เรื่องสั้น นักล่าฆ่าปีศาจ

กระทู้สนทนา
นักล่าฆ่าปีศาจ


           สายลมพัดโหมกระหน่ำมาเป็นระลอกๆ นำพาเศษขยะปลิวว่อนรอบตัวเมืองที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟจากถนนที่ส่องแสงริบหรี่จวนจะดับแหล่มิดับแหล่ กลิ่นเหม็นเน่าลอยฟุ้งไปทั่วเมืองหลายต่อหลายคนว่านี้คือกลิ่นปีศาจ    แต่หลายคนก็ลงความเห็นว่านี้คือกลิ่นความตาย บ้านทุกหลังปิดเงียบไม่มีเสียงไม่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากตัวบ้านแม้แต่หลังเดียว เสียงสายลมพัดโบกไปมาราวจะกระซิบให้ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาได้ทราบถึงภัยอันตรายที่รายรอบเมืองนี้ คงมีแต่เจ้าหมาสามตัวที่ผอมโซและกำลังหิวจัดไม่อาจรู้ถึงภัยอันตรายนั่น พวกมันต่างค้นหาเศษอาหารตามถังขยะมันกัดดึงเศษขยะออกจากถังแล้วลากขยะออกมาเกลื่อนกลางถนน  

            สภาพบ้านเมืองนี้ราวกับถูกทิ้งร้างมาหลายปีก็ว่าได้ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เพียงแค่ผู้คนหลบซ่อนพวกเขาแค่ซ่อนตัว นั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาคิดว่าจะรอดชีวิตจากปีศาจร้ายยามค่ำคืนแต่พวกเขาคิดผิด

            หญิงสาววัยกลางคนที่ยังอยู่ในชุดทำงานวิ่งฝ่าความมืดอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะไปให้ถึงบ้านก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลา “ล่า” ของปีศาจตามที่ทุกคนรู้ดี ไม่มีรถโดยสารซักคันที่แล่นตามท้องถนน ใช่เธอรู้ดีว่าไม่มีรถแท็กซี่ให้เธอโบกในยามวิกาลอย่างนี้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้คือวิ่ง วิ่ง และวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อเข้าไปหลบในที่ที่ปลอดภัย เธอก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือเพื่อดูเวลา เธอมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะหนีปีศาจได้ทัน เธอยิ้มที่มุมปากเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ครึ่งชั่วโมงยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ แค่ฉันวิ่งเข้าซอยก็จะทะลุถึงบ้านเธอแล้ว เธอคิดในใจอย่างตื่นเต้นและดีใจ เธอวิ่งมุ่งตรงเข้าซอยที่จะตัดผ่านไปสู่บ้านของเธอ ด้วยความเร็วของการวิ่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และบางสิ่งบางอย่างก็ทำให้เธอต้องสะดุดหยุดสงัดกลางซอยสิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้แทบจะทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นอย่างทันที ชีวิตของเธอจบเพียงแค่นี้ ปีศาจร้ายยืนอยู่ตรงหน้าเธอมันห่างจากเธอเพียงสามก้าวเท่านั้น
มันจ้องมองเธอราวจะกระชากวิญญาณของเธอให้หลุดร่วงออกจากร่าง ดวงตาแข็งกระด้างไร้ความกลัวไร้ความปราณี เธอเดินถอยไปก้าวหนึ่งแต่ก็ต้องยืนแข็งทื่ออยู่กับที่เมื่อมันยิ้มแยะที่มุมปากให้เธอ

