่าอย่างไรก็ไม่รู้
“ตอนแรกน้องพลูคิดว่าคุณ...เอ้ย...พี่ชลเป็นเพื่อนคุณพ่อเหมือนคุณอาทั้งหลายนี่คะ” แทนดาวตอบซื่อๆ คนฟังยิ้มเบาๆแต่ก็แฝงไปด้วยมาดเคร่งขรึมอยู่ในที
“คุณชลอย่าถือสาแกเลยนะคะ ยัยพลูแกยังเด็กน่ะค่ะ” คุณดวงทิพย์แก้ตัวแทนลูกสาว ปลายเดือนแอบยิ้มเยาะที่ป้าสะใภ้มีลูกสาวที่ดีแต่จะทำให้ขายหน้า แม่รินโชคดีแล้วที่มีหล่อน ขืนมียัยพลูล่ะก็...มีหวังไปไหนต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัว
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า คราวนี้ก็เรียกถูกเสียที” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆไม่บ่งบอกอาการหงุดหงิดหรือรำคาญอะไร
“แล้วไหนบอกจะโชว์ฝีมือทำคุกกี้ ล้มเลิกแล้วเหรอคะ?” มารดาถามบุตรีขณะจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทาง
“ไม่ทำแล้วค่ะเพราะว่าพี่หมากไม่อยู่เดี๋ยวไม่มีใครกิน เจ้าซูโม่ก็เบื่อที่ต้องกินขนมของน้องพลูแล้ว” บุตรสาวตอบเสียงใส เจ้าซูโม่ที่พูดถึงก็คือสุนัขของบ้านตรงข้ามที่แทนดาวชอบไปเล่นด้วย เวลาทำขนมแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เจ้าซูโม่ตัวนี้ที่ช่วยจัดการ แต่พักหลังๆมันคงทนฝืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เมินหน้าหนีทุกทีเวลาเอาขนมไปให้
“นั่นสิ...คนอื่นกินไม่ลงก็มีเจ้าหมากกับไอ้ซูโม่ที่กล้ำกลืนฝืนกิน” หญิงชราพูดไปขำไป
“คุณย่าอ่ะ...บางทีมันก็กินได้นะคะ ช่วงนี้ซูโม่มันติดหญิงอาจจะกำลังไดเอทอยู่ก็ได้” หลานสาวเถียงงอนๆด้วยไม่อยากพูดถึงฝีมือการทำขนมสุดหลอนของตัวเอง ชลธีนึกภาพเด็กสาวตรงหน้ากำลังง่วนหน้าเตาอบขนมหน้าตาเป็นมันแล้วก็เผลอยิ้มออกมา แทนดาวนึกว่าเขาหัวเราะเยาะก็เลยตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“พี่หมากอีก...เห็นบอกว่าจะไปรับยัยสิตาหน้าโบท็อกซ์” คนตัวเล็กเบ้ปากพอเอ่ยชื่อชุสิตาแฟนสาวของพี่ชายเลยถูกคุณแม่ตีเพี๊ยะ
“พูดไม่น่ารักเลยนะน้องพลู ไปเรียกเค้ายังงั้นได้ไง” แทนดาวหน้าจ๋อยปนอายที่ถูกตีต่อหน้าแขกผู้มาเยือน ปลายเดือนรู้สึกอายแทนน้องสาวจริงๆ
“คุณแม่อ่ะ...น้องพลูแค่เรียกด้วยความสนิทสนม อีกหน่อยชี...เอ้ย...พี่สิตาก็อาจจะได้มาเป็นพี่สะใภ้ จะได้คุ้นเคยกันไงคะ” คนช่างเถียงยังพูดเอาแต่ใจ
“เอาล่ะ...แล้วนี่จะทำอะไร เก็บชมพู่มาเยอะแยะ” คุณย่าถามหลานสาวที่ยังคงกลิ้งผลชมพูไปมาราวกับมันเป็นของเล่นที่ถูกใจ
“จะเอาให้แป๋มทำพริกกะเกลือค่ะ งั้นน้องพลูไปก่อนนะคะ” คนพูดรีบคลานตามไปเก็บชมพู่กลิ้งไปหยุดตรงอยู่ตรงหน้าหนุ่มหน้าคมมารวมไว้ในห่อเสื้ออย่างเดิมก่อนจะวิ่งออกไป ซ้ำยังเตะเอากระถางกุหลาบหินที่ตั้งตรงทางเดินล้มคว่ำไปอีก
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณย่า มันคงไม่เป็นหรอกค่ะ ชื่อมันก็บอกแล้วว่ากุหลาบหินเพราะฉะนั้นมันต้องแข็งแรงทนทานเป็นหินอยู่แล้ว” สาวน้อยหยิบกระถางตั้งขึ้นเหมือนเดิม เจ้ากุหลาบเคราะห์ร้ายกิ่งหักไปสองสามกิ่ง ชายหนุ่มแอบขันกับคำบรรยายสรรพคุณพันธุ์ไม้ที่อีกฝ่ายคิดขึ้นมาเอง ทุกคนมองตามไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุณดวงทิพย์สูดยาดมเข้าปอดอีกครั้ง
“อยากกินชมพู่บ้างมั้ยล่ะ ย่าปลูกไว้เอง...หวานกรอบถูกใจเจ้าพลูมันล่ะ” เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่มองตามคนก่อเรื่องกันตาค้าง คุณลำเภาก็ทำลายความเงียบนั้นด้วยการเชิญชวนผู้มาเยือนให้ลิ้มรสผลไม้ที่ปลูกไว้ในบ้าน ชลธีเพียงแต่กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพเพราะรู้ว่าเจตนาจริงๆของหญิงชรานั้นไม่ได้ต้องการให้กินชมพู่จริงๆหรอก เพียงแค่อยากทำลายบรรยากาศพิลึกๆที่หลานสาวคนเล็กมาก่อไว้ก็เท่านั้นเอง
“ถ้างั้นคุณชลรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวผึ้งให้เด็กยกชาร้อนๆมาให้ เมื่อวานผึ้งทำเค้กชาไทยเอาไว้ ทานกับชาร้อนแล้วเข้ากันดีค่ะ” ปลายเดือนหันมาเอาใจเขาบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายได้เปรียบเทียบว่าระหว่างตนกับลูกผู้น้องนั้น ใครกันที่ควรให้ความสนใจ
“ขอบคุณครับ พูดถึงงานเลี้ยงของคุณย่า แม่ผมฝากขอโทษที่มาไม่ได้เพราะติดอีกงานนึงแต่ผมจะมาแน่นอนครับ” เขาบอกหญิงชรา
“ไม่เป็นไร คราวหน้าคงได้เจอกัน” คุณลำเภาพยักหน้าเข้าใจแล้วได้เชื้อเชิญชายหนุ่มให้อยู่รับประทานอาหารด้วยแต่ว่าเขาต้องปฏิเสธเพราะมีงานเร่งด่วนที่ยังค้างคาอยู่ ถ้าจะว่ากันไปตามจริงแล้วสาเหตุที่เขามาบ้านทวีกิจไพศาลวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญเลย แค่เพียงอยากมาดู ‘ผลงาน’ ที่ทำไว้ก็เท่านั้น อยากเห็นหน้าแม่หนูน้อยเสียหน่อยว่าหลังจากได้ ‘ของขวัญ’ แล้วจะเป็นอย่างไร พอดีมารดาฝากของมาเยี่ยมเยียนด้วยทุกอย่างก็เลยลงล็อก