คนที่ไม่มีเวลาตัวจริง

ใครที่รู้ตัวว่า กิเลสยังหนาอยู่ ก็ไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์ภาวนา ฟังเทศน์ฟังธรรมกันบ้าง ส่วนผู้ที่กิเลสเบาบางแล้ว ไม่ต้องไปก็ได้ นอนเสพสุขอยู่ที่บ้าน อยู่ดีกินอร่อยไปเรื่อยๆ

คนเราก็อยู่เพื่อรอวันตายในวันหนึ่งเท่านั้น และก็ตายในวันนี้นี่แหละ ถ้าวันนี้ไม่ตาย ก็นับว่าโชคดีที่จะได้เห็นวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้เกิดตายไปเสีย ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นวันพรุ่งนี้อีกเลย คนตายย่อมไม่เห็นอะไรได้อีก

อย่าให้กิเลสมันหลอกว่าจะไปตายตอนอายุ 80 90 ต้องแก่จน ผมหงอก แก้มตอบ ฟันหัก หนังเหี่ยว แล้วถึงจะตาย ไม่ใช่เลย ต้องมีชีวิตผ่านวันนี้ไปให้ได้เสียก่อน

และวันนี้ก็คือปัจจุบันที่ยังมีลมหายใจอยู่นี่เอง ถ้ายังหายใจอยู่ตราบใด ก็ยังมีวันนี้ ถ้าลมหายใจดับลงเมื่อไร วันนี้ก็ดับ พรุ่งนี้ก็ดับหมด กลายเป็นคนตายไปในทันที และโปรดทราบว่า คนตายไม่มีเวลาทำอะไรได้อีกแล้ว เวลามีแต่เฉพาะคนเป็นเท่านั้น

คนเป็นมีเวลาทำอะไรได้ทุกอย่าง ทำดีก็ทำได้ ทำชั่วก็ทำได้ ทรัพย์สมบัติเงินทองหามาได้เท่าไร ก็หามาเพื่อทิ้งเท่านั้น ไม่ทิ้งตอนเป็น ก็ต้องทิ้งตอนตาย ทรัพย์อันใดที่เอาไปแปรเปลี่ยนเป็นบุญเป็นกุศลไว้ ทรัพย์นั้นจึงเป็นของตัวเองแท้ ส่วนทรัพย์อันใดที่เก็บหวงแหนเอาไว้ ทรัพย์นั้นก็ตกเป็นของคนอื่นหมดสิ้น

คนฉลาดก็เร่งสร้างบุญสร้างกุศล ส่วนผู้โง่เขลาก็ตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมทรัพย์เอาไว้ เพื่อทิ้งมันไปในวันที่ต้องตายจากโลกนี้ไป ตายแล้วจิตก็กลายเป็นจิตอนาถา ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานเร่าร้อนด้วยไฟบาปแผดเผา เพราะความดีไม่ได้ทำเอาไว้ ทานก็ไม่มี ศีลก็ไม่มี สมาธิก็ไม่มี ปัญญาก็ไม่มี

คุณเครื่องอันเป็นเหตุให้ได้ไปสู่สุคติไม่มีเลย ตายแล้วก็ไปสู่อบายสถานเดียว คนจะไปสวรรค์ได้ก็ต้องมีศีล จะไปพรหมโลกก็ต้องมีสมาธิ จะไปพระนิพพานก็ต้องมีปัญญาชำระกิเลสให้หมดสิ้นจากใจได้ คนที่ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญา ตายแล้วก็ไปอบาย

ดังนั้น ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ยังมีเวลาที่จะทำอะไรได้ทุกอย่าง อะไรไม่มีก็รีบทำให้มีเสีย อย่ามัวผลัดวันประกันพรุ่ง ถ้าความตายมาตัดรอนเสีย ก็เป็นอันหมดเวลา เพราะคนตายทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

นั่นแหละ คนที่ไม่มีเวลาตัวจริง คือ คนตายนั่นเอง ส่วนคนเป็นย่อมมีเวลาตลอด เพียงแต่จะรู้จักใช้เวลาทำในสิ่งที่มีคุณค่าต่อตัวเองหรือไม่ต่างหาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่