“จะไปได้ไหน” มันถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดุดันน่ากลัวราวกับจะกลืนกินเธอด้วยคำพูดที่มันเอ่ยออกมา  เธอแสดงความตกใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินที่มันพูดกับเธอ สิ่งที่เธอเห็นนี่ใช่ปีศาจจริงหรือ ปีศาจจะถามเธอทำไมจะฆ่าก็ฆ่าซิ
“ทำหน้าแปลกใจทำไม เธอน่าจะกลัวมากกว่านะ” มันถามเธออีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย
“ถ้าคุณเป็นคนฉันก็คงไม่กลัว แต่ถ้าคุณเป็นปีศาจฉันคงกลัวจนฉี่ราดล่ะ” เธอตอบมันและรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“เห็นได้ชัดว่าคุณต้องกลัว” พูดจบ เขาดึงดาบซึ่งมีอยู่สองเล่มถูกพาดไว้ที่ข้างหลังแต่เขาดึงมันออกมาเล่มเดียวแล้วเล็งดาบตรงไปที่หน้าของเธอ
“แสดงตัวออกมานังปีศาจ” น้ำเสียงของเขาดุดันทุ้มกังวาน เป็นน้ำเสียงที่ข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
“ฉันน่าจะรู้นะ ไม่น่าพลาดเลย”  เธอพูดพึมพำกับตัวเอง เหมือนจะบอกให้ตัวเองรู้ว่าคนที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่นี่เป็นใคร แล้วเธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึงราวกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่น่าจะมีอยู่จริงหรืออาจจะเรียกได้แปลกใจที่มันยังอยู่

“บุรุษชุดดำนักล่าปีศาจยามราตรี นึกว่าสูญพันธ์ุไปหมดแล้วยังมีให้เห็นอีกหรือนี่ น่าประทับใจมาก  ฮึฮึ”  เธอกล่าวอย่างดุดันไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย แล้วร่างน้อยๆของเธอก็เริ่มสั่นสะท้านศีรษะเธอสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งเส้นผมหลุดร่วงลงมากองที่พื้นเผยให้เห็นเขาสีดำสองข้างที่งอกออกมาจากหัวของเธอ ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัวผิวหนังเน่าเปื่อย ฟันแหลมคมแยกเขี้ยวใส่เขา พร้อมกับส่งเสียงขู่

ฟู่  ฟู่  ฟู่….

“ข้าจะส่งเจ้าไปลงนรก”  บุรุษชุดดำสะบัดดาบไล่ล่าปีศาจร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากดาบของเขาด้วยความดุดันพลังของดาบแสงสีเขียวยิ่งเปล่งแสงกระจายออกไปกว้างกินพื้นที่ทั้งซอย  ปีศาจร้ายหลบหลีกรัศมีของดาบอย่างคล่องแคล่วและว่องไว มันส่งยิ้มแยะให้เขาเมื่อมันหลบพ้นจากคมดาบราวจะเยาะเย้ยเขา

“นักล่าปีศาจมีปัญญาทำได้แค่นี้หรือ” มันกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาแล้วส่งเสียงตะโกนก้องกังวานเพื่อเย้ยเขา มันเฉิดหน้าท่าทางหยิ่งผยองในความเก่งของตนที่แม้แต่นักล่าปีศาจยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อมันมองไปที่ข้างล่างบุรุษชุดดำได้หายไปแล้ว หายไปต่อหน้าต่อตามันซึ่งนั่นก็ทำให้มันแปลกใจ

“ขอต้อนรับสู่นรก” เสียงจากข้างหลังมันดังทุ้มเยือกเย็นก่อนที่มันจะทันรู้ตัว ร่างของมันก็แตกละเอียดกลายเป็นเศษขี้เถ้าปลิวร่วงลงสู่พื้นดิน วิญญาณปีศาจถูกระชากลงสู่นรกเป็นที่เรียบร้อย

           เขาเก็บดาบเข้าที่แล้วเคลื่อนตัวหายไปในความมืดมิดไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นไม่มีใครสนใจในงานของเขา เขาทำงานของเขาอย่างเงียบๆไม่มีเงินไม่มีรางวัลไม่มีแม้แต่คำชมเชย นี่เป็นหน้าที่ที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เขาเกิดไม่มีสิทธิ์หนี เพราะเขาคือบุรุษชุดดำนักล่าปีศาจยามราตรี

********************************************************************


    ตุ๊บ.. ตุ๊บ.. ตุ๊บ…  

          เสียงฝีเท้าของเด็กชายวัยสิบสองวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างร้อนรนราวกับเพิ่งได้เจอกับเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้
    “แม่ครับ แม่ครับ แม่” เด็กชายตะโกนหาแม่ก้องบ้านแต่ก็ต้องหยุดที่บันไดขั้นสุดท้ายเมื่อผู้เป็นแม่ยืนเท้าเอวมองลูกชายอย่างไม่พอใจในการกระทำของลูกชาย
    “จะพังบ้านหรือไงเล่นกระทืบเท้าซะสนั่นหวั่นไหวทั้งบ้านแบบนี้” แม่เอ็ดลูกชาย
    “เปล่านะฮะ ผมวิ่งเฉยๆยังไม่ได้กระทืบเท้าเลย แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่ากระทืบเท้า” ว่าแล้วลูกชายก็เล่นกระทืบเท้าโชว์แม่
    ผู้เป็นแม่ได้แต่ยืนมองด้วยความเบื่อหน่ายและเริ่มจะหมั่นไส้ลูกชายคนนี้เต็มที่จึงใช้มือเคาะหัวลูกชายตัวแสบไปทีหนึ่ง

    “ผมมีเรื่องมาเล่าให้แม่ฟังครับ” เขารีบเข้าประเด็น เรื่องที่จะเล่าให้แม่ ทันทีก่อนที่จะถูกแม่ลงโทษหนักกว่านี้
    “มีเรื่องอะไรเร่งด่วนมากนักหรือไงถึงจะวิ่ง อย่างกะไปเจอผีมาแบบนี้” แม่ถามลูกชายทันทีที่เห็นหน้าตื่นเต้นของลูกชาย
    “ยิ่งกว่าผีอีกครับ เมื่อคืนผมเจอนักล่าปีศาจครับ” เด็กชายพูดอย่างตื่นเต้นที่สุดแต่ผู้เป็นแม่กลับมองลูกอย่างกับเห็นตัวประหลาด

    “ลูฟี่ ลูกท่าทางจะดูการ์ตูนมากเกินไปแล้วนะถึงขนาดเก็บไปฝันแบบนี้” แม่พูดอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายได้บอก
    “ผมไม่ได้ฝันนะครับ เมื่อคืนผมแอบดูที่หน้าต่าง ผมเห็นปีศาจด้วยตอนแรกมันเป็นผู้หญิงแล้วต่อมามันก็กลายร่างเป็นปีศาจครับ ผมเห็นจริงๆนะแม่” ลูฟี่ยืนยันคำพูดของตัวเองเขาพยายามแสดงสีหน้าจริงจังเพื่อให้แม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด แต่ผลกลับตรงกับข้ามแม่หัวเราะและเอามือลูกหัวลูกชายอย่างเอ็นดู

    “ลูกชายแม่ท่าจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว ฝันเป็นตุเป็นตะ ขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วลงมากินข้าวเลย”  แม่ไล่ลูกชายอย่างทันทีและไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูดแม้แต่น้อย
    “แต่แม่ฮะ ผมไม่ได้ฝันนะ” ลูฟี่ยังคงยืนยันในสิ่งที่เขาพูด   แต่แม่กลับทำมือไล่ลูกชายแล้วเดินหนีเข้าครัวทันทีไม่สนใจในสิ่งที่ลูกจะพูดอีก
    จะต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้เลย แม่จะต้องเชื่อว่ามีนักล่าปีศาจจริงๆ ลูฟี่คิดในใจก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

*****************************************************


    ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยหินอ่อนสีขาวเปล่งประกายสว่างจ้า เสาทุกเสาภายในห้องโถงเกาะสลักเป็นรูปเทพเจ้าหลายองค์ทุกคนดูตัวใหญ่มีแววตามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแลดูน่าเกรงขาม ตรงกลางห้องโถงเป็นแท่นบัลลังก์ขนาดใหญ่มีบุรุษหนุ่มและหญิงสาวอยู่ในชุดอาภรณ์สีขาวยืนขนาบข้างบัลลังก์แบ่งเป็นข้างซ้ายขวาฝั่งละสองคน ผู้นั่งอยู่บนแท่นบัลลังก์คือชายแก่ผมขาวทั้งหัวใบหน้าเหี่ยวย่นแววตาซุกซนแต่แฝงไปด้วยอำนาจน่าเกรงขาม จ้องมองมาที่เขาผู้ซึ่งเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว บุรุษชุดดำหยุดอยู่ตรงหน้าชายแก่ผมขาวก่อนจะโค้งหัวให้เพียงเล็กน้อย

    “สวัสดีพอล ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัย” ชายแก่พูดด้วยเสียงที่เชื่องช้าเหมือนคนที่ไม่เรี่ยวแรง แต่น้ำเสียงกลับทุ้มกังวานดูนุ่มนวล
    “ข้ากลับไม่ดีใจที่ท่านยังนั่งอยู่ที่เดิมแบบนี้ ไม่น่าเบื่อบ้างเลยหรือไง” บุรุษชุดดำหยอกล้อแกมพูดจริง
    “ข้ามันแก่แล้วไปไหนมาไหนคงไม่สะดวกเหมือนคนหนุ่มเยี่ยงเจ้า แต่ถ้าเจ้าจะมานั่งแทนตำแหน่งข้านี่ ข้าก็คงจะได้ออกท่องโลกบ้างล่ะ” ชายแก่ส่งยิ้มให้เขาอย่างมีเลสนัย
    “ฝันไปเถอะตาแก่จอมเจ้าเล่ห์” เขาตอบกลับทันทีที่ชายแก่พูดจบ
    “ฮ่าฮ่า เจ้า เจ้านี่มัน” ชายแก่หยุดพูดเพื่อที่จะไอ  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจึงฟังดูไม่ชัดเจนเท่าไหร่
    “ข้ายังหาคนมาแทนข้าไม่ได้ ข้าคงได้แก่ตายอยู่บนบัลลังก์นี่ล่ะ”
    “เห็นได้ชัดว่าท่านแก่แล้ว แต่ยังไม่ตายเท่านั้นเอง” บุรุษชุดดำกล่าวอย่างติดตลก
    “เห็นได้ชัดว่าเจ้าคู่ควรกับมัน” ชายแก่คงยังพูดเชิญชวนเขาให้มาแทนที่ตำแหน่งของตน

    บุรุษหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งไม่ว่ากล่าวอะไรมองชายแก่อย่างเคารพและชื่นชมในความเก่งของเขา ชายแก่ผู้ดูแลปกป้องโลกจากภัยที่มนุษย์มองไม่เห็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดในการส่งการต่อเหล่าทวยเทพ ใช่แล้วตำแหน่งของชายแก่คนนี้ยิ่งใหญ่และสูงส่งมาก เกินกว่าที่เขาจะรับไว้ แม้ว่าเขาจะเป็นหลานชายคนเดียวแต่เขากลับไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ที่เหล่าทวยเทพจะยอมรับได้ เทพครึ่งมนุษย์อย่างเขาเป็นได้แค่นักล่าปีศาจ
    “เมื่อคืนเจ้าฆ่าพวกมันไปกี่ตัว” เสียงของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆชายแก่เอ่ยถามเขา
    “ถ้าข้าจำไม่ผิดร้อยหกสิบตัว” เขาตอบอย่างราบเรียบ บุรุษหนุ่มและหญิงสาวในชุดขาวต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกใจแต่มิได้แสดงออกให้ผู้ที่ตอบได้เห็น
    “ไม่เคยมีนักล่าปีศาจคนไหนฆ่าพวกมันตายได้มากขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่คืนเดียว” ชายแก่พูดกับเขาเผยยิ้มที่มุมปากให้เขาด้วย
    “ถ้ารู้แหล่งก็หาพวกมันได้ไม่ยาก” เขาตอบกลับ
    “เมื่อคืนมีเด็กผู้ชายเห็นเจ้า แถมเจ้าเด็กนั่นยังเห็นปีศาจอีกด้วย” บุรุษหนุ่มชุดขาวเอ่ยขึ้น
    บุรุษชุดดำมองคนที่พูดแล้วแสดงสีหน้าแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินแล้วหันกลับมามองชายแก่อีกครั้งเพื่อให้ยืนยันว่าสิ่งที่พูดนี้เป็นความจริง
    “เจ้ารู้ว่าควรจะจัดการยังไงกับเด็กนั่น รีบไปทำให้เรียบร้อย” ชายแก่บอกเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วชายแก่ก็พลันหายไปทิ้งไว้เพียงควันสีขาวจางๆตามด้วยบุรุษหนุ่มหญิงสาวก็หายไปทันที เหลือเพียงเขาที่ยืนอยู่บนห้องโถงเพียงคนเดียว

**************************************************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่